บทที่ 11 สร้างปัญหา

1534 คำ
ฝีเท้าของพลศักดิ์หยุดอยู่ที่เดิมทันที เขามองดูตาเฒ่าพลด้วยความโกรธเล็กน้อย "พ่อครับ แล้วท่านจะให้ผมทำยังไงกันแน่ สาวน้อยคนนั้นตอนนี้จะไม้อ่อนไม้แข็งก็ไม่ได้ กวางตัวนั้นต่อให้เราอยากได้แค่ไหน ก็ต้องดูสถานการณ์ให้ชัดเจนนะ" ทำไมเขาถึงได้มีลูกที่ขี้ขลาดขนาดนี้ เมื่อฟังที่เขาพูด หน้าเก่าๆของตาเฒ่าพลโกรธจนเกยไป เขาขึงตาใส่อีกฝ่าย สักพักก็ไม่รู้จะพูดอะไร พิกุลดูอยู่ข้าง ๆ ในใจก็อยากได้กวางตัวนั้น พอเห็นเช่นนี้เธอก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า "ตอนนี้สาวน้อยคนนั้นจะไม้อ่อนไม้แข็งก็ไม่ได้จริง ๆ แต่พวกคุณอย่าลืมว่า ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นลูกของตระกูลสุพรรณศิลป์ แม้ว่าแม่เธอจะหย่ากับลูกชายของเราไปแล้ว แต่เรื่องที่ครอบครัวเราเคยเลี้ยงดูเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้" "ถึงอย่างไร คำเรียกพ่อนี้เป็นเธอเองที่เรียกออกมา ตอนนี้แต่งงานแล้วก็เนรคุณไม่ได้มั้ง" "คุณภรรยา งั้นคุณหมายความว่า...?" ฝนทิพย์และปราณีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองหน้ากัน ต่างก็ไม่รู้จะพูดอะไร อุไรพรก็แค่ถูกโปรดปรานในช่วงที่เธอเพิ่งมา ตั้งแต่นั้นมาก็ใช้ชีวิตที่ยากลำบากมาตลอด พวกเขาเห็นอยู่ในสายตาทั้งนั้น ทำแบบนี้จะได้ไหม? พิกุลส่งเสียงฮื่มอย่างเย็นชา "ไม่ว่ายังไง เธอจะเป็นศัตรูกับคนทั้งหมู่บ้านหรือ พวกเราหาที่บ้านเธอโดยตรง ถ้าเธอไม่เห็นด้วยกับคําขอของพวกเรา ชาวบ้านเหล่านั้นจะต้องด่าเธอแน่ๆ แม้ลูกคู่เธอไร้ยางอาย ตระกูลจิรพิทยาวงษ์ก็ไม่สนใจมารยาทที่น่าอับอายแบบนี้จริง ๆ เหรอ?" หลังจากพิกุลพูดจบ พลศักดิ์ก็ตระหนักได้ เขายืนขึ้น "แม่ คุณพูดถูก พรุ่งนี้ผมจะไปหาเธอ ดูว่าพวกชาวบ้านยังอยู่ เธอจะกล้าทำร้ายผมหรือเปล่า กวางตัวนั้นต้องเป็นของบ้านเราแน่ๆ" เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตาของฝนทิพย์และปราณีต่างก็เป็นประกาย และลืมสิ่งที่คิดในใจเมื่อกี้ไปหมด "คุณย่าคะ งั้นพวกเราจะกินเนื้อกวางได้แล้วใช่ไหมคะ?" พิกุลเหลือบมองหลานสาวสองคนแวบหนึ่ง เด็กหญิงรู้แต่กิน ถ้ามีหลานชายสักคนจะดีแค่ไหนล่ะ "วันๆก็รู้แต่กิน ในสมองไม่รู้ว่าได้ใส่อะไรอยู่" เด็กหญิงทั้งสองหุบปากและยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยความน้อยใจท่ามกลางสายตาที่ตักเตือนของลูกสะใภ้ใหญ่ คุณย่านั้นลําเอียงจริง ๆ แค่อยากได้หลานชายคนหนึ่ง พวกเธอหวังว่าครอบครัวนี้จะไม่มีเด็กชายตลอดไป มิฉะนั้นชีวิตของพวกเธอสองคนจะลำบากเลย... เมื่อดูว่าวันนี้อากาศดีมาก อุไรพรก็นึกถึงยาเสริมความงามที่เธอได้รับในเมื่อคืน เธอคิดว่าจะไปเที่ยวเมืองสักครั้ง ยังไงงานในที่นาก็เกือบจะทำเสร็จแล้ว วันนี้กาญจนาและดุจเดือนก็อยู่บ้าน ดุจเดือนก็อยู่บ้านมาช่วยเธอทำเสื้อผ้าพอดี "คุณแม่คะ ยาของพงศ์กําลังจะใช้หมดแล้ว ฉันจะไปเมืองเพื่อซื้อกลับมาบ้างให้เขานะ" กาญจนาพยักหน้า เธอมองดูหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าอย่างปลื้มใจ ผ้าคลุมหน้าปิดตาที่สดใสคู่นั้นไว้ ถ้าเธอไม่ได้ถูกวางยาพิษ ก็ต้องเป็นสาวๆที่สวยงามมาก "ลําบากแล้วนะอุไร พอพงศ์ตื่นขึ้นมาฉันจะให้เขาปฏิบัติต่อคุณอย่างดีแน่ ๆ ถ้าเขาไม่ทําแบบนี้ ฉันที่เป็นแม่จะไม่เห็นด้วยเป็นคนแรก" อุไรพรตอบด้วยรอยยิ้มและออกเดินทางด้วยผ้าคลุมหน้า ทางนี้ค่อนข้างไกล แต่สําหรับเธอแล้วมันง่ายเหมือนกินข้าวเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่เมืองหลังจากมาถึงโลกนี้ มีผู้คนที่เดินผ่านมากมาย เสียงร้องเร่ขายของพ่อค้าในทั้งสองด้านของตลาดไม่หยุด คึกคักมาก อุไรพรมองไปรอบ ๆ ด้วยความแปลกใหม่ จากนั้นเธอก็หาที่นั่งและเริ่มตะโกนเรียกเร่ขายยาเสริมความงาม ที่นี่ขายของต่างๆ แต่ไม่มีคนขายยาเสริมความงาม ความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนถูกกระตุ้นและพวกเขาก็พากันล้อมรอบมา ในขณะเดียวกัน... "พวกคุณมาทําอะไร?" กาญจนามองดูพลศักดิ์มาที่นี่พร้อมกับครอบครัวด้วยความระแวดระวัง "ไม่ว่าจะเป็นดุจเดือนหรืออุไร ต่างก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกคุณแล้ว คําเตือนของอุไรในครั้งที่แล้วคุณฟังไม่เข้าใขหรือ?" เมื่อพูดถึงสิ่งนี้พลศักดิ์ก็โกรธ เขาเสียหน้าต่อหน้าคนมากมายอย่างนั้นและแทบอยากจะหั่นอุไรพรเป็นชิ้นๆ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เห็นตัวเธอ เขาก็ไม่กล้าทําอะไรบุ่มบ่าม เพียงแค่มองไปที่ลานบ้าน "อุไรพร คุณออกมาสิ! ครอบครัวของคุณมาแล้ว" ตะโกนไปเป็นเวลานานก็ไม่เป็นมีปฏิกิริยาใด ๆ ในใจของพลศักดิ์จู่ ๆ ก็มีความโชคดีปรากฏขึ้น สาวน้อยนั้นไม่อยู่บ้านแน่นอน เสียงของเขาดังเกินไป เพื่อนบ้านก็ถูกดึงดูดให้ออกมาและยืนอยู่ที่ประตูบ้านของตระกูลจิรพิทยาวงษ์ "ทําไมตระกูลสุพรรณศิลป์นี้ถึงมาอีกแล้ว ก็รู้ว่าคนอื่นเขาไม่ชอบเขาแล้ว ยังมาหาที่บ้านซ้ำๆ ฉันว่าแค่อยากหาผลประโยชน์จากตระกูลจิรพิทยาวงษ์เลย" เสียงสนทนาในฝูงชนดังเข้ามาในหูของพลศักดิ์ ทำให้เขาโกรธจะตาย แล้วก็ด่ากลับไปทันที "พวกคุณเพ้อเจ้ออะไร ที่เธอไม่ยอมรับผม นั่นคือเธอยังเด็กอยู่ รู้แต่พาลหาเรื่อง ผมที่เป็นพ่อเธอจะปล่อยให้เธอพาลหาเรื่องได้ไหม?" เมื่อเพื่อนบ้านที่อยู่รอบ ๆ ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ต่างก็แสดงสีหน้าที่รังเกียจ ทุกคนอาศัยอยู่รอบ ๆ ไม่รู้จริง ๆ ว่าพลศักดิ์เสแส้รงอะไรอยู่ ปกติเขาอาจจะยังไม่ได้รู้เรื่องเท่าอุไรพรก็ได้เลย ใครจะไม่รู้ว่าหลังจากเขาแต่งงานกับดุจเดือนแล้ว เขาก็ใช้ชีวิตเหมือนหมูตัวหนึ่ง "พลศักดิ์ คุณพูดไร้สาระอะไร คุณอย่าทําท่าองอาจผึ่งผายเลย ครั้งที่แล้วฉันเห็นแก่หน้าอุไร ถึงไม่ได้ถือสาคุณ ถ้าคุณไร้เหตุผลแบบนี้อีก ฉันก็ไม่เกรงใจต่อคุณแล้วนะ" ดุจเดือนยืนอยู่ข้างกาญจนาไม่กล้าพูดแม้แต่คําเดียว พอพลศักดิ์ยกมือขึ้นเธอก็รู้สึกว่ามันจะตบลงบนใบหน้าของเธอ ความรู้สึกที่ถูกครอบงําแบบนี้น่ากลัวมากจริง ๆ เธอได้แต่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างขี้ขลาด "ได้สิ อยากให้ผมไปก็ได้ ตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวก็ได้ งั้นก็เอากวางตัวที่อุไรพรล่ากลับมาให้ผม แบบนี้ก็ถือว่าเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีให้กับเราแล้ว บุญคุณที่เลี้ยงดูมาหลายปีก็สามารถยกเลิกได้ในคราวเดียว กาญจนาไม่เคยเห็นคนที่หน้าด้านเช่นนี้มาก่อน "ความกตัญญูกตเวทีอะไร บุญคุณในการเลี้ยงดูอะไร คุณคิดด้วยโนธรรมของคุณว่าคุณเคยทุ่มเทอะไรให้กับพวกเธอสองคน การต่อยการเตะที่นับไม่ถ้วน หรือการดูถูกทางวาจาต่าง ๆ? แค่นี้คุณก็อยากให้อุไรให้ความกตัญญูคุณเหรอ? ฝันไปเถอะ “ เรื่องนี้ยังไม่ต้องรออุไรพรกลับมาตัดสินใจ ตอนนี้เธอสามารถตัดสินใจได้ พลศักดิ์พูดเก่งกว่าเธอไม่ได้ เขาก็ย่อมไม่คิดจะเสียคําพูด เขาพาคนวิ่งเข้าไปข้างในโดยตรง ดุจเดือนและกาญจนาคนผอมแห้งสองคนจะหยุดเขาได้อย่างไร พวกเธอก็แค่เฝ้าดูพวกเขาเข้าไปหาเนื้อกวางต่อหน้าต่อตาแบบนี้ กวางตัวนั้นยังจัดการไม่เสร็จ อุไรพรจึงห้อยมันอยู่ในลานบ้านตลอด พลศักดิ์เข้าไปเห็นกวางตัวใหญ่ขนาดนั้น ก็เหมือนหมาป่าเห็นเหยื่อของตัวเอง สายตาเขาโลภจนน่าขยะแขยง กาญจนารีบวิ่งไปที่เนื้อกวางและกางแขนออกกลายเป็นท่าทางป้องกัน "ฉันบอกแล้วว่าอุไรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกคุณ ถ้ารอให้เธอกลับมาและยอมรับว่าคุณเป็นพ่อของเธอ งั้นฉันจะส่งเนื้อกวางตัวนี้ไปที่บ้านคุณด้วยตัวเอง ตอนนี้ คุณอยู่เฉย ๆ ดีกว่า” อุไรพรไม่อยู่บ้าน พลศักดิ์ย่อมเย่อหยิ่งจนลืมตัว เมื่อถึงเวลานั้นเอากลับไปแล้วซ่อนไว้ เขาต้องดูว่าอุไรพรจะทำอะไรกับตระกูลสุพรรณศิลป์ "ทําไมคุณต้องทําแบบนี้ล่ะ? ไสหัวไปให้พ้น!"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม