Chapter 2 ระเบียงห้องนั้นกับหัวใจที่หายไป...

4967 คำ
ฉันใช้เวลาครึ่งวันเช้าหมดไปกับการช่วยป้าบัวทำความสะอาดบ้านแล้วก็ช่วยแม่ปลูกดอกกุหลาบที่ท่านเพิ่งซื้อมาใหม่ แม่ฉันน่ะท่านชอบดอกไม้ทุกประเภทเลยหละแต่ที่ชอบเป็นพิเศษก็เห็นจะเป็นดอกกุหลาบนี่แหละเพราะแม่มักจะซื้อต้นใหม่มาปลูกทุกเดือนจนที่บ้านเรามีดอกกุหลาบหลายหลายสีสันเต็มไปหมดและแม่ยังเคยบอกด้วยว่า ...ดอกกุหลาบถึงแม้มันจะสวยงามแต่มันก็มีหนามแหลมคม การดูแลความรักก็เหมือนกันกับการปลูกดอกกุหลาบ ที่มีเมล็ดซึ่งเกิดจากคนสองคนที่โคจรมาเจอกันและตัดสินใจจะร่วมดูแลต้นกุหลาบต้นหนึ่งร่วมกัน คอยช่วยกันดูแลทะนุถนอมมันอย่างดีและเฝ้าดูว่าเมื่อไหร่มันจะเติบโตขึ้น จนกระทั่งมีดอกให้เราได้เชยชม... และนั่นมันก็ทำให้ฉันเริ่มที่จะชอบมันขึ้นมา ...ดอกกุหลาบแสนสวยกับหนามแหลมคม... ช่วงบ่ายฉันไม่ได้ทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือนิดหน่อยก่อนจะนอนพักสายตา ตั้งใจแค่จะพักสายตาแต่ดันหลับไปจริงๆ ซะงั้น ตื่นมาอีกทีเกือบบ่ายสาม ลุกเข้าห้องน้ำล้างหน้าแล้วก็จัดการธุระส่วนตัวก่อนที่จะเดินเอาผ้าขนหนูไปตากไว้ที่ระเบียงห้อง ก้าวเท้าพ้นออกมาจากประตูบานเลื่อนหลังห้องพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่เพิ่งจะเดินกลับเข้าไปในห้องของบ้านหลังข้างๆ ห้องที่ฉันเหม่อมองอยู่ทุกวัน ฉันเพ่งตามองอยู่ครู่นึง อาจจะเป็นแม่บ้านที่เขาไปทำความสะอาดห้องของเขาก็ได้คงไม่ใช่เขาหรอกเพราะพี่ธูร์บอกว่าอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์กว่าที่พวกเขาจะกลับมา... ฉันส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเองแล้วเดินเลยลงไปยังชั้นล่างของบ้าน พอลงมาถึงด้านล่างก็กวาดสายตามองไปรอบๆ จนเห็นแม่กับป้าบัวคุยกันอยู่ในห้องครัว สงสัยคงทำขนมกันอยู่ “แม่ค่ะ คืนนี้หนูออกไปข้างนอกกับเพื่อนนะค่ะ นัดกับพวกมะนาวไว้ค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับแม่พร้อมกับเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ในห้องครัว “ไปเที่ยวอีกหละสิ!” เสียงแม่ดุๆ พร้อมกับจ้องหน้าฉันเขม็ง “โห... แม่พูดเหมือนหนูไปเที่ยวบ่อยงั้นแหละ เดือนนี้ทั้งเดือนก็เพิ่งจะออกไปวันนี้หละค่ะ” ฉันทำเสียงอ้อนทันทีเพราะกลัวแม่จะไม่อนุญาติ แต่ปกติท่านก็อนุญาติอยู่แล้วเพราะท่านรู้ดีว่าฉันไม่เถลไถลที่ไหนแน่นอนจะมีก็แต่พ่อกับพี่อาร์ตนั่นแหละถ้ารู้ว่าฉันไปเที่ยวกลางคืนก็จะโทรมาบ่นจนหูชาเลยหละ “อย่ากลับดึกก็แล้วกัน แล้วก็อย่าให้พ่อกับพี่อาร์ตเขารู้หละแม่ขี้เกียจฟังสองคนนั้นบ่น” แม่ว่าพลางย่นจมูกไปด้วยเมื่อพูดถึงพ่อกับพี่อาร์ต ฉันเองก็ได้แต่ยิ้มขำๆ “ค่ะ” ยอมรับค่ะว่าไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไรมากมายมีบ้างที่เที่ยวกับเพื่อนแต่ก็อยู่ในกรอบตลอดและดูแลตัวเองเป็นอย่างดีรวมถึงรู้ลิมิตของตัวเองด้วยว่าควรพอแค่ไหน แม่ถึงได้ยอมให้ฉันออกไปเที่ยวยังไงหละเพราะท่านเชื่อใจลูกสาวคนนี้ “แล้วหนูจะออกไปเองหรือว่าเพื่อนมารับ หรือว่าจะให้แม่ไปส่ง?” “โห แม่ค่ะหนูออกไปเที่ยวนะแม่ยังต้องไปส่งอีกเหรอ” ฉันว่ายิ้มๆ ถึงแม่จะอนุญาติแต่ก็ยังห่วงอยู่ดีสินะ “ก็หนูเป็นลูกสาวจอมซนของแม่ไงค่ะ แม่ก็ห่วงเป็นธรรมดา” น้ำเสียงเหมือนประชดแต่ไม่ได้จริงจังมากนัก “ขอบคุณค่ะ แต่เดี๋ยวมะนาวจะมารับค่ะ” ฉันยิ้มให้แม่จนตาหยีเลย จากนั้นก็ลุกไปช่วยแม่กับป้าบัวทำขนมต่อ วันนี้มีอบคุกกี้อีกแล้วแต่เป็นคุกกี้อัลมอนด์ ฉันชะงักมือไปครู่นึงเพราะคิดขึ้นมาได้ว่าเขาคนนั้นก็ชอบกินคุกกี้อัลมอนด์ด้วยเพราะเวลาที่ฉันเอาไปฝากเขาทีไรเขาก็มักจะกินหมดอย่างรวดเร็วทุกครั้ง ช่วงเย็นๆ ฉันกับแม่ออกมานั่งกันอยู่หน้าบ้านพร้อมกับพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนโทรศัพท์ของแม่ดังขึ้น เป็นพ่อที่โทรเข้ามาฉันจึงเดินเลี่ยงออกมาปล่อยให้แม่คุยโทรศัพท์กับพ่อไป เพราะไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอพวกท่าน ก็เวลาที่พ่อกับแม่คุยกันมักจะมีคำหวานๆ ให้กันเสมอน่ะสิ ฟังแล้วก็อิจฉา ฉันเดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเองมองดูเวลาตอนนี้เกือบหนึ่งทุ่มแล้วเลยรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพราะมะนาวบอกว่าจะมารับตอนสองทุ่ม... ฉันเลือกหยิบชุดเดรสสีขาวขึ้นมาใส่ มันเป็นชุดเดรสธรรมดาแขนตุ๊กตาตรงอกเว้าลงมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับโป๊ยาวเหนือเข่าขึ้นมานิดหน่อย และคืนนี้ฉันเลือกที่ปล่อยผมยาวสลวยพร้อมกับม้วนเป็นลอนใหญ่หลวมๆ หมุนตัวอยู่หน้ากระจกไปมาเพื่อเช็คความพร้อมก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อจะเอาไปตากด้านนอกระเบียง สายตาหันไปมองที่ระเบียงห้องของบ้านข้างๆ อีกครั้งด้วยความเคยชินแต่ห้องนั้นก็ยังคงปิดเงียบเหมือนกับที่ผ่านมา ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงในห้องดังขึ้นฉันจึงรีบหมุนตัวแล้วกลับเข้ามาในห้องก่อนจะหยิบขึ้นมารับสาย เป็นเบอร์ขององศาน้องรหัสของฉันเอง “ว่าไง” กรอกเสียงไปแค่นั้น “(วันนี้พี่มะนาวให้ผมมารับพี่ไปที่ร้าน ผมใกล้ถึงบ้านพี่แล้วนะ)” “อ้าวแกก็ไปด้วยเหรอ?” “(ครับ)” “โอเคเดี๋ยวฉันลงไปรอแกหน้าบ้านแล้วกัน” “(ครับ)” แล้วองศาก็วางสายไป แปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้มีองศาไปด้วยเพราะมะนาวมันก็ไม่ได้บอกอะไรฉันไว้ พอลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นองศานั่งรออยู่แล้วพร้อมกับแม่แล้วก็ป้าบัว ฉันถึงกับขมวดคิ้วเลยเพราะฉันเพิ่งจะวางสายกับมันไปเมื่อกี้นี้เอง แต่องศากลับยิ้มให้ฉันกว้างเชียว “ทำไมมาถึงเร็วจัง?” “ก็ตอนที่ผมโทรหาพี่น่ะผมอยู่หน้าบ้านพี่แล้ว” “แล้วจะบอกทำไมว่าใกล้ถึง ทำไมไม่บอกว่าถึงแล้ว” ส่งสายตาดุไปให้ทีนึง แต่มันก็ไม่ได้สะทกสะท้านหรอกแถมยักไหล่กวนกลับมาอีกด้วย “มัวแต่เถียงกันเดี๋ยวก็ดึกหรอกลูก องศาแม่ฝากพี่เขาด้วยนะลูก” “ครับ” แม่หันมาดุฉันแต่กลับหันไปยิ้มให้องศาซะงั้น ส่วนรายนั้นก็ยิ้มกว้างเชียว องศาเคยมาบ้านฉันหลายครั้งแล้วก็เลยสนิทกับแม่คงเพราะมันเป็นคนพูดเก่งด้วยหละมั้ง ชวนคุยจนแม่หายเบื่อเลยหละ “งั้นหนูไปก่อนนะค่ะ สัญญาว่าจะไม่กลับดึกค่ะ” ว่าแล้วก็เข้าไปกอดแม่แล้วก็พาองศาเดินออกมาจากบ้าน องศาจอดรถไว้ด้านนอกประตูรั้ว มันเปิดประตูด้านข้างคนขับให้ฉันแต่ก่อนที่ฉันเข้าไปนั่งในรถก็เห็นรถยนต์คันใหญ่สีดำแล่นออกมาจากบ้านของพี่ธูร์พี่เธียร์ก่อนที่จะชะลอเล็กน้อยแต่ก็เพียงครู่เดียวแล้วรถคันนั้นก็แล่นออกไป แต่ฉันไม่เห็นว่าใครอยู่ด้านในหรอกนะเพราะตอนนี้มันมืดมาก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรนานพลางก้าวเข้าไปนั่งในรถแล้วองศาก็ตามมานั่งฝั่งคนขับ จากนั้นพวกเราก็พากันออกมา ขับรถไม่นานก็มาถึงร้านที่นัดกับพวกมะนาวแล้วก็แพรดาวไว้ ร้านตรงหน้าเป็นร้านเหล้าเน้นแบบนั่งชิลไม่ได้คึกคักเหมือนกับผับแต่ก็ยังมีโซนให้สามารถออกไปเต้นกันได้อยู่บริเวณด้านหน้า ฉันกับเพื่อนชอบมาร้านนี้กันเพราะบรรยากาศดีและคนไม่วุ่นวายเท่าไร พวกเราพากันเดินเข้าไปในร้านพลางกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อมองหามะนาวกับแพรดาวก่อนที่จะเห็นพวกมันยืนโบกไม้โบกมือให้อยู่ตรงโต๊ะมุมร้าน “ยังไงทำไมวันนี้ถึงนัดหมอนี่มาด้วยได้?” ทันทีที่ถึงโต๊ะฉันก็เอ่ยถามเพื่อนสาวเสียงเรียบพร้อมกันมองหน้าองศาไปด้วย “ไม่ได้นัดมันคร้า แต่เมื่อคืนบังเอิญเจอมันแล้วมีเรื่องให้มันช่วย วันนี้มันก็เลยทวงบุญคุณคร้า” มะนาวพูดเสียงประชดประชัน แต่องศามันกลับยักไหล่ไม่สนใจ “ก็ผมช่วยพี่แล้วอ่ะ คืนนี้พี่ต้องช่วยผม แล้วเราหายกัน” “มีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ?” แพรดาวที่นั่งอยู่ข้างมะนาวถามคำถามที่ฉันก็อยากรู้ออกมา “ก็จะอะไรซะอีกหละ ก็มื่อคืนฉันไปเที่ยวแล้วบังเอิญไปเจอไอ้พี่แม็กมันควงแฟนใหม่มาเย้ยฉันจร้า แล้วดูท่าแฟนใหม่จะเชิดน่าดูเลย คงคิดว่าตัวเองเหนือกว่าฉันละมั้ง แต่ขอโทษคร้าฉันนี่แหละเป็นคนทิ้งไอ้พี่แม็กเอง พอดีเห็นองศาอยู่ในร้านด้วยก็เลยขอให้มันช่วยเล่นเป็นแฟนฉันเพื่อตอกหน้าไอ้พี่แม็กกับแฟนใหม่เขาหน่อย แต่น้องรหัสแกนะสิมันไม่ได้ช่วยฉันฟรีๆ มันช่วยเพื่อหวังผล” มะนาวอธิบายให้ฟังยาวเหยียดก่อนจะปลายตาไปมององศาด้วย แค่นี้ฉันก็พอจะรู้แล้วว่าเรื่องที่องศาทวงบุญคุณมะนาวอยู่เนี้ยคือเรื่องอะไร ฉันหันไปมององศาที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับส่ายหัวไปมา “ไม่ต้องมาส่ายหัวใส่ผมเลย ถ้าเมื่อคืนผมกับพี่มะนาวไม่ติดหนี้บุญคุณกันไว้ คืนนี้คนที่ต้องสวมบทบาทเป็นแฟนผมก็คือพี่นั่นแหละ” องศาหันมองฉันพร้อมยกยิ้มกวนๆ มาให้ด้วย ทำเอาฉันคิ้วกระตุกเลย มันเห็นฉันมีประโยชน์แค่เป็นไม้กันหญิงจริงๆ สินะ ไอ้น้องเวร! “ชิ!” ฉันเบะปากใส่ไปทีหนึ่ง จากนั้นองศาก็รับหน้าที่ไปสั่งเครื่องดื่มให้ฉันแล้วมันก็เดินหายไปไหนก็ไม่รู้ แต่ไม่นานเครื่องดื่มสีสวยก็ถูกนำมาเสริฟลงตรงหน้า ฉันนั่งจิบค็อกเทลพร้อมกับพูดคุยกับเพื่อนไปเรื่อย ก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงสายตาของใครบางคนที่จ้องมองมาและมันก็ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ผู้หญิงสามคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอีกมุมหนึ่งของร้านกำลังนั่งจ้องฉันกับเพื่อนเขม็งด้วยสายตาที่แทบจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยทีเดียว และพวกเธอก็มำไม่ได้ทำแค่จ้องแล้วเพราะตอนนี้พวกเธอกำลังเดินเข้ามาทางพวกเรา แต่พวกเพื่อนฉันไม่เห็นพวกนั้นหรอกนะเพราะมันนั่งหันหลังกันอยู่มีแค่ฉันคนเดียวที่หันหน้าไปทางพวกสามสาวนั่น “ขอคุยด้วยหน่อยสิ!” ทันทีที่พวกเธอก้าวมาถึงโต๊ะของพวกฉันหนึ่งในนั้นก็เอ่ยออกมาเสียงดังพร้อมกับจ้องหน้าฉันไปด้วย ฉันเองก็ไม่รู้ว่าพวกเธอเป็นใครเหมือนกัน แต่ดูจากสถานการณ์เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับองศาแน่นอน ซวยชะมัดเลยฉัน แล้วนี่ไอ้ตัวต้นเหตุมันหายหัวไปไหนเนี้ย “กับฉันเหรอ?” ไม่ได้กวนแต่แค่ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ “ก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ให้คุยกับเธอแล้วจะให้คุยกับใคร!!” ผู้หญิงอีกคนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับท้าวเอวอย่างหาเรื่อง “พูดจาดีๆ ไม่เป็นหรือไง! แล้วมีธุระอะไรกับเพื่อนฉัน” มะนาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉันลุกเดินมายืนข้างฉัน อารมณ์ตอนนี้คือมันพร้อมบวกมากจนฉันต้องดึงแขนมันไว้เพราะไม่อยากมีเรื่องในร้านเหล้าแถมพวกเรายังเป็นผู้หญิงอีก มันคงดูไม่ดีเท่าไร “มีอะไรก็ว่ามา” ฉันเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนแล้วถามออกไป “เป็นอะไรกับองศา!!??” นั่นไงผิดจากที่คิดไว้ซะที่ไหนหละ แต่ก่อนที่ฉันจะได้ตอบคำถามออกไปก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้นมาซะก่อน “เป็นคนสำคัญ” เสียงขององศาดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเข้ามาดึงฉันเข้าไปยืนข้างๆ พร้อมกับโอบไหล่ฉันด้วย สายตาของหมอนี่จ้องมองไปยังผู้หญิงสามคนข้างหน้าด้วยท่าทางเย็นชา พอเห็นท่าทางนิ่งๆ แบบนี้ขององศาแล้วก็พาให้นึกถึงใครอีกคนขึ้นมาเพราะรายนั้นก็ชอบทำท่าทางเย็นชาแบบนี้แหละ จากที่คุยกันก่อนหน้านี้คนที่จะต้องรับบทเป็นแฟนหมอนี่คือมะนาวแต่ไหงตอนนี้มันถึงได้กลายเป็นฉันไปซะได้หละเนี้ย “คนสำคัญ?? องศาหมายความว่าไง? อย่าบอกนะว่าแฟน! มิ้งเห็นองศาเดินเข้ามาในร้านพร้อมมันด้วย!!” “แล้วแต่จะคิดเลย แต่ในเมื่อเห็นแล้วงั้นก็ช่วยเลิกยุ่งกับฉันซะที เพราะมัน...น่ารำคาญ!” องศาเน้นทุกคำพูดจนผู้หญิงตรงหน้าชะงักไปเลย แต่แล้วก็ตามมาด้วยความรู้สึกเย็นวาบที่ถูกสาดมาที่หน้าของฉัน เครื่องดื่มสีสวยถูกผู้หญิงที่ชื่อมิ้งสาดมันเข้ามาที่หน้าของฉันจังๆ เล่นเอาแสบตาเลย “ทำเหี้ยอะไรว่ะ!!” องศาตวาดเสียงดังลั่นพร้อมกับดึงฉันไปหลบหลังของตัวเองทันที “ก็อีนี้มันแย่งองศาไปจากมิ้ง!! โดนแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ!!” “มันจะมากไปแล้วนะ!!” มะนาวว่าพลางหยิบแก้วเครื่องดื่มแล้วสาดกลับไปยังผู้หญิงคนนั้น “กรี๊ดดดดด!! อีบ้า!!” ทำเอาพวกเธอกรี๊ดร้องกันดังลั่นเลย ฉันที่ยืนมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าก็ปรายตาไปมองตัวต้นเหตุที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับส่งสายตาดุไปให้ด้วย แต่จู่ๆ ข้อมือของฉันก็ถูกกระชากจากมือหนาของใครบางคนให้หันกลับไปด้านหลังจนฉันเซเลยทีเดียว แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นเจ้าของฝ่ามือหนาที่ยืนอยู่ตรงหน้า “กลับบ้าน!!” เสียงเข้มทุ้มต่ำของคนตรงหน้าเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงหัวใจของฉันที่กลับมาเต้นแรงอีกครั้งหลังจากที่มันไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว “พี่เธียร์....” เสียงหวานเอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน......... เหตุการก่อนหน้านั้น.... [ เธียร์ ].... ผม เธียร์ น้องชายฝาแฝดของไอ้ธูร์ พวกผมกลับมาจากต่างประเทศตั้งแต่เมื่อวาน ตอนแรกกำหนดเดินทางกลับของพวกเราคืออีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้าแต่มันกลับมีเรื่องกวนใจที่ทำให้ผมต้องเปลี่ยนแผนกลับไทยเร็วขึ้น เรื่องนี้ไอ้ธูร์มันรู้ดี... แต่ตั้งแต่กลับมาถึงก็ยังไม่ได้ไปไหนกันเลยส่วนหนึ่งก็มาจากการที่พวกผมยังปรับเวลากันไม่ค่อยได้เลยทำให้ช่วงกลางวันพวกผมจะนอนกันซะส่วนใหญ่ตื่นอีกทีตอนกลางคืน และวันนี้พวกผมก็มีนัดเจอกับเพื่อนด้วยเลยพากันออกมาที่ร้านเหล้าของเพื่อน แต่ก่อนจะออกจากบ้านผมเห็นใครบางคนยืนอยู่หน้าบ้านหลังข้างๆ ด้วย จริงๆ ผมเห็นเธอตั้งแต่เช้าแล้วหละครับเพราะเห็นยืนคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าบ้าน ผู้หญิงที่ผมคุ้นหน้าดีและยังเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมกลับมาเร็วขึ้นด้วย.... แต่ช่างเถอะครับ เพราะผมยังไม่คิดจะไปเจอเธอตอนนี้หรอก ตอนนี้ผมกับไอ้ธูร์นั่งกันอยู่ในโซนวีไอพีของร้านเหล้าที่มีไอ้เมฆเพื่อนของผมเป็นเจ้าของ พวกเราไม่ได้เจอกันนานก็เลยมีเรื่องให้คุยกันเยอะแต่ปกติพวกผมก็จะคุยกันในแชทกลุ่มอยู่แล้ว นอกจากไอ้เมฆแล้วยังมีไอ้เสือด้วย พวกมันเป็นเพื่อนสนิทของผมกับไอ้ธูร์ครับ “ยังไงมึง ไหนว่าจะกลับอาทิตย์หน้าไง ไหงโผล่มาวันนี้ว่ะ?” ทันทีที่ผมกับไอ้ธูร์หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาไอ้เสือก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที “ใจมันไม่นิ่งก็เลยต้องรีบกลับ” พี่ชายของผมว่ายิ้มๆ พลางยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบแล้วปรายตามามองผมด้วย ผมรู้ว่ามันกำลังแซะผมอยู่ แต่ผมไม่ใส่ใจได้แต่ยกไหล่ให้มันแล้วยกแก้วขึ้นดื่มด้วยอีกคน “อะไรของพวกมึงว่ะ?” ไอ้เมฆขมวดคิ้วเลยทีเดียว “ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงพวกมึงไงเลยรีบกลับมาหา” ผมว่ายิ้มๆ แต่พวกมันสองคนกลับขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ผมรู้ว่าพวกมันไม่เชื่อหรอก ก็พวกผมเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ม. ต้น จนตอนนี้อายุปาเข้าไป 26ปี กันแล้ว มันยาวนานมากพอที่จะรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว ชนิดที่ว่าแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ “ไอ้เรื่องที่ว่ากวนใจเนี้ยอย่าบอกนะว่าเรื่องของเมย์?” ไอ้เมฆเอ่ยชื่อของคนคนหนึ่งขึ้นมา คนที่ผมลืมไปแล้ว... เมย์ เป็นแฟนเก่าผมสมัย ม.ปลาย ผมคบกับเธอตอนเรียนอยู่ ม.6 จนถึงขึ้นมหาลัยปีหนึ่ง แต่ก่อนที่ผมจะย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศผมก็ขอเลิกกับเธอด้วยเหตุผลของการต้องไปเรียนต่อ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่หรอกครับแค่เพราะผมอยากเลิก ในเมื่อไม่ได้รู้สึกรัก...แล้วทำไมผมจะต้องทนอยู่ในความสัมพันธ์นั้นหละครับ ที่ยอมคบกับเมย์ก็เพราะว่าเธอตื้อผมจนผมรำคาญและมีเธอก็ดีสำหรับผมด้วยเพราะเมย์คอยกันผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตผม แต่ไปๆ มาๆ ก็คบกันเกือบสองปี แต่เป็นสองปีที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย บางทีก็แอบสงสารเธออยู่เหมือนกัน ยอมรับครับว่าตัวเองเลวมากที่ยอมคบกับเธอเพราะเหตุผลที่เห็นแก่ตัว และเหตุผลที่ทำให้ผมไม่สามารถรักเธอได้ก็เพราะใจของผมมันมีเจ้าของอยู่แล้ว.... “เรื่องของเมย์มันผ่านมานานแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดอีก... แล้วกูก็ลืมไปหมดแล้วด้วย” ผมตอบไอ้เมฆไปตามความจริง “แต่เมย์ไม่เคยลืมมึงเลยนะเว้ย ตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมาเธอยังถามเรื่องมึงจากกูอยู่บ่อยๆ กูเองก็ไม่รู้จะตอบว่ายังไง เมย์แม่งโคตรฝังใจกับมึงอ่ะ” ไอ้เสือเองก็พูดขึ้นมาด้วย พวกมันหน้าตาดูจริงจังกันมาก “ทำเขาไว้เยอะไงเขาเลยฝังใจ” ไอ้ธูร์เอ่ยขึ้นมาเสียงราบเรียบ บางทีผมก็คิดนะว่ามันเป็นพี่ชายผมจริงๆ หรือเปล่า แซะผมเก่ง!! “เลิกพูดเรื่องเก่า กูอยากฟังอะไรใหม่ๆ บ้าง” ผมที่รู้สึกเหมือนโดนรุมจนต้องพาพวกมันเปลี่ยนเรื่องคุย พวกมันเองก็ยิ้มขำๆ จากนั้นพวกผมก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยจนได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากด้านล่างของร้านจนไอ้เมฆที่เป็นเจ้าของร้านต้องลุกขึ้นไปดู ไอ้เมฆเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงระเบียงกระจกชั้นสองที่อยู่ติดกับโต๊ะของพวกผม “กูคิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็ตบกันแย่งผู้ชาย ...แต่ผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้นๆ ว่ะ” ไอ้เมฆว่าพลางย่นคิ้วเข้าหากันอย่างใช้ความคิด จนไอ้เสือลุกขึ้นเดินไปยืนข้างๆ มันอีกคน ส่วนผมกับไอ้ธูร์ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว จนได้ยินเสียงของไอ้เสือพูดชื่อของใครบางคนขึ้นมาทำเอาผมชาวาบไปทั้งตัวเลย “นั่นมันน้องไอริณที่อยู่ข้างบ้านมึงนี่หว่า ไอ้เหี้ยโดนรุมตบเหรอว่ะนั้น? แต่ว่า...ไม่ได้เห็นตั้งหลายปีโตเป็นสาวแล้ว สวยว่ะ” แค่นั้นแหละครับผมกับไอ้ธูร์ลุกขึ้นอย่างไวก่อนจะก้าวเท้าไปยืนข้างๆ พวกมัน สายตามองลงไปยังกลุ่มคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ด้านล่าง แล้วขาของผมก็ไวกว่าความคิดเสมอรู้ตัวอีกทีก็พาตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอซะแล้ว ตอนแรกว่าจะยังไม่ไปเจอแต่ตอนนี้กลับไม่ใช่แล้ว แถมเจ้าตัวยังเบิกตาโตอีกที่เห็นผม เหตุการณ์ปัจจุบัน..... “พี่เธียร์....” เสียงหวานเอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่เห็นเขาอยู่ตรงหน้าแถมยังส่งสายตาดุมาให้ฉันด้วย พอมองเลยไปก็เห็นอีกคนที่เดินเข้ามาหาสีหน้าราบเรียบไม่ต่างกัน “พี่ธูร์....” ทำได้แค่เรียกชื่อพวกเขาจริงๆ ค่ะ ถึงจะผ่านไปนานแค่ไหนฉันก็จำได้ดีว่าใครเป็นใคร “ครับ ยังดีที่จำพวกพี่ได้” พี่ธูร์ยกยิ้มบางๆ ให้ฉันแต่แววตานั้นแข็งกร้าวมาก “กลับบ้าน!! อย่าให้ต้องพูดซ้ำ!!” น้ำเสียงแข็งกระด้างของพี่เธียร์ถูกเค้นรอดไรฟันออกมา ฉันได้แต่ยืนจ้องหน้าเขานิ่งทำอะไรไม่ถูกก่อนจะถูกพี่เธียร์ลากแขนออกจากร้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงการ์ดของร้านเข้ามาดูเหตุการณ์พร้อมกับเพื่อนของฉันที่ตะโกนไล่หลังมา แต่นาทีนี้ฉันเหมือนถูกแช่แข็ง ยอมเดินตามมาจนถึงลานจอดรถ สายตาไม่อาจละจากเขาได้เลย... พอเดินมาถึงลานจอดรถความเงียบก็เข้าครอบงำ พวกเราสามคนไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยจนผ่านไปหลายนาที ยืนกันอยู่แบบนั้น จนพี่ธูร์เริ่มพูดขึ้นมาคนแรก “ไม่ดีใจเหรอครับที่เจอพวกพี่” รอยยิ้มอบอุ่นของเขาถูกส่งมาให้ฉัน แต่ฉันกลับใจเต้นแรงให้กับอีกคนที่ตอนนี้เอาแต่ทำหน้านิ่งใส่ “ไหนพี่บอกว่าอีกอาทิตย์หนึ่งถึงจะกลับไงค่ะ แล้วทำไมถึง....” ฉันถามพี่ธูร์โดยที่ไม่ได้มองหน้าพี่เธียร์เลย พลางขมวดคิ้วเข้าหากันไปด้วย “เปลี่ยนแผนนิดหน่อยน่ะครับ” “อ้อ.... เหรอค่ะ” “ไม่ได้เจอกันตั้งนานไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันในสถาณการณ์แบบนี้ แล้วทำไมเราถึงได้โดนพวกนั้นรุมเอาได้ ปกติเห็นสู้ไม่ถอยนี่” พี่ธูร์ว่ายิ้มๆ “เรื่องมันยาวค่ะ” ฉันเองก็ยิ้มแหย่ๆ กลับไปให้เขา ถ้าจะให้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง คืนนี้คงไม่ได้กลับบ้าน “จะคุยกันอีกนานไหม กูจะได้กลับก่อน” เสียงพี่เธียร์ดังแทรกบทสนทนาของเราขึ้นมาก่อนจะเดินไปเปิดรถแล้วเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับทำเอาพี่ธูร์อมยิ้มเลย แล้วเขาก็เดินมาเปิดประตูรถด้านหลังให้ฉัน ฉันเองก็ลังเลนิดหน่อยเพราะตอนมาฉันมากับองศาแล้วตอนนี้พวกนั้นคงงงกันอยู่เพราะอยู่ดีๆ ฉันก็ถูกผู้ชายฝาแฝดตัวโตลากออกมาจากร้าน “กลับพร้อมพวกพี่นี่แหละครับ” พี่ธูร์พูดเหมือนรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ “แต่ว่าไอมากับเพื่อนนะค่ะ กลัวพวกมันจะเป็นห่วง” “ถ้างั้นก็โทรไปบอกเพื่อนแล้วก็ขึ้นรถครับ” ว่าพลางยืนยิ้มกดดันฉันด้วย “ก็ได้ค่ะ” แล้วฉันก็หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วเดินเลี่ยงออกมาเล็กน้อยก่อนจะโทรหามะนาว พอมันรับสายได้ก็โวยวายใหญ่เลย ฉันเลยบอกมันว่าฉันจะกลับกับคนรู้จักเพราะขี้เกียจอธิบายเรื่องของพี่ธูร์พี่เธียร์ให้มันฟังเอาไว้ค่อยอธิบายวันหลัง จากนั้นก็เดินกลับมาหาพี่ธูร์แล้วขึ้นไปนั่งด้านหลังรถ พอปิดประตูให้ฉันแล้วพี่ธูร์ก็เปิดเข้าไปนั่งข้างคนขับจากนั้นรถก็เคลื่อนออกจากร้าน ระหว่างทางพวกเราเงียบกันมาก ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไรกับพวกพี่เขาดี คงเพราะความห่างด้วยหละมั้งเลยไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง... ก็ตั้ง 6 ปีนี่นา... “เที่ยวกลางคืนบ่อยเหรอเราอ่ะ” เป็นพี่ธูร์ที่เอ่ยขึ้นขัดความเงียบ “ไม่บ่อยหรอกค่ะ พอดีวันนี้เพื่อนนัดก็เลยต้องออกมาน่ะค่ะ” “อ้อ... แล้วเรื่องที่โดนรุมที่ร้านก็คงเพราะเพื่อนด้วยสินะ” “ค่ะ... พอดีเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะค่ะ ไอก็เลยซวย” ฉันว่าพลางยิ้มแหยๆ ฉันนั่งคุยกับพี่ธูร์ไปเรื่อยแต่พี่เธียร์กับเงียบไม่พูดอะไรจนพี่ธูร์ต้องเอ่ยถาม “แล้วมึงไม่คิดจะทักน้องหน่อยเหรอไม่ได้เจอกันตั้งนาน นั่งเงียบอยู่ได้” “..........” พี่เธียร์ไม่พูดอะไรแต่ฉันเห็นเขาปรายตามองฉันผ่านกระจกมองหลัง สายตานั่นยังคงเฉยชาเหมือนกับตอนที่ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อเลย จนฉันต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่างแทนพร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาแต่ฉันมั่นใจว่าเขาได้ยิน “ก่อนจะไปก็ไม่ได้บอกลา กลับมาจะไม่ทักก็ไม่แปลกหรอกค่ะ” จากนั้นความเงียบก็เข้าครอบงำอีกครั้งจนรถมาหยุดจอดอยู่หน้าบ้าน ฉันเปิดประตูลงจากรถโดยมีพี่ธูร์เดินตามลงมาด้วย “ขอบคุณนะค่ะที่มาส่ง” พูดพร้อมกับฉีกยิ้มหวานไปให้เขาด้วย แต่พอมองเลยเข้าไปในรถอีกคนกลับยังทำหน้านิ่งไม่เลิก “มาส่งอะไรหละ บ้านพี่อยู่ถัดจากบ้านของเราแค่สองก้าวเองนะ” พี่ธูร์พูดยิ้มๆ ติดตลก แต่ก็จริงของเขา “ก็จริงค่ะ ลืมไปเลย” ฉันยิ้มขำๆ พร้อมกับลูบผมตัวเองแก้เก้อ “ถ้างั้นก็เข้าบ้านเถอะดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะแวะมาหา จะเอาของฝากมาให้ด้วย” “โอเคค่ะ งั้นก็ฝันดีนะค่ะ แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งค่ะ” “ครับ ฝันดีครับ” พี่ธูร์ส่งยิ้มอบอุ่นให้ แล้วฉันก็หมุนตัวไปเปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าบ้านก่อนจะได้ยินเสียงรถขับออกไปแล้วเลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ข้างๆ เข้ามาถึงห้องนอนฉันก็ทิ้งตัวเองนอนราบไปกับเตียงพลางยกมือขึ้นมากุมที่อกข้างซ้ายไว้ ใจมันเต้นแรงจนรู้สึกได้เลย “กลับมาแล้วสินะค่ะ...พี่เธียร์” พึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วเบาก่อนจะแสยะยิ้มออกมาเพราะนึกถึงสีหน้าเย็นชาราบเรียบของเขาวันนี้ มันทำเอาใจฉันเจ็บแปล๊บๆ เหมือนกันนะ ฉันพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำ ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเลยเพราะต้องสระผมด้วย ก็เพราะค็อกเทลที่โดนสาดมาน่ะมันเหนียวติดผมไปหมด อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินเช็ดผมแล้วออกไปตากผ้าขนหนูที่ระเบียงห้อง และเพราะความเคยชินจึงทำให้ฉันหันไปมองระเบียงห้องของใครบางคนที่อยู่บ้านข้างๆ แต่วันนี้มันกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเพราะที่ตรงนั้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมามันว่างเปล่าไร้เงาของเขา แต่วันนี้กลับมีเขาที่ยืนอยู่แล้วกำลังจ้องมองมาทางฉันด้วยเช่นกัน แม้ระเบียงห้องของเราจะอยู่ไม่ได้ใกล้กันมากแต่ฉันก็เห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ใบหน้าของคนที่ฉันคิดถึงมาตลอด ฉันเหมือนตกอยู่ในภวังค์นานหลายนาทีก่อนจะดึงสติของตัวเองกลับมาแล้วเป็นฝ่ายเดินหนีกลับเข้ามาในห้องแทน ฉันไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง ทั้งที่พร่ำบอกกับตัวเองมาตลอดว่าลืมเขาไปแล้วแต่พอมาวันนี้กลับใจเต้นแรงขึ้นมาอีก ก็เพราะว่ารักไปแล้ว...จะให้ทำยังไงได้ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะบอกเขาออกไปหรอก เวลา 6 ปีที่ผ่านมามันนานเกินไป นานจนไม่รู้ว่าเขายังเป็นคนเดิมที่ฉันเคยรู้จักหรือเปล่า เฮ่ออออ.... ฉันพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมา ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนพร้อมกับปิดเปลือกตาลง “...พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ละกัน...” พึมพำกับตัวเองแล้วหลับไหลไปกับห้วงนิทรา....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม