เรื่องที่ 1 พี่แท็กซี่ข้างห้อง (1/2)

2729 คำ
ฉันชื่อส้ม เป็นคนหน้าตาธรรมดา ตัวเล็ก สูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบห้า ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่น ฉันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ฉันฝึกงานในเทอมสุดท้ายก่อนจะเรียนจบในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ยังไม่มีแฟน และไม่อยากมีแฟน เพราะตั้งใจเรียนให้จบ หางานทำ เพื่อใช้หนี้ทุนที่กู้ยืมเรียนและทำงานเก็บเงินส่งให้พ่อแม่ ปกติฉันทำงานพาร์ทไทม์เป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหาร แต่เทอมนี้ฝึกงานเลยไม่ได้ทำงานเสิร์ฟแล้ว ฉันอาศัยอยู่หอพักรวมที่ราคาไม่แพงมาก หอพักมีทั้งหมดสามชั้น ฉันอยู่ชั้นแรก ที่นี่เราอยู่แบบตัวใครตัวมันไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร ยกเว้นพี่แท็กซี่ข้างห้อง ที่เข้ามาจีบฉัน ตั้งแต่วันแรกที่เขาย้ายมาอยู่เมื่อสองเดือนที่แล้ว เขาชอบซื้อโจ๊กมาห้อยไว้ที่หน้าห้องตอนเช้า บางวันเป็นน้ำเต้าหู้ แรกๆ ฉันก็เกรงใจ หลังๆ นี่คือเต็มใจล้วนๆ เพราะความงกและเสียดายของ ถึงแม้มันจะเหมือนให้ความหวังก็ตามที ฉันคุ้นๆ ว่าเขาเคยบอกว่าชื่อวินัยหรือวิชัย อะไรสักอย่างนี่แหละ แต่ฉันเรียกเขาว่าพี่แท็กซี่ เพราะเขาทำงานเป็นคนขับแท็กซี่ พี่แท็กซี่เป็นผู้ชายที่ตัวสูงไม่มาก สูง165 อายุน่าจะไม่เกินสามสิบ หน้าตาก็ถือว่าพอใช้ ทรงผมไม่จัดทรง ตกลงมาปิดหน้าผาก ใส่แว่นตาหนาเตอะ เขาตามจีบฉันจนออกนอกหน้า แต่ไม่เคยก้าวก่ายหรือสร้างเรื่องปวดหัวให้ฉัน แค่ซื้อของกินมาห้อยไว้หน้าห้อง ตอนเช้าขอไปส่งที่บริษัทที่ฉันฝึกงาน และตอนเย็นขอมารับกลับห้อง เราแทบจะไม่ได้เจอกันเวลาอื่น ยกเว้นตอนที่เขาไปรับไปส่งฉันก็แค่นั้น ฉันฝึกงานแล้วสามเดือนกว่า อีกเดือนเดียวฉันก็ฝึกงานจบ และต้องทำรายงานการฝึกงานเพื่อยื่นจบ แล้วรอรับปริญญาในปลายปีนี้ ฉันคิดว่าจะสมัครเข้าทำงานในบริษัทที่ฉันฝึกงาน เพราะเขาทาบทามฉันเอาไว้แล้ว เพราะเกรดเฉลี่ยฉันสูง และฝึกงานอย่างทุ่มเทพี่ๆ ในแผนกชื่นชมไม่ขาดปาก “ส้ม” พี่แท็กซี่เรียกฉัน ขณะที่เดินออกมาหน้าบริษัท ฉันยิ้มให้และเดินขึ้นรถไปเหมือนทุกครั้ง “ถามจริงมารับส่งส้มฟรีตั้งสองเดือนแล้ว ไม่กลัวขาดทุนเหรอ” ฉันถาม “ไม่นี่ ก็พี่บอกแล้วว่าเต็มใจ” “ส้มเกรงใจนะ แต่ของฟรีก็ไม่อยากปฏิเสธ” ฉันบอกตรงๆ ไม่อยากให้ความหวังใคร “ครับ ย้ำทุกวัน พี่รู้แล้วครับ” พี่แท็กซี่พูดยิ้มๆ “วันนี้ส้มเลี้ยงหมูกระทะ” ฉันบอก วันนี้เบี้ยเลี้ยงเด็กฝึกงานออก ฉันพอมีเงินเก็บไว้ใช้จ่าย อยากเลี้ยงตอบแทนเขาบ้าง ฉันกินข้าวที่เขาเอามาห้อยไว้หน้าประตูทุกเช้า แถมนั่งรถฟรีแบบนี้มาสองเดือนแล้ว เลี้ยงตอบแทนเขาหน่อยก็ไม่เสียหาย “ใจอ่อนแล้วละสิ” “ใจอ่อนบ้าอะไรล่ะพี่ ส้มแค่อยากตอบแทนที่มารับมาส่ง” ฉันบอกพี่แท็กซี่ แต่ในใจก็คิดว่าทำไมวันนี้อยากกินข้าวกับเขาก็ไม่รู้ “พี่ล้อเล่น เดี๋ยวพาแวะร้านหมูกระทะแถวปากซอยหอพัก” พี่แท็กซี่บอกแล้วผิวปากอย่างอารมณ์ดีจนหน้าหมั่นไส้ เรานั่งกินหมูกระทะแบบบุฟเฟ่ต์ เพราะฉันเป็นประเภท ขี้งก และต้องกินให้คุ้ม สั่งเป็นชุดก็กลัวขาดทุน ก็คนมันไม่ได้เกิดมารวยนี่นะ ฉันรวบผมขึ้น เพื่อจะได้กินได้ถนัด พี่แท็กซี่มองแล้วยิ้มในท่าทางของฉัน ฉันตักหมูและผักมาพอประมาณ นั่งย่างรอพี่แท็กซี่ที่ไปตักอาหารอยู่ พี่แท็กซี่เดินกลับมานั่งแล้วเริ่มย่าง เขาปาดเหงื่อตรงหน้าผากที่มีผมบังปิดไว้อยู่ ฉันหงุดหงิดที่เขาย่างไปเช็ดเหงื่อไป เลยค้นหายางมัดผมในกระเป๋ายื่นให้เขา เขามองอย่างงงๆ ฉันเลยลุกไปยืนข้างหลังเขาแล้วรวบผมด้านหน้าเขาขึ้นมามัดจุกน้ำพุไว้ แล้วกลับไปนั่งที่ พี่แท็กซี่หน้าแดง ยิ้มไม่หุบ ฉันมองดูใบหน้าเขาที่ตอนนี้ไม่มีผมมาบัง ‘ก็น่ารักดี’ “ส้ม กินเก่งจัง” พี่แท็กซี่พูดขึ้น “นานๆ ที เอาให้คุ้มสิพี่” ฉันบอกอย่างไม่อาย “เออ ว่าแต่พี่แท็กซี่เป็นคนที่ไหน” ฉันถาม เขาหน้าสลดลงนิดนึง “ส้มไม่เคยเรียกชื่อพี่เลย” เขาพูดเสียงเศร้า ฉันเหวอไปนิดนึง รู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ กินข้าวของเขาฟรี นั่งรถเขาฟรี สองเดือนแต่ไม่เคยเรียกชื่อเขาเลย ไม่เคยอ่านป้ายชื่อเขาบนรถด้วยซ้ำ “ส้มขอโทษ มันเรียกพี่แท็กซี่จนชินปาก” ฉันบอกเสียงอ่อน “พี่ชื่อ ดนัย” พี่แท็กซี่ดนัยบอก “ค่ะ” ฉันบันทึกใส่สมองทันที พี่ดนัยเล่าว่าเขาเป็นคนต่างจังหวัด เข้ามาทำงานตามความฝันที่กรุงเทพฯ ตอนแรกก็ทำงานประจำ แต่ก็ไม่ก้าวหน้าเพราะหัวหน้างานที่เป็นคนเก่าแก่เอาผลงานเขาไปเอาหน้าตลอด จนได้เลื่อนขั้น พอมีโปรเจ็คใหญ่ที่เขากำลังทำ หัวหน้างานคนนั้นก็บอกผู้บริหารว่าเป็นผลงานของตัวเอง พี่ดนัยเลยลาออกแล้วเอาโปรเจ็คที่ตัวเองคิดกลับมาด้วย ผู้บริหารเลยรู้ความจริง พยายามดึงตัวพี่ดนัยกลับ แต่เขาก็ไม่กลับไปร่วมงานกับหัวหน้างานคนเก่าแล้ว ผู้บริหารเลยเสนอให้เขารับงานแบบฟรีแลนด์แทน เขาเลยมาขับแท็กซี่เป็นงานเสริมเวลาคิดงานไม่ออก เพราะดีกว่านั่งเล่นนอนเล่นที่ห้องไปวันๆ ฉันพยักหน้าเข้าใจสถานการณ์ของเขา เพราะตอนที่ฉันฝึกงานก็เจอคนแบบนี้เยอะ รุ่นพี่ในแผนกก็ทำงานแข่งขันกัน เวลาทานข้าวก็ปั้นหน้ายิ้มให้กัน เลียแข้งเลียขาเจ้านาย นินทาเพื่อนร่วมงานลับหลังแล้วปั้นหน้ายิ้มให้กันต่อหน้า มีทุกรูปแบบ ถ้าฉันทำงานต้องเจอสิ่งแวดล้อมแบบนี้ก็คงจิตตกไม่น้อย แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นแค่ที่เดียว ฉันรู้ว่าที่ไหนก็มีคนประเภทนี้ปะปนกันไปทั่ว มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอ “ส้มจะทำงานที่บริษัทนี้ต่อเลยใช่ไหม” “ใช่ เขาทาบทามไว้แล้ว” “ตอนฝึกงานกับทำงานไม่เหมือนกันนะ” “ส้มรู้น่า” “แล้วส้มจะย้ายหอรึเปล่า” พี่ดนัยถาม จริงๆ ก็ไม่อยากย้ายหรอก แต่ตอนเขาตามจีบใหม่ๆ ก็อยากย้ายเหมือนกัน แต่ดูๆ ไปเขาก็ไม่เคยมาวุ่นวายหรือมาดักรอเจอ หรือมาเคาะห้องดึกๆ อะไรแบบนั้น แค่เคาะห้องตอนเอาข้าวมาห้อยไว้แล้วเจอกันอีกทีก็จอดรถรอไปส่ง และมาจอดรถรอรับ คุยกันก็แค่เจอบนรถและที่ระเบียงตอนตากผ้าและเก็บผ้าบางครั้งเท่านั้น “คงไม่ย้ายหรอก ราคาแบบนี้อยู่ในเขตชุมชนหายากมาก” ฉันบอก พี่ดนัยยิ้มดีใจ ฉันรู้ว่าเขาดีใจที่ฉันไม่ย้ายออก “พี่จะได้จีบส้มไปนานๆ” “....” เจอพี่ดนัยพูดตรงๆ แบบนี้ก็เขินอยู่นิดๆ ไม่รู้จะพูดอะไร ฉันชวนพี่ดนัยเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อยๆ กลบเกลื่อนความเขิน จะว่าไปเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งเหมือนกัน ลองคุยๆ ดูก็คงไม่เสียหาย เขารับส่งทุกวันมันไม่ได้สูญเปล่าหรอก ฉันมองใบหน้าเขาอีกทีแล้วยิ้ม พี่ดนัยสงสัย “ยิ้มอะไรครับ” “พี่เปิดหน้าผากแล้วน่ารักดี” ฉันพูดตรงๆ จนพี่ดนัยเขิน “พี่จะเปิดหน้าผากบ่อยๆ แล้วกัน” เขาพูด เราทานเสร็จก็กลับหอพัก แล้วคุยสัพเพเหระกันจนถึงหน้าห้อง วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันคุยกับเขามากกว่าทุกครั้ง ดูพี่ดนัยมีความสุขมาก เราแยกย้ายกันเข้าห้อง สักพักพี่ดนัยก็มาเคาะห้อง ฉันเปิดออกไป เขายืนอยู่หน้าห้องท่าทางเหมือนตื่นเต้น “ส้ม” “ค่ะ” “พี่ พี่ขอเบอร์ได้รึเปล่า” พี่ดนัยตัดสินใจพูด ฉันยื่นมือไปขอโทรศัพท์เขา บันทึกเบอร์ลงไปให้ แล้วกดแอดไลน์แถมให้เขาด้วย พี่ดนัยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ส้มไม่ค่อยชอบคุยโทรศัพท์ เป็นประเภทชอบพิมพ์มากกว่า” ฉันบอก “อืม ขอบคุณครับ” “พรุ่งนี้ส้มหยุดนะ หยุดยาวถึงวันอาทิตย์ ที่บริษัทเขามีสัมมนากันต่างจังหวัด เด็กฝึกงานไม่ได้ไปด้วย” ฉันบอกพี่ดนัย เขาจะได้ไม่ต้องรอไปส่งฉันตอนเช้า “หยุดยาว5วันแหนะ” “ใช่ค่ะ” “ไปไหนรึเปล่า” “ส้มว่าจะกลับบ้าน แต่พ่อกับแม่จะไปช่วยงานแต่งงานญาติต่างอำเภอไม่อยู่บ้าน เลยจะนอนเล่นที่ห้องเนี่ยแหละ” ฉันบอก “ไปเที่ยวทะเลกับพี่ไหม” พี่ดนัยชวน “ห๊ะ!?” “ตอนแรกพี่จะไปเสาร์กลับอาทิตย์ แต่ถ้าส้มหยุดยาวเลยว่าจะชวนไปเที่ยวด้วยกัน 3-4วันก็ได้ วันอาทิตย์จะได้พักผ่อน” “.....” “ถ้าส้มไม่ไปก็ไม่เป็นไร พี่แค่ชวน” พี่ดนัยบอก ยิ้มจริงใจ “ฟรีป่ะ” ฉันถามเล่นๆ “ถ้าส้มไป พี่จ่ายตลอดทริปเลย” เขายิ้มกว้าง “ล้อเล่นค่ะ ออกกันคนละครึ่งนะ” ฉันบอก ฉันประหยัดก็จริง ขี้งกก็จริง แต่เรียนหนักฝึกงานเหนื่อย พักสมองบ้างก็คงดี “พี่เลี้ยงเองจริงๆ ขายงานได้เยอะ แค่ส้มคนเดียว พี่เลี้ยงไหว” พี่ดนัยยืนยัน “งั้นส้มไม่เกรงใจนะ” ฉันรู้ว่าปฏิเสธไปก็เท่านั้น ฉันเลยตกลง ดีเหมือนกันจะได้ไม่เสียเงิน ********************** พี่ดนัยเคาะห้องเรียกฉันตามเวลาที่นัดหมาย ฉันเปิดประตูห้อง เห็นพี่ดนัยยืนอยู่หน้าห้อง เซ็ทผมด้านหน้าตั้งขึ้นปัดไปด้านข้าง ใส่แว่นตาอันเดิม แต่งตัวสบายๆ วันนี้ดูหล่อขึ้นมากเป็นพิเศษจนฉันใจเต้น “พร้อมรึยัง” พี่ดนัยส่งยิ้มหล่อบาดใจมาให้ “พร้อมแล้วค่ะ” ฉันยิ้มให้ พี่ดนัยยื่นมือมาช่วยถือกระเป๋า ฉันส่งกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้เขาถือช่วย ส่วนเป้ใบเล็กฉันถือเอง ฉันหยิบหนังสือของนักเขียนคนโปรดที่เพิ่งซื้อมาติดกระเป๋าออกมาด้วย เป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวนปนรักโรแมนติก ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว หนังสือชุดนี้มี3เล่ม ทยอยออกห่างกันเล่มละสองเดือน ฉันเพิ่งซื้อเล่มแรกมาหลังจากเปิดตัวไปได้สัปดาห์เดียว เมื่อวานนี้เอง พี่ดนัยขับรถและตามมารยาทฉันต้องดูทางช่วยเขาและคุยเป็นเพื่อน แต่เราเพิ่งรู้จักกันไม่นานฉันไม่มีอะไรจะคุยมากนัก และไม่รู้จักทางที่จะไปด้วย “พี่ดนัย ส้มขออ่านหนังสือได้รึเปล่าคะ” “ตามสบายเลย พี่ขับคนเดียวได้” “ประชดรึเปล่าคะ” “พี่พูดจริง ขับรถแค่สองชั่วโมง ก็ถึงแล้ว จิ๊บๆ” พี่ดนัยบอก ส่งยิ้มให้ ฉันหยิบหนังสือเล่มแรกขึ้นมาอ่าน พี่ดนัยมองหนังสือในมือเลิกคิ้วสูง “อ่านหนังสือแนวนี้ด้วยเหรอ” พี่ดนัยถามยิ้มๆ “อืม ส้มชอบ นักเขียนคนนี้เขาเล่าเรื่องได้ดี นำเอาเรื่องสืบสวนกับความรักมารวมกันได้อย่างลงตัว ชุดก่อนมีรักโรแมนติกอย่างเดียว ชุดนี้มีสืบสวนสอบสวนด้วย ส้มตามมาตลอดแหละ” ฉันอธิบายให้พี่ดนัยฟัง รู้แล้วว่าจะชวนคุยเรื่องไหนเป็นเพื่อนเขาตอนขับรถ “นักเขียนใหม่ท่าทางจะมีแฟนคลับซะแล้ว” พี่ดนัยพูดยิ้มๆ “ไม่ใหม่นะ นามปากกาเขาส้มเห็นตั้งแต่ส้มอยู่ปีหนึ่งแล้ว ตอนนั้นพี่เขาเขียนนิยายออนไลน์ ส้มตามอ่านตลอด นามปากกาคือ ‘ไดนะ’ การเล่าเรื่องคล้ายๆ กัน ส้มคิดว่าใช่คนเดียวกัน แต่พอมาเป็นในรูปแบบหนังสือ พี่เขาพัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นมากเลย เห็นว่านิยายชุดแรกที่พี่เขาวางขาย กำลังจะเอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย” ฉันพูดให้พี่ดนัยฟังเป็นฉากๆ “โห รู้จริงแฮะ แฟนคลับตัวยงเลยสิท่า” พี่ดนัยแซว ยิ้มไม่หุบ “แน่นอนสิค่ะ ส้มตามมาตลอดแหละ” ฉันบอก ตอนนี้รู้สึกว่าเราสนิทกันมากขึ้นจนสามารถคุยเปิดใจกันได้เรื่อยๆ “พี่ว่าเรื่องสืบสวนสอบสวนจะผสมกับเรื่องโรแมนติกคงทำได้ยาก คนอ่านน่าจะไม่เยอะ” พี่ดนัยออกความเห็น “ไม่ใช่เลยค่ะ เรทติ้งดีมากนะสิ ตอนส้มไปซื้อนะ เหลือไม่กี่ชุดเอง” ฉันบอก “อืม ชอบมากเหรอ” “ชอบสิ ชอบมากๆ ถึงได้ตามมาตลอด” ฉันตอบ พี่ดนัยยิ้มแล้วขับรถไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกตัวอีกทีตอนพี่ดนัยปลุก ฉันคงเผลอหลับไปตอนอ่านหนังสือ ฉันลืมตาขึ้นก็ถึงทะเลแล้ว พี่ดนัยเลือกเช่าที่พักเป็นบังกะโลเล็กๆ ริมทะเล มีห้องพักที่มีห้องนอนแยกออกจากห้องนั่งเล่นห้องน้ำอยู่ข้างนอกติดกับห้องครัว หน้าบ้านเป็นลานกว้างมีเตาปิ้งย่างให้หนึ่งเตา “เดี๋ยวส้มนอนในห้องนะ พี่นอนข้างนอกเอง” พี่ดนัยบอกเมื่อเห็นฉันมองเตียงนอนในห้องนอนที่มีเตียงเดียวด้วยท่าทางเหมือนวางตัวไม่ถูก “ข้างนอกท่าจะยุงเยอะนะคะ ไม่มีมุ้งลวดด้วย” ฉันบอก “พี่ทายากันยุงได้ พี่พกมาด้วย” พี่ดนัยบอกยิ้มๆ “ส้มว่า เรายกโซฟาเข้ามาในห้องนอนดีกว่าไหมคะ” ฉันเสนอ เขาเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะให้ฉันนอนสบายคนเดียวได้ยังไง “จะดีเหรอ” พี่ดนัยพูดหน้าแดงยิ้มเขินๆ “ส้มไม่ถือหรอก สมัยนี้มันเป็นเรื่องปกติแล้ว และส้มเชื่อใจพี่ดนัย เชื่อใจจริงๆ” ฉันบอกเขาไป เขาก็ไม่ได้แย่อะไรนัก แถมดีกับฉันมาตลอด “ขอบคุณนะที่เชื่อใจพี่” พี่ดนัยบอก วันแรกของการมาเที่ยว เราเลือกไปนั่งทานอาหารตามสั่งในตอนเที่ยง และตอนเย็นซื้อของสดมาย่างและทำน้ำจิ้มกินกันเอง “ส้มทำน้ำจิ้มอร่อยจัง” พี่ดนัยชม “แม่ส้มสอนทำ สูตรนี้ทำได้ทั้งน้ำจิ้ม น้ำยำ และน้ำต้มยำในตัวเดียวเลย” ฉันบอก “งั้นพรุ่งนี้ทำให้พี่กินได้ไหม หรือจะทำให้พี่กินตลอดไปก็ได้” พี่ดนัยส่งสายตาหวานซึ้งมาให้ เล่นเอาฉันใจเต้นแรง เราไม่เคยมีโอกาสใกล้ชิดกันขนาดนี้มาก่อน ฉันเลยรู้สึกแปลกๆ เมื่อเจอเขาจีบตรงๆ แบบนี้ “พี่ดนัยคงผมร่วงพอดี ส้มใส่ผงชูรสเยอะนะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องคุยกลบเกลื่อนความเขิน “เมื่อไหร่จะใจอ่อนก็ไม่รู้เนาะ” พี่ดนัยบ่นเบาๆ ยิ้มหน้าแดง เขาเป็นผู้ชายที่อ่อยเองเขินเอง ปล่อยมุกจีบฉันเองแต่ก็เขินหน้าแดงทุกที ‘โคตรละมุน’ ฉันคิดในใจ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองใจอ่อนกับผู้ชายตรงหน้านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละค่ะ” ฉันบอก เขินหน้าแดงไม่แพ้กัน ทานเสร็จพี่ดนัยก็ให้ฉันไปอาบน้ำก่อน เขาจะเก็บเตาและค่อยตามมาอาบทีหลัง ฉันอาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงนอนขายาว แล้วนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ที่เตียง สักพักพี่ดนัยก็เข้ามาในสภาพที่เนื้อตัวสะอาดในชุดกางเกงสั้นสีดำและเสื้อกล้ามสีขาว เขานั่งที่โซฟาแล้วนั่งขัดสมาธิ เอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ควางบนตัก แล้วพิมพ์งานอยู่นาน “พี่ดนัยทำโปรเจ็คอะไรอยู่เหรอคะ” ฉันถาม “ความลับ” พี่ดนัยบอกแล้วยิ้ม เขายิ้มบ่อยจนฉันอยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้โกรธเป็นหรือเปล่า ฉันนอนดูเขานั่งจ้องหน้าจอ พิมพ์ไปยิ้มไปอย่างมีความสุข จนฉันไม่กล้ารบกวนเขาแล้วฉันก็หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ **********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม