PROMISES LOVER :: INTRO [60%]

1142 คำ
“แต่ฉันไม่เคยมองคุณแบบนั้นเลยนะคะ” ทำหน้าบูดใส่เขาเตชินทร์ก็หันมามองฉัน พลางมองเลยไปยังขาของฉันที่ตวัดไขว่ห้างจนกระโปรงที่สั้นถลกขึ้นไปอีก แอบเห็นเขากลืนน้ำลายเอือกใหญ่ก่อนจะเอี้ยวมือซ้ายไปคว้าเอาเสื้อสูทสีดำของตัวเองมาปิดที่ต้นขาให้ฉัน “มันร้อน เอามาคลุมทำไม?” “คลุมไปเถอะครับ ผมขอร้อง” พูดโดยไม่แม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ ฉันจึงขยับตัวไปนั่งกอดอกตามเดิม “ทำไมคะ... กลัวใจตัวเองเหรอ” แอบเห็นกลืนน้ำลายตอนเห็นขาอ่อนฉันแบบนี้ ก็คิดล่ะนะว่าเตชินทร์ต้องคิดอะไรบ้างล่ะ แต่ฉันรู้ว่าเขาไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับฉัน “ผมเคยบอกแล้วว่าให้คุณแต่งตัวดีๆ” “แล้วไม่ดีตรงไหน ฮัดชิ้ว!” จามออกมาจนตัวสั่นไปหมด รีบหยิบทิชชูเช็ดน้ำมูกที่ใสยังกับน้ำของตัวเองแล้วก็ทิ้งลงตรงล็อกวางแก้วกาแฟของเตชินทร์ “ป่วยหรือเปล่าครับ?” “ไม่รู้ค่ะ แต่รู้สึกว่าจมูกไวต่อความรู้สึกมาก” “ภูมิแพ้กำเริบอีกแน่ๆ เลย” ฝ่ามือใหญ่เลื่อนมาแนบตรงแก้มของฉัน “ตัวอุ่นๆ นะครับ” “ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่อากาศเปลี่ยนก็แค่นั้น” พูดจบก็สอดสายตามองอากาศที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนราวกับในอีกไม่ช้าจะตกลงมาแล้ว ฉันเป็นโรคภูมิแพ้อากาศที่ไม่ว่าจะรักษายังไงก็ไม่หายสักทีแต่ถ้าได้พักผ่อนเต็มอิ่มจะหายไปเอง ห้องเสื้อในห้างสรรพสินค้าชั้นบนฉันทิ้งตัวลงนั่งที่ห้องตัดเสื้อและให้พนักงานขายเสื้อผ้าด้วยฝีมือที่ฉันตัดเย็บ แก้วกาแฟลาเต้ร้อนถูกเลื่อนมาตรงหน้าตามด้วยร่างสูงที่ดึงเก้าอี้นั่งข้างกัน “สีหน้าไม่ดีเลยนะครับ” “มึนหัวนิดหน่อยค่ะ” ตอบกลับเตชินทร์ที่ยังคงมองด้วยสายตาห่วงใย ตอนแรกที่อยู่ในรถยังคิดว่าตัวเองปกติดีทุกอย่างแต่พอมาถึงที่ห้องเสื้อกลับกลายเป็นว่าฉันรู้สึกแย่กว่าเดิมซะอีก “ห้องเสื้อปิดทุ่มตรง ไปโรงพยาบาลกัน” “ไม่เอาค่ะ ฉันไม่อยากไปหาหมอ” ฉันไม่ชอบหาหมอเลยจริงๆ ฉันกลัวเข็มมากเพราะตอนเด็กที่เคยเผลอโดนหมาข้างทางกัดต้องฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าตั้งห้าเข็มแหนะ เล่นเอาพอเห็นเข็มแล้วจะเป็นลมทุกทีอีกอย่างการหาหมอสำหรับฉันมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด “ซื้อยามากินก็พอค่ะ” “ผมว่าหาหมอดีที่สุดนะ เป็นภูมิแพ้หนักแบบนี้เสมอเวลาอากาศเปลี่ยนจะแย่เอานะครับ” รอยยิ้มสดใสถูส่งมาให้แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่ตอบอะไรดื่มลาเต้ร้อนแล้วรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในขั้นตอนตัดชุดสูทให้กับพ่อ “จริงสิ” อุทานออกมาจนเรียกสายตาคมของเตชินทร์ให้หันมามองกัน “ถอดเสื้อหน่อยค่ะ” “คะ ครับ!” ตกใจจนตาโตเป็นไข่ห่าน “ฉันจะวัดตัวคุณ จะตัดชุดสูทให้น่ะค่ะ” มองค้อนคนตัวสูงที่พอจะเข้าใจถึงความต้องการของฉัน เตชินทร์ถอดเสื้อสูทสีดำออกพร้อมกับเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในเผยให้เห็นแผงอกแกร่งกำยำ เพอร์เฟคสุด! “หุ่นดีมากเลยนะคะ” “ขอบคุณครับ” สายวัดถูกวัดรอบเอวของเขาฉันก็จดทุกอย่างลงสมุด มาถึงแขนทั้งสองข้างสุดท้ายก็มารอบอก “สูงเท่าไหร่คะ?” “185 ครับ หนัก 72” พยักหน้ารับเอาจริงฉันสูงแค่หัวไหล่เขาเอง แต่อย่าเพิ่งดีใจฉันใส่ส้นสูงอยู่สี่นิ้วแปลว่าถ้าถอดรองเท้าฉันสูงแค่หน้าอกเขาน่ะสิ เตี้ยจังเลยเอวา “ต้องบอกอายุด้วยไหมครับ?” “อันนั้นรู้อยู่แล้วค่ะ” ย่นจมูกใส่เขาก่อนจะมองหน้าอกแกร่งซึ่งมันแน่นไปหมดเลยอะ รับรู้ถึงลมหายใจที่รดรินอยู่บนศีรษะทว่าก็ไม่ได้สนใจสักนิดกลับจับจ้องมองอกเขาอย่างหน้าด้านๆ เฮ้อ เอวาสติค่ะ! มือขวาของฉันวางไปยังตำแหน่งหัวใจของเขา มองว่าแน่นแล้วพอได้จับก็แน่นไปหมดทุกสัดส่วนเลย... ก็เคยเห็นเขาออกกำลังกายที่บ้านบ้าง ทำไมฉันถึงได้ลามกแอบดูเขาก็ไม่รู้สิ “อยากได้สูทสีอะไรคะ?” เมื่อจดทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็เอาสายวัดพาดลำคอทั้งที่มือยังคงลูบไล้ไปตามหน้าอกพลางไล่มาถึงหน้าท้องแบนราบ หมับ “พอเถอะครับ อย่าลูบไปมากกว่านี้” น้ำเสียงแข็งกระด้างเอ่ยก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตมาสวมใส่จนฉันได้แต่มึนงง “เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ฉันก็จับบ่อยๆ” “แต่ตอนนี้คุณโตแล้ว เอวา” เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อโดยไม่ใส่คำว่าคุณนำหน้า แผ่นหลังกว้างถูกสวมเสื้อสูทเรียบร้อยแล้วก่อนจะหันมามองฉันด้วยเสี้ยวเดียว “ผมจะออกไปทำธุระ ก่อนปิดห้องเสื้อผมจะมาก่อนหนึ่งชั่วโมง” ไม่ตอบอะไรออกไปได้แต่มองร่างสูงที่เดินออกจากห้องเสื้อไป คิ้วของฉันขมวดเข้าหากันพลางวางปากกาลงบนโต๊ะอย่างแรง “เป็นอะไรของเขา” ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยในสิ่งที่เตชินทร์แสดงออกมา ไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงห้องเสื้อจะปิดแล้วฉันก็บอกให้พนักงานจัดการเรื่องทั้งหมด ส่วนฉันก็ออกมายืนรอคนที่บอกว่าจะมาก่อนหนึ่งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววมองเวลาที่ข้อมือ “คุณเอวาครับ” ผละสายตาจากนาฬิกาข้อมือ มองคนตรงหน้าด้วยสีหน้ามึนงงพร้อมกับเบนสายตามองช่อดอกกุหลาบที่ทำเอาฉันต้องยกมือปิดจมูกตัวเอง นอกจากฉันจะภูมิแพ้อากาศแล้วเกสรดอกไม้ฉันก็ทำให้ฉันเป็นหนักสุดทุกคนรู้ แต่ว่า... ผู้ชายคนนี้ไม่รู้ “คุณเอวาจำผมได้ไหม ที่คุณอัตพลแนะนำให้ผมรู้จักกับคุณ” พ่ออีกแล้วเหรอ? เมื่อไหร่จะเลิกจับคู่ให้ฉันสักที นี่คนที่เท่าไหร่แล้วฉันก็ไม่ได้นับแต่มันคงจะมากพอที่ฉันจะไม่สนใจผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น พ่อก็ยังคงตื้อไม่เลิกสักที “จำไม่ได้ค่ะ” ผลักช่อดอกไม้ที่พยายามยื่นมาให้ฉันรับก่อนจะยกมือปิดจมูกตัวเอง “แค่กๆ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม