“ตรงนี้คือจุดที่เราจะวางดินระเบิด พอข้าส่งสัญญาณ พวกเจ้าก็จุดระเบิดได้เลย” มือหนาชี้บนแผนที่บอกเหล่านายกอง
“เพิ่งรู้ว่าในยุคโบราณเช่นนี้ก็มีระเบิดใช้เหมือนกันแฮ่ะ แต่แค่นี้ฆ่าทหารเป็นแสนไม่ได้หรอก” นางพูดเสียงเบากับตัวเองตามเคย
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ตามแนวสันเขา ให้พลธนูไฟเข้าซ่อนตัว พอจุดระเบิดให้พวกเขายิงใส่ทหารของแคว้นหวงทันที” .
“ไม่หมด อย่างไรก็ไม่หมด ในเมื่อมีทางเดินอื่น ทหารแคว้นหวงไม่เดินมาตายเป็นกลุ่มในช่องแคบที่ต่างรู้ดีว่าไม่มีทางหนีทีไล่แน่”
“เจ้ามีแผนอะไรก็ว่ามา” เขาหันไปถามอย่างนึกเคืองที่นางมานั่งบ่นพึมพำจนทำให้เขาเสียสมาธิ
“พี่ชินอ๋อง อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมาอย่างข้าเลยเจ้าค่ะ ข้าก็พูดไปตามประสาคนบ้าเท่านั้น”
คนหัวเสียพ่นลมหายใจหนักหน่วงอย่างต้องการระงับอารมณ์ เพราะที่นางกล่าวมาเมื่อครู่นั้น มีความเป็นไปได้สูงมากทีเดียว
“ท่านรองแม่ทัพ มีอะไรจะชี้แนะหรือไม่”
เขาถามนางน้ำเสียงอ่อนลง ใบหน้าสวยยิ้มทะเล้น ลุกเดินมายืนมองแผนที่
“นี่คืออีกเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเมืองอิ่งโตวกับแคว้นหวงใช่หรือไม่”
พูดไปก็เคี้ยวตุ้ยๆ กัดแอปเปิลเข้าปากไป ไม่มีความน่าเชื่อถือสักนิด จนเหล่านายกองได้แต่พากันสงสัยว่าเหตุใดรองแม่ทัพผู้เย็นชาถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้
“ใช่” เขาตอบ ส่วนนางก็พยักหน้าเข้าใจ
“แค่กๆๆ ...ขอน้ำชาหน่อยสิ” นางชี้นิ้วสั่งคนหน้าเหี้ยม
กรามหนาขบเข้าหากันแน่นกดอารมณ์โกรธไว้ แล้วเดินไปหยิบถ้วยชามาให้นางจนทุกคนตกตะลึง ที่บุรุษสูงศักดิ์อย่างชินอ๋องยอมนางง่ายๆ
“ขอบคุณเจ้าค่ะ...ซู๊ดด..อ้า ค่อยยังชั่ว” นางยื่นถ้วยชากลับให้เขา
ชินอ๋องรับมาแล้วกำไว้แน่น อยากจะฆ่านางให้ตายคามือ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะยังมีงานที่ต้องให้นางทำ
“ทหารเป็นแสนเดินผ่านช่องแคบอิ่งโตวคงไม่ง่าย ข้าเคยดูหนัง เอ่อ เคยมีคนบอกข้าถึงกลยุทธ์การเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู ตีเมืองไกลแสร้งใกล้ ตีเมืองใกล้แสร้งไกล นั้นหมายถึง เมื่อใดก็ตามที่จะรุกโจมตีเมืองที่ไกลห่างออกไป จงหลอกล่อให้ข้าศึกรู้ว่าเราจะตีเมืองอื่นที่ใกล้กับเรา หลอกให้ศัตรูคิดว่าเราไม่สามารถไปตีถึงเมืองนั้นได้ เมื่อคราใดที่เราเข้าโจมตี ศัตรูจะไหวตัวไม่ทันทำให้รบชนะได้อย่างง่ายดาย เฉกเช่นเดียวกับโจมตีเมืองที่อยู่ใกล้ แต่หลอกศัตรูว่าเราจะไปตีเมืองที่ไกลห่างออกไป...เพราะฉะนั้นพวกเขาก็อาจจะมีการหลอกล่อให้พวกเราตายใจแล้วเข้าตลบหลังก็เป็นได้”
ชินอ๋องเฉิงหยางเล่อ ยืนอึ้งจ้องมองนางอย่างต้องการจับผิด ยอมรับว่าที่นางกล่าวมานั้นมีเหตุผลมากทีเดียว แต่คนเสียสติอย่างนางทำไมถึงคิดได้ล้ำลึกถึงเพียงนี้กัน นางคงไม่ได้แกล้งเสียสติใช่หรือไม่…
“ตรงช่องแคบทำตามแผนที่ท่านวางไว้ แล้วส่งคนไปทำเช่นเดียวกันที่เส้นทางนั้น เพื่อชะลอและลดจำนวนของศัตรู ส่วนทหารที่เหลือให้ถอยกลับไปตั้งรับที่ประตูเมือง เรามีทหารไม่พอที่จะวิ่งเข้าสู้กับศัตรูโดยตรง การใช้อุบายทำลายข้าศึกไม่ใช่การต่อสู้ที่ขี้ขลาด แต่เป็นการลดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้น” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วอุบายที่เจ้าว่ามีอะไรบ้าง” ชินอ๋องเอ่ยถามขึ้น
“ข้าคอแห้ง” นางลูบคอตัวเองแล้วพูดขึ้นมาลอย ๆ
มือหนากำถ้วยชาในมือแน่นจนแทบแตก ทั้งโกรธทั้งแค้นแต่ก็ยอมเดินไปรินชามาให้นาง
“อ้า..ขอบคุณเจ้าค่ะ พัดให้ด้วยข้าร้อน”
“เจ้า!” มือหนาขี้หน้านางด้วยความโกรธที่ถูกใช้เยี่ยงบ่าว
“ไม่พัดให้ก็ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็พอแค่นี้แล้วกัน คนบ้าเช่นข้าใช้สมองมากมันร้อน เดี๋ยวสมองไหลออกจากหัวข้าจะแย่” นางทำท่าจะเดินหนี
มือหนารีบจับแขนนางไว้ หยิบกระดาษขึ้นมาพัดให้นางด้วยใบหน้าดุดัน จนทุกคนต้องรีบก้มหน้าหลบหนี
“อ้า เย็นสบายจัง แบบนี้ค่อยมีแรงคิดหน่อย...ระเบิดเรามีมากน้อยแค่ไหนเจ้าคะ”
“หากต้องติดตั้งถึงสองจุดก็เหลือไม่มากขอรับ” นายกองวัยกลางคนตอบนาง
“น้ำมันล่ะเจ้าคะ”
“น้ำมันหรือขอรับ” นายกองอีกคนถามนาง ไม่เข้าใจว่านางจะเอาน้ำมันไปทำอะไร
“เจ้าค่ะ น้ำมันที่ใช้จุดตะเกียงพวกนี้”
“น้ำมันจุดตะเกียงเรามีเพียงสามถังขอรับ”
“หากข้าอยากได้เพิ่มจะหาได้จากที่ใดเจ้าคะ”
“จากเมืองซิ่นขอรับ แต่คงไม่ง่ายเพราะจากเมืองชิ่นมาที่นี่ใช้เวลาเกือบสองเดือนเลยขอรับ และน้ำมันพวกนี้ก็มีราคาสูงและหายากเพราะเป็นน้ำมันวาฬ”
นางพยักหน้าเข้าใจ นึกว่าเป็นน้ำมันเหมือนที่ใช้ในโลกปัจจุบันเสียอีก เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยินน้ำมันวาฬ ทำอย่างไรนางถึงจะใช้น้ำมันสามถังนี้ต่อสู้กับข้าศึกนะ
“โอเค ไปถึงประตูเมืองแล้วข้าจะบอก” พูดจบนางก็เดินกลับไปนั่งกินผลไม้ต่อ
“หลินฟางซี ข้าจะฆ่าเจ้า!” เขาพูดเสียงเหี้ยมลอดไรฟัน กำกระดาษในมือจนย่อยยับ โกรธเคืองที่ถูกคนบ้าหลอกใช้
...บิดาเจ้าเถอะ! นี่เขาโง่กว่าคนบ้าหรืออย่างไร ถึงได้ตามนางไม่ทัน!