สายลมหนาวพัดพา

2020 คำ
น้ำหวานสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก๊อก ก๊อก "เจ่เจ๊ เจ่เจ๊!" เสียงจ๋ายดังตามมา เธอขยี้ตาอย่างงัวเงียก่อนจะเดินไปเปิดประตู จ๋ายผลักเข้ามาในทันที รอยยิ้มกึ่งตำหนิฉายชัดบนใบหน้า "เจ่เจ๊ ทำอะไรเนี่ย หลับเหรอ? นี่มันมืดแล้วนะ! ไปกินอะไรกันได้แล้ว คืนนี้คืนเคาน์ดาวน์ เจ๊ไหวไหม?" น้ำหวานไม่ตอบ เพียงยิ้มเหนื่อยๆ แล้วหมุนตัวกลับไปนั่งบนเตียง จ๋ายถอนหายใจเดินตามไป ก่อนจะนั่งลงข้างเธอ "เจ่เจ๊…" จ๋ายเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเบา น้ำหวานไม่ตอบคำ เพียงเอนศีรษะลงบนไหล่ของน้องชาย เธอหลับตาลง ร่างกายอ่อนล้าราวกับไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ จ๋ายมองพี่สาวนิ่ง น้ำหวานเอนศีรษะซบลงบนไหล่ของเขา จ๋ายหันมาโอบกอดพี่สาวแน่น แล้วน้ำตาก็กลั้นไม่อยู่ เสียงสะอื้นไห้ดังแผ่วจากน้ำหวาน "ฮึก... ฮึก..." จ๋ายหลับตาแน่น ความทรงจำอันแสนเจ็บปวดย้อนกลับเข้ามาในหัว เขาจำได้ดีว่าเมื่อห้าปีก่อน วันสิ้นปีที่ควรจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะกลับกลายเป็นฝันร้าย ในคืนที่เสียงของผู้คนรอบตัวนับถอยหลัง "ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง!" พลุดอกใหญ่ระเบิดกลางท้องฟ้า เสียงเฉลิมฉลองดังกึกก้องไปทั่วทุกสารทิศ แต่ข้างถนนทางเข้าหมู่บ้านกลับเป็นฉากที่ต่างออกไป สำหรับน้ำหวาน มันไม่ใช่คืนแห่งความสุข ในมือของเธอมีโทรศัพท์มือถือ เธอพยายามโทรหาใครบางคน น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสั่นเครือ จ๋ายจำได้ว่าเขารีบมาหาน้ำหวานทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ผ่านโทรศัพท์ "จะ... จ๋าย... จะ... จ๋าย..." เสียงน้ำหวานแตกพร่า คำพูดขาดห้วงเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือสุดชีวิต ในตอนนั้น จ๋ายยังคงอยู่ในงานเลี้ยงปีใหม่ของตัวเอง เขาแทบไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงของน้ำหวาน เขาก็รู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เขารีบวิ่งออกมา ขับรถฝ่าฝูงชนไปตามที่อยู่ที่น้ำหวานบอก เมื่อมาถึง สิ่งที่เขาเห็นทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น ที่ถนนทางเข้าหมู่บ้าน หญิงสาวในชุดเสื้อสีขาวนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างเล็กๆ ของ "จัมโบ้" สุนัขลาบราดอร์ที่เธอรักเหมือนลูกนอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเธอ เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากร่างของมัน เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของเธอ น้ำหวานกอดจัมโบ้แน่น น้ำตาไหลพรั่งพรู เสียงสะอื้นของเธอดังขึ้นจนแทบจะกลบเสียงพลุที่ดังอยู่ไกลๆ พิธา...คนรักที่อยู่ในความสัมพันธ์ท็อกซิกกับน้ำหวานมานานนับสิบปี ขับรถถอยหลังมาด้วยความโกรธ เขาเคยทำแบบนี้หลายครั้งเพื่อข่มขู่เธอ แต่ครั้งนี้ทุกอย่างกลับผิดพลาด จัมโบ้กระโจนออกมาเพื่อปกป้องเจ้านาย มันรับแรงกระแทนแทนน้ำหวาน และมันไม่รอด จ๋ายวิ่งเข้าไปหาพี่สาว น้ำหวานกรีดร้อง "จัมโบ้! จัมโบ้!" ร่างของเธอสั่นสะท้าน เธอกอดมันแน่นราวกับจะยื้อชีวิตมันกลับมา จ๋ายดึงตัวพี่สาวเข้ามากอดแน่น "เจ่เจ๊...พอแล้ว พอแล้ว…" น้ำเสียงของเขาสั่น แต่เขาพยายามจะเข้มแข็งเพื่อเธอ นั่นคือคืนที่น้ำหวานตัดสินใจออกจากความสัมพันธ์ที่กัดกินหัวใจเธอมานาน น้ำหวานยังคงสะอื้นเงียบๆ ขณะที่ซบไหล่จ๋าย "เจ่เจ๊..." จ๋ายกระชับอ้อมกอด "มันผ่านไปแล้วนะ...พี่ทำได้แล้ว พี่ออกมาได้แล้ว... แล้วพี่ก็เข้มแข็งมากกว่าที่พี่คิด" น้ำหวานพยักหน้าเบาๆ แม้น้ำตายังไหล เธอสัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงใยจากน้องชายตัวเล็กที่เป็นเหมือนเสาหลักของเธอมาตลอด "จ๋าย..." น้ำหวานพูดเสียงสั่น "ขอบใจนะ...ที่อยู่ข้างๆ พี่มาตลอด" จ๋ายยิ้มบางๆ แม้น้ำตาจะซึมในดวงตา "ก็เจ่เจ๊ของฉันนี่นา จะไม่อยู่ได้ยังไงล่ะ" เสียงสะอื้นแผ่วเบาผ่านประตูที่แง้มไว้ เกดที่เดินตามมาหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอมองผ่านช่องประตู เห็นภาพน้ำหวานที่กำลังกอดจ๋ายแน่น ร่างกายสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น เกดขยับแว่นตา น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นในดวงตาของเธอ ก่อนจะผลักประตูเข้าไป "น้ำหวาน… เจ่เจ๊…" เกดพูดเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใย เธอถลาเข้าไปนั่งลงข้างทั้งสองคน และโอบกอดทั้งคู่ไว้แน่น "พวกเรายังอยู่ตรงนี้นะ…" เกดกระซิบปลอบ น้ำเสียงเธอสั่นไหว ไม่นานนัก มีนาเดินตามเข้ามา เมื่อเห็นน้ำหวานในสภาพนั้น เธอวางกระเป๋าลงข้างตัว ก่อนจะนั่งลงกับพื้นพร้อมทั้งโอบกอดกลุ่มเพื่อนไว้ด้วย "เจ่เจ๊… ไม่เป็นไรนะ เราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน" มีนากระซิบเบาๆ ใกล้ๆ ชุนเดินตามเข้ามา เขามองภาพตรงหน้า น้ำหวานที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนๆ ทุกคน ดวงตาของเขานิ่งลึก แต่เต็มไปด้วยความเข้าใจ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะกอดอกยืนอยู่ข้างกลุ่มเพื่อนที่นั่งกอดกันบนเตียง มือข้างหนึ่งของเขายกขึ้นวางเบาๆ บนศีรษะของน้ำหวาน ราวกับเป็นการปลอบใจ "น้ำหวาน…" ชุนเอ่ยเสียงเรียบ แต่มั่นคง "เธอไม่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวหรอก เราอยู่ตรงนี้" น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนๆ ด้วยดวงตาที่แดงช้ำ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น น้ำตายังไหล แต่เธอรู้ว่ามันเป็นน้ำตาที่เกิดจากความโล่งใจและการปลดปล่อย "ขอบคุณนะ…ทุกคน" น้ำหวานพูดเสียงสั่น ก่อนจะซบหน้าลงในอ้อมกอดของเพื่อนๆ "เอ้า! มาอยู่กันหมดนี่เอง พี่ก็ให้เด็กๆ ไปตามหาแต่ละห้องก็ไม่เจอ" ทุกคนในห้องชะงักหันไปมองมั่นที่ยืนอยู่ตรงประตู ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง "มาๆ เตรียมโต๊ะไว้พร้อมแล้ว คืนนี้มีเซอร์ไพรส์พิเศษด้วยนะ มีนักร้องดังมาด้วย เพื่อนผมเองสมัยเรียน" มั่นพูดพลางยิ้มภูมิใจ "คืนนี้พี่มั่นจัดเต็มเลย ไปทุกคนไปอาบน้ำแต่งตัว กินข้าว เคาน์ดาวน์กันดีกว่า" จ๋ายที่เพิ่งเช็ดน้ำตาหันมามองมั่น ก่อนจะหัวเราะ “จริงเหรอพี่มั่น พี่มั่นมีเพื่อนเป็นนักร้องดังกับเขาด้วยเหรอ จ๋ายพูดพลางรีบเช็ดน้ำตา แล้วหันไปหาน้ำหวาน "เนาะๆ เจ่เจ๊ ไปสนุกกันดีกว่าเนอะ!" น้ำหวานที่ยังคงนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเกดและมีนา ยิ้มทั้งน้ำตา เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างเบามือ ก่อนจะพยักหน้า "อืม...ไปสิ" เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยแต่เปี่ยมด้วยความอบอุ่น "เนาะๆ ไปสนุกกันเนอะ" จ๋ายพูดอย่างร่าเริงก่อนจะช่วยดึงน้ำหวานลุกขึ้นจากเตียง มั่นยิ้มกว้าง "งั้นรีบเลย เดี๋ยวจะไม่ทันไฮไลต์ของคืนนี้" เขาโบกมือเรียกทุกคนให้ตามไป น้ำหวานมองเพื่อนๆ ที่ยังคงส่งยิ้มให้เธอด้วยความห่วงใย เธอรู้สึกถึงพลังใจที่ได้รับจากทุกคน และในค่ำคืนที่เคยเป็นแผลลึกในหัวใจของเธอ บางที...คืนนี้อาจกลายเป็นค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความทรงจำใหม่ที่งดงาม ลมหนาวพัดแผ่วผ่านลานกว้าง เสียงดนตรีอะคูสติกจากวงที่เล่นเปิดบรรยากาศดังคลอเบาๆ คนที่มาพักแคมป์ปิ้งและลูกค้าต่างนั่งกันแน่นเต็มลาน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอาหารและเสียงหัวเราะที่ลอยมากับสายลม โต๊ะยาวที่มั่นเตรียมไว้สำหรับกลุ่มของน้ำหวานอยู่ตรงมุมที่เห็นวิวเวทีได้ชัด ทุกคนกำลังนั่งคุยกันเพลิน แต่จ๋ายกลับทำหน้าบึ้ง กอดอกมองมั่นที่ดูเหมือนจะวุ่นวายกับอะไรบางอย่าง "ป่านนี้นักร้องดังของพี่มั่นยังไม่เห็นโผล่มาเลย" จ๋ายพูดเสียงดัง พลางสะบัดหน้า "แน่ใจนะว่าเรื่องจริงที่ว่ามีนักร้องดังเป็นเพื่อนพี่น่ะ โอ้ย อย่าขายขำได้ไหม!" มั่นหัวเราะเสียงดัง "โอ๊ย น้องจ๋ายของพี่ อย่าเพิ่งงอนน่า! เขากำลังมา ใกล้ถึงแล้วจริงๆ" เขาพูดพลางทำท่ากระซิบกระซาบข้างหูจ๋าย "เดี๋ยวก็รู้ว่าเซอร์ไพรส์ของพี่ไม่หลอกแน่ๆ" จ๋ายเบะหน้า "ฮึ! ถ้าไม่มานะ ฉันจะอัดคลิปแฉพี่ให้ลูกค้าที่แคมป์นี้ดูเลย" ทุกคนบนโต๊ะหัวเราะออกมาเบาๆ น้ำหวานมองน้องชายตัวเล็กที่นั่งกอดอกบ่น แต่ในแววตายังคงซ่อนรอยยิ้ม ขณะที่มีนาและเกดต่างยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นชนกันเบาๆ "ฟังวงนี้ไปก่อนนะจ๋าย" มั่นพูดพลางชี้ไปที่เวที "นักร้องดังยังไม่มา แต่พี่รับรองว่าวงนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน" เสียงดนตรีเริ่มเปลี่ยนเป็นจังหวะที่คึกคักขึ้น ผู้คนรอบลานเริ่มขยับตัวตามจังหวะเพลง พนักงานยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟที่โต๊ะพร้อมกับอาหาร "อากาศแบบนี้ ดื่มเบียร์นี่แหละดีที่สุด" ชุนพูดขึ้น พลางยกแก้วขึ้นจิบ ดวงตาเฉียบคมของเขามองไปรอบๆ ลานราวกับสังเกตทุกมุม "เนาะๆ" มีนาเสริม "ทั้งอากาศ ทั้งดนตรีแบบนี้ มันคือที่สุดของการเคาน์ดาวน์แล้ว" น้ำหวานยิ้มบางๆ จิบเครื่องดื่มในแก้วเบาๆ สัมผัสกับบรรยากาศที่ผ่อนคลายรอบตัว ในใจเธอเริ่มรู้สึกถึงความสุขที่ค่อยๆ กลับคืนมา "เอาล่ะ เดี๋ยวพี่มั่นของน้องจ๋ายก็ต้องได้หน้าแล้วล่ะ ดูทำหน้าภูมิใจขนาดนั้น" เกดแซว มองมั่นที่ยืนพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางมั่นใจ มั่นหัวเราะ "พี่ไม่ทำให้ผิดหวังหรอกน่า รอดูได้เลย" เสียงหัวเราะเฮฮาของจ๋าย เกด มีนา และชุนดังก้องอยู่รอบตัว ผู้คนในลานกว้างกำลังสนุกสนานกับเสียงดนตรีและอาหารอร่อยๆ เสียงเพลงที่วงดนตรีเล่นแผ่วหวานไปทั่วบรรยากาศ ผสมกับเสียงพลุที่เริ่มดังมาแต่ไกล ใบหน้าของน้ำหวานมีรอยยิ้มอ่อนโยนแต่งแต้ม เธอมองจ๋ายที่พูดจาหยอกล้อกับมั่น และมองเกดกับมีนาที่กำลังหัวเราะกันคิกคัก แต่หูกลับอื้ออึง...เหมือนเสียงทุกอย่างรอบตัวเริ่มเบาลง จิตใจของเธอรู้สึกว่างเปล่า ความสนุกสนานที่รายล้อมกลับไม่ได้เติมเต็มช่องว่างในใจเลยแม้แต่น้อย ในความสว่างไสวของค่ำคืนที่มีผู้คนรายล้อม น้ำหวานกลับรู้สึกเหมือนนั่งอยู่คนเดียว...ลำพัง รอยยิ้มที่เผยอยู่บนใบหน้าเหมือนหน้ากากบางๆ ที่เธอสวมไว้เพื่อไม่ให้ใครเห็นถึงความเปล่าเปลี่ยวที่ซ่อนอยู่ภายใน เสียงเพลงจบลง พร้อมเสียงปรบมือของผู้คนรอบลาน แต่น้ำหวานกลับรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วครู่ หัวใจของเธอเหมือนถูกดึงกลับไปยังอดีตที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่อยากลืม แต่ยังคงตามหลอกหลอน เธอขยับตัวเล็กน้อย หยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมา จิบเบาๆ แล้วหันไปมองกลุ่มเพื่อนที่ยังคงพูดคุยสนุกสนาน เธอรู้สึกอบอุ่นที่พวกเขาอยู่ตรงนี้ แต่ในเวลาเดียวกัน...กลับรู้สึกว่าเธอไม่อาจเอื้อมถึงความสุขนั้นได้ “เจ่เจ๊?” เสียงของจ๋ายเรียกเธอ น้ำหวานสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันไปมองน้องชายที่ทำหน้าเหมือนจะจับผิด “อะไร?” น้ำหวานพยายามยิ้มตอบ แต่จ๋ายเอียงคอมองเธอ “เจ๊ไม่เป็นไรแน่นะ?” จ๋ายถามเบาๆ เสียงของเขาอ่อนโยนกว่าที่เคย น้ำหวานมองเข้าไปในดวงตาของน้องชาย เธอพยักหน้าช้าๆ แต่คำว่า “ไม่เป็นไร” ที่อยากพูดกลับติดอยู่ในลำคอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม