นิรินนั่งทำงานใบหน้าเคร่งเครียด นับตั้งแต่คืนนั้น เธอก็ถูกเพื่อนรักต่อว่าอยู่ตลอดเวลา โดยที่เธอก็ยังไม่ยอมปริปากพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากถูกชวนไปดูงานของจริงนอกสถานที่
สวย รวย เก่ง แต่อาภัพเรื่องครอบครัว พ่อแม่เสียชีวิตจาก อุบัติเหตุทั้งคู่ เธอจึงได้เข้ามาสานงานต่อจากพ่อ บ้านหลังใหญ่ที่ต้องอยู่เดียวดาย เธอจึงขายทิ้งไป เพื่อมาซื้อคอนโดมิเนียมอยู่ ทั้งชั้นมีสองห้องใหญ่ไม่นานมานี้พึ่งรู้ว่าจะมีคนย้ายของเข้ามาอยู่ข้างๆ
หลังจากผ่านประสบการณ์เรียนรู้งานจริงที่ทำให้ต้อง นอนหลับข้ามวันเป็นครั้งแรก ฟ้าเหลืองจากที่ไม่เคยรู้ก็ได้รู้แล้วว่า มันเหลืองยังไง ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน
ทั้งที่รู้ว่าเธอไม่เคยผ่านศึกมาก่อน ยังไม่มีคำว่าปราณีต่อน้องสาวเธอสักนิด ยังจำความรู้สึกตอนฟื้นขึ้นมา มันเต็มไปด้วยความงุนงงไม่รู้จะเรียกความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนั้นว่ายังไงดี
วันไนท์สแตนด์ก็ไม่น่าจะใช่เพราะเธออยู่ในห้องสีเหลี่ยม นั้นถึงสองวันสองคืน เกิดอาการเมากล้ามแน่นๆ ใบหน้าหล่อ ผิวขาว ซิกแพค8ชั้น ความแข็งแรงของสมรรถภาพที่เกินจะบอก
สองคืนที่เธอนอนอยู่บนเตียง โดยไม่มีการถามชื่อ แม้เพื่อนจะพยายามถามเธอก็ไม่ยอมตอบว่าเป็นยังไง
“มองค้อนตาจะกลับไปข้างหลังอยู่แล้ว” นิรินแซ่วในใจก็แอบขำ
“เรื่องของฉัน รีบๆเช็น ฉันมีงานเยอะ” อ้อนแอ่นยังไว้เชิง
“งานเยอะ ขออ้างมากนะเดี๋ยวนี้”
“เรื่องของฉัน”
“โอเคได้ ตัดเงินเดือนพนักงานที่ไม่เคารพเจ้านาย มันก็เรื่องของฉันเช่นกัน” นิรินยักไหล่ทำท่าไม่แคร์ แต่คนฟังถึงกับร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียง
“นังชะนี แกมันจะมากไปแล้วนะ ตั้งแต่กินผู้ชายเป็นอาหารฤทธิ์เดชเยอะ” อ้อนแอ่นประชด
“กินผู้ชายแล้วยังไง มันกระทบเรื่องเป็นเพื่อนแกด้วย ใช่ไหม” นิรินเซ็นแล้วนั่งพิงด้วยท่วงท่าสบาย
“ยังจะกล้าเรียกฉันว่า เพื่อน ทิ้งฉันไปกับผู้ชายไม่พอ กินแล้วก็ยังไม่ยอมเล่า ถ้าแกเห็นฉันเป็นเพื่อนจริงๆ ทำไมไม่ตอบสักทีว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“แล้วแกจะรู้ไปเพื่อ?” นิรินทำหน้าเซ็งๆ
“เอ่อๆ ลำบากใจมากก็ไม่ต้องเล่า ฉันรำแกมาก นังชะนี” อ้อนแอ่นทำเสียงประชดน้อยใจ
“มันจะมีอะไรพิสดารมากกว่าการมีอะไรกันแบบที่คนอื่นเขามีก็แค่นั้น หรือแกคิดว่าฉันทำอะไรพิสดารมากกว่านั้น”
“แหม่! เรื่องนี้ มันก็ไม่เหมือนกันทุกคนเปล่าวะ เด็กที่พาแกไปท่าทางช่ำมาก คงไม่เล่นท่าแบบเบสิคหรอกย๊ะ อย่ามาแอ๊บซื่อ”
“ถ้ารู้ว่าฉันแอ๊บ แล้วแกจะอยากรู้อีกทำไม”
“นังชะนี แกอย่ามายอกย้อนฉัน สรุปจะเล่าไม่เล่า” อ้อนแอ่นนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้าม
นิรินถอนหายใจออกมาอย่างเช็งๆ ก่อนจะเปิดฉากเล่าประสบการณ์เรื่องบนเตียงครั้งแรก
“ก็หลังจากที่ออกจากคลับ เด็กคนนั้นก็พาฉันไปที่คอนโดใกล้ๆ ท่าทางจะเป็นลูกคนรวย…” คนเล่ายังเล่าไม่ทันจบ คนอยากรู้รีบยื่นหน้าเข้าไปถามทันที
“แกเคยรู้จักหรือเปล่า เด็กคนนั้น”
“สอดเก่งนะเรา” นิรินมองค้อน “ไม่เคยรู้จักและไม่คิดที่จะรู้จักด้วยมีอะไรก็จบแค่ตรงนั้น ไม่มีการสานต่ออะไรอีก”
“แกไม่สานหรือเด็กคนนั้นไม่สาน”
“ฉันสิ ทำไมต้องสานต่อด้วยในเมื่อวันเกิดจากความพอใจ ทั้งคู่ เด็กคนนั้นก็ไม่ได้ขมขื่นฉันหรือฉันไปขมขื่นเด็ก มีอะไรแค่นั้นมันก็มากพอแล้ว เดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว”
“แหม่! อยู่ดีๆ ก็อยากจะอินกับการมีเด็กบ้าง เด็กมันไม่ถามชื่อแกเหรอวะ” อ้อนแอ่นทำหน้าสงสัย
“ถาม แต่ไม่ตอบ ไม่เห็นว่ามันสำคัญตรงไหนที่จะต้องตอบ”
“สวยมากนะย๊ะ แกไม่รู้สึกเสียใจหรือกังวลอะไรเลยสักนิด”
“กังวลเรื่อง เด็กคนนั้นป้องกันทุกอย่างไม่น่ามีอะไรพลาด” แหม่จะพูดด้วยความมั่นใจในถุงยางอนามัยก็มีแอบหวั่นอยู่นิดๆ
“แกมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ แกก็ไม่เคยมีอะไรกับใคร ยาก็ไม่ได้กิน มันก็มีสิทธิ์พลาดได้นะ”
คำพูดของอ้อนแอ่นทำคนที่มั่นใจเมื่อครู่คิ้วเริ่มผูก ไม่น่านะ ช่ำขนาดนั้นคงไม่แจ๊คพอตเกิดที่เธอหรอก
“ไม่หรอกแก อย่ามาพูดให้คิดมาก”
“อ้าว! ของอย่างนี้ว่าไม่ได้นะ ยิ่งกำลังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์” อ้อนแอ่นมองบนเบ้ปาก
“ไม่มีทาง”
“ริน แกคิดไหมว่าจะได้เจอเด็กคนนั้นอีก”
“ไม่น่าจะได้เจอกัน ฉันไม่ใช่คนชอบเที่ยวที่ไปก็เป็นเพราะแกนะแหละ” นิรินยักไหล่มั่นใจ
“ไม่แน่นะแก โลกอาจจะกลม หากเจอกันขึ้นมาแล้วเด็กคนนั้นมีแฟน แกจะทำไง”
“ฉันต้องทำไง ถามมาได้ก็ต้องทำใจตั้งแต่แรกแล้วไหม ฉันก็สมยอมเด็กคนนั้นเอง จะให้ไปเรียกร้องอะไรได้” นิรินคิดภาพนั้น ไม่ออกเหมือนกัน แต่ก็คงไม่มีอะไร
“ทำใจ ทำใจเห็นเด็กของตัวเองไปมีอะไรกับคนอื่นต่อ เนี่ยนะ”
“อ้าว! จะให้ฉันเรียกร้องอะไร ไม่เจอกันนะดีแล้ว โลกมัน ไม่เอียงจนเหวี่ยงคนสองคนมาเจอกันได้หรอกนะ”
“ค่า! ฉันจะคอยดูนะคะ คุณนิรินว่าโลกมันจะเหวี่ยงให้แกเจอเด็กคนนั้นหรือเปล่า”