02-หัวขโมย

1901 คำ
​​​​​​​เช้าวันที่สองของการกักตัว หญิงสาวที่หลับใหลอยู่บนเตียงริมหน้าต่างค่อยๆ พลิกขยับตัวเนื่องจากความรำคาญ เสียงของนกนานาชนิดที่ดังมาจากป่ากล้วยด้านนอก อากาศที่ร้อนกวนใจให้เธอนอนต่อไม่ได้ แสงจากดวงอาทิตย์ยามสายที่สาดส่องเข้ามา ทางบานกระจกหน้าต่างพอดิบพอดี ยิ่งทำให้เธอต้องลุกขึ้นนั่งด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ดวงตากลมเปิดขึ้นพลางกะพริบถี่ เพื่อปรับการมองเห็นจากแสงแดดจ้า ปกติแล้วพ่อกับแม่ไม่เคยปลุกเหมยให้รีบตื่นอยู่แล้วหากไม่ใช่วันที่ต้องไปโรงเรียน เหมยลุกจากที่นอนแล้วเดินตรงเข้าไปอาบน้ำจัดการตัวเอง จากนั้นจึงได้เดินออกมาจากห้องของตัวเอง แล้วตรงไปหาพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งคุยกันอยู่หน้าโทรทัศน์ หากแต่ว่าไม่ได้เปิดดูเพราะเกรงใจเจ้าของบ้าน “ตื่นแล้วเหรอลูก ข้าวอยู่ในครัวนะ พ่อเทใส่จานไว้ให้แล้ว” ผู้เป็นพ่อหันไปทักทายลูกสาว ปกติแล้วเล้งจะเป็นคนดูแลคนในบ้าน ทั้งเรื่องอาหารการกิน และค่าใช้จ่ายต่างๆ วันนี้เขาไม่ได้หาเงินได้มากมายเท่าแต่ก่อน แต่เรื่องอื่นๆ อย่างเรื่องเตรียมมื้อเช้าให้ลูกสาว ก็อยากจะทำให้เป็นเหมือนปกติ ลูกสาวเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวตามที่พ่อบอก ข้าวที่ตักใส่จานไว้พร้อมทาน กับอาหารสองสามอย่าง พร้อมทั้งแก้วน้ำที่วางไว้คู่กับจาน หญิงสาวมองหาเหยือกน้ำเย็น ก่อนจะเห็นว่ามีตู้เย็นอยู่ไม่ไกล แน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้มีเหยือกน้ำใส่น้ำเตรียมไว้ให้เธอแบบที่บ้าน แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเหมย หญิงสาวหยิบเอาขวดน้ำออกมาจากตู้เย็น ก่อนจะนำมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว มื้อเช้ามื้อแรกของการกักตัว ช่างไม่ถูกใจเหมยเอาเสียเลย แกงจืดที่จืดชืดสมชื่อ กับพะแนงหมูที่เผ็ดจนต้องดื่มน้ำแทบหมดขวด หมูทอดแห้งๆ เหนียวๆ ชวนให้หงุดหงิดจนต้องหยุดกินหลังตักชิมไปเพียงอย่างละคำ “ป๊า กับข้าวเอามาจากไหน ไม่อร่อยเลยสักอย่าง” ลูกสาวเดินออกมาจากห้องครัว พร้อมกับถือจานข้าวติดมือมาด้วย เพื่อแสดงให้พ่อกับแม่ของเธอได้เห็นว่ากับข้าวมันไม่อร่อยจนเธอกินข้าวไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น “ทนกินไปก่อนนะลูก ป้าอี้แกทำมาให้” เล้งหันไปบอกกับลูกสาว เขาเองก็ไม่ได้เอร็ดอร่อยกับกับข้าวเช้านี้นัก แต่ก็พอกินได้ เพราะรู้ว่าอี้พี่สาวของตนนั้นไม่สันทัดเรื่องการทำกับข้าวกับปลา อีกอย่างแค่มีกับข้าวให้กินทุกวันก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว “มัน...ฝืนกินไม่ไหวจริงๆ ป๊าก็รู้ว่าเหมยเคยกินแต่ของดีๆ เคยกินแต่ฝีมือป๊า” “ก็ตอนนี้พวกเราออกไปไหนไม่ได้ ป๊าจะไปหาซื้อหมู ซื้อผักมาทำกับข้าวให้เหมยกินได้ยังไงล่ะ” เล้งเป็นคนที่ใจเย็นกับลูกสาวเสมอ ตลอดมาเขาไม่เคยดุด่าให้ลูกสาวต้องเสียใจเลยสักครั้ง แม้จะมีบางคราวที่เหมยเอาแต่ใจ จนมลรู้สึกเหลืออดอยากจะตีสั่งสอน แต่เล้งก็จะคอยห้ามอยู่เสมอ และเลือกที่จะสั่งสอนลูกด้วยเหตุผล แทนการใช้อารมณ์ “กลางวันเหมยขอเป็นไข่เจียวนะคะ ฝากป๊าบอกป้าอี้ให้ด้วย” หญิงสาวว่าก่อนจะเดินกลับไปที่ครัว พร้อมกับจานข้าวในมือ เธอวางจานในมือลง แล้วมองดูกับข้าวบนโต๊ะอีกครั้ง ‘ถ้าไม่กินก็จะไม่มีอะไรกิน กว่าจะถึงเที่ยงคงหิวตายก่อนพอดี’ เธอคิดในใจก่อนจะลุกไปหยิบขวดน้ำปลามาเหยาะใส่ถ้วยแกงจืด และจัดการตักขึ้นมาชิมดูรสชาติ แม้ว่าจะไม่ได้อร่อยขึ้นมากนัก แต่ก็ดีกว่าตอนแรกอยู่มาก สุดท้ายเหมยก็ยอมกินกับข้าวที่พี่สาวของพ่อเอามาให้จนอิ่ม กิจกรรมของคนกักตัว ท่ามกลางป่ากล้วยแบบนี้ คงไม่มีอะไรมากนัก ไม่เล่นโทรศัพท์ ก็คงจับกลุ่มพูดคุยกัน โดยเฉพาะครอบครัวของเหมยที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะมีเวลาได้พูดคุยกันเท่าไหร่นัก เพราะกิจการที่บ้านค่อนข้างยุ่ง เล้งตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปซื้อวัตถุดิบมาเตรียมทำอาหาร กลับมาก็จัดการเตรียมมื้อเช้าให้ลูก เสร็จจากนั้นก็ลงไปที่ชั้นล่างส่วนที่เป็นร้านเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดร้าน โดยมีมลและลูกจ้างในร้าน 2-3 คนคอยช่วยงาน “ไร่ที่ลุงชมจะเลิกเช่า เราเอามาปลูกกล้วยแบบนี้ดีไหมเฮีย ฉันว่าที่ดินแถมนี้น่าจะอุดมสมบูรณ์ดีนะ ดูสิกล้วยผู้ใหญ่สวยๆ ทั้งนั้นเลย” มลเอ่ยขึ้น ตัวเธอนั้นก่อนที่จะย้ายไปช่วยงานสามีอย่างเต็มตัว ก็เคยทำนาทำไร่มาก่อน จริงๆ ก็ทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะครอบครัวของเธอก็เป็นชาวนา “ก็เข้าท่าดีนะ เราสามคนช่วยกัน เดี๋ยวรอกักตัวเสร็จจะลองปรึกษาผู้ใหญ่ดู” เล้งเสริมขึ้น เขาเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ แค่ปลุกกล้วยคงไม่มีอะไรยาก พื้นที่แถวนี้มีฝนเกือบทั้งปีก็น่าจะทำให้กล้วยเจริญเติบโตได้ผลผลิตงามแน่นอน “สามคนรวมเหมยด้วยเหรอ?” ลูกสาวที่เพิ่งจะเข้ามาร่วมวงสนทนาเอ่ยถามขึ้น ผู้เป็นพ่อหันมายิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้คำตอบ “ไม่เอาด้วยหรอก ร้อนขนาดนี้ ขนาดอยู่ในร่มยังร้อนแทบตาย ถ้าเกิดไปปลูกกล้วยตากแดดคงโดนแดดเผาตายแน่” “เราปลูกเช้าๆ ก็ได้ลูก ตีห้าหกโมง รีบตื่นไปไร่ สักสองสามโมงเช้าก็กลับแล้ว” มลว่าขึ้นบ้าง “ตีห้า หนูเคยตื่นตีห้าเหรอ ไม่เอาหรอก ไหนพ่อบอกจะทำร้านอาหารเหมือนเดิมไง” ลูกสาวรีบปฏิเสธ “ก็ต้องดูก่อนว่าแถวนี้มีร้านอาหารตามสั่งหรือยัง บ้านเมืองมันใหญ่โตพอที่ผู้คนจะซื้อข้าวกินหรือเปล่า ป๊าก็แค่วางแผนไว้ก่อน ยังเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้หรอก” เพราะจากที่นี่ไปหลายปี เล้งเองก็รู้ว่าความเจริญเริ่มเข้าถึงหลายๆ พื้นที่แล้ว ที่หมู่บ้านนี้เดิมทีไม่ค่อยมีบ้านเรือน แต่ตอนเข้ารถผ่านมาก็เห็นว่ามีตึกร้านบ้านเมืองหน้าตาขึ้นแล้ว แถมยังมีร้านสะดวกซื้อถึงสองแห่ง แต่อย่างไรเสียก็ต้องดูอีกทีว่าการเปิดร้านอาหารตามสั่งจะคุ้มกับที่ต้องลงทุนหรือเปล่า ไม่เหมือนกับการทำสวนกล้วย ที่ดูแล้วเหมือนจะคุ้มกว่าถ้าต้องเลือกลงทุน เหมยไม่ได้พูดคุยอะไรกับพ่อแม่ของเธอต่อ การอุดอู้อยู่แต่ในห้อง เป็นอะไรที่แสนจะน่าเบื่อ เธอจึงขอพ่อกับแม่ออกมาเดินเล่นในสวย เพราะที่นี่อยู่ห่างไกลจากผู้คนอยู่แล้ว การจะเดินออกไปดูนกดูไม้รอบๆ ไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อการกักตัว เหมยเดินออกมาจากตัวบ้านสักพักก็เจอกับร่องน้ำขนาดกลาง โดยรอบๆ นั้นปลูกมะพร้าวน้ำหอมราวๆ 10 แถว เธอแหงนมองดูลูกมะพร้าวที่ห้อยอยู่บนต้นก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับความคิดบางอย่าง “สอยลงมากินสักลูก ผู้ใหญ่คงไม่หวงหรอกมั้ง” หญิงสาวพูดพึมพำคนเดียว ก่อนจะเหลียวซ้ายและขวา มองหาไม้ที่จะใช้สอยลูกมะพร้าวลงมา แน่นอนว่าในสวนมะพร้าว ก็ต้องมีไม้สอยมะพร้าว เดินออกไปเพียงไม่ไกล เหมยก็ได้ไม้สอยมะพร้าวสมใจ เธอเลือกต้นที่ไม่สูงมาก แต่มีผลใหญ่พอเหมาะ ถึงจะดูไม่เป็น แต่ก็เดาเอาได้ว่าทะลายนี้น่าจะกินได้แล้ว หญิงสาวใช้ความพยายามอยู่พักใหญ่กว่าจะสอยเอาผลมะพร้าวลงมาได้ มันยากกว่าที่เธอคิดเอาไว้พอสมควรเชียว “เวรละ แล้วจะเอามีดที่ไหนปอกล่ะ” เธอพูดขึ้นเมื่อได้ลูกมะพร้าวมาถือไว้ในมือแล้ว แต่ปัญหานี้ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่ Google จะให้คำตอบได้ เหมยหยิบเอาโทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าหลังกางเกงของเธอ ออกมาพิมพ์ค้นหาวิธีปอกมะพร้าวโดยไม่ใช้มีด “เอาทุบกับหินเหรอ อืม...ก้อนไหนดีวะเนี่ย” เธอมองหาก้อนหินที่มีขนาดและรูปทรงเหมาะจะใช้ทุบมะพร้าว ก่อนจะเจอก้อนที่ถูกใจแล้วลงมือทุบอย่างบ้าคลั่ง “แฮ่ก...โอ๊ย!! ยากเย็น ไม่กินก็ได้วะ” หญิงสาวร้องลั่นก่อนจะโยนหินในมือทิ้งไปพร้อมกับลูกมะพร้าว เค้ง.... แต่เหมือนสวรรค์จะช่วยเปิดทาง หินที่เธอขว้างทิ้งไปนั้นหล่นกระทบกับมีดอีโต้ที่วางไว้โคนต้นมะพร้าวต้นข้างๆ พอดิบพอดี เมื่อเหมยเห็นแบบนั้น เธอก็รีบวิ่งไปคว้าเอามีดขึ้นมาถือ พร้อมกับเดินไปหยิบลูกมะพร้าวมาลงมือปอกอีกครั้ง แชะ “มันต้องแบบนี้สิ...อีเหมย” ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อาจจะอยู่ไม่ไกลกัน เหมยเปิดวิดีโอสอนปอกมะพร้าวอย่างง่าย แล้วทำตามจนสำเร็จ เธอเดินไปเด็ดดอกลีลาวดีที่เดินผ่านมาก่อนจะถึงสวนมะพร้าว แล้วเอามาประดับตกแต่งลูกมะพร้าวของตัวเอง จากนั้นก็ถ่ายรูปอัปลงโซเชียล ‘กักตัวชิลๆ’ คนมีฝีมือในการถ่ายรูป สามารถเนรมิตมะพร้าวหนึ่งลูก กับดอกไม้ริมทางในสวน วางบนแคร่ไม้ไผ่กลางสวนมะพร้าว ปรับแสงแต่งสี ได้ภาพออกมาราวกับพักอยู่ในรีสอร์ตหรู เมื่อได้รูปที่ถูกใจแล้ว เหมยก็มองเห็นว่ามีเปลผูกอยู่กลางสวน ซึ่งเป็นมุมที่ดูจะเหมาะกับการนอนเล่นโทรศัพท์จิบน้ำมะพร้าวเสียเหลือเกิน แน่นอนว่าเธอไม่รอช้ารีบมุ่งหน้าตรงไปที่เปลนั่นทันที “เชี้ยเอ๊ย!!” เสียงสบถของใครบางคนดังขึ้นมาจากในร่องน้ำ ขณะที่เหมยกำลังจะจัดแจงตัวเองลงไปนอนในเปล เธอรีบหันไปที่ต้นเสียง ก่อนจะค่อยๆ ย่องเข้าไปชะโงกหน้าดู “ทำอะไรน่ะ!!” เธอร้องถามเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ในร่องน้ำ ต่างฝ่ายต่างก็ตกใจกัน เหมยเองก็เพิ่งคิดได้ว่าตัวเองออกห่างจากบ้านพักมาพอสมควร เกิดผู้ชายที่คลุมหน้าคลุมตาคนนี้เป็นขโมยขึ้นมา เขาอาจจะทำร้ายเธอก็ได้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นหญิงสาวก็ทิ้งมะพร้าวในมือแล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อกลับไปที่บ้านพัก ส่วนแขกไม่ได้รับเชิญเองก็หนีอย่างสุดชีวิตเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างก็หนีกันไปกระเจิดกระเจิง อย่างไม่ทันได้ไถ่ถามกันก่อนว่าใครเป็นใคร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม