“ว่าไงครับ”
“อ้อค่ะ พอดีฟองกำลังหาทางไปซูเปอร์น่ะค่ะ แต่ว่า…” ฉันมองไปทางถนนหน้าบ้าน พูดตรง ๆ นะ ทางไปหน้าหมู่บ้านทางไหนฉันยังไม่รู้เลย เมื่อวานตอนพวกผู้ใหญ่พาเข้ามาฉันก็ไม่ทันสังเกตซะด้วยสิ
“ซูเปอร์เหรอ อืม… งั้นเดี๋ยวพี่พาไปครับ รอตรงนี้แป๊บนะ” พี่โชทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนเดินหายเข้าไปในบ้านเขาโดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของฉันเลย ครู่ต่อมาเขาออกมาพร้อมรถจักรยานคันหนึ่ง เขาคร่อมเตรียมตัวปั่นแล้วหันมายิ้มบอกฉัน “ขึ้นมานั่งเลยครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
เอ๊ะ…?
.
.
.
หลังจากฉันยอมนั่งซ้อนท้ายพี่โชอย่างงง ๆ ในที่สุดพวกเราก็มาถึงซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่หน้าหมู่บ้าน ระหว่างทางที่ขี่จักรยานมาพี่โชแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ในหมู่บ้านให้ฉันฟังตลอดทาง เขาทำตัวเหมือนไกด์พาทัวร์อย่างไรอย่างนั้น
“จะซื้ออะไรบ้างครับ”
“อ๊ะ…” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยตอนพี่โชโน้มหน้ามาถามขณะกำลังเลือกผัก พอรู้ตัวว่าแสดงอาการตกใจจนเกินไปจึงรีบขยับยิ้มส่งให้เขา “ขอโทษค่ะ ฟองเลือกผักเพลินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร น่ารักดี”
“คะ?” เพราะได้ยินไม่ถนัดฉันจึงหันไปเลิกคิ้วใส่เขา พี่โชมองฉันยิ้ม ๆ แล้วชี้ไปทางผัก “อ้อ ฟองตั้งใจจะซื้อพวกผักที่เก็บไว้ได้หลายวันหน่อยน่ะค่ะ เพราะคงไม่ได้มาซูเปอร์ฯทุกวัน”
“ถ้าจะมาอีกวันไหนก็เรียกพี่ได้นะ”
“ไม่ดีมั้งคะ แค่นี้ฟองก็เกรงใจจะแย่แล้ว” ฉันทำหน้าเกรงใจ นี่เพิ่งรู้จักกันแท้ ๆ แต่กลับรบกวนให้เขาปั่นจักรยานมาส่งขนาดนี้ เขาช่างเป็นคนดีมีน้ำใจมากจริง ๆ ที่เคยได้ยินมาว่าคนไทยใจดีมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
“ถ้างั้น… ทำไมไม่ให้คนที่บ้านมาเป็นเพื่อนล่ะ หมอนั่นไม่อยู่เหรอ?” จู่ ๆ น้ำเสียงพี่โชก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย มันดูห้วนแปลก ๆ จนฉันต้องหันกลับมาสบตากับเขาพลางขมวดคิ้ว
“คะ? หมายถึงพี่ไรม์เหรอคะ? พี่โชรู้จักพี่ไรม์ด้วยเหรอคะ?” พี่ไรม์กับฉันเพิ่งเข้ามาอยู่บ้านหลังนั้นเมื่อวานนี้เองนะ แต่ทำไมพี่โชพูดเหมือนรู้จักพี่ไรม์อยู่แล้วเลยล่ะ
“อ้อ เมื่อวานตอนเย็นพี่บังเอิญเห็นหมอนั่นขับรถออกจากบ้านไปน่ะ ก็เลยจำได้ว่าชื่อ ไรม์ เรียนอยู่วิศวคอม มหาลัย M ใช่ไหม?” เขารู้จักพี่ไรม์มาก่อนจริง ๆ ด้วย แถมยังจำได้ทั้งคณะทั้งเอก
“ใช่ค่ะ ว่าแต่ทำไมพี่โชถึงทราบละคะ?”
“เพราะพี่ก็เรียนอยู่มหาลัย M เหมือนกัน แต่พี่เรียนอยู่สถาปัตย์ปีสี่” ฉันร้องอ้อเบา ๆ พลางพยักหน้าอย่างเข้าใจเรื่องราว “ฟองล่ะ เรียนอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“ฟองเหรอคะ ฟองเพิ่งจบไฮสคูลกำลังจะเข้าเรียนที่มหาลัย M เหมือนกันค่ะ คณะศิลปกรรม” ฉันยิ้มตอบพลางนึกถึงคณะเรียนด้านศิลปะที่ฉันรักอีกหนึ่งอย่างนอกจากพี่ไรม์…
“อื้อหื้อ… ฟองชอบวาดรูปเหรอ” พี่โชช่วยฉันเข็นรถไปตามทางเดิน ฉันเลือกเนื้อสดอีกสองสามอย่างพลางยิ้มรับ
“ใช่ค่ะ ฟองชอบวาดรูปเหมือนม๊า รับเลือดศิลปินของม๊ามาเต็ม ๆ ป๊าบอกอย่างนั้น” ฉันชะงักเล็กน้อยเมื่อตัวเองหลุดพูดเรื่องครอบครัวกับคนที่เพิ่งรู้จัก พี่โชยิ้มแล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้พูดต่อ แต่ฉันไม่กล้าพูดอีกจึงเสสายตามองไปทางอื่น
น่าแปลก… ทำไมฉันถึงสบายใจเวลาพูดคุยกับคนคนนี้กันนะ ทั้งที่ฉันควรจะรู้สึกแบบนี้กับพี่ไรม์สิ
.
.
.
“ขอบคุณมากนะคะแล้วก็ขอโทษด้วยค่ะที่รบกวน” ฉันก้มหัวให้พี่โชหลังจากเขาขี่จักรยานกลับมาส่งหน้าประตูบ้าน พี่โชยิ้มตาหยีแล้วชูถุงขนมในมือขึ้น
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก พี่ก็ได้ขนมกลับมาเพียบเลย”
“ถ้างั้นฟองเข้าบ้านก่อนนะคะ” ฉันยิ้มขอบคุณเขาอีกครั้งแล้วหมุนตัวเตรียมจะเปิดประตูรั้วแต่ถูกเสียงพี่โชเรียกไว้จึงหันมอง
“เออจริงสิ พี่ลืมบอกไปว่าน้องสาวพี่ก็กำลังจะเข้าเรียนคณะศิลปกรรมที่มหาลัย M เหมือนกันนะ เอาไว้มาทำความรู้จักกันนะ คิดว่าต้องเข้ากันได้ดีแน่ ๆ ยัยนั่นติสท์สุด ๆ เลยล่ะ” ประโยคหลังพี่โชป้องปากกระซิบ ฉันหลุดขำออกมา
“งั้นเหรอคะ บังเอิญจริง ๆ ครั้งหน้าแนะนำให้ฟองรู้จักด้วยนะคะ”
“รับทราบ!” พี่โชทำท่าตะเบ๊ะเหมือนพวกทหาร ฉันยิ้มแล้วบอกลาเขาอีกครั้งพลางเปิดประตูรั้วเข้ามาในบ้าน สองตามองประตูบ้านแล้วสูดลมหายใจลึก ๆ ตอนนี้สิบโมงกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ไรม์จะตื่นหรือยัง
และคำถามในใจของฉันได้รับคำตอบเป็นร่างสูงที่กำลังยืนรินน้ำหน้าตู้เย็น เขาไม่ได้มองฉันเลยแม้แต่หางตา ทำราวกับว่าฉันเป็นอากาศธาตุสำหรับเขา ฉันเม้มปากเล็กน้อยขณะยืนรอให้เขาเดินพ้นออกมาจากตู้เย็น เพราะฉันต้องแช่วัตถุดิบเข้าตู้แต่ไม่อยากเข้าใกล้เขาให้เขารำคาญใจอีก
กึง!
“น่าหงุดหงิด”
ฉันสะดุ้งนิด ๆ ตอนแก้วในมือพี่ไรม์กระแทกลงบนเคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ คิ้วสวยขมวดเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาหงุดหงิดงั้นเหรอ… หรือแค่เห็นหน้าฉันเขาก็รำคาญเสียแล้ว…
“เอ่อ… คือว่า..”
“ผู้หญิงน่ารำคาญ”
ฉันชะงักค้างยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยหัวใจเจ็บแปล๊บ สองตามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินขึ้นบันไดไปแล้วหลังจากทิ้งคำพูดใจร้ายเอาไว้ให้ฉัน ขอบตามันร้อนผ่าวจนต้องรีบกลอกตาขึ้นเพื่ออดกลั้นไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา
ภายในใจได้แต่คิดซ้ำไปซ้ำมาว่าฉันทำอะไรผิดนักหนางั้นเหรอ…
ทำไมเขาถึงเกลียดฉันขนาดนี้…