“ปักษ์ไม่สบายหรือเปล่าลูก เมื่อเช้าแม่ได้ยินเสียงลูกอาเจียน เอฟเฟ็กต์จากเรื่องตาหรือเปล่าจ๊ะ”
เช้าวันต่อมา บนโต๊ะอาหารเช้า ประไพเอ่ยถามลูกชายด้วยสีหน้าเป็นห่วง ยิ่งเห็นหน้าเซียว ๆ ของเขาก็ยิ่งห่วง
“ไม่แน่ใจเหมือนกันครับแม่ แต่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย” เขาตอบเสียงเหนื่อย ๆ สีหน้าพะอืดพะอม “ขมปากเป็นบ้าเลย...ป้าตาล ขออะไรเปรี้ยว ๆ มากินหน่อยสิ” ตอนท้ายเขาหันไปสั่งแม่บ้าน ซึ่งก็ทำหน้างง ๆ อยู่ครู่หนึ่งก็กระวีกระวาดเดินเข้าไปในครัว สักพักก็กลับเข้ามาพร้อมมะขามเปียกคลุกเกลือในถ้วยใบเล็ก ปักษ์รับมาวางตรงหน้าและเริ่มต้นกินทันที
“ทำไมเอามาน้อยนักล่ะ แค่นี้จะพอยาไส้อะไร” เขาเอ็ดหลังจากจ้วงใส่ปากไปสามสี่คำ “ไปเอามาอีก เร็ว ๆ ด้วย”
ป้าตาลลอบสบตากับคุณประไพแวบหนึ่งก็หมุนตัวเดินเร็ว ๆ เข้าไปในครัวอีกครั้ง
ส่วนคนเป็นแม่ได้แต่หรี่ตามองเขาอย่างพิจารณา ก่อนเอ่ยแซวขำๆ
“นี่ถ้าแต่งงานแล้ว แม่คงคิดว่าปักษ์แพ้ท้องแทนเมีย”
ปักษ์หัวเราะออกมาเบา ๆ สีหน้าดูดีมากขึ้นจากการได้กินของเปรี้ยว ขณะที่คนเป็นแม่ถามต่อไป
“หรือหนูขวัญท้องหรือเปล่าจ๊ะลูก” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวัง ปักษ์ส่ายหน้าทันที
“ไม่ใช่แน่นอนครับแม่ ถ้าท้องป่านนี้ต้องมีอาการหรือไม่ก็ท้องโตให้เห็นแล้วครับ” เพราะนับแต่มีอะไรกันวันกลับจากโรงพยาบาล เขาก็ไม่ได้ยุ่งกับเธออีกเลย ส่วนหนึ่งเพราะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ส่วนหนึ่งเพราะอยู่ ๆ เขาก็เฉยชากับเรื่องนี้
ประไพทำหน้าผิดหวัง เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่บ้านถือจานใส่มะขามเปียกมาเต็มจาน เห็นแล้วปักษ์ก็ยิ้มตาเป็นประกาย เขาหยิบมากินต่ออีกประมาณห้าชิ้นก็สั่งอีก
“ที่เหลือเอาใส่กล่องไปไว้ในรถนะ จะเอาไปกินที่ทำงานด้วย”
ป้าตาลตาโตด้วยความแปลกใจอีกครั้ง แต่ก็ยอมทำตามคำนั้นโดยดี
และเมื่อปักษ์ออกจากบ้านไปทำงาน ป้าตาลก็พูดกับคนเป็นนายเสียงเบา
“อาการเหมือนแพ้ท้องแทนเมียจริง ๆ นะคะคุณผู้หญิง”
“นั่นน่ะสิ แต่ปักษ์ก็บอกแล้วว่าหนูขวัญไม่ได้ท้อง นี่ถ้าเป็นคนอื่น ฉันต้องคิดว่าลูกชายฉันแอบไปมีเมียอีกคนซุกไว้แน่ ๆ”
“สิบโมง จะมีออกาไนเซอร์เข้ามาเสนองานเปิดตัวบิวตี้พริ๊นเซสค่ะ คุณปักษ์ต้องเข้าไปฟังแทนคุณปุ๊ บ่ายโมงครึ่งประชุมกับหัวหน้าฝ่ายการตลาดจากทุกสาขาค่ะ” เมื่อปักษ์ไปถึงที่ทำงาน เลขาประจำตัวก็รายงานสิ่งที่เขาต้องทำในวันนี้
ธุรกิจของครอบครัวปักษ์เป็นธุรกิจผลิตเครื่องสำอางครบวงจรอย่างเช่น ครีมทาหน้า ครีมอาบน้ำ ครีมบำรุงผิว เป็นต้น เป็นธุรกิจที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าของเขา แต่ตอนนั้นเป็นเพียงโรงงานเล็ก ๆ ทำครีมทาหน้าเพื่อวางขายตามร้านขายของชำทั่วประเทศ แต่พอมาถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่ ก็ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนลงไปอีกหลายล้าน โดยเปลี่ยนสูตรของครีมจากที่มีส่วนประกอบของเสตียรอยด์มาใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติเกือบทั้งหมด เปลี่ยนหีบห่อให้สวยงามและทันสมัยขึ้น มีการขยายไลน์สินค้าจากแค่ครีมทาหน้าไปสู่ครีมอาบน้ำ ครีมทาผิว ยาสระผม และตอนนี้ เขาก็ตัดสินใจเพิ่มไลน์เครื่องสำอางขึ้นอีกไลน์หนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างลงตัวและพร้อมหมดแล้ว เหลือแค่เวลาจะนำเสนอให้ผู้บริโภครับทราบผ่านภาพยนตร์โฆษณาและเปิดตัวอย่างเป็นทางการเท่านั้น โดยโฆษณานั้นอยู่ในช่วงกำลังถ่ายทำ ดังนั้น งานเปิดตัวก็ต้องเตรียมพร้อมเช่นกัน
ที่ผ่านมา มีบริษัทออกาไนเซอร์ใหญ่ ๆ เข้ามาเสนองานหลายบริษัท แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมไปรยาถึงไม่เลือกเสียที และบริษัทที่จะมาพรีเซ็นต์วันนี้ก็ได้ยินว่าเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ ที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
“จะเสียเวลาเปล่าหรือเปล่าเนี่ย” เขาพึมพำ “สุดท้ายยายปุ๊ก็ต้องเป็นคนตัดสินใจอยู่ดี”
“อย่างน้อยการที่คุณปักษ์ได้ฟังคอนเซ็ปต์งาน ก็อาจจะช่วยให้คุณปุ๊ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็ได้นะคะ”
ปักษ์พยักหน้า ก่อนถามต่อ “แล้วหลังจากประชุมกับการตลาดเสร็จแล้ว ผมต้องไปไหน ทำอะไรอีกหรือเปล่า”
“ไม่มีแล้วค่ะ”
“งั้นก็ดีเลย ถ้างั้นคุณช่วยหารายชื่อเวดดิ้งแพลนเนอร์มาให้ผมเลือกหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ” เลขารับคำ แล้วทำท่าจะถอยออกจากห้องไป แต่ก็สังเกตเห็นว่า หน้าของเขาดูเซียว ๆ “คุณปักษ์ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
เขายกมือลูบหน้าตัวเองครั้งหนึ่งแล้วบอก
“อือ มันแปลก ๆ บอกไม่ถูก มันขมปากเหมือนจะอาเจียน แล้วก็อยากกินแต่ของเปรี้ยว ๆ ผมคงเครียดมากไปล่ะมั้ง...เออ...กล่องมะขามเปียกของผมล่ะ คนขับเอาขึ้นมาให้หรือยัง” ตอนท้ายเขาเหลียวหากล่องดังกล่าว
“เอ่อ...ไม่เห็นนะคะ สงสัยแกลืมเอาขึ้นมามังคะ เดี๋ยวพลอยโทร.ตามให้นะคะ”
“ดี แล้วบอกให้แกซื้อพวกน้ำอะไรเปรี้ยว ๆ มาเผื่อด้วยนะ ด่วน ๆ เลย” เขาสั่งเสียงอ่อนระโหย
เลขาสาวที่ชื่อพลอยมณีรับคำแล้ววิ่งแจ้นออกไป เนื่องจากเห็นอาการและสีหน้าของนายแล้วไม่ค่อยไว้ใจ
เมื่อเลขาออกไปแล้ว ปักษ์ก็โทร.หาขวัญระมิงค์ เพื่อบอกให้เธอมาเลือกบริษัทจัดงานแต่งด้วยกัน แต่เธอไม่รับสาย แล้วเขาก็จำได้ว่าเมื่อคืนเธอออกไปดื่มกับเพื่อน ๆ คงกลับดึก และป่านนี้ก็คงยังไม่ตื่น จึงทำเพียงส่งข้อความไปทิ้งไว้
หลังจากส่งข้อความแล้ว ชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาว ๆ ด้วยความหนักใจ เกิดความเครียดขึ้นมาเป็นครั้งแรกว่า ถ้าขวัญระมิงค์ยังใช้ชีวิตแบบนี้ หลังแต่งงานไปแล้ว เธอกับเขาต้องมีปัญหากันแน่ ๆ
อย่างไรก็ตาม เขาจะลองคุยกับเธอ เพื่อหาทางออกตรงกลางให้ได้ เขาอาจจะขอให้เธอลดการเที่ยวลง และเขาจะเป็นคนพาเธอเที่ยวเอง อย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้ง เธอน่าจะพอใจ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเขาอนุญาต เลขาก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ในมือเธอมีกล่องมะขามเปียกและเครื่องดื่มชามะนาว
เธอวางของทุกอย่างลงตรงหน้าเขา แล้วบอก
“ทีมออการ์ไนเซอร์มาถึงแล้ว ตอนนี้รออยู่ที่ห้องประชุมค่ะ”
เขาทำเสียงรับทราบ แล้วก็สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทางตื่นเต้นแปลก ๆ เห็นได้ชัด ดูเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ก็ไม่พูด
“มีอะไรหรือเปล่า...”
“พลอยรู้สึกเหมือนโดนผีหลอกตอนกลางวันแสก ๆ ค่ะ” เธอยังคงมีน้ำเสียงตื่นเต้น
“ยังไง?” เขาว่าพลางเปิดกล่องตรงหน้าแล้วหยิบมะขามออกมาเคี้ยวหยับ ๆ ทำเอาน้ำลายของพลอยมณีพากันวิ่งที่รวมตัวกันที่กระพุ้งแก้มด้วย
“จริง ๆ พลอยอยากให้คุณเซอร์ไพร้ส์นะคะ แต่กลัวคุณจะช็อกเหมือนพลอย เลยคิดว่าบอกไปตรง ๆ ดีกว่า...คือ...หนึ่งในทีมงานที่มาคุยงาน หน้าเหมือนคุณขวัญเดี๊ยะเลยค่ะ”
ปักษ์เบิกตากว้าง และไม่รู้ทำไมหัวใจถึงเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ
“คุณปิ๊ง” เขาพึมพำชื่อนั้น วางของเปรี้ยวในมือลงแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินเร็ว ๆ ออกจากห้องตรงไปยังห้องประชุมทันที
“อ้าว บอสคะ คิดจะไปก็ไปเลยเหรอคะเนี่ย” เลขาสาวรีบหยิบเอกสารการประชุมแล้ววิ่งตามเขาไปทันที