ในมุมอ่อนโยน

1317 คำ
แม้จะอยากกลับบ้านแค่ไหนแต่ก็คงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ปฏิเสธเพื่อน แต่เหตุผลก็มาตามสายโทรศัพท์เมื่อแม่เขาโทรหา หากก็เป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากให้เกิดเลย “ครับแม่” “โปรด โปรดอยู่มหาวิทยาลัยไหม ไปดูน้องที่โรงพยาบาลให้แม่หน่อยได้ไหม อยู่ในโรงพยาบาลมอโปรดนั่นแหละ” แม่เขาพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหมือนเรียบเรียงอะไรไม่ค่อยถูก “แม่ ใครเป็นอะไร” “บุญษา น้องมอเตอร์ไซค์ล้ม ยายมีโทรบอกแม่เมื่อกี้ แต่แม่เห็นว่าโปรดอยู่ใกล้น้อง เรียนเสร็จหรือยัง ไปดูน้องหน่อยได้ไหม เห็นว่าตั้งแต่บ่ายสี่น้องเพิ่งฟื้น เพิ่งได้ติดต่อญาติ” ใจเขาก็หล่นไปอยู่ตาตุ่มเหมือนกัน ลนลานทำอะไรไม่ถูก “เอ่อ ครับ เดี๋ยวโปรดไป” ร่างสูงผุดลุกขึ้นทันที เพื่อนต้องเรียกไว้เพราะรีบจนลืมที่จะบอกเพื่อนๆ “ใครเป็นอะไรวะโปรด” พอจะเดาๆ จากการพูดคุยและสีหน้าของเพื่อนได้ “น้อง...รถมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่โรงพยาบาลเรานี่ เอ่อ เดี๋ยวกูขอตัวก่อนนะวันนี้ โทษที มีอะไรค่อยทักหาได้ไหม” “เออๆ มึงไปเถอะ” เพื่อนผู้ชายอีกคนบอกให้เขารีบไป แม้จะยังงุนงงเพราะเท่าที่รู้ปริญเป็นลูกคนเดียว แต่ก็คิดว่าคงเป็นลูกพี่ลูกน้องหรือญาติกัน เรื่องแบบนี้ก็ไม่มีใครมีอารมณ์อยากถามรายละเอียด “เออ โทษทีนะ” เขาขอโทษเพื่อนๆ อีกครั้งก่อนจะรีบออกจากห้อง รีบจนวิ่งลงบันไดจากห้องเรียนชั้นสามแทนลิฟต์ที่เห็นคนรออยู่เต็ม ไม่ได้มีเวลาคิดหรอกว่าถ้ารอลิฟต์อาจจะถึงไวกว่า...แทบจะไม่นึกถึงอาการเหนื่อยหอบของตัวเองด้วย อยากจะเหยียบคันเร่งให้มิดแต่ต้องพยายามประคองสติ และยิ่งเป็นถนนในมหาวิทยาลัยยิ่งต้องขับช้ากว่าปกติ สุดท้ายเขามาถึงโรงพยาบาลโดยใช้เวลาเกือบสิบห้านาที กว่าจะหาที่จอดรถได้ กว่าจะเดินมาถึงตึกฉุกเฉิน ยังลืมความเหนื่อยมากกว่าใจที่ร้อนรนอยากเห็นหน้าอีกคน “ใครเป็นอะไรครับ” เจ้าหน้าที่เข้ามาถามเขา “เอ่อ ผมเป็นญาตินางสาวบุญรักษาครับ ที่รถมอเตอร์ไซค์ล้ม ตอนประมาณสี่โมง” “สักครู่นะครับ” เจ้าหน้าที่เดินไปสอบถามข้อมูล ปริญก็มองตามตลอดว่าเขาพูดอะไรกัน จะเดินไปไหน เห็นอีกฝ่ายเดินผ่านประตูเข้าไปในห้องฉุกเฉินก็ยิ่งร้อนใจ รู้สึกว่าเวลาไม่ถึงสามนาทีที่พนักงานคนเดิมเดินผ่านประตูเซ็นเซอร์ออกมายาวนานมาก “บุญรักษา คงใจดี นะครับ” “ใช่ครับ” “เชิญข้างในเลยครับ นอนพักอยู่บนเตียง” พอได้คำอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก็เดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เขากวาดตามองเตียงคนไข้ที่มีคนนอนอยู่เต็มทั้งห้าเตียงก็ยังไม่ใช่บุญรักษา เลยต้องไปถามพยาบาลอีกที “เอ่อ ผมเป็นญาตินางสาวบุญรักษาครับ ที่รถมอเตอร์ไซค์ล้ม” “เป็นอะไรกับคนไข้คะ” “พี่ชายครับ” “นอนพักอยู่ข้างในค่ะ เตียงแรกด้านใน” พอพยาบาลชี้ไปด้านในถึงเพิ่งเห็นว่ามีห้องพักคนไข้อยู่อีกโซนหนึ่ง จึงรีบเดินเข้าไปหาเธอ ตรงไปที่เตียงแรกด้านในตามที่พยาบาลบอกซึ่งเขาก็มองเห็นเธออยู่แล้ว อีกฝ่ายก็มองเขา แววตาเหมือนดีใจ...ที่มีใครสักคนมาหาเธอสักที ไม่รู้ว่ารอนานแค่ไหน แล้วเจ้าตัวขวัญเสียขนาดไหนแล้ว ปริญเดินไปยืนข้างเตียง มองหน้ากันเหมือนใช้แววตาสื่อสารเพราะยังคิดไม่ออกว่าควรต้องพูดอะไร ก่อนจะมองสำรวจร่างกาย เห็นเพียงแขนทั้งสองข้างที่มีแผลถลอกเล็กๆ ที่ข้างซ้าย ด้านล่างผ้าห่มคลุมไว้เลยไม่รู้ว่าบาดเจ็บตรงไหนอีกไหม “เจ็บตรงไหนไหม” “ไม่ค่ะคุณโปรด มีแค่แผลตรงนี้” ยกแขนให้เขาดู “ข้างเดียวกับที่ตกต้นไม้ตอนนั้น” บุญรักษาชะงักไปเล็กน้อย เธอเองยังลืมนึกถึง ตอนนั้นเด็กมาก...แต่ปริญกลับจำได้ “เอ่อ ค่ะ แต่ไม่น่าเป็นอะไร บุญษาเจ็บแค่แผลถลอกนิดหน่อย” “หมอเอ็กซเรย์ไหม” “ค่ะ แต่คุณหมอยังไม่บอก” “แม่บอกว่าเธอสลบ” “ค่ะ เอ่อ บุญษาน่าจะหลับใน” “หลับใน” เขาเอียงหน้าถามอย่างแปลกใจ “ค่ะ ไม่รู้เหมือนกัน มันเหมือนวูบไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว” ปริญกำลังนึกภาพที่บุญรักษาขี่มอเตอร์ไซค์หลับใน และพลางคิดไปว่าเธออาจนอนไม่หลับเพราะเสียใจกับการสูญเสีย หรือเผลอใจลอยเวลาขับรถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ “อืม แล้วรอฉันนานไหม” “ไม่นานค่ะ” ต่อให้รู้สึกว่านานกับการรอใครสักคนบุญรักษาก็ต้องตอบเขาแบบนั้นอยู่แล้ว “แล้วกลัวไหม ตื่นมาไม่เจอใคร” น้ำเสียงเหนื่อยล้าให้ความรู้สึกอ่อนโยนในที จนคนที่หวั่นวิตกมาตลอดที่นอนอยู่บนเตียงพยาบาลเพราะหันไปทางไหนก็ไม่เจอคนรู้จักรูสึกตื้นตันในอก เอ่อล้นจนน้ำตาคลออยู่ข้างใน แต่ก็ฝืนยิ้มให้อีกฝ่าย ส่ายหน้า ซึ่งปริญรู้ว่าเธอต้องกลัว เขายิ้มจางๆ ให้เธอ ฝืนใจตีหน้ายักษ์ใส่ไม่ได้และทำให้หัวใจเด็กสาวยิ่งอุ่นเข้าไปอีกแค่เขาลูบศีรษะเธอทีสองที แล้วเปลี่ยนมาลูบมืออีกทีก่อนปล่อยและยืนตัวตรงเหมือนเดิม แค่นี้ก็อยากร้องไห้เพราะรู้สึกว่าเขาต้องการปลอบเธอ “ฉันดึงผ้าห่มออกได้ไหม อยากดูว่าเธอเป็นอะไรอีกหรือเปล่า” “เอ่อ ค่ะ” ปริญดึงผ้าห่มออกจากตัวเธอ สังเกตว่ามีจุดไหนผิดปกติอีกไหม ก็เห็นแผลถลอกที่เท้าอีกจุด แต่ก็ไม่ได้ดูหวาดเสียวมาก...แต่ใต้ร่มผ้านี่เขาก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเธอเจ็บตรงไหนอีกไหม แต่คงทำได้แค่รอถามหมอถึงอาการทั่วๆ ไปของเธอ เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเธอ เพิ่งหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นแม่ทักมาถามอาการของอีกฝ่าย ก็พิมพ์ตอบไปตามที่เขาเห็น นั่งรออยู่ตรงนี้เกือบๆ ยี่สิบนาทีหมอเวรก็มาคุยกับเขา “ญาติบุญรักษาใช่ไหมครับ” “ใช่ครับ” “เอ็กซเรย์แล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ แขนไม่หัก สมองไม่กระทบกระเทือนดีที่ใส่หมวกกันน็อก ใส่แบบเต็มใบแบบนี้ดีแล้ว มีแผลถลอกที่แขนกับเท้า สามารถล้างแผลเองได้ ไม่ใหญ่มาก ญาติไปรับยาเรียบร้อยก็กลับบ้านได้ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติอะไรรีบมาหาหมอนะครับ เพราะคนไข้สลบ แต่เห็นเจ้าตัวบอกวูบ” “ครับ เธอบอกผมแบบนั้นเหมือนกันว่าวูบไป เอ่อ ช่วงนี้เขาอาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอ” “ออ เมื่อคืนนอนกี่ทุ่มล่ะ” คุณหมอหันมาคุยกับบุญรักษาเหมือนชวนคุย ให้ผ่อนคลาย “เมื่อคืนน่าจะตีสอง” “เรียนหนักเหรอ” “เอ่อ หนูนอนไม่ค่อยหลับ หลับๆ ตื่นๆ” “นอนไม่หลับแบบนี้มานานหรือยัง” “น่าจะหนึ่งสัปดาห์” “มีเรื่องกังวลใจอะไรหรือเปล่าครับ พอจะบอกหมอได้ไหม” “เอ่อ หนู” บุญรักษาพอจะรู้ว่าทำไมเธอถึงนอนไม่หลับ เครียด เจ็บปวด ร้องไห้ทุกคืน จนบางครั้งก็เบลอๆ แต่จะเอ่ยบอกใครก็สะเทือนใจตัวเอง ปริญกุมมือเธอ ไล้นิ้วบนหลังมืออย่างปลุกปลอบให้เธอผ่อนคลายลง และเป็นคนบอกกับหมอเอง “เธอเพิ่งสูญเสียคุณยายครับ อาจจะยังทำใจไม่ได้” คำตอบของเขาทำให้ทุกคนเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนคุณหมอจะยิ้มจางๆ ให้เธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม