สอง นั้นทำได้เพียงมองหน้ากันด้วยความสงสัยกับสิ่งที่สองกำลังพูด
“คือมึงจำอะไรไม่ได้เลยหรอวะว่ามึงแอบรักเขาจนจะเป็นจะตายและมึงยังบอกเองไม่ใช่หรอ? ว่ามึงรักเขาก่อนที่เขาจะมาแต่งงานกับเจ้านายมึงอีก”
“น็อตมึงช่วยเล่าเรื่องของกูกับเขาให้ฟังตั้งแต่ต้นเลยได้ไหมวะ”คำถามของสองในตอนนี้กลับทำให้ทั้งน้ำพุและน็อตต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“ก็เมื่อ 6 ปีก่อนมึงได้ไปเที่ยวที่ใต้ และมึงก็ไปเจอกับเขานั่งกินบุฟเฟ่ต์คนเดียว มึงก็หน้าด้านไปขอเขานั่งด้วยแล้วก็ยังหลอกชวนเขาไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ จนคืนวันที่มึงต้องกลับมึงก็ยังได้ขอคอนแทคเขากลับมาด้วยไม่ใช่หรอ? แล้วมึงยังแอบไปขโมยจูบเขาอีกด้วยนี่แถมมึงยังบอกพวกกูอีกด้วยว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่มึงรู้สึกชอบเขาจริง ๆ เพราะเขาเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใคร และจูบแรกของมึงก็เป็นเขา ส่วนจูบสุดท้ายที่มึงจะเลือกอีกครั้งก็คือเขา”
“แล้วยังไงต่อ กูกับเขาเคยได้กันมั้ย?แล้วก็ได้คุยกันต่อมั้ยวะ”
แต่ทว่าหลังจากที่สองได้ยินเรื่องทั้งหมดกลับทำให้สองรู้สึกโกรธ และยิ่งถามเสียงเข้มขึ้น
“ไม่อ่ะ ไม่ได้อะไรต่อ…และมึงก็ไม่เคยได้กับเขาด้วย แล้วก็ไม่ได้คุยกับเขาต่อด้วยและนี่มึงจะโมโหทำไม?”
น็อตตอบพร้อมเสียงหัวเราะ ฮ่า ๆ
“ทำไมวะ”
“ก็เขาไม่ตอบมึงไงเพื่อน ฮ่า ๆๆ”
น็อตยังคงขำเพื่อนรักต่อ
“มึงหล่อนะเว้ยเพื่อน ผู้หญิงเข้าหามึงก็เยอะแต่สำหรับทีนความหล่อของมึงก็ช่วยไม่ได้ว่ะ”
น็อตพูดจบ อีกทั้งน้ำพุและน็อต ยังคงขำออกมาเสียงดังประมาณว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องล้อเลียนของเพื่อนในวงเหล้าไปแล้ว….
“แต่วันที่กูสงสารมึงที่สุด และคงเป็นวันที่มึงเจ็บที่สุด ก็คือวันที่เขากับเจ้านายของมึงแต่งงานกัน และสิ่งที่ทำให้มึงเจ็บมากที่สุดคือเขาคบกันไม่ถึง 7 เดือนแต่เขากลับมีงานแต่งกัน วันนั้นกูจำได้เลยนะว่ามึงอ่ะเมาอย่างหมาเอาแต่ถามพวกกูว่ามึงไม่ดีตรงไหนทำไมเขาถึงไม่เลือกมึง
กูพลาดตรงไหน กูสู้อะไรตรงไหนของหยางไม่ได้ทีนถึงไม่เลือกมึงและมึงยังเอาแต่เพ้อว่า กูรักเขา มึงได้ยินไหมว่ากูรักเขา”
สองยังคงนั่งฟังอย่างตั้งใจและหลังจากที่คุยเล่นกันได้ไม่นานสองก็ได้บินไปหาพลอยกับปุณณ์ที่สิงคโปร์ทันทีและอยู่ที่นั่นจนนานเป็นเดือนและยังคอยให้เด็กๆเรียนศิลปะป้องกันตัวทุกอย่าง แต่ทว่าเด็กๆก็ยังทำตามอย่างว่าง่ายและหลังจากที่สองกลับมาจากสิงคโปร์ สองก็ได้เข้าไปหาเธอที่เขารักในห้องอีกครั้งและยังหวังให้ผู้หญิงที่เขารักกลับมาสดใสได้อีกครั้ง
หลังจากการดูแลเธอให้หายจนกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้งจนกระทั่งเวลาการรักษาเธอยาวนานนับปีจากอาการช็อกและโรคซึมเศร้า และหลังจากที่เธอหายดีเธอกับอั้มก็ได้ขอให้สองฝึกวิธีป้องกันตัวให้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการยิงปืน มีด เข็มพิษ หรือจะเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแถมยังคงสอนเธอขับรถทุกชนิดอีกด้วย ส่วนการฝึกก็หนักมากพอที่เรียกได้ว่าการต่อสู้และการใช้อาวุธของเธอไม่เป็นสองรองใคร
อีกทั้งเธอยังสามารถกล้าที่จะตัดสินใจอะไรได้มากขึ้นแถมยังเป็นการตัดสินใจแบบเฉียบแหลมมากอีกด้วยแม้กระทั่งอั้มผู้ที่ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ก็กลับฝึกเป็นเพื่อนกับเธออย่างว่าง่าย แถมยังขับรถเก่งมากขึ้นอีกด้วยสามารถขับเป็นได้หมดทุกรูปแบบเพื่อไว้ขับให้เธอผู้เป็นเจ้านายคนสนิทได้นั่งและอั้มเองก็ยังคงหวังให้เจ้านายคนสนิทของเขากลับมาสดใสและสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ตามเดิมอีกครั้ง
1 ปีก่อนหน้า
“พี่ทีนลุกขึ้นมาทานข้าวเช้าได้แล้ว” อั้มเรียกเจ้านายคนสนิทพร้อมกับถาดอาหารในมือ
“อั้ม! พี่อยากแก้แค้น” เธอพูดขึ้นด้วยเสียงที่ราบเรียบหน้าตาที่ไร้ความรู้สึก แต่ถ้าว่าอั้มได้แต่เพียงเงียบและยังคงนั่งฟังต่อกับสิ่งที่เธอกำลังจะพูด
“พี่อยากฝึกการต่อ่ะ พี่สองล่ะ พี่สองอยู่ไหน?”
“พี่ทีน หมายความว่ายังไง?”
“พี่จะไหวหรอ?”
อั้ม ยังคงถามย้ำด้วยท่าทางที่เป็นห่วงเพราะโดยปกติเธอจะเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยสนใจในการต่อสู้เลย แม้แต่น้อยเวลาจะไปไหนมาไหนก็จะมีสองหรือเขาเป็นบอดี้การ์ดพาไปตลอด
“พี่ไหวน้า…จะให้พี่อยู่แบบนี้คงไม่ได้หรอก และอีกอย่างเวลาผ่านไปหลายเดือนแล้ว ตำรวจยังจับมันไม่ได้เลยสงสัยคงจะยัดเงินไปไม่น้อย”
“พี่คิดถึงลูกแล้วด้วย ไม่รู้เด็ก ๆ จะเป็นยังไงบ้างรู้สึกเป็นห่วง”
“ถ้าเรื่องลูกพี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะพี่สองไปหาเด็ก ๆ บ่อยมาก”
“พี่สองเนี่ยนะ?”
เธอที่กลับถามย้ำด้วยความที่สงสัย
“ใช่! พี่สองไปหาเด็ก ๆ บ่อยมาก และคอยอัพเดทอาการพี่ให้เด็ก ๆ ฟังตลอด”
อั้มยังคงเล่าถึงเรื่องของสองให้เธอฟัง
“อ๋อ…อื้ม..งั้นช่างมันเถอะ ไปตามพี่สองให้พี่ก่อนนะ”
“ได้…แต่พี่ก็ต้องทานข้าวด้วย”
“จ้า…..”
“งั้นรอแป๊บนึงนะเดี๋ยวไปตามให้”
หลังพูดจบอั้มก็รีบออกไปทันที
“พี่สอง! พี่ไปหาพี่ทีนหน่อย พี่ทีนเขามีเรื่องอยากจะคุยกับพี่”
“เรื่องอะไร ?”
“พี่ไปเถอะน๊า พี่ไปถึงแล้วจะรู้เอง”
“ครับคุณทีน ให้อั้มไปตามผมมีเรื่องอะไรอยากคุยกับผมหรอครับ”
“ทีนอยากจะฝึกการต่อสู้ทุกอย่างที่พี่เรียนรู้มาจากพี่หยางทั้งหมดเลย”
“ไม่ว่าจะเป็น ปืน มีด เข็มพิษ อ๋อ…แล้วรบกวนสอนทีนขับรถด้วยนะคะ”
“แน่ใจหรอครับ? ….ที่คุณต้องการจะทำแบบนี้”
“ค่ะแน่ใจและนี่ไม่ใช่คำพูดหรือความคิดเห็นลอยๆค่ะ แต่เป็นคำสั่ง คำสั่งที่พี่หน้าที่แค่ทำตามที่ทีนสั่งเท่านั้นไม่มีสิทธิ์ขัดหรือห้ามอะไรทั้งนั้น”
สองได้แต่นิ่งเงียบกับคำพูดของเธอในตอนนี้ เพราะเธอที่ต่างจากคนที่เขาเคยรู้จักมาก ไม่ใช่แค่จะทำให้สิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อนยังกล้าที่จะออกคำสั่งคนที่เป็นลูกน้องอย่างสองอีกด้วย
‘คุณเธอจะไปไหนเหรอครับ?’
‘ทีนอยากไปดูพี่หยางกับพี่สองทำงานได้มั้ยคะพี่สองพอจะขอพี่หยางให้ทีนได้มั้ย ทีนไม่อยากอยู่บ้านแล้วคะ ทีนเบื่อ’
‘ไม่ได้คะงานพี่วันๆก็ไม่มีอะไรเลยหนูก็รู้ค่อยอยู่ช่วยพี่ทำเอกสารที่บ้านก็พอแล้วคะ’
‘แต่หนูเบื่อนิคะ งั้นหนูขอไปทำงานได้มั้ยคะ’
‘งาน..เหรอคะ หนูอยากทำอะไรคะ’
‘งานที่หนูถนัดที่สุดคะร้านโทรศัพท์คะ หนูอยากเปิดร้าน’
‘ได้คะถ้าอย่างงั้นเดียวพี่ให้สองเขาจัดการเรื่องร้านกับสถานที่ให้นะคะ’
‘ไม่เป็นไรคะเดียวหนูลองไปเช็คดูสถานที่เองก่อนก็ได้คะเพราะช่วงนี้พี่สองเขาก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว หนูเกรงใจและเดี๋ยวช่วงเย็นป้าแตนออกไปซื้อกับข้าว หนูออกไปกับป้าแตนเองก็ได้คะ’
‘แต่..คุณทีนครับ ผมว่าถ้าเป็นแบบนั้นคุณจะลำบากเกินไปหรือเปล่าให้ผมไปจัดการให้ก็ได้นะครับ’
‘ไม่เป็นไรคะทุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบกันหมดทุกคน อย่าหางานเพิ่มให้ตัวเองกันเลยคะ ถึงเวลาพักก็ควรไปพักนะคะ’
‘เมื่อไหร่หนูจะกล้าใช้คนของพี่คะหนูมีสิทธิ์พูดมีสิทธิ์สั่งพวกเขาได้ทุกคนเลยนะคะ’
‘หนูทราบคะว่าหนูมีสิทธิ์สั่งพวกพี่เขาแต่ไม่เป็นไรดีกว่าคะพวกพี่เขาโตกว่าหนูจะให้หนูไปสั่งให้พวกเขาทำตามที่หนูต้องการทุกอย่างไม่ได้นะ และอีกอย่างพี่กำลังจะทำให้หนูเป็นเด็กนิสัยเสียนะคะ’
“พี่สองคะ พี่สอง!…พี่ยังฟังสิ่งที่ทีนพูดอยู่หรือเปล่า”
“คะ..ครับ ดะ..ได้ยินแล้วครับ” สองที่เพิ่งหลุดจากความคิดเมื่อในอดีตและตอบไปด้วยอาการตะกุกตะกัก
“งั้นเราเริ่มกันเลยมั้ยคะ?”
“ครับ”
หลังจากที่เธอพูดคุยกับสองเสร็จ ทั้งเธอและอั้มก็ได้เริ่มฝึกการต่อสู้กับสองโดยมีภูและธีร์เป็นคนช่วยสอนด้วยทันที