“อืม หนักจังเสี่ยวโหย่วอี้ เจ้ามานอนทับข้าหรือ”
หญิงสาวงัวเงียเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกบางอย่างทับบนตัว เมื่อพยายามลืมตากลับพบแต่ความมืด นางถูกปิดตา ก่อนรีบดันกายให้ลุกขึ้นมือบางพยายามจะแกะที่ผ้าผูกตาออก แต่ถูกมือหนาของบุรุษจับนางเอาไว้
“อย่าได้คิดจะแกะมันออก”
นางจำได้ดีว่าเสียงของบุรุษผู้นี้คือผู้ใด หญิงสาวสัมผัสถึงฟูกนุ่มต่างจากในห้องของนางก็รู้ได้ทันทีว่านางไม่ได้อยู่ที่ห้องของตนแล้ว
“ยะ อย่าทำข้าเลย พวกท่านกินข้าไปแล้วนี่ ฮึก”
น้ำเสียงอ้อนวอนของซือเหลียนทำให้นัยน์ตาสีมรกตหม่นแสงลง มือหนาแตะลงบนแก้มนุ่มที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
ไม่ชอบน้ำตาของนางจริง ๆ
“อย่าร้อง..”
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงบอก เขาใช้ริมฝีปากของตนแตะปากงามอย่างนุ่มนวล ‘เว่ยหยางกงสือ’ จอมมารผู้เป็นพระอนุชารู้สึกร้อนรุ่มเมื่อเห็นท่าทางที่ดูไร้เดียงสาของนาง
“ปล่อยข้าไปได้หรือไม่”
ร่างเล็กว่า มือของนางพยายามกำชายแขนเสื้อของเขาไว้แน่น
“หากอยากจะไปจากที่นี่ข้าย่อมช่วยเจ้าได้ แต่เจ้าเล่าไม่รู้สึกสงสารเจ้าจิ้งจอกตัวนั้นหรือ”
เว่ยหยางกงสือบอกน้ำเสียงเย็นชา
นางไม่มีทางได้กลับแดนสวรรค์เพราะนางเป็นของเขา
“จิ้งจอก มันอยู่ที่ไหน ท่านไม่ได้ฆ่ามันใช่หรือไม่!”
ซือเหลียนตกใจก่อนคว้าปกเสื้อของเขาจนทำให้คนที่ตัวโตกว่าคร่อมอยู่บนร่างเล็ก
หากนางออกไปจากที่นี่ไม่ได้ก็คงถูกพวกเขาเบื่อสักวัน แต่เจ้าจิ้งจอกตัวนั้นมันคือเพื่อนของนาง จะทำให้มันตกอยู่ในอันตรายไม่ได้
“ข้าจะไม่ทำร้ายมันหากเจ้ายอมเชื่อฟังข้า”
คนตัวโตบอก หญิงสาวจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วจึงพยักหน้าเพื่อบอกให้เขารู้ว่านางจะเชื่อฟังเขา
“เช่นนั้นก็เรียกข้าว่าพี่กงสือ”
“พี่กงสือ..อ๊ะ”
ซือเหลียนข่มใจเรียกเขาว่าพี่กงสือ บุรุษผู้เป็นพระอนุชาของเทพมารเว่ยหยางกงจวิ้น เมื่อถูกเรียกว่าพี่กงสือ เขาจึงโน้มกายลงจุมพิตนางทันที ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนเรือนร่างที่สวมชุดนางกำนัล ลูบไล้ผ่านชายกระโปรง สอดเข้าไปข้างในเพื่อแตะลงบนกลีบบุปผาที่ยังคงบวมจากการร่วมรักกับพวกเขาเมื่อคืน
“ข้ายังเจ็บอยู่ ท่านพี่กงสือได้โปรดอย่าทำข้าเลยนะเจ้าคะ”
หญิงสาวโน้มน้าวเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน มือบางพยายามดันตัวเขาให้ออกห่าง เขาไม่ได้หยุดการกระทำแต่ค่อย ๆ ส่งนิ้วเรียวเข้าไปทักทายโพรงร้อนกลางกายนาง นิ้วเรียวกดบีบบี้ติ่งที่รับไวต่อความรู้สึกไปพร้อม ๆ กัน
“อ๊า”
นิ้วเรียวสอดแทรกและขยับไปมา จนนางรู้สึกว่าภายในของตนนั้นตอบรับนิ้วของเขาขนาดนั้น จึงได้ส่งเสียงที่น่าอายออกมา มือเล็กจึงปิดปากตนเองเอาไว้
“อย่ากัดปาก ปล่อยมันออกมา”
เว่ยหยางกงสือกระซิบบอกนาง ที่ร่างกายกำลังตอบสนองการกระทำของเขาแม้ปากจะร้องห้าม แต่น้ำหวานกลับไหลรินออกมาไม่หยุด ในขณะที่มืออีกข้างเลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นปทุมทันคู่งาม แม้จะมีอาภรณ์ปิดบังเอาไว้แต่มันกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกซ่านเสียวอยู่ไม่น้อย
“อ๊ะ..”
ปากงามร้องครางเสียงหวานเมื่อมือที่ใช้ปิดปากกลั้นเสียงครางถูกบุรุษอีกคนดึงออกมา ก่อนที่ปากเล็ก ๆ ของนางจะถูกแท่งหยกสีสดส่งเข้าไปในปากของนาง และกลางกายก็มีอีกอันที่กำลังถูไถกลีบอวบอูมอยู่
“อื้อ..”
ซือเหลียนรับรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในปากคืออะไร
นางเคยเห็นเหล่าเทพธิดาใช้กันเมื่อมีความต้องการ
เว่ยหยางกงจวิ้นมองร่างเล็กของนางด้วยสายตายากที่คาดเดาเมื่อปากเล็ก ๆ นั้นรับแท่งหยกเขาปาก ยิ่งเมื่อพบว่าพระอนุชาของตนใช้ปลายแข็งอีกอันบดเข้ากับเม็ดทับทิมเล็กที่ไวต่อความรู้สึก เขาจึงจับมันโยนทิ้งไปก่อนจับตัวตนที่แข็งขึงจ่อมายังกลีบปากงาม
“กินมัน”
คำสั่งของผู้เป็นเชษฐาต่างจากพระอนุชาจนซือเหลียนสั่นสะท้านปากเล็กยอมอ้ารับตัวตนที่แข็งและร้อนเข้าไปในปาก
“อื้มม ค่อย ๆ เลียมัน”
หญิงสาวจึงค่อย ๆ อมส่วนหัวที่มีสีชมพูระเรื่อ ลิ้นเล็กแตะลงส่วนปลายที่มีน้ำรสเฝื่อนไหลซึมออกมา นางค่อย ๆ ดูดกลืนมัน แต่ร่างบางก็สะดุ้งเมื่อมันขยับขึ้นลงได้ราวมีชีวิต ก่อนก้มเลียมันอีกครั้ง คราวนี้นางเลียที่ปลายหยักอย่างแรง สอดลิ้นร้อนลงบนความแข็งขึงของเขา ปากเผยอดูดมันราวกินหวานเย็น นางไม่รู้ว่าการกระทำของนางนั้นทำให้เว่ยหยางกงจวิ้นใช้มือจับศีรษะงามแล้วเด้งตัวตนเข้าไปในปากอย่างรุนแรง เมื่อถูกเขาทำรุนแรงจนร่างเล็กแทบจะอาเจียนเมื่อส่วนนั้นของเขาเข้ามาลึกเกินไป
“อ่าห์ เจ้านี่มันสตรีไร้ยางอายจริง ๆ ! ร่านร้อนไม่สมเป็นเทพ อ๊า..”
เขายิ้มร้ายก่อนเร่งจังหวะในปากนาง มือเล็กเกาะต้นขาเขาไว้แน่น ก่อนถูกเขาปลดปล่อยเมล็ดพันธุ์อุ่นร้อนเข้ามาในโพรงปากของนาง มันไหลเยิ้มออกมาจนเลอะคางเรียว
“อึก ปล่อยข้านะ!”
ซือเหลียนแทบอยากจะคายทิ้งเมื่อความอุ่นร้อนอยู่ในปากนางแต่กลับถูกเขาบีบปากและบังคับในนางกลืนมันลงท้อง
“อ๊า!”
ยังไม่ทันไรเมื่อบุรุษผู้เป็นพระเชษฐายอมถอยออกไปหยิบของเล่นมาเพิ่มความสนุก เว่ยหยางกงสือที่นั่งมองภาพอภิรมย์ก็ส่งของเล่นเข้าไปในกลีบบุปผาที่บวมช้ำ
“พี่กงสือ อึก”
ร่างของหญิงสาวสั่นอย่างทรมาน เมื่อเขาดันของเล่นเข้าไปในอีกช่องทางรัก
“ข้าชอบจัง ที่เจ้าเชื่อฟัง หึ เทพอย่างเจ้าช่างโง่นัก”
เขากระซิบบอก ซือเหลียนทั้งเจ็บและจุกจนพูดไม่ออก นางถูกบุรุษที่เป็นจอมมารผู้น้องจับของเล่นหลากชนิดยัดเข้าไปในร่างของนาง ทั้งขยับเข้าออก ส่วนอกงามก็ถูกจอมมารผู้พี่ดูดกลืน และขบเม้ม จนคราบน้ำหวานนั้นเหนอะหนะไปทั่วทั้งผ้าปูเตียง
“อื้ออ”
หญิงสาวถูกแท่งร้อนของสองจอมมารผลัดเปลี่ยนเข้ามาในโพรงปากหวาน เช่นกันกับช่องทางรักด้านล่างที่ถูกของเล่นเสียบคาไว้
“หึ ทำได้ไม่เลว”
เว่ยหยางกงจวิ้นเมื่อมองร่างเล็กของเทพธิดาบุปผานอนสลบไสลเมื่อเขาและน้องชายเล่นกับร่างกายของนางจนพอใจ
“ท่านพี่ข้าจะไปส่งนางที่ห้อง”
เว่ยหยางกงสือบอก ก่อนอุ้มร่างบางที่นอนหลับไปแล้วขึ้นแนบอก
“กงสือ จำคำที่พี่เคยบอกเจ้าได้หรือไม่”
ดวงตาแดงเพลิงเอ่ยบอกผู้เป็นอนุชาด้วยความห่วงใย แม้จะหลับใหลเพราะจำศีลแต่เรื่องเมื่องสองร้อยปีที่เกิดกับน้องชายตัวเองเขาย่อมรับรู้
“ข้าไม่ได้รักนางนะท่านพี่ อย่าเอานางไปจากข้าและท่านเลยนะขอรับ”
เขารีบปฏิเสธพร้อมกระชับอ้อมกอดร่างบางให้แน่นขึ้น
“เช่นนั้นก็อย่าทำดีกับนาง อย่าได้สนใจนาง นางมีหน้าที่อะไรเจ้าย่อมรู้ดีแก่ใจ”
ผู้เป็นเชษฐาพูดก่อนหันหลังเดินออกไป เว่ยหยางกงสือทอดมองร่างของซือเหลียนในอ้อมกอดแล้วรีบพานางกลับไปยังห้องพักที่เป็นห้องเก็บฟืนด้วย
“เจ้าอย่าขุ่นเคืองข้าและพี่ชายเลยนะ ข้าไม่มีวันทำร้ายเจ้า”
เข้าลูบใบหน้างามก่อนถอดชุดนางกำนัลออก มือหนาหยิบอ่างใบเล็กขึ้นมาใช้ผ้าชุบน้ำบิดมันแล้วค่อย ๆ เช็ดคราบคราวที่เปรอะเปื้อน ไล่ลงมาจนถึงเนินอกที่ขาวราวหิมะ แต่งแต้มด้วยรอยช้ำจากปากของเขาและพระเชษฐา ลูบไล้แตะลงมาจนถึงกลางกายสาวที่ยังแบะอ้าเพราะถูกเขาสอดใส่ของเล่น คนตัวโตรีบสลัดความคิดในหัวทิ้ง แล้วรีบเปลี่ยนเป็นชุดนอนให้กับนาง ก่อนห่มผ้าผืนหนาให้เพราะอากาศในนี้ทั้งชื้น และมีไอเย็นมาก บุรุษในชุดสีแดงจึงนอนตะแคงลงข้างกายนาง เพื่อจ้องมองซือเหลียนที่หลับใหลเพราะความเพลีย