ตอนที่2.บังเอิญหรือพรหมลิขิต
เรื่องที่พิไลโดนจับข้อหาเล่นการพนันจึงมีเพียงแค่เธอกับแม่สองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ทุกอย่างจะเป็นความลับตลอดไป ฟ้าใสเหยียบคันเร่งออกจากโรงพักโดยไม่กลับไปมองให้เสียสายตา
ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นที่เธอจะมาที่นี่ขอให้ฟ้าเป็นพยาน...
จากนั้นเธอพาแม่ไปรดน้ำมนต์ตามที่ร้องขอ แล้วปลอบใจด้วยการพาไปกินอาหารอร่อยเพื่อดับร้อนดับหิวอิ่มแล้วจึงกลับบ้าน คิดว่ายังไงเย็นนี้พ่อคงขึ้นห้องพระสวดมนต์ไปแล้วแน่ๆ
บ้านหลังงามตั้งอยู่ในตัวอำเภอเป็นบ้านปูนสองชั้นทันสมัย หน้าบ้านจัดสวนหย่อมขนาดเล็กพร้อมบ่อปลาคาร์ป ที่ปีกซ้ายของตัวบ้านมีไว้สำหรับจอดรถซึ่งสามารถรองรับได้ถึงห้าคันสบายๆ
เมื่อเข้าบ้านก็พบกับพ่อนั่งไถมือถืออยู่ที่โซฟา ใบหน้านิ่งๆของพ่อทำให้เธอกับแม่รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งแผ่นหลัง ขนาดเธอโทรแจ้งแล้วว่าวันนี้จะกลับบ้านค่ำหน่อย
นายพลนพในวัยเลขห้าปลายๆแต่ยังแข็งแรง กล้ามเนื้อกล้ามท้องตึงแน่นสมชายชาติทหาร ดูสมาร์ท ดูเท่ห์ รูปร่างดี เพราะเป็นคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ สายตาของคนเคร่งครัดจับจ้องไปที่ภรรยา
เขาอยากรู้ว่าสองคนแม่ลูกแอบไปที่ไหนกันมา ปุบปับแบบนี้แสดงว่าไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องรู้ เพราะทุกอย่างในบ้านต้องอยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้น
พ่อก็ระเบียบเกิ๊น จะกระดิกตัวไปไหนกันไม่ได้เลยหรือยังไง ฟ้าใสคิดในใจ
แต่เธอไม่ยักจะกลัว...
"หวัดดีค่ะพ่อ"
ฟ้าใสยกมือไหว้พ่อแล้วค้อมหลังเดินผ่านไป โดยไม่ลืมตะโกนบอกก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดเอาตัวรอดเหมือนตอนเด็กๆ
"แม่อย่าลืมบอกพ่อนะคะ วันนี้หนูมีงานเลี้ยงเบิร์ธเดย์เพื่อน หนูขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ"
นายพลนพมองตามร่างแบบบางในชุดสีขาววิ่งขึ้นชั้นสอง ทั้งหัวดื้อทั้งหัวแข็ง
"ว่าไงคุณ แอบไปเที่ยวที่ไหนกันมา"
"อุ๊ย! ตกใจหมดเลยค่ะคุณพี่"
พิไลสะดุ้งพราะเสียงเข้มของสามี ยกมือทาบอกแล้วนั่งลงข้างกันพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
"คุณพี่ละก็ เสียงดังจังค่ะ พิไลตกใจหมดทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ"
"จะตกใจอะไรคุณพิไล พี่นพก็พูดเแบบนี้ทุกวัน ดูคุณมีพิรุธนะ"
ฟ้าใสเองนึกสงสารแม่อยู่เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะระดับคุณนายพิไลยังไงก็เอาตัวรอดได้สบายๆ
เข้าห้องไม่ทันไรข้อความไลน์กลุ่มก็เด้งขึ้นแบบรัวๆจากแก็งค์เพื่่อน
[แก็งค์นางฟ้า] จากหมอเคน; ทุกคนล้อหมุนสองทุ่มเจอกันหน้าโรงพยาบาล โอเค๊...
