คืนนั้น หลังจากที่ครามออกไปแล้วลลิษานอนไม่หลับเลยแม้แต่น้อย ความกลัวเกาะกินใจจนแทบจะหายใจไม่ออก เธอรู้ว่าครามอยู่เฝ้าหน้าห้องเธอทั้งคืน แต่ความรู้สึกถูกจับตามองยังคงไม่หายไป
รุ่งเช้า เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา ลลิษาตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ไม่ใช่ความเหนื่อยล้า แต่เป็นความผิดปกติบางอย่าง
เธอกวาดสายตาไปรอบห้อง และหัวใจก็หล่นวูบ
บนโต๊ะเครื่องแป้ง...กิ๊บติดผมลายผีเสื้อที่เธอทำหายไปเมื่อหลายเดือนก่อน วางอยู่ข้างเครื่องสำอางอย่างจงใจ
และที่แย่ไปกว่านั้น...ชุดชั้นในลูกไม้สีดำตัวโปรดของเธอที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า กลับถูกนำมาวางพาดไว้บนหมอนข้างเตียง ราวกับมีใครบางคน "จัดเตรียม" ไว้ให้เธออย่างจงใจ
ลลิษาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ไม่ใช่แค่เห็น...แต่เธอรู้สึกถึงสัมผัสที่ถูกทิ้งไว้ ความรู้สึกว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวที่สุดของเธอ ยิ่งไปกว่านั้น มันคือ การบอกเป็นนัยๆ ว่าเขารู้ทุกอย่าง...เห็นทุกอย่าง...แม้กระทั่งเสื้อผ้าชิ้นในที่สุดของเธอ
เธอรีบวิ่งไปเปิดประตูห้อง และพบว่าครามยังคงยืนอยู่ที่เดิม สายตาของเขาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“คราม!” ลลิษาแทบจะร้องออกมา เธอโผเข้ากอดเขาแน่นอย่างลืมตัว ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
ครามตกใจกับการกระทำของเธอ แต่ก็โอบกอดตอบแน่น เขาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่แผ่ออกมาจากเธอ
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณหนู” เสียงเขาหนักแน่น
ลลิษาผละออกเล็กน้อย ชี้ไปที่ชุดชั้นในบนเตียงด้วยมือที่สั่นเทา และกิ๊บติดผมบนโต๊ะเครื่องแป้ง
ครามมองตามที่เธอชี้ ดวงตาของเขาคมกริบขึ้นทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เขาเข้ามาในห้องคุณหนูได้ยังไง...” เสียงเขาเย็นเยียบ ราวกับเปล่งออกมาจากก้นบึ้งของความโกรธ
ครามก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ตรวจสอบทุกซอกทุกมุม สายตาของเขาจ้องมองไปที่กิ๊บติดผม และชุดชั้นในที่วางอยู่ เขารับรู้ได้ถึง "การเย้ยหยัน" ที่ภาคย์ส่งมาให้
“เขาต้องการอะไร” ลลิษาถามเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด
ครามเดินกลับมาหาเธอ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาลที่พยายามเก็บซ่อน “เขาต้องการให้คุณหนูกลับไปมองเขา...ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม”
คำพูดนั้นทำให้ลลิษารู้สึกเหมือนถูกแช่แข็ง ความน่ากลัวของภาคย์ไม่ใช่แค่การคุกคามทางกาย แต่เป็นการคุกคามทางจิตใจ ที่กำลังพยายามช่วงชิงเธอไปอย่างช้าๆ
ครามดึงลลิษาเข้ามากอดอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่การปลอบประโลม แต่มันคือการประกาศความเป็นเจ้าของ สายตาของเขาจ้องมองออกไปนอกประตูห้อง ราวกับจะทะลุผ่านกำแพงไปหาใครบางคน
“ผมจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องคุณหนูได้อีก” ครามกระซิบเสียงต่ำ ลมหายใจร้อนผ่าวรดรินอยู่ข้างหูของเธอ "เราจะไม่ปล่อยให้ใครเข้ามาขวางเราได้อีก"
ในยามเช้าที่ควรจะสดใส บัดนี้กลับเต็มไปด้วยเงาของภัยคุกคาม และความเร่าร้อนที่ถูกเร่งเร้าด้วยความหวาดกลัว... เกมซ่อนหาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และครามกับลลิษาต่างรู้ดีว่า นี่คือการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา
ครามที่มีไหวพริบอยู่เสมอ ถึงแม้ความโกรธจะพลุ่งพล่านจนแทบกลืนสติ แต่เขาก็รู้ดีว่าศัตรูที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่คนที่ควงปืน แต่คือคนที่ "นิ่งเงียบ"
และภาคย์...ก็คือแบบนั้น
“มันไม่ใช่แค่คุกคาม” ครามพูดพลางหันไปล็อกประตูหน้าห้องด้วยตัวเอง ก่อนจะเดินไปเช็กกล้องวงจรปิดที่ซ่อนอยู่เหนือกรอบรูป “เขากำลังเล่นเกมกับเรา”
“เกมอะไร...?” ลลิษาเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงแผ่วเหมือนลมหายใจ
“เกมที่เขาเป็นคนกำหนดกฎเอง...และคาดว่าเราจะเดินตาม” ครามตอบ ทั้งที่มือยังคงกดรีโมตเรียกจอมอนิเตอร์พับเล็กที่ซ่อนไว้ในลิ้นชักออกมา
ภาพจากกล้องเมื่อคืนเริ่มฉายช้าๆ แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ...
“มันถูกลบ...” ครามขบกรามแน่น ภาพช่วงเวลาเที่ยงคืนถึงตีสาม กลับกลายเป็นเพียงหน้าจอสีดำสนิท “และไม่มีใครในทีมผมทำได้...เว้นแต่จะมีคีย์โค้ดระดับสูงกว่านั้น”
“หมายความว่า...เขามีคนใน?” ลลิษาถาม น้ำเสียงสั่น
“หรือไม่ก็เขาคือคนที่เราคิดว่าไว้ใจได้” ครามตอบเสียงนิ่ง แววตาเย็นจนเหมือนน้ำแข็ง
ลลิษาเงียบงัน ดวงตาเบิกกว้าง
ในหัวเธอเริ่มไล่ชื่อทีละคน พ่อบ้าน? แม่บ้าน? คนขับรถ? หรือแม้แต่ใครบางคนที่ดู “ไม่มีพิษภัย” มากที่สุด...
“ลิษา” ครามหันกลับมาจับไหล่เธอแน่น ดวงตาของเขาไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย “จากนี้ไป...คุณหนูห้ามอยู่ลำพังเด็ดขาด ไม่ว่าจะที่ไหน แม้แต่ในห้องน้ำ หรือขณะหลับ”
“แต่...ฉันจะอยู่ยังไง...” เธอพูดอย่างหมดแรง
“อยู่กับผม” ครามตอบทันควัน “ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน”
และเป็นครั้งแรกที่ลลิษาไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นแค่บอดี้การ์ดของเธอ...
เขาคือกำแพงสุดท้าย คือไออุ่นเดียวที่ยืนหยัดท่ามกลางความมืดมิดที่กำลังคลืบคลานเข้ามา
ครามดึงเธอมากอดแน่นอีกครั้ง คราวนี้หัวใจของเธอกระเพื่อมแรงขึ้น... ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะ "เขา" กลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกของเธอไปแล้ว โดยไม่รู้ตัว
...และเกมซ่อนหากำลังเริ่มต้นจริงๆ ในแบบที่ไม่มีใครเตรียมใจทัน
ครามนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากพบว่าภาพจากกล้องถูกลบ
เขาไม่พูดอะไร แต่กลับเดินไปยืนกลางห้อง หันหน้าเข้าหากล้องอีกตัวที่ยังเปิดอยู่
“กล้องตัวนี้...ยังไม่ถูกลบ” เขากระซิบเบา ๆ ราวกับบอกใครบางคนที่กำลังเฝ้าดูอยู่ในความมืด
แล้วเขาก็หันมามองลลิษา แววตาของเขาเปลี่ยนไป
จากเงียบเย็น กลายเป็นร้อนแรง กร้าวลึก
จากการปกป้อง กลายเป็นการ ท้าทาย
“คุณหนูเชื่อผมไหม” เสียงเขาแหบต่ำ
“เชื่อ...” เธอตอบเบา ๆ แต่หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุอก
ครามไม่พูดอะไรอีก เขาเดินเข้ามาหาเธอ จับมือเธอแน่น แล้วดึงเธอเข้ามาแนบชิด
ริมฝีปากเขาประกบลงบนเรียวปากของเธออย่างแนบแน่น เร่าร้อน
ลมหายใจของทั้งคู่ปะทะกัน
และไม่มีใครหลบตาใคร
มือของเขาสอดไปยังแผ่นหลังลลิษา
ดึงเธอเข้าไปแนบชิดทุกสัดส่วน
ปลายนิ้วแตะขอบเอวของเธอแล้วลูบไล้ขึ้นช้า ๆ
ราวกับต้องการบอกกับ ใครก็ตามที่กำลังดูอยู่ ว่า เธอเป็นของเขา
ริมฝีปากเขาขบเม้มซอกคอของเธอ
เสียงหายใจของลลิษาสะท้อนเบา ๆ กลับไปทั่วห้อง
แต่ครามไม่หยุด
มือของเขาเลื่อนมาถอดชุดคลุมของเธอออกอย่างแผ่วเบา
เผยให้เห็นผิวเนียนที่ยังมีรอยสั่นสะท้านจากเหตุการณ์เมื่อเช้า
แต่คราวนี้ เธอไม่ได้กลัว
เธอรู้ว่า...การตอบรับสัมผัสของเขา
คือการ “ยืนหยัด”
คือการ “ไม่ยอมแพ้”
คือการประกาศว่าเธอไม่ใช่ของเล่นของใครทั้งนั้น
ครามกระซิบข้างหูเธอด้วยเสียงต่ำและหนักแน่น
“มองมาดี ๆ ถ้าแกกล้าดู...ก็จดจำไว้ด้วย ว่าเธอจะไม่มีวันกลับไปหามึงอีก”
ลลิษาหลับตาแน่น
ปล่อยให้ร่างกายและหัวใจหลอมรวมกับชายตรงหน้าอย่างเต็มใจ
ไม่มีอีกแล้วความลังเล
ไม่มีอีกแล้วการซ่อนตัว
บนเตียงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเธอเพียงลำพัง
บัดนี้ กลายเป็นสนามรบของความรู้สึก