#Wolf
"มึงไม่กินผักไม่ใช่ไงแล้วจะสั่งมาทำไม??"
"เตอร์อยากให้กูกินน่ะเพื่อสุขภาพไงไอ้เด็กนี่!"
"ผู้หญิงเขาไม่ชอบแล้วไปบังคับเขากินทำไมอ่ะครับ?"
ทั่วทั้งโต๊ะเงียบไปทันทีที่ผมถามขึ้นแบบนั้นผมตวัดสายตามองเตอร์แฟนของนลินที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตากวนๆ มันยกยิ้มออกมานิดๆก่อนจะเอื้อมมือตัวเองไปลูบผมนลินด้วยสายตาเอ็นดู
"ในฐานแฟนเราก็อยากให้เขาได้กินอะไรที่เป็นประโยชน์สิ ^^"
ริมฝีปากผมกระตุกเบาๆพร้อมกับมือของผมที่เผลอกำเข้ากันแน่น ผมหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะหยิบเก้าน้ำให้มาจิบช้าๆผมมองนลินที่คุยกับแฟนตัวเองด้วยท่าทีเขินๆด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะเบี่ยงสายตาหนีมาหาร่างบางที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าผม ผมหยิบช้อนตัวเองขึ้นมาพร้อมกับยื่นมันไปตักข้าวที่อยู่ในจานมิวสิคมากิน
"ทำไมแกไปกินข้าวมิวสิคแบบนั้นล่ะห๊ะ!?"
"มิวอิ่มแล้วน่ะ ไม่เป็นไรหรอก ^^"
"ได้ยินแล้วนะ ฉันคงไม่ต้องตอบ"
ผมยักไหล่อย่างกวนๆก่อนที่นลินจะตีไหล่ผมเบาๆ เธอหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อและคุยกับแฟนตัวเองเป็นระยะๆคือผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะเพียงแค่มันได้ยินเอง เสียงมันเข้าหูมันก็ได้ยินใช่ไหมล่ะ...ผมไม่อยากจะพูดหรอกนะแต่ก็ต้องยอมรับจริงๆว่าผมไม่ค่อยชอบแฟนมัน หาให้ดีกว่านี้ไม่ได้หรอว่ะผมยังดีกว่าเยอะ
"งั้นฉันไปก่อนนะ พอดีมีเรียนลินไปก่อนนะมิว ^^"
"อืมบายๆ ^^"
ผมมองนลินที่โบกมือบายๆผมด้วยสายตานิ่งเรียบเช่นเคย แต่สายตาผมกลับไม่สามารถล่ะจากเธอได้เลยผมมองนลินที่จับมือกับแฟนตัวเองเดินออกไปจากร้านด้วยความหงุดหงิดของตัวเองที่ไม่รู้เกิดขึ้นมาจากไหน
"คิดเงินเลยไหม?"
"อืมผมไปรอในรถนะ"
ฟึ้บ!
ผมพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าเงินตัวเองออกมาวางไว้ตรงหน้ามิวสิคและคว้าเอากุญแจรถเธอติดมือมาด้วย ผมลุกเดินออกมาโดยไม่ได้หันไปมองมิวสิคแต่อย่างได คือแค่จ่ายเงินมันไม่จำเป็นต้องรอกันหรอกครับและมิวสิคเธอก็ไม่ใช่คนที่จะอะไรกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว...เพราะหากเธอไม่พอใจเธอก็พูดแล้วสิ
"ชิบ โดนแค่นี้ตายได้ไงว่ะ!"
เสียงของผมเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะออกจากเกมส์ที่กำลังเล่นอยู่ทันที แม่ง!อะไรๆก็ดูขัดหูขัดตาผมไปหมดผมเคาะพวกมาลัยรถไปพลางๆพร้อมกับมองไปที่ร้านอย่างอารมณ์เสีย...นี่ไปจ่ายเงินหรือไปช่วยเขาเก็บโต๊ะว่ะ!?
"..."
ผมมองร่างบางที่อยู่ในชุดนักศึกษาที่กำลังเดินออกมาจากร้านด้วยสายตานิ่งเรียบมิวสิคเดินออกมาด้วยท่าทีแปลกๆพร้อมกับมือของเธอที่ยกขึ้นกุมหน้าท้องเธอไว้ตลอดเวลาแถมสีหน้ายังดูแปลกๆอีก
ฟึ้บ..
"นี่คงไม่ได้ไปเก็บจานช่วยเขาใช่ไหม?"
แต่ถึงทางเดินเธอจะแปลกไปยังไงแต่ความหงุดหงิดผมที่มีมากกว่าทำให้ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจไป มิวสิคมองมาที่ผมนิ่งก่อนที่เธอจะหันหน้าหนีไปปิดประตูและไม่ยอมตอบอะไรกลับมา ผมถอนหายใจออกมาขณะที่ขับรถออกจากร้าน
"คิดว่าแฟนนลินเป็นไง?"
"ถามทำไม?"
"ก็ผมอยากรู้ตอบมาเถอะน่า"
ผมตอบกลับไปพร้อมกับเหลือบมองมิวสิคอย่างไม่พอใจ ไม่ใช่ไงผมถามก็ตอบมามันก็จบไม่จำเป็นต้องถามผมกลับก็ได้ไหมทำไมต้องทำอะไรให้ผมอารมณ์เสียไปกว่าเดิมผมล่ะเบื่อจริงๆ
"ก็ดีนิเขาก็โอเค"
"ดีตรงไหนว่ะ?"
"ทุกตรงอ่ะ อีกอย่างมิวก็ว่าเขาเหมาะกับนลินดี"
"ตรงไหนกัน ถ้าเทียบกับผมแล้วผมว่าผมดูดีกว่าเยอะนะอะไรทำให้มิวคิดแบบนั้นได้??"
"ก็ถ้ามีคำตอบแล้ว...จะถามให้มันได้อะไรหรอ?"
"..."
ผมเหลือบไปมองมิวสิคที่ถามแบบนั้นขึ้นด้วยสายตานิ่งเรียบ เธอมองมาที่ผมก่อนจะเบี่ยงสายตาหนีและหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดูเมื่อมันดัง...แต่ไอ้สายตาเมื่อกี้ที่มิวสิคมองมาที่ผมนี่ มันแปลว่าอะไรว่ะ?
"ฮัลโหล...อ่อเรื่องงานเดียวมิวว่าจะเข้าไปคุยกับพี่อีกที...อืมเดียวมิวเรียนเสร็จแล้วจะเข้าชมรมเลยค่ะ...งั้นเจอกันที่ชมรมเลยนะคะ...เข้าใจแล้วน่า...แล้วเจอกันนะคะพี่ชินน์"
"พี่คนนี้อีกแล้ว...?"
"ทำไมล่ะ?"
"ป่าวก็แค่คิดว่าดูสนิทกันดี"
"อืมสนิทดี สนิทที่สุดเลยล่ะ ^^"
ริมฝีปากผมกระตุกยิ้มนิดๆก่อนที่ผมจะเลี้ยวเข้ามาที่คลับทันที พี่ที่สนิทสินะ...ผมเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงินตัวเองที่มิวสิคส่งมาก่อนจะลงจากรถและเดินไปเอารถตัวเองโดยไม่ได้หันไปกล่าวลาอะไรเธอผมขับรถออกมาจากคลับทันทีที่ได้รถมันจึงทำให้ผมไม่รู้ว่ามิวสิคจะออกมารึยัง วันนี้มันน่าหงุดหงิดเกินกว่าผมจะอยู่คุยกับใครได้วะทุกคนแม่งน่าหงุดหงิดไปหมด!
16.45 น.
"ถ้ามึงจะเซ็งขนาดนี้วันนี้ก็เปิดสนามแข่งเลยดิว่ะ"
ผมเหลือบตามองไอ้เสือเพื่อนในกลุ่มที่มันพูดขึ้นแบบนั้นอย่างเอือมๆขณะที่กำลังดูดน้ำอยู่ ตอนนี้ผมกับเพื่อนในกลุ่มกำลังมานั่งที่ร้านแถวมออยู่น่ะ ไอ้เสือมันบอกอยากพักตับบ้างก็เลยได้มาจบที่ร้านนมปั่น
"ไม่ได้ พ่อกูกำลังดูความประพฤติอยู่"
"แล้วไปทำห่าอะไรให้พ่อมึงไม่พอใจอีกล่ะ!?"
"สนามกูมันเริ่มมั่วเกินไป อีกอย่างกูก็เห็นด้วยเหมือนกันว่ามันเริ่มมั่วกูเลยให้พ่อกูคุมแม่ง"
"มีลูกแบบมึงนี่กูปวดหัวตาย"
ไอ้หนึ่งที่นั่งอยู่อีกทางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกวนๆ ผมยักไหล่อย่างสบายอารมณ์ไม่คิดจะร้อนรนตามคำพูดของมันก่อนที่ผมจะยิ้มให้พี่หนามเตยที่เดินถือของที่พวกผมสั่งเพิ่มมาเสริฟ
"คนเสริฟที่น่ารักจริงๆนะครับ ขอเบอร์ขอไลน์ได้รึป่าวน๊าา"
"ว่างรึไงนี่ไม่มีเรียนกันหรอ?"
"เรียนเสร็จแล้วหรอก เจอหน้าผมทีไรถามเรื่องเรียนตลอดนี่กะจะเป็นไอ้ทร็อตสองรึไง?"
"เป็นห่วงหรอกน่า ทานให้อร่อยล่ะกันเดียวพี่ไปทำงานต่อแหละ ^^"
"ครับ สู้ๆนะ ^^"
พี่หนามเตยยิ้มให้ผมพร้อมกับพยักหน้าคืนมาให้และเดินเลี่ยงไปทำงานต่อหลังจากที่ผมบอกไปผมมองเพื่อนๆของตัวเองที่มองตามหนามเตยไปด้วยท่าทีเสียดายยิ้มๆ
"เสียใจด้วยนะ นั้นพี่สะใภ้กู ^^"
"สัส จะตอกย้ำเพื่อ...น่ารำคาญมึงจริงๆแม่งมีแต่คนน่าตาดีรอบล้อม"
"เออ พี่มิวสิคก็เป็นอีกคนที่กูอยากจะร้องไห้ที่เธอมารู้จักกับมึง"
ผมเลิกคิ้วใส่ไอ้หนึ่งที่มันพูดขึ้นมาแบบนั้นอย่างงงๆ มันถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยท่าทางเสียดายอย่างเห็นได้ชัดผมจึงค่อยๆหัวเราะเยาะมัน
"คนหล่อก็งี้ ^^"
"แต่กูว่าบางทีมึงก็ควรจะทำดีกับพี่เขาบ้าง" เสียงของไอ้เสือเอ่ยขัดขึ้นพร้อมกับสายตามันที่มองมาที่ผม "เรื่องคืนก่อนมึงทำเกินไปจริงๆนะรู้ตัวใช่ไหม?"
"ไม่ต้องห่วงหรอกกูเคลียร์แล้ว มิวไม่โกรธกูด้วยซ้ำ"
"นี่กูถามมึงจริงๆ...มึงไปไหนมาไหนกับพี่เขามาเกือบปีทำทุกอย่างที่คนเป็นแฟนเขาทำกันนี่มึงไม่อะไรกับเขาหน่อยหรอว่ะ?"
ผมชงักริมฝีปากตัวเองที่กำลังจะดูดน้ำเข้าปากทันทีที่ไอ้หนึ่งมันถามผมขึ้นแบบนั้น...คำถามมันค่อนข้างจะตอบยากแฮะแต่ถ้าถามว่าตลอดมาที่ผมไปไหนมาไหนกับมิวสิคมาตลอดนี่เพราะอะไร ผมก็ตอบไม่ได้แน่ชัดนะ ผมชินที่มีเธออยู่ข้างๆแต่ผมไม่ได้รักเธออ่ะผมพูดได้เต็มปากเลยว่าผมไม่ได้รักเธอ มิวสิคไม่ใช่คนที่ไม่มีเสน่ห์นะเธอเป็นคนที่สวยมากแถมยังร้องเพลงเพราะอีกผมจึงไม่ปฎิเสธว่าผมอยู่กับเธอแล้วผมสบายใจ แต่จะให้ผมคบกับเธอมันก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นอ่ะผมโอเคที่เราจะทำทุกอย่างเหมือนแฟนและมิวสิคก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรด้วยนิ
"ไม่ว่ะ ทำไมกูต้องรู้สึกอะไรล่ะ?"
"เกินไปไอ้สัส คิดอะไรก็ไม่ต้องพูดออกมาขนาดนั้นก็ได้"
"เอ่า ก็กูไม่ได้รู้สึกรักจริงๆนี่หว่า"
ครื้น...
ผมกับเพื่อนที่กำลังคุยกันเงียบไปนิดเมื่อได้ยินเสียงโต๊ะข้างๆที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เสียงดัง ผมหรี่ตามองร่างสูงที่ยืนขึ้นพร้อมกับมือเขาที่จับกระเป๋ากีตาร์ที่วางอยู่สะพายหลัง ริมฝีปากผมเหยียดยิ้มออกมาช้าๆเมื่อเห็นว่าเขาคนนั้นเป็นใคร สายตานิ่งเรียบของอีกคนเหลือบมามองผมนิ่งแต่มันกลับแสดงออกชัดเจาว่าเจ้าตัวนั้นกำลังไม่พอใจขนาดไหน
"อ้าว...พี่ชินน์นี่เอง สวัสดีครับรุ่นพี่ของมิวสิค ^^"
"ไอ้วูฟ..."
ผมยกมือห้ามเพื่อนตัวเองทันทีที่มันพูดปรามผมขึ้น ผมยืนขึ้นต็มความสูงพร้อมกับก้าวออกไปยืนตรงหน้าเขาและยิ้มออกมาอย่างเป็นกันเองคนตรงหน้ามองมาที่ผมนิ่ง
"จะไปไหนหรอครับ รึว่าจะไปชมรม?"
"ที่พูดเมื่อกี้...พูดจริงๆใช่ไหม?"
"พูด...พูดเรื่องอะไรอ่ะครับ?"
"ฉันไม่พอใจนะที่นายพูดถึงมิวสิคแบบนั้น"
"แล้วมันเรื่องอะไรที่พี่จะไม่พอใจหรอครับ? ^^"
"ถ้าอยากจะรู้ก็ออกไปคุยกับฉันข้างนอก ฉันไม่อยากคุยในร้าน"
ผมหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับมองเขาที่เดินออกไปนอกร้านอย่างไม่ล่ะสายตา สายตาเฉียบของผมมองไปรอบๆร้านที่ตอนนี้กำลังมีคนมากมายมองมาที่ผมอยู่อย่างสนใจด้วยสายตาเบื่อๆ แต่ขาของผมกลับก้าวตามเขาออกไปนอกร้านทันที
"ที่พูดถึงมิวสิคเมื่อกี้ผมได้ยินหมด แล้วก็ได้ยินชัดสุดที่นายบอกว่าไม่ได้รักเธอ"
"ก็ ครับผมไม่ได้รักเธอ"
"อะไรทำให้นายทำกับมิวสิคได้ขนาดนั้นว่ะ?"
"ผมทำบ้าอะไร??"
ผมสบสายตากับคนตรงหน้าไม่หลบ เขาเหยียดยิ้มออกมาเหมือนพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ให้เดินมาชกหน้าผมผมรู้ผมดูออกเพราะผมเป็นประจำแต่แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาโมโหแทนมิวสิคล่ะ...หรือว่า??
"ชอบมิวสิครึไง?"
"..."
ผมยิ้มออกมาทันทีเมื่อผมเห็นท่าทีของคนตรงหน้า ชายคนที่มิวสิคคิดว่าเป็นรุ่นพี่ที่ตัวเองนับถือมาตลอดชอบเธอ...ผมคิดว่ามิวสิคไม่น่าจะรู้เรื่องนี้และดูท่าทางเขาคงจะหลงรักเธอมานานแล้วแน่นอน
"ให้ตาย...แบบนี้ก็ได้หรอ"
"ใช่ ฉันรักมิวสิคและฉันก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าฉันรักเธอและโคตรจะหงุดหงิดที่ได้ยินคำพูดน่าสมเพชพวกนั้นที่นายพูดออกมา"
"หึ แล้วพี่ไม่พอใจมากพี่จะทำอะไรได้มากไปกว่านี้รึไงมิวสิคเธอรักผม...เธอรักผมมากนะเผื่อพี่จะยังไม่รู้ ^^"
พรึ่บ!!
ผมเหลือบสายตาตัวเองมองมือเขาที่ตอนนี้กำลังกำปกเสื้อผมไว้แน่นด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนที่ผมจะเหลือบขึ้นสบสายตาเขาด้วยสายตาท้าทาย ไอ้พี่ชินน์มันกระชากคอเสื้อผมเข้าไปหาเต็มแรงและกำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาไม่พอใจ
"ใช่กูทำอะไรไม่ได้ แต่มึงก็อย่าคิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่มิวสิครักได้ตลอดไปเลยเพราะสุดท้าย สุดท้ายมิวสิคจะทำใจได้และเดินออกมาจากมึง!"
"มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไง!!?"
"และถึงเวลานั้นกูจะเข้าไปเดินอยู่ข้างเธอและกูสามารถพูดได้เต็มปากว่ากูเหมาะสมที่จะเดินข้างมิวสิคได้...ได้ดีกว่าคนเหี้ยๆแบบมึงร้อยเท่า!!"
"แม่งเอ้ย!!"
ฟึ้บ!!
"ไอ้วูฟใจเย็นเฮ้ย!"
"ปล่อยกู!!"
"หึ!"
ผมดิ้นไปมาเต็มแรงแต่เพื่อนทั้งสองของผมที่จับผมไว้แน่นทำให้ผมไม่สามารถทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าดิ้นอยู่แบบนั้น ผมสบถออกมาเสียงดังพร้อมกับมองตามรถของไอ้พี่ชินน์อะไรนั้นที่ขับออกไปด้วย เฮอะ...มิวสิคหรอจะสามารถเดินออกไปจากผมได้แม่งมันกำลังพูดเรื่องตลกอะไรให้ผมฟังอยู่ว่ะ!?
"วันนั้นไม่ได้มาถึงหรอกมึงอย่าหวังเลย!"
18.36 น.
ตือ...ติ๊ดๆๆ
"ทำไมไม่รับว่ะ?"
ผมมองจอโทรศัพท์ตัวเองพร้อมกับอารมณ์ที่กำลังเสียผมเก็บมันใส่ในกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปภายในตัวอาคารที่เป็นที่ตั้งของชมรมมิวสิคด้วยความหงุดหงิด อะไรทำให้เธอไม่รับสายทั้งๆที่ผมโทรหาเกือบสิบครั้ง! ผมเดินไปตามทางก่อนที่หูตัวเองจะได้ยินเสียงดนตรีที่ดังขึ้นมาเรื่อยๆและยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อผมเดินไปถึงหน้าห้องชมรมของมิวสิค ผมเปิดประตูเข้าไปก่อนจะปิดมันและมองไปที่เวทีใหญ่ที่ตอนนี้กำลังมีผู้คนมากมายที่กำลังเล่นดนตรีอยู่
"..."
สายตาของผมมองไปทั่วทั้งเวทีก่อนจะเห็นมิวสิคที่กำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่ที่พื้นซึ่งเธอกำลังนั่งอยู่อีกฝั่งของเวทีพร้อมกับใครอีกคนที่ผมเพิ่งจะมีเรื่องด้วยหยกๆ ริมฝีปากผมเหยียดยิ้มออกมาช้าๆพร้อมกับก้าวเข้าไปหาพวกเขามากขึ้น
"ไม่ใช่คอร์ดนั้นแล้วมิว เล่นมั่วแล้วเนี้ย"
"แป๊บดิพี่ชินน์อ่ะ มิวยังจูนไม่ติดอ่ะ"
ฟึ้บ..
"ตั้งใจหน่อยๆ"
"เดียวเอาใหม่อีกรอบนะๆ"
ผมมองไอ้พี่ชินน์อะไรนั้นที่มันนั่งหันหน้ามาทางผมด้วยสายตานิ่งเรียบและเมื่อมันเห็นว่าผมยืนอยู่เจ้าตัวก็สบสายตาผมกลับคืนมาทันทีมันรู้ รู้ว่าผมมายืนตรงนี้นานแล้วแต่ก็ยังมีหน้ามาลูบหัวมิวสิคต่อหน้าผม
"พักก่อนไหม มีคนมาน่ะ"
"..."
มิวสิคหันหน้ามาหาผมนิดๆเมื่อพี่ชินน์ของเธอบอกว่ามีคนมาหาพร้อมกับพยักหน้าให้เธอหันมามอง เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างงงๆแต่ก็ยอมวางกีตาร์แล้วลุกมาหาผมทันทีที่เห็นว่าผมยืนอยู่ ผมยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมมือมิวสิคไว้
"...มีอะไรรึป่าวไม่เห็นบอกก่อนว่าจะมา?"
"ก็คิดถึงไงเลยมา ซ้อมนานไปไหมเหนื่อยรึป่าว?"
"..."
ผมยิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือตัวเองขึ้นลูบหัวมิวสิคเบาๆแต่ผมที่ทำแบบนั้นยิ่งทำให้มิวสิคงงไปมากจนเธอทำอะไรไม่ถูก ผมหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางน่ารักของคนตรงหน้าก่อนจะดึงให้เธอเดินออกมากับผมโดยที่ผมไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองไอ้พี่ชินน์ที่นั่งมองอยู่
"ขอพามิวสิคไปพักสักแป๊บนะครับพี่ในชมรม ^^"
"..."
ผมเหยียดยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมตอบอะไรกลับมามีเพียงแต่สายตาเท่านั้นที่เขากำลังมองมาที่ผม ผมกระซับมือมิวสิคไว้แน่นขึ้นพร้อมกับพาเธอเดินออกมาเรื่อยๆจนถึงร้านน้ำใต้ชมรมที่เธออยู่
"เอาโกโก้ปั่นแก้วนึงครับ"
"ค่ะ สักครู่นะคะ"
"แล้วตกลงมีอะไรเนี้ยมาหาถึงนี้เลย"
"ว่างน่ะเซ็งๆเลยขับรถเล่นแล้วก็มาถึงนี่นี่แหละ ^^"
"อารมณ์ดีแล้วรึไงเมื่อเช้ายังหงุดหงิดอยู่เลย"
ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทีงงๆพร้อมกับสบสายตาคนที่กำลังนั่งตรงหน้าผมอยู่ด้วยสายตาอ้อนๆ มิวสิคลอบถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยท่าทีเขินๆ เธอทนไม่ได้หรอก...เธอไม่เคยต้านท้านผมได้
"นานไหมกว่าจะซ้อมเสร็จอ่ะ"
"ก็นิดหน่อยนะ จะรอหรอ?"
"อืม เดียวนั่งเล่นรอ"
"เอางั้นก็ได้ ^^"
"ในใจก็อยากให้ผมอยู่ดูล่ะสิ ^^"
ผมหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับเท้าแขนมองคนตรงหน้าที่กำลังเลี่ยงสบสายตากับผมอยู่ มือของผมเอื้อมมันเข้าหาแก้มนุ่มของมิวสิคก่อนจะบีบมันเบาๆอย่างหยอกล้อ เจ้าตัวที่โดนผมทำแบบนั้นบ่นให้ผมเบาๆพร้อมกับมองค้อนกับมาด้วยท่าทีน่ารักๆ...เพราะมิวสิคที่เป็นแบบนี้ล่ะมั่งผมถึงไม่เบื่อเธอปกติผมเป็นคนเบื่อคนง่ายแต่กับมิวผมไปไหนมาไหนกับเธอเกือบปีมันก็มีบ้างที่เราทะเลาะกันเพราะผมควงคนอื่นแต่มิวสิคก็ไม่เคยหนีจากผมได้จริงๆเธอไม่เคยโกรธผมเกินสองวันด้วยซ้ำ
19.29 น.
"เอาใหม่อีกรอบนะ พี่ว่ามันยังแปลกๆอยู่"
"เอาใหม่มารอบที่สิบแล้วไหมวะ...อารมณ์ซ้อมวันนี้พรุ่งนี้แสดงรึไง?"
เสียงทุ้มต่ำของผมเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสียพร้อมกับสายตาผมที่กำลังมองไปที่เวทีที่พวกเขากำลังซ้อมการแสดงกันอยู่ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเป็นรอบที่สิบก่อนจะพบว่าตอนนี้มันทุ่มกว่าๆแล้วแม่งไอ้พี่ชินน์อะไรเนี้ยมันจะซ้อมให้มันได้อะไรขนาดนั้นว่ะ มือของผมยกขึ้นเสยผมตัวเองขึ้นก่อนที่นิ้วผมจะกดเข้าเกมส์อีกครั้งนี่เอาจริงๆผมเล่นรอมาจนอัพมาสามสี่เวลแล้วนะคือกูคิดผิดคิดถูกที่มานั่งรอ
ติ๊ดๆๆ
คิ้วของผมขมวดเข้าหากันทันทีที่เกมส์ของผมถูกตัดไปด้วยสายเรียกเข้าแต่เมื่อได้เห็นว่าใครโทรมานิ้วผมกลับปัดหน้าจอรับทันที
"ฮัลโหล"
(ทำไรอยู่ ว่างไหม?)
"ก็ไม่ค่อยอ่ะ แต่มีอะไร?"
ผมโกหกออกไปด้วยเสียงอันนิ่งเรียบเพื่อจะรอดูว่าปลายสายจะตอบกลับมาแบบไหน
(ว่าจะชวนดื่ม)
"ไม่ไปกับแฟนไง ปกติเห็นไปด้วยกันตลอด"
ผมตอบกลับไปอย่างกวนๆพร้อมกับริมฝีปากตัวเองที่กำลังยกยิ้มอย่างพอใจ ปลายสายถอนหายใจออกมาเสียงดัง
(ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร กูไปคนเดียวก็ได้)
"อยู่ไหนล่ะ เดียวไปรับ"
(คอนโดนี่แหละ แล้วทำพูดว่าไม่ว่างไอ้นี่)
"พูดมากจริง เดียวไปเปลี่ยนชุดแล้วจะออกไปรับแค่นี้นะ"
(เค)
ผมตัดสายทันทีก่อนจะมองหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองนิ่ง สายตาผมมองสายโทรเข้าเมื่อกี้ก่อนจะยกยิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมกับลุกขึ้นจากที่ที่ตัวเองนั่งอยู่และเดินออกมาจากชมรมทันทีโดยไม่ได้บอกมิวว่าจะไปไหน แต่มิวคงไม่ถามหรอกเธอไม่ใช่พวกจุกจิก
23.46 น.
"นี่ชวนกูมาเพื่อจะนั่งหน้าบึ่งใส่รึไง?"
"ชวนมาเพราะจะเอามึงมาเป็นไม้กันหมาต่างหาก"
"อย่าพูดตรงนักใจกูระบมหมดแล้ว"
เสียงหัวเราะของคนที่กำลังนั่งข้างๆผมหัวเราะออกมาเบาๆ นลินค่อยๆจรดแก้วลงที่ริมฝีปากตัวเองพร้อมกับดื่มมันช้าๆแต่มันกลับทำให้ผมไม่สามารถล่ะสายตาออกไปจากเธอได้เลย ผมทำทีเป็นยกแขนบิดขี้เกียจนิดๆพร้อมกับค่อยๆพาดแขนไปกับโซฟาเพื่อที่จะโอบเธอแบบเนียนๆซึ่งดูนลินก็คงรู้เพราะเธอเหลือบสายตามาสบสายตาผมอย่างเอือมๆ
"ทะเลาะกับแฟนมารึไง?"
"นิดหน่อย"
"ตอนเที่ยงที่ไปกินข้าวด้วยกันทำไมมันยังดีๆอยู่"
"เพราะกูเองนี่แหละ กูรำคาญมัน"
ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจพร้อมกับมองใบหน้าด้านข้างของนลินนิ่ง และเมื่อเจ้าตัวรู้ว่าผมมองเธอก็หันมาสบสายตาผมเช่นกัน
"มึงก็รู้ว่ากูขี้เบื่อ"
"รู้ดิ แต่กูว่าเพราะเขาไม่เหมาะกับมึงมากกว่า"
"หึ แล้วใครมันจะเหมาะกับกูล่ะวูฟ"
"กูไง ^^"
"เมารึไง รู้ตัวไหมเนี้ยว่าพูดอะไรออกมา ^^"
ผมมองนลินที่พูดเหมือนที่ผมพูดเมื่อกี้เป็นเรื่องขำๆ เธอหัวเราะออกมาอีกครั้งพร้อมกับทิ้งหัวตัวเองลงกับแขนของผมช้าๆนลินถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่เธอจะหลับตาลงช้าๆ ผมล่ะสายตาออกจากใบหน้าเธอก่อนจะมองไปที่กลางคลับที่ตอนนี้มีผู้คนมากมายกำลังโยกย้ายไปกับเสียงเพลงที่กำลังดังอยู่แต่ถึงแบบนั้นผมกลับรู้สึกว่ามันเบามากเบาจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่กำลังเล่นอยู่เลยล่ะ
"หลับรึไงว่ะ?"
ผมเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับมองใบหน้าของนลินที่กำลังหลับอยู่อย่างแปลกใจ ทำไมกล้าหลับได้ว่ะผมเอื้อมมืออีกข้างตัวเองขึ้นเกลี่ยผมที่กำลังปรกใบหน้าเล็กนั้นออกให้เบาๆพร้อมกับเหม่อมองนลินอยู่แบบนั้นนานนับนาที...ผมกับเธอรู้จักกันมาตั้งแต่ผมอยู่ปีหนึ่งผมได้รู้จักเธอเพราะเธอเป็นพี่รหัสของไอ้หนึ่งแต่ตอนนี้ผมกับเธอกลับสนิทกันกว่าใครทั้งๆที่ไม่ได้เป็นสายรหัสกัน ผมไม่แน่ใจนักว่าสายตาผมที่มองไปที่มันนั้นเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหนแต่ผมก็ไม่กล้าที่จะบอกอะไรออกไปได้แต่เก็บความรู้สึกตัวเองไว้ ความรู้สึกที่ว่าผมนั้นใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้เธอและมันโคตรจะเจ็บเมื่อเห็นว่าเธอนั้นคบกับใครที่ไม่ใช่ผม
"ทำไมไว้ใจกูนักว่ะ ไม่กลัวกูทำอะไรรึไง?"
"...ไม่กลัว"
ผมชงักไปนิดเมื่อจู่ๆนลินก็ตอบกลับมาเสียงนิ่ง เธอค่อยๆลืมตาขึ้นสบสายตากับผมช้าๆขณะที่ตอนนี้ผมโน้มใบหน้าเข้าใกล้เธอมากจนเรารู้สึกถึงลมหายใจที่กำลังรดกัน นลินไม่ได้เบนสายตาหนีผมแต่กลับจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาของเธอแต่เพียงเท่านั้นหัวใจของผมกลับเต้นแรงไม่เป็นศัพท์ ผมมองไปที่นลินอย่างทำอะไรไม่ถูกแต่มันเหมือนกับมีบ้างอย่างที่ค่อยๆรั่งให้ผมค่อยๆขยับเข้าไปหาเธอมากขึ้นมากขึ้นจนริมฝีปากเราค่อยๆแตะกัน
ติ๊ดๆๆ
"ชิบ...!"
ผมผลักตัวออกมาจากนลินทันทีที่สียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นพร้อมกับมือของผมที่หยิบมันออกมาจากกระเป๋าเพื่อดูว่าใครโทรมา ลมหายใจร้อนๆของผมถูกพ่นออกมาเสียงดังก่อนที่ผมจะกดรับด้วยความหงุดหงิด
"อะไร?"
(วะ..ว่างไหม?)
"ทำไม?"
(มิวปวดทะ...)
"วูฟ..."
ผมเหลือบมองนลินที่เรียกผมขึ้นทันทีมันจึงทำให้ผมไม่ทันได้ฟังว่ามิวสิคที่โทรมาเธอจะพูดอะไรแต่เพียงไม่กี่วิต่อมาโทรศัพท์ผมที่กำลังอยู่ในมือมันกลับไปอยู่ในมือของนลิน ผมสบสายตากับคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจแต่นลินกลับทำให้ผมต้องเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากบางของเธอบดจูบลงมาที่ริมฝีปากผม ผมนิ่งไปนิดแต่เมื่อตั้งสติได้ผมก็จูบตอบกลับนลินทันทีผมหลงไปกับริมฝีปากหวานตรงหน้าจนลืมไปเลยว่าเมื่อกี้ใครโทรมาหรืออะไร...ผมไม่รู้แล้วเพราะผมสนใจคนตรงหน้ามากกว่า นลินคือคนสำคัญของผมมันจึงไม่แปลกที่ผมจะอยากเก็บเกี่ยวทุกอย่างที่เธอมอบให้แม้ตอนนี้เธอจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม