ผ่านไปร่วมหลายวันที่ไป๋มู่หลันใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องของจ้าวฝูหมิง นางเริ่มปรับตัวเข้ากับเมืองเสียนหยางได้เป็นอย่างดี บางคราเขาก็พานางนั่งรถม้าไปเดินเที่ยวเล่นในตลาดบ้างเป็นบางครา นางได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า แท้จริงแล้ว ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์พระองค์นี้ ก็มีมุมที่น่ารักหลายมุม เขาใส่ใจราษฏรและเหล่าชาวบ้านเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ถือตนอีกกด้วย แต่ทว่าหากเขาพบกับเหล่าชนชั้นสูงที่คิดรังแกราษฏรต่ำต้อย เขาก็จะจัดการสั่งสอนคนเหล่านั้นอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน
จ้าวฝูหมิงสั่งให้หมอหลวงในวังมารักษาอาการของนางอย่างต่อเนื่อง ไป๋มู่หลันต้องทนดื่มยาขมๆอยู่หลายครา มีบางครั้งที่นางแอบเทยาเหล่านั้นทิ้ง แต่ทว่าเมื่อเขารู้เข้า ก็จะอุ้มนางพาดบ่าและฟาดฝ่ามือลงไปบนบั้นท้ายงามของนางอีกทั้งยังบีบขยำจนก้นนางแดงไปหมด
นิสัยไม่ดี!!!
นานวันเข้านางก็เริ่มจะชินชากับพฤติกรรมที่แสนประหลาดและหื่นกามของเขาเสียแล้ว
ด้านหลิงหลิงก็หาทางกลั่นแกล้งไป๋มู่หลันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ทว่านางกลับถูกโม่ฉือกระโดดข่วนจนริมฝีปากล่างฉีกขาดเป็นแผล และนอนซมเป็นไข้อยู่หลายวัน เหล่านางบำเรอคนอื่นๆต่างมิกล้ามีปากมีเสียง ทำได้เพียงอยู่นิ่งๆไปเท่านั้น
"รอบเดือนของเจ้ามาหรือยัง?"
จ้าวฝูหมิงเอ่ยถามนางในระหว่างที่กำลังรับสำรับมื้อเช้าด้วยกันที่เรือนใหญ่ ไป๋มู่หลันชะงักไปเล็กน้อย จะบ้าตาย!นี่เขาคิดจะถามนางสามเวลาก่อนอาหารเลยหรือ?
"ทูลท่านอ๋อง ยังไม่มาเพคะ"
จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น เขาสู้อุตส่าห์พาท่านหมอในวังหลวงมารักษานางเป็นอย่างดี แต่กลับยังไร้วี่แวว หรือเหล่าหมอหลวงเหล่านั้นไร้ความสามารถ เขาสั่งตัดหัวทิ้งเสียดีหรือไม่?
"กินอิ่มแล้วจงเตรียมตัวไปรอข้าที่หน้าจวน ข้าจะพาเจ้าไปเดินตลาด"
"เพคะ"
ได้ยินคำว่าไปเดินตลาด ไป๋มู่หลันก็ตื่นตัวเป็นอย่างมาก นางชอบไปตลาด ชอบเดินดูวัตถุดิบเพื่อจะนำมาทำอาหารที่นางชื่นชอบ
นางเดินไปรอเข้าที่หน้าประตูจวนทันทีหลังรับสำรับมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาจากในเรือนใหญ่ ไป๋มู่หลันจ้องมองเขาอย่างไม่ลดละ ยามนี้เขาสวมเพียงชุดสีฟ้าลวดดลายเรียบง่ายเหมือนคุณชายในตระกูลใหญ่ แต่ทว่าความน่าเกรงขามและสูงศักดิ์ของเขากลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย
จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วจ้องมองนางด้วยแววตาที่ครุ่นคิด
"ขึ้นรถม้าเร็วเข้า จะมองดูความหล่อเหลาของข้าไปถึงเมื่อใดกัน เจ้ามีเวลาดูไปทั้งชีวิต ยังจะมาจ้องข้าอยู่ได้"
ไป๋มู่หลันก้มหน้าหงุดลอบเบ้ปากใส่เขาอย่างอดไม่ได้ เจ้าค่ะ!!บุรุษรูปงาม บุรุษผู้หล่อเหลา
รถม้าเคลื่อนออกจากหน้าจวนอ๋องอย่างไม่รีบไม่ร้อน ระหว่างทางไป๋มู่หลันได้เอ่ยถามเขาขึ้นมา
"วันนี้ท่านอ๋องไม่เข้าวังหลวงไปสะสางงานหรือเพคะ?"
"ไม่ ข้าไม่มีอารมณ์ทำงานใดใดทั้งสิ้น นี่เจ้าไล่ข้าหรือ?"
"มิใช่นะเพคะ!!หม่อมฉันเพียงถามดูเท่านั้น"
"อย่ายุ่งเรื่องของข้าอีก!!เข้าใจหรือไม่?"
"เพคะ"
บัดซบ!!นางจะถามทำไมกัน ข้ามีงานต้องทำทุกวันน่ะถูกแล้ว แต่ข้าไม่ทำ ข้าอยากพาอนุออกมาเดินตลาด ใครจะทำไม?
ไม่นานนักรถม้าก็หยุดลง เขาเดินลงไปก่อน ส่วนนางเดินตามเขาไปทีหลัง เขาไม่แม้แต่จะรอนางเลยด้วยซ้ำ นางเองก็วิ่งไล่ตามเขาไม่ทันเสียด้วย
จ้าวฝูหมิงหันหลังกลับไปมองไป๋มู่หลันด้วยความหงุดหงิดใจ สตรีนางนี้เดินชักช้ายิ่งนัก
หรือว่านางแกล้งเดินช้าๆ เพื่อให้เขาอุ้มนาง?
หึ!!!สาวน้อยนางนี้ช่างยั่วยวนเก่งไม่เบา
จ้าวฝูหมิงหันหลังเดินตรงไปหานาง หวังจะอุ้มนางพาดบ่าอย่างเช่นที่เขาเคยทำ แต่ทว่าก็ปรากฏร่างของบุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่ตรงเข้ามาจับแขนนางเอาไว้ ดึงรั้งนางไม่ให้ล้มลงไปกับพื้น เพราะไป๋มู่หลันรีบเดินตามจ้าวฝูหมิงจึงทำให้นางไม่ทันระวัง
จ้าวฝูหมิงจ้องมองบุรุษผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา
เสี่ยวลู่หาน!!
เสี่ยวลู่หานเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเสี่ยว บิดาของเขารั้งตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีของวังหลวง มีน้องสาวนามว่า เสี่ยวหนิง เป็นฮองเฮาอยู่ในวังหลวง
เสี่ยวลู่หานเป็นบุรุษที่เพรียบพร้อมและรูปงาม เขามีนิสัยโอบอ้อมอารีและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่ตลอด
"แม่นาง โปรดระวังด้วย เจ็บตรงไหนหรือไม่?"
ไป๋มู่หลันเงยหน้าไปมองเสี่ยวลู่หาน เมื่อเห็นว่าเขายื่นมือมาประคองจับแขนของนางเอาไว้จึงรีบผละออกจากเขาทันที
"ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะ ข้ามิเป็นอันใด"
นางจ้องมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้าชวนมองเป็นอย่างยิ่ง
เสี่ยวลู่หานจ้องมองไป๋มู่หลันคราหนึ่ง สาวน้อยผู้นี้มีใบหน้าแตกต่างจากสตรีเมืองเสียนหยาง คงจะอพยพมาจากแคว้นอื่นเป็นแน่
"แม่นางมิใช่สตรีเสียนหยาง ใช่หรือไม่?"
"เอ่อ เจ้าค่ะ ข้ามาจากแคว้นฉี"
"อ้อ เช่นนั้นแม่นางมาทำสิ่งใดที่เมืองเสียนหยางกันเล่า?"
"มาเป็นเมียข้า!!!เจ้าไม่แหกตาดูให้ดีก่อนเล่าว่านางมากับข้า!!!!"
ยังไม่ทันที่ไป๋มู่หลันจะเอ่ยถามสิ่งใด เสียงเข้มทรงอำนาจของจ้าวฝูหมิงก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน เขาเดินมากระชากตัวนางเข้าหาตนเอง ก่อนจะกอดรัดเอวบางของนางเอาไว้แนบกายของเขา สายตาเย็นชาจ้องมองเสี่ยวลู่หานด้วยความไม่พอใจ
"คารวะท่านอ๋อง"
"กองไว้ตรงนั้นล่ะ ไสหัวไปเสีย"
"แม่นางไป๋ ข้าขอตัวลาก่อน"
"จะไสหัวไปเอง หรือจะให้ข้าถีบเจ้าไป?"
"คงมิบังอาจรบกวนเท้าท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา"
เสี่ยวลู่หานเหลือบมองสาวน้อยในอ้อมกอดของจ้าวฝูหมิงอีกครา ก่อนจะเดินจากไป จ้าวฝูหมิงก้มลงไปมองไป๋มู่หลันด้วยแววตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"เจ้าเป็นอนุของข้าควรสำรวมกิริยาเอาไว้บ้าง มิควรเข้าใกล้ชายอื่นเช่นนี้"
"เพคะ"
เมื่อเห็นว่านางพยักหน้าไม่คิดโต้เถียงเขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มสีช มพูระเรื่อของนางครั้งหนึ่งอย่างย่ามใจ โดยมิสนใจสายตาของคนในตลาดแม้แต่น้อย ไป๋มู่หลันรู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่มิอาจจะทัดทานเขาได้
เขาพานางเดินลัดเลาะทั่วตลาด อีกทั้งยังเข้าตรอกนั้นออกซอยนี้จนขาของนางแทบจะหมดเรี่ยวแรง
สิ่งของมากมายถูกซื้อกลับมาที่จวนอ๋องจนเต็มไปหมด ระหว่างทางเขายังควักตั๋วเงินหมื่นตำลึงให้นางอีกด้วย เขาเอ่ยเพียงว่าอยากได้สิ่งใดจงซื้อได้ตามใจชอบ เป็นอนุของเขามิต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น
ไป๋มู่หลันพยักหน้ารับ จ้าวฝูหมิงยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
ข้าให้เจ้ามากมายเช่นนี้ เจ้าจะได้มิต้องไปคิดถึงบุรุษใดอีก!!!
ยามนี้เป็นช่วงวสันต์ฤดูมาเยือน (ฤดูใบไม้ผลิ) เป็นช่วงเวลาที่อากาศค่อนข้างดีเป็นอย่างยิ่ง ฮ่องเต้จ้าวฝูหรงจึงทรงจัดงานภายในวัง ให้เหล่าขุนนางชั้นสูงสามารถมาร่วมงานเลี้ยงภายในวังได้ จ้าวฝูหมิงเองก็ต้องมาร่วมงานเลี้ยงนี้เช่นกัน เขาจึงสั่งให้คนเตรียมชุดให้ไป๋มู่หลัน เขาจะพานางเข้าวังหลวงไปด้วยกัน
ไป๋มู่หลันเป็นเพียงอนุ แท้จริงแล้วมิสมควรได้รับเกียรติเช่นนี้ แต่จะให้ทำเช่นไรเล่า ใครใช้ให้นางเป็นอนุของชินอ๋องล่ะ ใครจะกล้ามาต่อว่าดูแคลนนาง หากกล้าคงถูกชินอ๋องบั่นคอขาดกลางวังหลวงเป็นแน่
ไป๋มู่หลันติดตามจ้าวฝูหมิงเข้ามาในวังหลวงเพื่อร่วมงานเลี้ยง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เปิดหูเปิดตาถึงเพียงนี้ ในวังมีแต่สตรีชนชั้นสูง แม้แต่นางกำนัลยังงดงามและแต่งกายเป็นระเบียบเรียบร้อย
ขันทีจัดที่นั่งของนางเอาไว้ใกล้ๆกับจ้าวฝูหมิง ยามนี้เขากำลังไปยกสุราถวายพระพรฮ่องเต้ นางจึงนั่งลงที่โต๊ะรอเขาด้วยท่วงท่าสง่างาม อาหารเริ่มตำออกมาทีละอย่างสองอย่าง ล้วนเป็นอาหารชั้นเลิศในวังหลวง การจัดเตรียมก็ดูงดงามยิ่งนัก
ไป๋มู่หลันจ้องมองขนมดอกกุ้ยฮวาในจานด้วยความสนใจ มันช่างดูน่ากินยิ่งนัก เนื้อแป้งเนียนละเอียด บ่งบอกถึงความพิถีพิถันของคนทำได้เป็นอย่างดี นางลองยื่นมือไปหยิบขนมดอกกุ้ยฮวาในจานใบเล็กมาลิ้มชิมรส ก็พบว่ารสชาติดีไม่น้อย นางจึงลองกัดเข้าปากอีกคำหนึ่ง
อื้มม!!อร่อย
"เพิ่งรู้ว่าอนุของพี่รองชื่นชอบขนมในวังหลวงถึงเพียงนี้"
เสียงหวานใสปนความหยอกเย้าเอ่ยขึ้นมา ทำให้ไป๋มู่หลันชะงักไปเล็กน้อย นางวางขนมดอกกุ้ยฮวาในมือลง ก่อนจะหันไปมอง และพบกับสตรีผู้หนึ่ง นางสวมชุดสีเขียวดูสบายตา ทรงผมปล่อยยาวสยายปีกเพียงปิ่นหยกสีเขียวหรูหราหนึ่งอัน ท่าทางของนางดูเป็นมิตรยิ่งนัก
"นี่คือองค์หญิงเล็ก เป็นเพียงอนุต่ำต้อยในจวนท่านอ๋อง ยังมิรีบถวายพระพรอีก!!"
เสียงของนางกำนัลน้อยนางหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความดูแคลน จ้าวซือซือที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันกลับไปจ้องนางกำนัลผู้นั้นเขม็ง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าของนางกำนัลน้อยจนเต็มแรง
"ลากนางไปตบปากหนึ่งร้อยครั้ง พี่สะใภ้ใช่คนที่เจ้าจะล่วงเกินได้หรือ?"
"ฮืออ องค์หญิง"
"ไสหัวไป!!ตบปากสำนึกผิดเสีย"
จ้าวซือซือคร้านจะสนใจนางกำนัลผู้นั้นอีก นางหันกลับมามองไป่มู่หลันที่ยืนขึ้นและทำความเคารพนางอย่างนอบน้อม จ้าวซือซือยื่นมือไปลูบแขนนางเล็กน้อย
ผิวนุ่มจัง!นางบำเรอในตำหนักของข้ามิเห็นจะมีใครผิวนุ่มเท่าอนุพี่รองเลย
"ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ"
"ไม่ต้องมากพิธี เอ่อ ปีนี้เจ้าอายุเท่าใด?"
จ้าวซือซือเห็นว่าไป่มู่หลันมีใบหน้าไร้เดียงสาราวกกับเด็กสาวอายุยังน้อย จึงลองหยั่งเชิงเอ่ยถามนางดูเสียหน่อย
"สิบเจ็ดปีเพคะ ปลายปีนี้ก็เข้าสิบแปดปีแล้วเพคะ"
โอวววว อายุยังน้อยนัก เป็นสตรีในฝันของข้าเลย ข้าอายุยี่สิบห้าปี นางอายุเพียงสิบเจ็ดปี น่าจะเข้ากันได้ดีทีเดียว
"เช่นนั้นเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่หญิงเถิด"
"เอ่อ.."
"ข้าชื่อจ้าวซือซือ เป็นแฝดน้องของสามีเจ้า เจ้าชื่ออะไรหรือ?"
ไป๋มู่หลันค่อนข้างตกใจไม่น้อย ท่านอ๋องมีฝาแฝดด้วยหรือ เหตุใดเขาจึงไม่เคยบอกนางเลยเล่า?
แต่จะว่าไปนางเองก็ไม่ได้สำคัญถึงขนาดที่เขาจะต้องเอ่ยปากบอกนางทุกเรื่องนี่นา
"เจ้าชื่ออะไร?"
จ้าวซือซือที่เห็นไป๋มู่หลันเหม่อลอยจึงเอ่ยถามอีกครา
"ไป๋มู่หลันเพคะ"
"ชื่อเพราะเสียจริง น้องไป๋ มานี่เถิด พี่จะพาเจ้าเดินชมวังหลวง"
ไม่รอให้ไป๋มู่หลันได้ปฏิเสธคำเชิญชวน จ้าวซือซือรีบยื่นมือเรียวสวยมาโอบเอวบางของไป๋มู่หลันเอาไว้ นางลูบไล้ผิวนวลเนียนของไป๋มู่หลันอย่างย่ามใจ ไป๋มู่หลันไม่ได้รู้สึกสงสัยสิ่งใดแม้แต่น้อย นางคิดเพียงว่าองค์หญิงช่างดีต่อนางเหลือเกิน
จ้าวฝูหมิงที่กำลังร่ำสุรากับจ้าวฝูหรง เมื่อหันไปมองและพบว่าจ้าวซือซือกำลังโอบกอดไป๋มู่หลัน ดวงตาของเขาก็พลันเย็นเหยียบขึ้นมาทันที
บัดซบ!!เผลอมิได้ คิดจะพาอนุข้าไปทำมิดีมิร้ายเช่นนั้นหรือ!!