แตงกวารีบส่งข้อความเป็นคนแรกว่า (โอเค)
จากนั้นเสียงไลน์เด้งรัวๆติดต่อกัน ฟ้าใสจึงกดส่งบ้าง (โอเค)
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
หลังจากที่เลือกชุดอยู่นาน ในที่สุดเธอก็หยิบเดรสสั้นกลิสเตอร์สีเทาออกมาจากตู้ ตัวเสื้อสายเดี่ยวเว้าหลังมีเส้นสายไขว้กันดูเซ็กซี่ ผมยาวปล่อยสยายไปกับแผ่นหลังใบหน้าแต่งแต้มปราณีตสวยจัด
แพขนตางอนยาวกระพริบถี่ พอใจกับรูปลักษณ์เซ็กซี่ ขี้เล่นน่าร๊ากของตนเอง เกือบปีแล้วที่เธอไม่ได้ออกท่องราตรี มัวแต่เก็บตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในช่วงสถานการณ์ของโรคระบาด แม้แต่บ้านก็ไม่ได้กลับเพราะต้องเข้าเวรอย่างหนักหน่วง
จะบอกว่าวัันนี้คือวันปลดปล่อยก็เป็นได้
"สวย..."
แต่งตัวสวยแล้วก็เดินฮัมเพลงหยิบกระเป๋าใบเล็กสะพายไหล่ทอดน่องลงจากชั้นสองอารมณ์ดี พรุ่งนี้เป็นวันหยุดวันนี้เธอจะเต้นแบบซัดไม่ยั้งเลยคอยดู
"ยายแล่ม...อีตอนส้าว...สาว"
กระทั่งเธอลงจากบันไดขั้นสุดท้ายแสงไฟในบ้านสว่างไสว ได้ยินเสียงพ่อหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอารมณ์ดีไม่รู้ว่าคุยกับใคร แต่ไม่ใช่คุณนายพิไลแน่นอน
"น้องฟ้าลงมาแล้ว อาฝากน้องด้วยนะ"
เธอโตขนาดนี้พ่อกับแม่ยังเรียกเธอว่าน้องฟ้ากับใครต่อใครอยู่อีก
"ฝากน้องฟ้าด้วย คืออะไรอ่ะ"
ฟ้าใสชะงักเท้า ครั้งแรกตั้งใจว่าจะแค่จะโบกมือลาพ่อกับแม่ บอกว่าเธอจะออกไปแล้วและจะกลับไม่เกินเที่ยงคืนแน่นอน
แต่ตอนนี้ที่บ้านมีแขก จึงรีบยกมือไหว้พันตรีชวินหรือเรียกสั้นๆว่าพี่วิน นายทหารหนุ่มอนาคตไกลในวัยสามสิบเก้าปีเป็นผู้ใหญ่พอตัว หล่อละมุนอบอุ่น ใจเย็น
"หวัดดีค่ะพี่วิน"
ชวินรีบยกมือรับไหว้ ใบหน้าสุขุมยิ้มอย่างยินดี ที่เขามาที่นี่ตอนนี้ไม่ใช่โดนบังคับ แต่เขาเต็มใจ
"หวัดดีค่ะน้องฟ้า นัดเพื่อนไว้กี่โมงคะ" ชวินถาม
เขาจะถามทำไมนะฟ้าใสคิดในใจ แต่เธอก็ตอบไปตามมารยาทออกอาการเลิ่กลั่กนั่งลงข้างแม่ ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ
"สองทุ่มค่ะ"
ฟ้าใสปรายตามองไปที่แม่ทีพ่อทีเพื่อขอคำอธิบายว่าคืออะไร อย่าบอกนะว่าพ่อเห็นเธอเป็นเด็กต้องมีผู้ปกครองไปด้วย
"งั้นรีบไป เดี๋ยวเพื่อนน้องฟ้าจะรอนะคุณวิน"
นายพลนพวางมือที่ไหล่หนาของชวิน ว่าที่ลูกเขยอนาคตไกลที่เขาพึงพอใจมาก
"อาฝากน้องฟ้าด้วยนะ"
ชวินยืนขึ้นโดยไม่ลืมผายมือให้หญิงสาวด้วยความสุภาพ
"ไปค่ะน้องฟ้า พี่วินไปส่ง"
ฟ้าใสถลึงตาใส่พ่อ เธออยากร้องไห้จะมีซักวันไหมที่เธอจะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนแบบส่วนตัวบ้าง แต่ก็ยอมเดินตามเขาไปด้วยดี
"ค่ะพี่วิน"
ทางด้านชวินที่ชอบฟ้าใสตั้งแต่หญิงสาวยังเป็นนักศึกษาพยาบาล เขารออย่างใจเย็นตั้งใจทำงานจนกระทั่งยศเขาได้เลื่อนเป็นถึงยศพันตรี ก็เพื่อสร้างความมั่นคงและมั่นใจสำหรับเธอ
เขาเปิดประตูรถให้หญิงสาวเข้าไปนั่ง แล้ววิ่งอ้อมไปที่ฝั่งคนขับสตาร์ทรถออกเดี๋ยวนั้น เห็นใบหน้างอง้ำนั้นแล้วต้องรีบพูดไปว่า
"พี่วินแค่ไปส่ง ไม่เข้าไปด้วยหรอก"
ทันทีที่พูดจบชวินเห็นว่าสีหน้าเธอดูดีขึ้นทันใด มีรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก เขาเผลอมองเพลินจนเกือบหยุดหายใจ เหลือบไปเห็นชุดของหญิงสาวเปิดแผ่นหลังกระโปรงที่สั้นเวลานั่งชุดรั้งขึ้นจนเกือบถึงโคนขา ถึงแม้ว่าเธอจะเอากระเป๋าใบเล็กมาปิดไว้ก็ตาม
เขากลัวว่าเธอจะหนาวจึงลดแอร์ แล้วหยิบเสื้อแจ๊คเก็ตที่เบาะหลังคนขับยื่นให้หญิงสาว
"อ่ะ ใส่เสื้อก่อนค่ะ ไม่รังเกียจพี่วินใช่ไหม เสื้อตัวนี้พี่วินยังไม่ใส่เลยนะสบายใจได้"
คำพูดอบอุ่นและนุ่มนวล ทำให้คนฟังอย่างฟ้าใส รับเสื้อตัวใหญ่มาสวมแบบเสียไม่ได้
"ไม่ค่ะ ไม่รังเกียจ ขอบคุณค่ะ"
รถเก๋งคันใหญ่มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลที่ฟ้าใสทำงาน เมื่อไปถึงเพื่อนๆจอดดรออยู่ตรงศาลาริมทางอยู่ก่อนแล้ว เธอจึงส่งไลน์ไปบอกว่าให้ออกรถได้เลย วันนี้เธอมีบอดี้การ์ดมาส่งเป็นรถเก๋งสีดำจอดต่อที่ด้านหลัง
"ผู้ปกครองเหรอหนูฟ้า"
สติ๊กเกอร์ไลน์และข้อความแสดงความเห็นใจ เมื่อทุกคนต่างรู้กิตติศัพท์ของท่านนายนพลดีว่าหวงลูกสาวขนาดไหน มีทั้งเห็นใจปนเยาะเย้ยเด้งขึ้นไม่ขาดสาย
เธอเหลือบมองคนขับที่สงบนิ่ง แม้ว่าแสงไฟจากมือถือส่องเข้าตาเขาก็ไม่ว่าอะไร สองมือยังคงกำพวงมาลัยแน่นไม่ว่อกแว่ก ไม่วอแว ไม่มีการล่วงเกินใดๆทั้งสิ้น
เหมือนมีพ่ออีกคนเลยวุ้ยเรา...
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป แก็งค์นางฟ้าเดินทางถึงผับใจกลางเมือง โดยสวัสดิภาพ เพราะวันนี้คือวันศุกร์เพียงแค่สามทุ่ม ลานจอดรถจึงแน่นไปด้วยรถยนต์ของนักท่องราตรี
ฟ้าใสรีบคืนเสื้อของเขาปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วลงจากรถโดยไม่ลืมยกมือไหว้
"ฟ้าขอบคุณพี่วินที่มาส่งนะคะ"
"เดี๋ยวพี่วินไปส่งที่หน้าผับ พี่รู้จักกับการ์ดที่นี่"
พูดจบเขาลงจากรถเดินเคียงคู่หญิงสาวยืนรอเพื่อนๆที่หน้าผับ ฟ้าใสหยิบบัตรประชาชนรอตรวจ ไม่นานกลุ่มเพื่อนของเธอที่พากันหัวเราะคิกคักเข้ามาใกล้ นำโดยแตงอ่อนและแตงกวาสองแฝดคนสวย แนนนี่กับพี่ตาลมาด้วยกัน ส่วนหนุ่มหล่อสองคนหมอท็อปกับหมอเคนมารถอีกคัน
อ๊าย! ผู้หล่อ สองหมอยิ้มตาพราวแต่เก็บอาการสุดฤทธิ์ เซฟภาพลักษณ์คุณหมอไว้ให้มั่น
ฟ้าใสดูสีหน้าแก็งค์นางฟ้าแต่ละคนเธอก็พอจะรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร
"พี่วินคะ นี่เพื่อนฟ้าใสค่ะ"
จากนั้นเธอจึงแนะนำให้รู้จักกันจนครบทุกคน แต่ชวินยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับ เธอจึงกระตุกชายเสื้อของหมอท็อปที่ยืนอยู่ใกล้ๆให้เขาช่วยพูด
"เอ่อ...พวกเราขอบคุณมากนะครับที่มาส่งฟ้า เดี๋ยว...เดี๋ยวขากลับคุณวินไม่ต้องมารับก็ได้นะครับ บ้านพี่วินอยู่แถวนี้จะได้ไม่ต้องขับรถตีไปตีกลับ กลางคืนอันตรายครับ"
ชวินรู้ทัน ใบหน้าหล่อละมุนยังยิ้มได้
"ไม่เป็นไรครับผมมารับเหมือนเดิม พี่วินบอกน้องฟ้าแล้วไม่ใช่เหรอคะ"
"ค่ะ...ใช่ค่ะ งั้นพวกเราขอเข้าไปก่อนนะคะ"
ชวินที่อุตส่าห์แต่งตัวลดอายุตัวเอง เพื่อหวังจะได้เข้าไปนั่งกับหญิงสาวและเพื่อนของเธอแต่เขาก็ต้องผิดหวัง อย่างว่าแหละเพื่อนเธอคงไม่โอเค
เขาโบกมือลา "เที่ยงคืนพี่วินจะมารอ"
พูดจบเขาก็เดินจากไปอย่างใจเย็น แนนนี่สาวใต้ที่จริงใจเห็นเขาแล้วก็สงสาร ผู้ชายที่อบอุ่นขนาดนี้สมควรเป็นของเธอถึงจะถูก ฟ้าใสไม่เห็นสนใจพี่วินสักนิด
"ฟ้า...แนนสงสารพี่เค้าจัง เราน่าจะชวนพี่วินมาจอยด้วยนะ"
หมอเคน หมอศัลยกรรมกระดูกรีบโบกมือ
"ไม่ย่ะชะนีน้อย ฉันเขิน ไว้รอวันเกิดหล่อนก่อน ค่อยชวนผู้ปกครองยัยฟ้าไปกินจิ้มจุ่มริมแม่น้ำกันสองต่อสองแล้วกันนะยะ"
"หมอก็พูดเกินไป๊" แนนนี่มองตามแผ่นหลังชวินตาละห้อย
ทรงลุงทรงใจอบอุ่นจะตายไป ใครไม่เอาเธอเอา...
ฟ้าใสมองไฟท้ายรถสีส้มที่ค่อยๆหายไปจากสายตา จึงชักชวนเพื่อนๆเข้าไปด้านใน โดยไม่รู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมด อยู่ในสายตาของจอมทัพตั้งแต่หญิงสาวมาถึง
จ่าแหลมถือโอกาสตบที่ไหล่ของจอมทัพให้กำลังใจ
"ไหวไหมครับผู้กอง ทางนั้นเขาเป็นผู้พันเลยนะ"
"ไม่สนโว๊ย ต่อให้เป็นจอมพลผมก็สู้ไม่ถอย"
สายตาคมมองแผ่นหลังที่มีเส้นสายไขว้กันเซ็กซี่ จนเกือบหยุดใจไว้ไม่อยู่ ความรักเข้าตาตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน ถึงแม้เขาจะรับรู้ได้ว่าเส้นทางชีวิตรักคงยากมาก
เมื่อเขาจับว่าที่แม่ยายเข้าคุกไปหมาดๆ พูดจาก็กวนประสาทแบบนี้ใครเขาจะยกลูกสาวให้ง่ายๆกันล่ะ
ก็ใช่น่ะสิ... ปากเขาหมาตั้งแต่เกิดจะให้พูดเพราะๆคะขา เหมือนนายทหารใหญ่คนนั้นได้อย่างไร
แต่เขามีดีที่เอวหวานนะจะบอกให้
ลองเบิ่ง ลองเอวพี่บ่าวภูไทหน่อยแหน่...