ภูผาเสริมเบา ๆ พลางมองเธอด้วยสายตาอบอุ่น “แล้ว... ใครจะรู้ล่ะครับ ว่าวันหนึ่ง...เราทั้งคู่อาจจะได้มายืนด้วยกันบนเวทีอีกครั้ง ผมจะตั้งตารอวันนั้นครับ”
อันอันยิ้มกว้าง “อันก็จะตั้งตารอเหมือนกันค่ะ”
กล้องจับภาพทั้งคู่ที่ยืนเคียงกันกลางเวที
เจ้าบ่าวกำมะลอมาดนิ่ง กับเจ้าสาวกำมะลอแสนร่าเริง ยิ้มให้กันในแสงไฟอุ่น ๆ
และเมื่อเสียงเพลงปิดรายการดังขึ้น ทั้งสองก็หันมาพร้อมกัน ยกมือไหว้กล้องด้วยรอยยิ้มเปี่ยมความรู้สึก
ในรอยยิ้มนั้น...มีทั้งความสุข ความผูกพัน และ “บางสิ่งบางอย่าง” ที่ยังไม่ได้เอ่ยออกมา
ไม่มีใครรู้หรอกว่า...
เทปสุดท้ายของ เพลงเพลินบันเทิงใจ
จะกลายเป็น “จุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่” ของคนสองคน
ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแค่คู่กัดบนเวที...
แต่กำลังกลายเป็นคนรู้ใจกันในชีวิตจริง
…
หลังรายการจบ...
เสียงปรบมือสุดท้ายค่อย ๆ จางลง พร้อมกับทำนองเพลงธีมประจำรายการที่เบาเสียงลง จนเหลือเพียงเสียงพูดคุยเบา ๆ ของทีมงานที่กำลังเก็บของ
อันอันยืนมองเวทีที่ตอนนี้ปิดไฟลงเกือบหมด เหลือเพียงแสงสลัวจากหลอดไฟไม่กี่ดวง ส่องละมุนลงบนฉากดอกไม้สีขาว
เธอถอนหายใจเบา ๆ แต่รอยยิ้มบางยังแต้มอยู่บนริมฝีปาก
“จบแล้ว...จริง ๆ หรือเนี่ย” เธอพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา
“อืม...” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง
ภูผาเดินเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งถือกล่องสีขาวเรียบไว้แน่น
“ไม่คิดเลยว่าจะรู้สึก... แปลก ๆ แบบนี้” เขาว่าเบา ๆ
อันอันหันไปมองเขา ยิ้มบาง ๆ “แปลกยังไงคะ?”
“ก็ผมชินกับเสียงของคุณจนต้องรอฟังทุกสัปดาห์...” เขาหยุดนิดหนึ่ง ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “พอคิดว่าต่อไปจะไม่ได้ยินอีก...ก็ดูเงียบไปหน่อย”
หญิงสาวหัวเราะน้อย ๆ พลางส่ายหน้า “พูดแบบนี้ แปลว่าคิดถึงเสียงอันแล้วแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ~”
ภูผายกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง “อืม... อาจจะนะ”
เขาตอบสั้น ๆ แต่กลับทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
จากนั้นเขายื่นกล่องในมือให้เธอ
“ดอกไม้ในกล่องนี้...เหมาะกับคุณมากครับ”
น้ำเสียงเขานุ่มจนหญิงสาวชะงักเล็กน้อย ก่อนเขาจะพูดต่อ
“ขอบคุณที่เป็นพิธีกรร่วมกับผมมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมมีความทรงจำดี ๆ มากมายเลยครับ”
อันอันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนยื่นมือรับกล่องจากชายหนุ่ม ดวงตาเป็นประกายอบอุ่น
“ขอบคุณมากค่ะ...อันจะเก็บไว้อย่างดีเลย” เธอยิ้มบาง แต่แฝงความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจพูดออกมาได้
เมื่อถึงเวลาต้องแยกกัน อันอันยกมือไหว้ขอบคุณทีมงาน ก่อนหันกลับมาหาภูผาอีกครั้ง
“ไว้เจอกันใหม่นะคะ ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกันอีก”
ภูผาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มละมุน “แน่นอนครับ...ผมจะรอวันนั้น”
เขายิ้มบาง ก่อนค่อย ๆ เดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวมองตามแผ่นหลังนั้นด้วยหัวใจที่อบอุ่นจนเกินบรรยาย
เธอก้มมองกล่องในมืออย่างแผ่วเบา ก่อนยกขึ้นแนบอก
แสงไฟสลัวสะท้อนกล่องสีขาวจนดูเหมือนมีประกายระยิบอยู่ในอ้อมแขน
หญิงสาวยิ้มบาง ๆ แล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ถ้าโชคชะตาใจดี... เราคงได้พบกันอีก”
…
ภูผานั่งพิงเบาะรถอย่างเงียบ ๆ สายตาหยุดอยู่ที่ตุ๊กตาเพนกวินตัวหนึ่งซึ่งวางอยู่บนเบาะข้างตัว
พี่โชคเป็นคนยื่นให้เขาทันทีที่ขึ้นรถ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นและคำพูดสั้น ๆ
“ของขวัญจากน้องอันอันน่ะ เธอฝากมาให้ก่อนกลับ”
ชายหนุ่มหยิบตุ๊กตาขึ้นมามองใกล้ ๆ
เพนกวินตัวกลมใส่สูทตัวเล็ก มีหน้าเก๊กเหมือนคนจริงจนน่าขัน...เหมือนใครบางคนไม่มีผิด
ภูผาหลุดยิ้มบางออกมาโดยไม่รู้ตัว
ภาพในความทรงจำย้อนกลับมา...ตอนที่เขาแซวอันอันกลางรายการในเทปที่สองว่า “ดูสูงกว่าปกติ...?” เพราะชุดของเธอมีปีกนางฟ้า
และเธอตอบกลับด้วยสายตากรุ่นไฟว่า “วันนี้ คุณซันซันของเราก็น่ารักเหมือน...นกเพนกวิน เลยนะคะ~” เพราะชุดของเขาเป็นสูทหางยาว
เขาหัวเราะเบา ๆ พลางพึมพำกับตัวเอง
“แสบจริง ๆ...ยัยตัวแสบ ยังไม่เลิกแซวอีกนะ”
แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขาไม่ได้มีแววหงุดหงิดเลยสักนิด
กลับมีแต่ความอบอุ่นและความคิดถึงที่แผ่วเบา
เสียงพี่โชคดังขึ้นจากเบาะหน้า
“ซัน เมื่อวานทางบริษัทแจ้งมาแล้วนะ เขาเลือกละครเรื่องหนึ่งให้นายเล่น ได้บทพระรอง ละครเรื่องนี้น่าจะเริ่มถ่ายเร็ว ๆ นี้ เดี๋ยวบทถึงมือพี่เมื่อไหร่ พี่จะส่งให้ทันที”
ภูผาหันไปมองทางหน้าต่าง รถเคลื่อนไปช้า ๆ ท่ามกลางแสงไฟยามค่ำ
“งั้น...ทางบริษัทจะยุบวงของผมแน่นอนแล้วใช่ไหมครับพี่โชค?”
น้ำเสียงเขาเจือด้วยความเงียบงันและเสียดาย
พี่โชคถอนหายใจ “ยังไม่แน่หรอก ตอนนี้ผู้บริหารยังไม่ประกาศชัด แต่ดูเหมือนจะพักวงไว้ก่อน...เอาเถอะ ลองหันมาทางการแสดงก่อนก็ไม่เสียหาย เผื่อจะเจอเส้นทางใหม่ที่เหมาะกับนายมากกว่า”
ภูผาพยักหน้าช้า ๆ “ครับ ผมจะลองดู...อย่างน้อยก็ไม่ต้องหยุดอยู่กับที่ เผื่อวันหนึ่ง บริษัทจะให้โอกาสวงของผมอีกครั้ง”
บรรยากาศในรถเงียบลงไปครู่หนึ่ง ก่อนภูผาจะพูดเสียงเรียบแต่แฝงความลังเล
“พี่โชค...มีไลน์ของอันอันไหมครับ?”
พี่โชคเหลือบมองทางกระจกมองหลัง ยิ้มบาง ๆ “เอ่อ... ไม่มีแฮะ เดี๋ยวพี่ขอจากเจ๊หวานให้นะ”
ภูผารีบพูดต่อทันที “แต่...อย่าบอกนะครับว่าผมเป็นคนขอ”
“ฮ่า ๆ ได้สิ พี่จะอ้างว่าเอาไว้จองโต๊ะที่ร้านอาหารของบ้านน้องอันก็แล้วกัน”
“ขอบคุณครับ” เขาพูดสั้น ๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความหมาย
ภูผาก้มมองตุ๊กตาเพนกวินข้างตัวอีกครั้ง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
“เธอนี่มัน...ตัวป่วนจริง ๆ เลยนะ อันอัน”
เสียงหัวเราะจาง ๆ ของเขาแผ่วไปพร้อมกับรถที่เคลื่อนลับออกจากสตูดิโอ
โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า ตุ๊กตาเพนกวินตัวเล็กบนเบาะนั้น
จะกลายเป็น “ของขวัญแห่งความทรงจำ” ที่เขาเก็บไว้ใกล้ตัวเสมอ