บทที่-2-ความสูญเสีย

1833 คำ
บทที่-2-ความสูญเสีย “ช่วยด้วย ๆ ช่วยฉันด้วย มีคนจะฆ่าฉัน” เสียงตะโกนของนางไม่มีใครได้ยิน แต่มันยิ่งทำให้สองทุรชนไม่พอใจอย่างหนัก มันวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว แล้วกระซวกมีดเข้าสู่กลางหลังของเจ้าของบ้านเต็มแรง ฉึก ! “อะ…กรี๊ดดดดด” สุนีย์กรีดร้องสุดเสียง นางกระเสือกกระสนหนีตายไปที่หน้าบ้าน แต่กลับถูกพวกมันลากขากลับมา พร้อมทั้งถูกตบหน้าเต็มแรง เพียะ ! “ฮือ ฮือ ฉะ ฉัน กะ กลัว” เสียงสั่นเทาอย่างน่าสงสาร “อีห่า สะดีดสะดิ้งมากนัก อยากตายนักใช่ไหม งั้นกูจะจัดให้มึงเอง ไอ้ฤทธิ์ มึงไปหาดูเงินทองนะ เดี๋ยวกูจะเชือดมัน” อารมณ์ความหื่นหายวับไป เมื่อเจอเหยื่อต่อต้าน ความตายเท่านั้น ที่พวกมันจะยื่นให้ “เออ แต่กูยังเสียดายว่ะ แม่ง มันสวย ถ้าเอานี่ ก็คงแตกหลายรอบ” มันส่ายหัวแล้วเดินเข้าบ้าน “อยู่ดีไม่ว่าดี ถ้ายอมให้กูเอาตั้งแต่แรก มึงก็คงไม่ตาย” มันมองสุนีย์ด้วยดวงตาเย็นเฉียบ จนสาวใหญ่ชาวาบไปทั้งร่างกายและหัวใจ “อะ ไอ้ชั่ว” ความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่หัวใจ แต่สุนีย์ก็ไม่ยอมแพ้ นางไม่อยากตาย นางยังอยากดูความสำเร็จของลูกสาว จึงกัดฟันเฮือกสุดท้าย ถีบที่หน้าท้องมันเต็มแรง ตั่บ ! “อะ…อีห่านี่ วอนซะแล้ว” มันถูกถีบ จึงเลือดขึ้นหน้า มีดในมือกระหน่ำแทงตามร่างกายเจ้าของบ้าน เลือดสด ๆ พุ่งกระทบใบหน้าเดนท**นจนเปรอะเปื้อนและมีกลิ่นคาวคละคลุ้ง ทว่า มันก็ยังไม่ยอมหยุด เมื่อสาวใหญ่แน่นิ่งไปแล้วนั่นแหละ เดนคุกจึงรามือ “แฮ่ก แฮ่ก กว่าจะเงียบ เล่นเอากูเหนื่อย” ไอดำหอบแฮ่ก ซึ่งก็พอดีที่ไอ้ฤทธิ์เก็บของมีค่าเสร็จแล้วจึงเดินมาสมทบ “สัสเอ๊ย มึงเล่นแทงจนพรุนแบบนี้ แล้วจะเอาได้ไงวะ” มันตวาดเพื่อนเสียงขุ่น “เฮ่ย ไมจะเอาไม่ได้ มึงไม่เห็นเหรอ หอยมันยังดีอยู่” ว่าแล้วมือหยาบกระด้างก็ฉีกกระโปรงยาวของสุนีย์จนหลุดลุ่ย พอเห็นเนื้อในแม้จะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แต่เนินนางกลับอวบอิ่ม พวกเดนคนจึงอดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ “แม่ง หอยอีนี่สวยว่ะ กูอยากแล้วสิ” ไอ้ฤทธิ์ครางเสียงหื่น “แล้วจะรอช้าไมล่ะ จัดการเลย เดี๋ยวพ่อมึงแห่มา” “เออว่ะ” เดนคนต่างเสพสุขบนเรือนร่างของสุนีย์อย่างมีความสุข เสียงครวญคราง ไม่ได้สนใจว่า นางนั้นเจ็บปวดทรมานจากพิษบาดแผลมากแค่ไหน ไม่รับรู้ว่าตอนนี้ ร่างกายที่มีแต่รอยแทงกำลังใกล้ตายลงไปทุกขณะ พวกมันทั้งสองคน ต่างสอดใส่ความเป็นชายครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งแตกกระจาย แล้วจึงเผ่นหนีหายไปทางหลังบ้าน ปล่อยให้สุนีย์นอนเปลือยกายรอความตายอย่างเลือดเย็น! เพียงไม่ถึงห้านาที สุพรรณษา จอมขวัญและเม็ดทรายก็มาถึงบ้าน เอี้ยดดดด !! มอเตอร์ไซค์จอดสนิททั้งสองคัน แล้วผู้เป็นเจ้าของบ้านจึงมาไขกุญแจ จากนั้นจอมขวัญและเม็ดทรายก็เข็นรถเข้ามาด้านใน “เร็ว ๆ ดิวะ กูอยากกินแกงส้มจะแย่แล้ว” สุพรรณษาเร่งเพื่อน รู้สึกกังวลแปลก ๆ หัวใจก็เต้นรัวเร็วจนควบคุมไม่ได้ ในใจวูบโหวง ซึ่งไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง “เออ กูก็รีบแล้วนี่ มึงก็ใจเย็นหน่อยดิวะ ยังไงก็ได้กินอยู่ดี กูเดาว่า แม่นีย์คงทำไว้เต็มหม้อ” จอมขวัญรู้ใจแม่ จนคนเป็นลูกจริง ๆ ต้องเหล่ตามองอย่างรวดเร็ว สุพรรณษาข่มกลั้นความวูบโหวงออกไปจากอก ก่อนมองเพื่อนตาคว่ำ พร้อมทั้งเบะปากมองบนไปหนึ่งที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายว่า… “แหม ไม่มาเกิดเป็นเป็นลูกเลยนะ ควรเกิดมาเป็นลูกแม่กูมากกว่า พวกมึงอ่ะ” แขวะแล้วหนึ่ง เพื่อนรักทั้งสองต่างก็หัวเราะอย่างชอบใจ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ สภาพของบ้านมันผิดแปลกไปแล้ว สุนีย์นั้นหายใจรวยรินแทบจะไม่มีสติแล้ว แต่เพราะความห่วงใยคนเป็นลูก เมื่อได้ยินเสียงดวงใจของตน นางจึงส่งเสียงแหบพร่าออกไป หวังว่า ลูกสาวเพียงคนเดียวและเพื่อนจะได้ยินเสียงของตน “สะ สุ สุ” เสียงเรียกดังแว่วมาดังเข้าสู่สมองซีกขวา เจ้าของชื่อพลันชะงักกึก ความรู้สึกบางอย่างมันบีบคั้นเธอแปลก ๆ จนใจไม่ดีขึ้นมาอีกรอบ “มึงหยุดไมนี่” เม็ดทรายพูดขึ้น หญิงสาวเองก็รู้สึกแปลก ๆ ไม่ต่างกัน “กูได้ยิน…” กระพริบตาปริบ ๆ อย่างตรึกตรอง “ได้ยินไร” จอมขวัญและเม็ดทรายถามขึ้นพร้อมกัน “เสียงไง เสียงเรียกชื่อกู พวกมึงไม่ได้ยินเหรอ” ถามอย่างงง ๆ “ฮึ ไม่อ่ะ กูไม่ได้ได้ยิน” แต่ถึงจะไม่ได้ยิน ความรู้สึกแปลก ๆ ก็ยังคงเกาะกุมในหัวใจอยู่ดี “แต่กูรู้สึกแปลก ๆ ว่ะ” จอมขวัญพูด “แปลกไง…” อยากรู้ พร้อมกับเดินเข้าไปในบ้าน คราวนี้ สิ่งที่พบตรงหน้าสุพรรณษาต้องชะงักกึก กระถางต้นไม้ล้มระเนระนาดผิดปกติ เธอจึงรีบก้าวเข้าไปดูอย่างรวดเร็ว “…เกิดไรขึ้นวะ” เม็ดทรายเองก็งง ปกติมันไม่ล้มแบบนี้นะ “แม่นีย์เป็นไรปะนี่…” จอมขวัญคาดคะเน คนเป็นลูกร้อนใจ ในขณะที่กำลังจะวิ่งเข้าบ้าน เสียงแหบพร่าของใครบางคนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “สะ สุ สุ…” “…..” สุพรรณษาชะงัก แล้วหันหน้ามามองเพื่อน คราวนี้ทุกคนได้ยินอย่างชัดแจ้ง สามสาวจึงแยกย้ายกันไปคนละทิศ เพื่อหาเสียงปริศนานั้น “สะ สุ สุ ละ ลูก มะ แม่” น้ำเสียงแหบพร่าของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น มันขาดเป็นห้วง ๆ คล้ายคนกำลังจะสิ้นใจ เม็ดทรายชะงักกึกเมื่อได้ยิน แล้วจึงหันไปอีกด้าน ดวงตาคู่สวยจึงเบิกกว้าง หัวใจตกอยู่ที่ตาตุ่ม แหกปากร้องลั่นทันที “อะ ไอ้ ไอ้สุ มะ แม่ แม่นีย์ แม่นี่ย์ มีละ เลือด” “หะ แม่มีเลือด” พูดเพียงเท่านั้น สุพรรณษาและจอมขวัญก็วิ่งมา แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่า มารดานอนจมกองเลือด “มะ แม่” หญิงสาวถลาเข้าหา ส่วนจอมขวัญแทบจะเป็นลม แม้พวกเธอจะห้าว ๆ แต่ใช่ว่าเวลาเห็นเลือดจะไม่หวิว ๆ ส่วนคนที่ตั้งสติได้ก่อนใครเพื่อน ก็คือเม็ดทราย หญิงสาวรีบกดหารถฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ด้วยมือไม้ที่สั่นเทา เมื่อเจ้าหน้าที่รับสาย หญิงสาวก็ระล่ำระลักแจ้งเหตุทันที “แม่ ทำไม แม่เป็นแบบนี้” เสียงสั่นใบหน้าขาวซีด “สะ สุ สุ ฟะ ฟังแม่” สุนีย์รู้ตัวเองดี ว่าวาระสุดท้ายกำลังมาถึง แต่ว่า นางห่วงคนเป็นดวงใจเหนือสิ่งใด จึงจะบอกสิ่งสำคัญกับลูก “มะ แม่ แม่ไม่ต้องพูด สุจะพาแม่ไปหาหมอ แม่อดทนอีกนิดนะ…” ยังพูดไม่ทันจบ มารดาก็ขัดขึ้น “มะ ไม่ จำเป็น มะ แม่ รู้ดี วะ ว่า กำลังจะตาย สะ สุ สุฟังแม่ ฟังแม่ให้ดี” หายใจเข้าปอดลึก ๆ จึงรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายแล้วพูดขึ้น “…สะ สุ สุต้องไปกรุงเทพฯ พะ เพื่อ ไปหาน้องสาวของพ่อ ขะ เข้าใจนะ ไปหาน้องสาวของพ่อ ระ หรือ อาของสุ ขะ เขา ชื่อ พะ เพลงพิชชา จะ จำเอาไว้ เพลงพิชชา เอกทองขาว จะ จำไว้” เสียงเริ่มขาดหาย สุพรรณษาน้ำตาทะลักราวกับเขื่อนแตก พร้อมทั้งกอดแม่แน่น “มะ แม่ ฮึก ฮือ ๆ” หัวใจดวงน้อย ไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว นอกจากคำว่า แม่ของเธอ กำลังจะจากไป “ระ รับปากกับแม่ สะ สุ รับปากแม่ วะ ว่า จะไปหะ หา อาพิช” คะยั้นคะยอ เพราะนางไม่ไหวแล้ว “ฮึก ฮือ ระ รับปาก สุรับปากแม่ สุจะไปกรุงเทพฯ เพื่อไปหาอาพิช สุจะไปหาอาพิช ฮึก แม่ แม่อย่าเป็นอะไรนะคะ สุจะพาแม่ไปหาหมอ” สุพรรณษาสติแตกคร่ำครวญอย่างน่าสงสาร “มึงใจเย็นก่อน” จอมขวัญเองก็เศร้าไม่แพ้เพื่อน “ขวัญ กับ ซะ ทราย ดูแลสุ ดะ ด้วยนะ แม่ระ รักสุนะ รักมาก” สุนีย์ดูเหนื่อยและอ่อนแรงเป็นอย่างมาก สองสาวจึงรีบพยักหน้า เพื่อให้แม่เพื่อหายห่วงและไปสบายสักที “จ๊ะแม่ ขวัญกับทรายจะรักและจะดูแลสุไปตลอด แม่นีย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” บอกไปน้ำตาของจอมขวัญก็รินตามแก้มเนียน “ฮึก มะ แม่ แม่จ๋า แม่ไม่ต้องเป็นห่วงสุนะ สุจะรักและจะดูแลตัวเองให้ดี แม่ไม่ต้องกังวลอะไรนะ” หญิงสาวกอดแม่แนบแน่น ก็พอดีที่กู้ภัยมาถึง “ดะ ดีแล้ว” พูดจบสุนีย์ก็คอพับคออ่อน ลมหายใจขาดสะบั้น สุพรรณษากรี๊ดลั่นด้วยความตกใจ “มะ แม่ ไม่นะ แม่ แม๊ ฮึก ฮือ ฮือ แม่ แม่จ๋า ฮือๆๆๆ” “ขอเจ้าหน้าที่ดูหน่อยนะครับ” เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามา จอมขวัญและเม็ดทรายก็พยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น สุพรรณษาหมดเรี่ยวแรง จนถึงขั้นเป็นลมล้มพับไป หน่วยกู้ภัยต้องรีบปฐมพยาบาลกันอย่างชุลมุน เนื่องจากมีรถกู้ภัยและตำรวจมาออกันอยู่ที่บ้านสวนหลังเล็ก ชาวบ้านร้านตลาด จึงเข้ามามุงดูอย่างสนใจ ก่อนจะพบว่า สุนีย์ แม่ค้าขนมหวานถูกแทงจนเสียชีวิต ทุกคนต่างตกใจ และหวาดผวาหนักเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า มีนักโทษชายแหกคุกมาสองคน และที่สำคัญ เคยเป็นฆาตรกรสิบศพมาแล้ว “ว้าย แม่นีย์ตายแล้ว ถูกแทงตั้งหลายแผล” “ใช่ ๆ สงสารเนอะ แล้วทีนี้หนูสุจะอยู่กับใคร จะได้เรียนต่อไหม” “น่าสงสาร เป็นเด็กดีด้วย” หลากหลายเสียงต่างก็เห็นใจและสงสารสองคนแม่ลูกเป็นอย่างมาก จึงมาช่วยงานศพกันอย่างเนืองแน่น เพื่อไว้อาลัยให้ผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย! ท่ามกลางความโศกเสร้าเนื่องจากความสูญเสีย คนร้ายที่ฆ่าสุนีย์ก็ยังจับไม่ได้ ทั้งที่รอยนิ้วมือมันเด่นชัดขนาดนั้น ทำให้สุพรรณษาชักจะหวั่นใจ ว่าที่จับคนร้ายไม่ได้และคดีไม่คืบหน้า อาจเป็นเธอและครอบครัวไม่มีเงินหรือเปล่า แต่ก็ทำได้แค่คิด เพราะคนตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ จะเอาปัญญาอะไรไปทุ่ม เงินไปมี หาเช้ากินค่ำ แม่คงได้ตายฟรีอย่างแน่นอน หญิงสาวคิดด้วยหัวใจที่บอบช้ำกับความด้อยค่าในสังคมไทย ที่คนจน ๆ ไม่มีปากไม่มีเสียง เขาจะลากไปยังไงก็ได้ จะกดขี่ข่มเหงยังไง ก็ได้หมด และที่สำคัญ ไม่รู้ว่าคนร้ายมันจะกลับมาอีกไหม หากเป็นแบบนี้ เธอจะปลอดภัยอีกหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้น หนทางการอยู่รอดเพียงทางเดียวก็คือ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม