ในที่สุดก็มาถึงวันที่เซียวหลันและหลี่หยางจะต้องออกเดินทางไปยังเมืองหลวงอีกครั้ง เซียวหลันเก็บข้าวของที่จำเป็นลงในถุงผ้าอย่างเงียบๆ อาหลงและเสี่ยวชุนยืนมองด้วยความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด การเดินทางกลับไปยังสถานที่ซึ่งเคยเป็นต้นกำเนิดของฝันร้าย ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจนัก
"คุณหนูเจ้าคะ... ท่านจะไปจริงๆ หรือเจ้าคะ" เสี่ยวชุนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ที่นั่นอันตรายเกินไป"
"ไม่ต้องห่วงเสี่ยวชุน" เซียวหลันปลอบโยน "เราจะไปเพียงไม่นาน และเราจะกลับมาอย่างปลอดภัย" นางยิ้มเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ แม้ในใจนางเองก็รู้สึกหนักอึ้งไม่แพ้กัน
"ให้ข้าไปด้วยเถอะขอรับคุณหนู" อาหลงเอ่ยปาก "ข้าจะคอยปกป้องคุณหนูเอง"
"ไม่ได้หรอกอาหลง" เซียวหลันส่ายหน้า “ข้าต้องการให้เจ้าอยู่ที่นี่ คอยดูแลหอโอสถแทนข้า หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น พวกเราก็ยังมีที่ให้กลับมา"
คำพูดของเซียวหลันหนักแน่นจนอาหลงไม่กล้าขัด เขามองดูคุณหนูของตนที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย จากเด็กสาวขี้กลัวที่ต้องคอยปกป้อง บัดนี้นางกลับกลายเป็นผู้ที่ตัดสินใจและปกป้องทุกคนแทนเสียแล้ว
ไม่นานนักหลี่หยางก็ปรากฏตัวขึ้น เขามาในชุดคลุมสีดำที่คุ้นตา แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง มีม้าสีดำที่แข็งแรงและสง่างามอีกตัวหนึ่งจูงตามหลังมาด้วย เขาพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเซียวหลัน ก่อนจะส่งบังเ**ยนม้าอีกตัวให้นาง
"ไปกันเถอะ" เขาเอ่ยเสียงเรียบ
เซียวหลันรับบังเ**ยนมา นางหันไปกอดอาหลงและเสี่ยวชุนเป็นครั้งสุดท้าย "ดูแลตัวเองให้ดีนะ ข้าจะกลับมา"
เมื่อขึ้นหลังม้าแล้ว เซียวหลันก็เริ่มออกเดินทางเคียงข้างหลี่หยาง ม้าทั้งสองตัววิ่งควบไปบนเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ความทรงจำอันเลวร้ายจากอดีตหวนกลับมาอีกครั้งเมื่อแสงตะวันเริ่มสาดส่องมาต้องกับกำแพงเมืองที่สูงใหญ่
"ท่านคงรู้สึกแย่ไม่น้อย" หลี่หยางกล่าวเมื่อเห็นสีหน้าของนาง
"ไม่เป็นไร" เซียวหลันตอบเบาๆ "ความเจ็บปวดเป็นเหมือนเข็มทิศ ที่ช่วยให้ข้าไม่หลงทาง"
หลี่หยางมองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ ทั้งสองคนต่างก็มีอดีตที่เจ็บปวดและแบกรับภาระที่หนักอึ้งไว้บนบ่า ทำให้พวกเขารู้สึกผูกพันกันมากขึ้นในชั่วข้ามคืน
เมื่อมาถึงเมืองหลวง เซียวหลันรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่เหมือนเดิม ความตึงเครียดที่แผ่ซ่านอยู่ทุกหนแห่ง ผู้คนเดินไปมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ทหารยามเดินตรวจตราอย่างเข้มงวดกว่าปกติ
"เกิดอะไรขึ้นที่นี่" เซียวหลันถาม
"หลังจากที่เฉินเหวินถูกลอบทำร้าย เขาก็สั่งให้เพิ่มกำลังทหารในเมืองหลวงทั้งหมด" หลี่หยางตอบ "และคนของมันก็เริ่มออกสืบเรื่องการลอบทำร้ายแล้ว"
พวกเขาเดินทางไปยังเรือนเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆ เรือนแห่งนี้ดูเก่าแก่ แต่สะอาดสะอ้านและมีระบบป้องกันความปลอดภัยที่แน่นหนา
"ที่นี่เป็นเรือนพักลับของข้า" หลี่หยางกล่าว "เจ้าพักที่นี่ก่อน ข้าจะไปสืบเรื่องราวในวังหลวง"
"ข้าจะไปด้วย" เซียวหลันยืนกราน
หลี่หยางส่ายหน้า "ไม่ได้ ที่นั่นอันตรายเกินไปสำหรับเจ้า"
"แต่ข้าก็อยากรู้เรื่องราวในอดีตของตระกูลข้าเช่นกัน" เซียวหลันกล่าวอย่างมุ่งมั่น "และท่านก็รู้ดีว่าเฉินเหวินจับตามองข้าอยู่ตลอดเวลา หากข้าอยู่ที่นี่เพียงลำพังก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้เช่นกัน"
หลี่หยางเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเข้าใจในเหตุผลของนางดี ในที่สุดเขาก็พยักหน้าอย่างจำยอม "ได้... แต่เจ้าต้องอยู่ในสายตาของข้าตลอดเวลา อย่าได้ทำอะไรเสี่ยงโดยพลการ"
พวกเขาเริ่มภารกิจแรกด้วยการปลอมตัวเป็นพ่อค้าและลูกสาวที่เดินทางมาจากเมืองชายแดน เซียวหลันสวมชุดผ้าฝ้ายเรียบง่ายที่ทำให้เธอดูน่าเชื่อถือ ส่วนหลี่หยางก็สวมชุดพ่อค้าที่ดูไม่สะดุดตา แต่สายตาที่คมกริบของเขายังคงสอดส่องไปทั่วทุกซอกทุกมุมของเมือง
"เราจะเริ่มจากที่ไหน" เซียวหลันถาม
"เราจะไปที่สำนักแพทย์หลวง" หลี่หยางตอบ "ขุนนางที่ถูกลอบทำร้ายถูกพาไปรักษาต่อที่นั่น หากบาดแผลของเขาเกี่ยวข้องกับพลังธาตุที่ไม่อาจรักษาได้ด้วยยาธรรมดา... ก็อาจจะมีเบาะแสหลงเหลืออยู่"
การเดินทางไปยังสำนักแพทย์หลวงเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทหารยามตรวจตราผู้คนอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ด้วยไหวพริบของเซียวหลัน นางสามารถหาทางเข้าไปในสำนักแพทย์หลวงได้สำเร็จ
ภายในสำนักแพทย์หลวงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย บรรดาหมอหลวงต่างก็พยายามรักษาขุนนางคนสนิทของเฉินเหวิน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครทำได้สำเร็จ
"แผลนี้แปลกนัก" หมอหลวงผู้หนึ่งกล่าว "ข้าไม่เคยเห็นบาดแผลที่ถูกทำร้ายจากพลังธาตุอัคคีเช่นนี้มาก่อน"
ทันทีที่ได้ยินคำว่า "พลังธาตุอัคคี" ดวงตาของเซียวหลันก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที นางหันไปมองหลี่หยาง หลี่หยางพยักหน้าเล็กน้อยอย่างรู้ทัน
เซียวหลันตัดสินใจที่จะลงมือ นางเดินเข้าไปหาหมอหลวงคนนั้น "หม่อมฉันขอตรวจดูบาดแผลได้หรือไม่เพคะ"
หมอหลวงมองนางด้วยความสงสัย "เจ้าเป็นใคร"
"หม่อมฉันเป็นเพียงหมอเล็กๆ ที่เดินทางมาจากเมืองชายแดนเพคะ" เซียวหลันตอบอย่างนอบน้อม "แต่หม่อมฉันมีความรู้เรื่องการรักษาบาดแผลที่เกิดจากพลังธาตุ"
หมอหลวงลังเลใจ แต่ด้วยความสิ้นหวังในที่สุดเขาก็พยักหน้าอย่างจำยอม เซียวหลันลงมือตรวจบาดแผลของขุนนางคนนั้นอย่างละเอียด และนางก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าบาดแผลนั้นมีร่องรอยการต่อสู้กับพลังที่คุ้นเคย นั่นก็คือพลังของหลี่หยาง แต่ก็มีพลังอีกชนิดหนึ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนแฝงอยู่ด้วย พลังนั้นเป็นพลังที่มืดมิดและเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ในขณะที่กำลังตรวจบาดแผลอยู่นั้น เฉินเหวินก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม "เกิดอะไรขึ้น"
"องค์ชาย" หมอหลวงรีบคุกเข่าลง "หม่อมฉันกำลังให้หมอผู้นี้ช่วยตรวจบาดแผลเพคะ"
เฉินเหวินมองเซียวหลันด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง "เจ้า... มาทำอะไรที่นี่"
"หม่อมฉันทราบข่าวว่ามีผู้บาดเจ็บรักษาไม่หาย จึงเดินทางมาช่วยเหลือตามหน้าที่ของหมอเพคะ" เซียวหลันตอบ
เฉินเหวินยิ้มเล็กน้อย "เจ้าเป็นคนซื่อตรงดีนัก"
ในขณะที่เฉินเหวินกำลังคุยกับเซียวหลันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีทหารองครักษ์วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก "องค์ชาย! ข่าวจากนอกเมืองขอรับ... มีกลุ่มคนลึกลับกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองหลวงขอรับ! พวกมันใช้พลังอัคคีที่รุนแรงและป่าเถื่อน!"
สีหน้าของเฉินเหวินเปลี่ยนไปในทันที "เป็นไปไม่ได้... คนพวกนั้น... ยังคงมีชีวิตอยู่หรือ"
หลี่หยางที่ยืนอยู่ด้านหลังเซียวหลันก็กำหมัดแน่น ดวงตาของเขาฉายแววความเกลียดชังอย่างชัดเจน
"พวกมันเป็นใครกัน" เซียวหลันถามอย่างแผ่วเบา
หลี่หยางไม่ตอบ แต่สีหน้าของเขาบอกว่า "คนพวกนั้น" ต้องเกี่ยวข้องกับอดีตอันเจ็บปวดของเขาและตระกูลของเธออย่างแน่นอน
เบาะแสแรกของพวกเขาถูกเปิดเผยแล้ว แต่เบาะแสที่ได้รับกลับเป็นเรื่องราวที่น่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่าที่พวกเขาเคยคาดคิดไว้...