ตอนที่ 7: สหายร่วมเดินทางที่ไม่คาดฝัน
การเดินทางที่เงียบงันและวุ่นวาย
การเดินทางของจวินเสวียนและสหายใบ้เริ่มต้นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น จวินเสวียนเดินนำหน้าอย่างร่าเริง เขารู้สึกเหมือนได้รับเพื่อนใหม่ที่ดีที่สุดในโลก ในขณะที่นางเดินตามหลังอย่างเงียบ ๆ ด้วยท่าทีที่ห่างเหินและระมัดระวังตลอดเวลา
สำหรับจวินเสวียน, การเดินทางครั้งนี้คือการผจญภัยที่เต็มไปด้วยอิสระและความสุข แต่สำหรับนาง, นี่คือภารกิจที่ซ่อนเร้น นางต้องการเวลาเพื่อทำความเข้าใจกับร่างกายใหม่ที่แสนจะอ่อนแอและเปราะบางนี้ และที่สำคัญ, นางต้องการเวลาเพื่อประเมินค่าของ สุราชำระดวงจิต และผู้ต้มเหล้านี้
นางพยายามสังเกตจวินเสวียนอย่างเงียบ ๆ ตลอดทาง เขาเป็นคนเดียวที่มองไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ ในตัวนาง เขามองนางในชุดบุรุษด้วยสายตาที่เชื่อมั่นว่าเป็น 'สหายชายผู้เคร่งขรึม'
“มนุษย์ผู้นี้โง่เขลาจริงหรือ? หรือว่าเขามองเห็นความจริง แต่แกล้งทำเป็นโง่เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง?” คำถามนี้ผุดขึ้นในใจของนางครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน
จวินเสวียนไม่เคยปล่อยให้การเดินทางเงียบเหงานานเกินไป เขามักจะเล่าเรื่องตลกที่ล้มเหลว หรือเรื่องราวของสุราที่เขากลั่น
“ท่านสหายใบ้! ท่านรู้ไหมครับว่าทำไมเหล้าของข้าถึงชื่อ สุราชำระดวงจิต?” จวินเสวียนถามพลางหันมายิ้มกว้าง “เพราะข้าใช้หัวใจที่บริสุทธิ์ในการกลั่นทุกหยด! ข้าไม่มีพลังชี่ให้ใส่นี่ครับ! ข้าก็เลยต้องใส่ 'ใจ' ลงไปเยอะ ๆ ไงครับ!”
นางพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเมินเฉย แต่ภายในใจของนางกลับยอมรับในคำพูดนั้น เหล้าของเขามีพลังในการชำระล้างจิตใจและบรรเทาความเครียดที่เกิดจากการเปลี่ยนร่างจริง ๆ
การทดสอบครั้งแรก
เส้นทางสู่ป่าหมอกครามเริ่มอันตรายมากขึ้น ทุกย่างก้าวเข้าใกล้เขตที่มีสัตว์อสูรมากขึ้นเรื่อย ๆ จวินเสวียนที่ไร้พลังย่อมตระหนักถึงภัยนี้ดี แต่เขามีวิธีรับมือที่ไม่เหมือนใคร
เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณเชิงเขาที่เต็มไปด้วยหมอกพิษบาง ๆ, พวกเขาถูกขวางทางโดยกลุ่มนักเลงพเนจรสามคนที่ดูเหมือนจะเคยเป็นศิษย์ที่ถูกขับออกจากสำนักเล็ก ๆ มาก่อน
“ฮึ่ม! ดูนั่นสิ! หนุ่มน้อยหน้าอ่อนกับสหายใบ้! นี่มันคู่หูที่โง่ที่สุดที่ข้าเคยเห็นในชีวิต! ส่งย่ามของพวกเจ้ามาให้หมด!” หัวหน้ากลุ่มตะโกนด้วยความมั่นใจ
จวินเสวียนยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน “โอ้! พวกท่านเป็นโจรเหรอครับ? ข้ามีแค่เหล้ากับข้าวสารเองนะครับ! แต่เหล้าของข้าอร่อยมากนะ! พวกท่านสนใจจะชิมก่อนไหมครับ? ข้าให้พวกท่านคนละจอกเลย!”
เขาหยิบขวดสุราชำระดวงจิตออกมาอย่างใจดี
โจรทั้งสามคนหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าฮ่า! เจ้าโง่! เจ้าคิดว่าเหล้าของเจ้าจะแลกกับชีวิตของเจ้าได้หรือ? พวกข้าจะเอาทั้งเหล้าและชีวิตเจ้า!”
หนึ่งในโจรพุ่งเข้าใส่จวินเสวียนด้วยกระบี่ขึ้นสนิม นางซึ่งยืนอยู่ด้านหลังจวินเสวียนจ้องมองด้วยความเยือกเย็น นางตัดสินใจแล้วว่า จะต้องไม่ใช้พลังวิชา ในการต่อสู้ แต่จะดูว่ามนุษย์ที่เรียกว่า 'สหาย' คนนี้จะรับมืออย่างไร
“ถ้าเขาถูกฆ่า, ข้าก็จะเก็บเหล้าแล้วเดินทางต่อ... ถ้าเขารอด, ข้าอาจจะเข้าใจความลับของเขามากขึ้น”
เมื่อกระบี่พุ่งเข้าใกล้, จวินเสวียนไม่ได้หลบหนี แต่เขาทำในสิ่งที่โง่เขลาที่สุด: เขาโยนขวดเหล้าไปที่ศีรษะของโจร!
เพล้ง!
ขวดดินเผาแตกกระจายพร้อมกับของเหลวสีอำพันที่สาดใส่ใบหน้าของโจร เมื่อเหล้าสัมผัสผิวหนัง, มันไม่ได้ทำร้าย, แต่กลิ่นหอมแรงและพลังงานจากสุรากลับทำให้โจรที่อ่อนแอถึงกับชะงักงัน
“อะ... อะไรน่ะ... กลิ่นนี่มัน...!” โจรคนนั้นร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
จวินเสวียนไม่รอช้า เขาอาศัยจังหวะที่โจรชะงัก เตะไปที่ขาของโจรคนนั้น อย่างแรงด้วยทักษะการเตะบอลที่ฝึกฝนมาตั้งแต่โลกเก่า!
ปัง! โจรล้มลงกับพื้นพร้อมเสียงโอดโอย
ความสามารถในการเอาตัวรอดที่ไม่ใช่พลังวิชา
โจรอีกสองคนเห็นเพื่อนล้มลงก็ตกใจ พวกเขามองจวินเสวียนด้วยความหวาดระแวง นางเองก็ตกใจเช่นกัน นางไม่เคยเห็นทักษะการต่อสู้ที่พึ่งพาความประหลาดใจและความโง่เขลาขนาดนี้มาก่อน
“นี่เป็นแค่การวอร์มอัพนะครับ!” จวินเสวียนตะโกนอย่างร่าเริง “พวกท่านสนใจจะชิมเหล้าอีกไหมครับ? ข้ามีเหล้าอีกสูตรที่ชื่อ สุราแห่งความรัก นะ!”
โจรที่เหลือมองหน้ากันด้วยความกลัว พวกเขาเริ่มเชื่อว่าจวินเสวียนไม่ใช่แค่คนโง่ธรรมดา แต่เป็น ผู้ฝึกวิชาที่ใช้ความโง่เป็นฉากบังหน้า
จังหวะนั้น, นางขยับตัว นางไม่ได้โจมตี, แต่ นางหยิบก้อนหินขนาดใหญ่ขึ้นมา ด้วยมือเดียว (แต่ยังคงทำทีเป็นใช้สองมือ) แล้ว โยนมันลงพื้นข้าง ๆ โจรที่บาดเจ็บ ด้วยเสียงดังสนั่น
ตูม!
การกระทำนี้ไม่ได้ใช้พลังวิชาใด ๆ, แต่ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายที่ได้รับการปรับปรุงจากการฝึกวิชา (ซึ่งนางก็ไม่รู้ตัวว่าทำได้), ทำให้เสียงก้อนหินกระทบพื้นดังราวกับสายฟ้าฟาด!
โจรทั้งสองคนถึงกับเข่าอ่อน! พวกเขาไม่เห็นว่านางใช้พลังชี่ใด ๆ แต่การขยับและแรงนั้นเหนือมนุษย์อย่างชัดเจน!
“ปี... ปีศาจ!” โจรคนหนึ่งตะโกน
โจรที่เหลือไม่รอช้า พวกเขาทิ้งอาวุธและวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งให้เพื่อนที่บาดเจ็บอยู่เบื้องหลัง
จวินเสวียนมองตามหลังโจรด้วยความเสียดาย “โอ้! พวกเขายังไม่ได้ชิมสุราแห่งความรักเลยนะครับ! น่าเสียดาย!”
เขาหันมายิ้มให้กับนางอย่างภาคภูมิใจ “สหาย! ท่านใจแข็งมากเลยนะครับ! ท่านทำให้พวกเขากลัวจนวิ่งหนีไปหมด! ท่านต้องเป็นคนที่ดูน่ากลัวมากแน่ ๆ เลยครับ!”
นางยืนมองจวินเสวียนอย่างเงียบ ๆ นางไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่แน่นอนคือ... การอยู่ข้างเขา นางไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิชาของตนเองเลย
“ท่านเก่งมากเลยนะครับ! ดูเหมือนท่านจะแข็งแรงมากเลยนะสหาย! ท่านฝึกวิชาอะไรมาเหรอครับ?” จวินเสวียนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นางมองไปที่กองเหล้าที่เขาแบกมา และส่ายหน้าเบา ๆ
จวินเสวียนยิ้ม “ฮ่าฮ่า! ข้าเข้าใจแล้ว! ท่านคงฝึกวิชาที่ทำให้เงียบและแข็งแกร่งสินะครับ! สุดยอด!”
นางพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเมินเฉย แต่ภายในใจของนางกำลังคิด: “มนุษย์ผู้นี้... เขาช่างเป็นมนุษย์ที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกจริงๆ”