Episode 09 ทางเลือก

4101 คำ
Nami’s Part : “ฉันไม่รู้มาก่อนว่าเธอติดหวาน” เสียงของยามาดะดึงฉันออกจากห้วงภวังค์ความคิดของตัวเองแล้วมองไปที่เขา ซึ่งก็เห็นว่าสายตาของเขากำลังจ้องมองมาที่ฉันสลับกับมือของฉัน นำสายตาของฉันให้ก้มลงเพื่อมองมือของตัวเอง “เอ่อ นิดหน่อยน่ะ” ฉันแก้ตัวก่อนจะวางช้อนตักน้ำตาลลงในถ้วยใส่น้ำตาลใบเล็กๆ ทำทีเป็นหยิบช้อนขึ้นมาคนช็อกโกแลตร้อนในแก้วเบาๆ แล้วยกมันขึ้นจิบ “แค่กๆๆ” “ขอช็อกโกแลตร้อนใหม่อีกแก้ว” “มะ ไม่ต้องหรอกยามาดะ ฉัน....” “มันกินไม่ได้แล้วนามิ ฉันนับได้สิบสองช้อน” ยามาดะพูดพลางส่ายหัว “อะไรสิบสอง” “น้ำตาลที่เธอใส่ลงไปน่ะ สิบสองช้อน ถ้าเธอจะติดหวานขนาดนั้นฉันว่าเธอเอาน้ำตาลมาคนละลายกับน้ำร้อนแล้วดื่มเลยจะง่ายกว่า” ยามาดะประชดเบาๆ ทำเอาฉันต้องเงียบลงอย่างจนใจ ก่อนจะวางช้อนคนลงบนจานรองแก้วแล้วนั่งรอช็อกโกแลตร้อนแก้วใหม่ต่อไปเงียบๆ “คิดถึงเขาอยู่เหรอ” “ใคร?” “ไม่เอาน่า เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจะต้องให้ฉันพูดชื่อมันทำไม ระหว่างเรามันไม่ควรจะมีความลับอะไรต่อกันแล้วนะนามิ เว้นซะแต่ว่าเธอจะยังเห็นว่าฉันเป็นคนอื่น” คนอื่นเหรอ ฉันจะกล้าคิดแบบนั้นกับคนที่ยอมเสี่ยงชีวิตไปช่วยฉันมาได้ยังไง ฉันช้อนตามองยามาดะนิดหน่อยก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆ ในสมองกำลังเรียบเรียงคำพูดเพื่อจะอธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง เพราะไม่รู้เลยว่าฉันควรจะเริ่มเล่าจากตรงไหน “นามิ” “ฉันขอตั้งสติก่อนนะยามาดะ ไม่ได้จะปิดบังนาย เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง” ฉันสารภาพ พูดจบก็เป็นอันว่ายามาดะต้องเป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาบ้าง “ถ้าเธอยังไม่พร้อมจะเล่าก็ไม่เป็นไร ยังไงซะฉันก็รับรองว่าที่นี่จะปลอดภัยสำหรับเธอ” ยามาดะบอกอย่างนั้น ซึ่งฉันก็ได้แต่ยิ้มจางๆ ขอบคุณเขา รู้สึกติดค้างบุญคุณเขามากเหลือเกิน มิหนำซ้ำยังรู้สึกผิดกับเขาที่เป็นคนนำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้ ฉันกับยามาดะรู้จักกันมานานแล้ว เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยที่ฉันยังเรียนอยู่ที่มารุ และในช่วงที่ฉันต้องไปเรียนต่อที่อเมริกามาสี่ปีซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่ แต่เราก็ยังมีติดต่อกันเสมอ เพิ่งจะมามีช่วงหลังจากที่ฉันกลับมาจากอเมริกานี่แหละที่ฉันยังไม่ได้ติดต่อเขาเลยจนกระทั่งเกิดเรื่อง ส่วนสาเหตุที่ฉันเลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากยามาดะก็เป็นเพราะฉันเชื่อว่าเขาจะไม่ปฏิเสธ รวมไปถึงฉันเชื่อในศักยภาพของยามาดะกรุ๊ป ยามาดะเป็นทายาทรุ่นต่อไปที่กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้บริหารยามาดะกรุ๊ป ธุรกิจซอฟต์แวร์รายใหญ่ของมารุ นั่นทำให้ฉันรู้ว่าเขาจะต้องมีเส้นสายและมีอิทธิพลพอที่จะสามารถต่อกรกับแบล็กสกอร์เปี้ยนได้ ถึงจะไม่มากจนถึงขั้นมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยในทางธุรกิจ ฉันคิดว่ามันจะต้องมีผลต่อความเกรงใจกันอยู่ในระดับหนึ่งนั่นแหละ “นามิ” “เอ่อ โทษที ฉันแค่กำลังสับสนน่ะ” “ฉันเข้าใจ แต่ก่อนอื่นเลยฉันอยากขอแสดงความเสียใจด้วยเรื่องพี่โยชิดะ” ยามาดะบอกพร้อมกับระบายยิ้มออกมาจางๆ ยามาดะเป็นอีกคนที่คงจะรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างกับฉัน เพราะเขาเองก็รู้จักและสนิทสนมกับพี่โยชิดะ จะว่าไปแล้วเขาน่าจะรู้จักกับพี่โยชิดะก่อนจะได้รู้จักและมาเป็นเพื่อนกับฉันด้วยซ้ำ อย่างที่บอกว่ายามาดะกรุ๊ปเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของมารุ นั่นทำให้ยามาดะรู้จักคนมากมาย รวมไปถึงพี่โยชิดะและกับเสือขาวเองด้วย ซึ่งนอกจากพี่โยชิดะกับยามาดะจะเป็นพันธมิตรกันในเรื่องของธุรกิจแล้ว ก็ยังมีเรื่องส่วนตัวอีกเรื่องที่พี่โยชิดะไว้วางใจยามาดะนั่นก็คือเรื่องของฉัน ยามาดะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าฉันไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของพี่โยชิดะ แต่เป็นเพียงน้องสาวต่างแม่ของเขาเท่านั้น ซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรง แม่ของฉันก็เป็นแค่คู่นอนของคุณพ่อ ใครจะเชื่อว่าความสัมพันธ์เพียงแค่ครั้งเดียวจะทำให้มีฉันเกิดมา มันจึงไม่แปลกที่ฉันจะเป็นแค่ตัวแทนหรือสัญลักษณ์ของความผิดพลาด ซึ่งถ้าไม่ได้ความใจดีของพี่โยชิดะที่ยอมรับและดูแลฉันในฐานะน้องสาว วันนี้ฉันอาจเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าป่านนี้ชีวิตจะเป็นยังไงก็ได้ และเพราะมันเป็นเรื่องของความผิดพลาด พี่โยชิดะจึงต้องการให้เรื่องนี้ถูกเก็บเป็นความลับที่สุด ซึ่งเหตุผลหลักที่พี่โยชิดะย้ำกับฉันเสมอก็คือเขาทำเพราะรักฉัน เขาไม่ต้องการให้คนนอกรู้เรื่องนี้ก็เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับชาติกำเนิดที่แท้จริงของฉัน รวมถึงไม่ต้องการให้คนอื่นคิดว่าฉันไม่เหมาะสมที่จะเป็นรองประธานของเสือขาว ขนาดที่คนของเสือขาวเองส่วนมากก็ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ ซึ่งเรื่องนี้คงต้องยอมรับว่าถ้าไม่ได้ยามาดะช่วยจัดการกับข้อมูลพวกนี้ในฐานข้อมูลให้ ความลับข้อนี้ของฉันอาจถูกเปิดเผยไปตั้งนานแล้วก็ได้ “ขอบใจ” “ช็อกโกแลตร้อนจะเย็นแล้วนะ” ยามาดะบอกแล้วหัวเราะเบาๆ นั่นทำให้ฉันที่มัวแต่นั่งคิดถึงเรื่องราวในอดีตเพลินๆ เพิ่งรู้ว่าช็อกโกแลตร้อนแก้วใหม่ถูกยกมาวางอยู่ตรงหน้าได้สักพักใหญ่แล้ว “ยามาดะ” “ว่าไง” “นายกับไดสึเกะมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนเหรอ” ฉันถามออกไปเบาๆ เพราะไม่แน่ใจว่ายามาดะอยากจะบอกเรื่องนั้นกับฉันรึเปล่า เพราะฉันเองก็ยังไม่ได้อธิบายรายละเอียดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับไดสึเกะให้เขาฟังเหมือนกัน ฉันบอกยามาดะไปแค่ว่าไดสึเกะจะบังคับให้ฉันแต่งงานด้วย เพื่อให้เขาไปช่วยฉันออกมาเท่านั้นเอง ก่อนหน้านี้หลังจากที่ฉันตัดสินใจจะลองหนีอีกครั้ง ฉันก็รอจังหวะที่คนของไดสึเกะจะเดินเข้ามาเพราะฉันมั่นใจว่ายังไงไดสึเกะก็ต้องสั่งให้คนของเขาคอยจับตาดูฉันเอาไว้แน่ๆ ซึ่งมันจริง ฉันจัดการคนของไดสึเกะจนหมดสติ ก่อนจะค้นห้องของเขาจนได้ปืนมาหนึ่งกระบอก ค้นตัวคนของเขาจนได้กุญแจรถที่ทำให้ฉันหนีออกมาได้ รวมไปถึงใช้โทรศัพท์ที่ตกอยู่บนพื้นโทรหายามาดะ ฉันตัดสินใจนัดพบกับยามาดะทั้งที่ตอนนั้นยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะหนีออกมาได้สำเร็จรึเปล่า แต่ที่สุดแล้วก็รอดมาได้ “คนอย่างไอ้ไดสึเกะเป็นมิตรกับใครสิน่าแปลก” ข้อนี้คงจะจริงอย่างที่ยามาดะพูด “สบายใจเถอะน่า ฉันไม่เอาเธอมาเป็นเครื่องมือในการเอาชนะมันหรอก เรื่องของฉันกับมันก็เรื่องนึง เรื่องของเธอกับมันก็อีกเรื่องนึง” ยามาดะอธิบาย ซึ่งฉันสัมผัสได้ว่าเขาไม่โกหกหรอก มันไม่มีเหตุผลเลยที่เขาจะต้องทำแบบนั้น เพราะฉันรู้ดีว่ายามาดะเป็นคนมีเหตุผลและใจดีแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร จะว่าไปแล้วการที่เขาช่วยฉันมามีแต่จะทำให้เขายิ่งเดือดร้อนด้วยซ้ำ “ขอบใจนายมากนะยามาดะ” “คิดมากน่า ฉันว่าตอนนี้ห่วงก็แต่อีกคนดีกว่า ท่าทางมันไม่น่าจะแยกแยะอะไรได้เท่าไหร่” นั่นแหละที่ฉันเองก็เลิกกังวลไม่ได้ คนอย่างไดสึเกะไม่เคยแยกแยะอะไรได้หรอก ยกเว้นเรื่องผลประโยชน์ “ขอโทษอีกทีที่ทำให้นายต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย แต่ตอนนั้นฉันคิดถึงใครไม่ออกแล้วจริงๆ” “ช่างเถอะ ฉันดีใจนะที่อย่างน้อยเธอก็ยังคิดถึงฉันบ้าง ต้องขอบคุณไอ้ไดสึเกะด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่ได้มัน ฉันคงไม่รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว” เหมือนถูกยามาดะตำหนิกลายๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดกับเขายังไงก็ไม่รู้ “โทษที แต่ตอนนั้นฉันมัวแต่ยุ่งๆ น่ะ” ฉันรีบบอก “ฉันจะพูดอะไรได้นอกจากคำว่าช่างมันเถอะเหมือนเดิม เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน เธอจะอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไหร่ก็ได้ หรือจะอยู่ตลอดไปเลยก็ได้นามิ ฉันรับรองว่าไอ้ไดสึเกะไม่มีทางทำอะไรเธอได้แน่” “ฉันไม่รบกวนนายขนาดนั้นหรอก ก็แค่อยากซ่อนตัวสักพัก รอให้ทุกอย่างเงียบลงแล้วฉันจะไป” ฉันบอกยิ้มๆ แต่ยามาดะกลับถอนหายใจแรงเหมือนเขาไม่ได้กำลังคิดเหมือนกันกับฉัน “ขอพูดตรงๆ นะนามิ ฉันว่าเธอเองน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องที่เธอกำลังเผชิญอยู่ มันไม่มีทางเงียบลงไปได้ง่ายๆ แบบที่เธอคิด” เขาจะพูดให้ฉันใจเสียทำไมกันนะ “บอกฉันได้มั้ยว่าทำไมมันถึงอยากแต่งงานกับเธอนัก” ยามาดะถามเบาๆ ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ต้องการจะคาดคั้นหรืออยากรู้เรื่องทั้งหมดเพราะต้องการจะซ้ำเติม แต่เขาต้องการรู้เพื่อที่จะหาทางช่วยฉันต่างหาก และฉันเองก็คิดว่าเขาสมควรจะรู้ เพราะมันอาจช่วยให้เขาระวังตัวได้มากขึ้น “ถ้าเธอไม่สบายใจจะเล่า...” “ก่อนหน้านี้พี่โยชิดะตั้งใจจะจับผู้หญิงของโอยามะไปที่เรือ” “หา!” น้ำเสียงตกใจของยามาดะทำให้ฉันเม้มริมฝีปากแน่น แต่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับสีหน้าท่าทางตกใจของเขา เพราะรู้ดีตั้งแต่แรกว่าเรื่องที่พูดและตัดสินใจทำลงไปมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย “พี่โยชิดะทำแบบนั้นทำไม” ยามาดะรีบถาม ซึ่งคำตอบของฉันก็คือการสบตาเขาแล้วเม้มริมฝีปากแน่นอย่างสำนึกผิด ทำเอายามาดะเป่าลมออกจากปากเสียงดัง “ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเอง” “ไม่อยากจะเชื่อ” นี่คงเป็นอีกเรื่องที่ทำให้ยามาดะตกใจจนฉันเริ่มลังเลว่าควรจะพูดดีรึเปล่า “งั้นก็แปลว่าเรื่องมันคงวนกลับไปเกี่ยวกับไอ้ไดสึเกะสินะ” “อืม ก่อนหน้านี้พี่โยชิดะส่งฉันไปสืบข้อมูลบางอย่างที่แบล็กซิโน และฉันเลือกจะใช้ความสัมพันธ์...ทางร่างกายกับไดสึเกะเพื่อแลกข้อมูลนั้นมา” “นามิ!” ยามาดะร้องเรียกฉันเสียงดังราวกับไม่อยากจะเชื่อ แต่เชื่อเถอะ ฉันทำแบบนั้นจริงๆ ซึ่งเด็กที่ไหนก็รู้ว่าการทำแบบนั้นมันไม่ต่างจากการเล่นกับไฟ “เธอเล่นใหญ่เกินเบอร์ไปแล้วนะ รู้ตัวรึเปล่า” ยามาดะตำหนิพลางทิ้งตัวลงกับพนักพิงของโซฟา สายตาที่เขาจ้องมองมาที่ฉันเหมือนคนที่กำลังสับสน และฉันเดาว่าเขาคงสับสนเรื่องที่จะช่วยฉันต่อ หรือจะพาฉันกลับไปส่งคืนให้ไดสึเกะแน่ๆ ก่อนหน้านี้เขาคงไม่คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับไดสึเกะมันจะเลยเถิดไปถึงขั้นนั้นแล้วจริงๆ อย่างที่ไดสึเกะประกาศ แต่ฉันเองก็ไม่คิดว่าการที่แค่มีความสัมพันธ์ทางกายด้วยกันแต่ไร้หัวใจ มันจะต้องแปลว่าฉันเป็นผู้หญิงของเขานี่นา “ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดจะเล่น” ฉันสารภาพต่ออย่างไม่อาย นั่นทำให้สีหน้าของยามาดะเรียบตึงขึ้นในทันที “ตรงกันข้ามอีกฝ่ายที่จริงจังกับเรื่องเล่นมาตั้งแต่แรก หลอกจนฉันตายใจสนิท แถมยังมารู้ทีหลังว่าเขามีเจ้าของหัวใจแล้ว” “ใคร ฉันไม่ยักรู้ว่าไอ้ไดสึเกะมันมีผู้หญิงมาก่อน” ยามาดะรีบถาม “เด็กผู้หญิงที่ชื่อริโกะน่ะ ตอนแรกที่รู้ฉันโกรธยัยนั่นแทบบ้า พอรู้ว่าพี่โยชิดะมีแผนจะล้มโอยามะ ฉันก็เลยตัดสินใจร่วมมือเพราะต้องการจะกำจัดยัยเด็กนั่นด้วย แต่สุดท้ายแล้วทั้งหมดก็ยังเป็นแค่คำโกหกของไดสึเกะอยู่ดี เขาแค่อ้างชื่อยัยเด็กนั่นขึ้นมาเพื่อตีตัวออกห่างจากฉันเท่านั้น เพราะแท้ที่จริงแล้วยัยเด็กนั่นเป็นผู้หญิงของคิราวะ” ฉันเล่าทุกอย่างออกไปอย่างไม่คิดจะปิดบังยามาดะเลยแม้แต่น้อย และถ้าเขาจะมองว่าฉันผิด ฉันก็พร้อมจะยอมรับ “ถ้าเรื่องทั้งหมดที่ฉันเล่ามามันทำให้นายลำบากใจ ฉัน...” “ฉันไม่ได้ลำบากใจที่จะช่วยเธอเลยนามิ” ยามาดะบอกพร้อมกับเอื้อมมือมากุมมือของฉันเอาไว้แล้วบีบเบาๆ อย่างต้องการจะให้กำลังใจ ฉันรับรู้ได้ถึงความจริงใจของเขา เพราะแบบนี้เราถึงยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอ เขารู้ทุกอย่างแม้แต่เรื่องที่ฉันไม่ควรจะเป็นรองประธานเสือขาวด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะรังเกียจฉันเลย “โอยามะต้องการให้ฉันกับไดสึเกะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยการแต่งงานกัน” “แล้วทำไม...” ยามาดะถามไม่จบประโยค เพราะเขาเองก็คงไม่อยากจะทำให้ฉันรู้สึกลำบากใจ “ฉันยินดีจะรับผิดชอบยามาดะ ฉันพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขในสิ่งที่ฉันทำลงไป ยกเว้นการแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น เขาไม่ได้รักฉัน มิหนำซ้ำยังพยายามทำทุกทางเพื่อไล่ฉันออกจากชีวิตของเขามาตั้งแต่ต้น เขาทำให้ฉันเป็นบ้า ทำอะไรเลวร้ายไปตั้งหลายอย่างจนสุดท้ายก็ต้องสูญเสียพี่โยชิดะไป” ฉันพรั่งพรูออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มันเหมือนกับว่าเขาคือคนเดียวที่ฉันสามารถจะพูดทุกอย่างที่มันอัดอั้นอยู่ในอกออกไปได้ ฉันถึงได้ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ระบายทุกอย่างใส่เขาได้เลย “เท่าที่ฉันดู ฉันว่ามันเองก็เหมือนจะไม่ได้รังเกียจเธอนะนามิ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ปล่อยให้เธอหนีมากับฉันเพียงเพราะเธอขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย” “ก็จริงนั่นแหละ ที่ไดสึเกะยอมเพราะเขาไม่กล้าพอจะปล่อยให้ฉันเป็นอะไรไป แต่สาเหตุก็เพราะฉันคือผลประโยชน์ที่เขาต้องรักษา นายก็รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่โอยามะต้องการให้ฉันแต่งงานกับไดสึเกะมันคืออะไร” ฉันพูดพลางเหยียดยิ้ม เหตุผลเดียวที่ฉันรู้ว่ามันทำให้ไดสึเกะยอมทุกอย่างเพื่อไม่ให้ฉันเป็นอะไรไป ซึ่งมันเหมือนจะเป็นการปกป้องฉัน แต่แท้ที่จริงแล้วก็เพราะฉันคือผลประโยชน์ของเขาที่อยู่ในรูปแบบของสิ่งมีชีวิต “แบล็กสกอร์เปี้ยนต้องการเสือขาว” นั่นแหละคือความต้องการที่แท้จริงของพวกแบล็กสกอร์เปี้ยน นั่นแหละความจริงที่เจ็บปวดที่มันคอยทิ่มแทงหัวใจของฉันมาตลอด ความจริงที่เขาบอกว่าเขาไม่เคยรักฉันเลย มันยังไม่ทำให้รู้สึกทรมานเท่ากับตอนที่เขาแกล้งทำเป็นรักฉันเลยสักนิด “ฉันเข้าใจแล้ว” ยามาดะส่งผ่านกำลังใจมาให้ฉันด้วยการบีบมือฉันเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ฟังที่ดี รวมไปถึงการที่ได้อธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นเพราะอย่างน้อยฉันก็ไม่มีอะไรปิดบังเขาอีกแล้ว “นามิ” “ฉันรู้ว่ามันยากแต่...” “การจะต่อกรกับองค์กรใหญ่ขนาดนั้นมันไม่ใช่แค่ยากนะนามิ แต่มันยากมากๆ และยิ่งการที่เธอจะรอให้เรื่องเงียบลงไปเอง มันยิ่งไม่มีทางเป็นได้ มีแต่ยิ่งเงียบยิ่งอันตราย” ยามาดะเตือนสติ ซึ่งฉันเองก็เข้าใจดีถึงสิ่งที่เขาเตือน “ฉันรู้ เพียงแต่ฉันไม่อยากทำให้นายต้องเดือดร้อนไปมากกว่านี้อีกแล้ว ขอฉันอยู่ที่นี่แค่ไม่นาน ถ้าฉันหาทางออกได้เมื่อไหร่ ฉันจะไปทันที” ฉันยืนยันอย่างนั้น แต่สีหน้าของยามาดะกลับยังไม่สู้ดีนัก แววตาของเขาฉายแววกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ฉันขอนายมากไปใช่มั้ย” “ไม่ใช่แบบนั้นเลยนามิ บอกแล้วไงว่าฉันยินดีช่วยเธอเสมอ แต่ทางออกของปัญหาที่เธอเผชิญอยู่ มันมีอยู่แค่สองทาง” สองทางเหรอ ทำไมฉันถึงมองไม่เห็นทางออกเลยสักทางนะ “ทางแรกก็คือทำตามเงื่อนไขของพวกมัน” “ไม่มีทาง” ฉันรีบบอก ถ้าฉันจะยอมทำตามเงื่อนไขนั้น ฉันจะพยายามหนีออกมาทำไม “ฟังฉันนะนามิ จะว่าไปแล้วเราทุกคนก็เหมือนกัน ยามาดะกรุ๊ป แบล็กสกอร์เปี้ยน หรือแม้แต่จะเสือขาวเองก็ตาม ไม่มีใครขาวสะอาด เสือขาวเองก็ไม่ได้ต่างจากแบล็กสกอร์เปี้ยนที่กว่าจะยิ่งใหญ่ได้ก็ต้องผ่านการแลกเปลี่ยนเพื่อการเติบโตกันมาทั้งนั้น และถ้ามองในแง่ดี ฉันว่ามันจะเป็นผลดีกับเสือขาวเอง เพราะในช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังจะต้องเปลี่ยนมือแบบนี้ยิ่งอันตราย ยิ่งเธอเป็นผู้หญิงด้วย ฉันว่า...” “ฉันไม่มีทางยอมให้เสือขาวตกเป็นของแบล็กสกอร์เปี้ยนเด็ดขาด” ฉันรีบบอกเมื่อรู้ดีว่ายามาดะต้องการอะไร จริงอยู่ว่าการยึดผลประโยชน์ของเสือขาวเป็นหลักเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และถ้าจะมองมุมนั้น วิธีนี้ที่ยามาดะพูดถึงก็คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ฉันกลับไม่คิดแบบนั้น และต่อให้ยามาดะจะยกเหตุผลขึ้นมาอ้างอีกสักร้อยข้อและทุกข้อเป็นความจริงฉันก็จะไม่มีทางยอม ถึงก่อนหน้านี้เรื่องที่พี่โยชิดะเองก็ต้องการจะให้ฉันแต่งงานกับไดสึเกะด้วยเหตุผลเรื่องผลประโยชน์อยู่แล้ว แต่ตอนนั้นพี่โยชิดะยังอยู่ และเขาต้องการเพียงใช้ความแข็งแกร่งของแบล็กสกอร์เปี้ยนเป็นใบเบิกทางให้เสือขาวยิ่งใหญ่ขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งมันต่างจากตอนนี้ที่เขาไม่อยู่แล้ว การที่พวกแบล็กสกอร์เปี้ยนต้องการเสือขาว มันไม่ใช่เพื่อทำให้เสือขาวแข็งแกร่งหรือยิ่งใหญ่ขึ้น แต่มันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงต่างหาก จะมีใครที่ไหนอยากเห็นคนอื่นยิ่งใหญ่ไปกว่าตัวเองล่ะ ฉันไม่มีทางหลงกลคนพวกนั้นเด็ดขาด พวกมันก็แค่จะสร้างภาพให้ตัวเองดูดีด้วยการยืมมือฉันทำลายเสือขาวด้วยตัวเองเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้นก็เหลืออีกแค่ทางออกเดียว คือถ้าหนีแล้ว ก็ต้องไปให้สุด” ยามาดะพูดพลางถอนหายใจ “ฉัน…” “แต่การจะหนีคนอย่างไอ้ไดสึเกะมันไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่างเรื่องนี้เธอทำคนเดียวไม่ได้” “ตอนนี้ยังพอมีคนของเสือขาวที่ฉันไว้ใจได้อยู่คนหนึ่ง” “แล้วเขาอยู่ที่ไหน” ตั้งแต่ที่คุยกับยามาดะมา คำถามนี้ของเขาตอบยากที่สุดเลย “อยู่กับไดสึเกะ” ฟู่~ ยามาดะพ่นลมหายใจออกทางปากเบาๆ ซึ่งนั่นทำให้ฉันรู้สึกใจฝ่อสนิท ก่อนที่ฉันจะหนีออกมา เรื่องเดียวที่ฉันหนักใจก็คือเรื่องของชินจินี่แหละ แต่ฉันจะยอมปล่อยให้ไดสึเกะใช้ชินจิต่อรองกับฉันทุกครั้งต่อไปไม่ได้ และคิดว่าชินจิเองก็คงคิดไม่ต่างกัน ถ้าเขารู้ว่าฉันหนีออกมาได้แล้ว ฉันเชื่อว่าการที่เขาจะหนีเอาตัวรอดออกมาโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกับฉันมันจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า “แปลว่าตอนนี้คนของเสือขาวอยู่ภายใต้ความควบคุมของแบล็กสกอร์เปี้ยนทั้งหมดแล้วสินะ” ต่อให้อยากจะปฏิเสธเท่าไหร่ฉันก็ทำไม่ได้หรอก และถึงจะไม่มีการยืนยันด้วยหลักฐานหรือแม้แต่ยังไม่เห็นกับตา ฉันก็เดาได้จากภาพที่เห็นว่าคนของแบล็กสกอร์เปี้ยนตรึงกำลังอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ของเสือขาวอย่างแน่นหนาในคืนนั้นแล้ว “ถ้าอย่างนั้นก็เหลืออีกคนเดียวที่ช่วยเธอได้” “ใคร” “ฉัน” ยามาดะพูดพลางสบตาฉันนิ่งๆ คำพูดเดียวของเขาทำให้ฉันรู้สึกใจหายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ไม่ได้หรอก” “ทำไม ไม่เชื่อใจฉันเหรอ” “ไม่ใช่แบบนั้นนะยามาดะ แต่ฉันไม่อยากทำให้นายเดือดร้อนมากไปกว่านี้อีกแล้ว” ฉันรีบบอก ยามาดะส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่เขาจะปล่อยมือฉันที่เขากุมเอาไว้ได้สักพักหนึ่งแล้วออก จากนั้นเขาก็ลุกออกไป เหมือนตั้งใจจะเดินไปหยิบอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะที่บริเวณมุมห้องแล้วเดินกลับมานั่งลงที่เดิม เขายื่นส่งซองสีแดงมาให้ และเพียงแค่เห็นตราสัญลักษณ์บนซอง ฉันก็รู้สึกว่าลำคอแห้งผากขึ้นมากะทันหัน “ฉันได้รับมาเมื่ออาทิตย์ก่อน เปิดดูสิ” ยามาดะบอกเบาๆ ก่อนที่เขาจะจับมือฉันขึ้นมาเพื่อรับเอาซองนั้นที่เขาพยายามจะยื่นให้มาถือเอาไว้ ซึ่งเมื่อปฏิเสธไม่ได้ ฉันก็ต้องเปิดซองนั้นแล้วดึงการ์ดด้านในออกมานั่นแหละ “ฉันได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงที่แบล็กซิโนที่จะจัดขึ้นในวัน...พรุ่งนี้” “งานเลี้ยงอะไร” ฉันรีบถาม จำได้ว่าในคืนที่เกิดเรื่อง ก็เป็นคืนที่แบล็กซิโนเองจัดงานเลี้ยงขึ้นด้วยเหมือนกัน และมันเพิ่งจะผ่านมาได้ไม่ถึงเดือนนี่เอง “ไม่รู้สิ ในการ์ดไม่ได้บอกรายละเอียดว่างานเลี้ยงอะไร บอกแค่วัน เวลา สถานที่ แล้วก็เชิญเฉพาะแขกคนสำคัญเท่านั้น” ยามาดะพูดพลางเบะริมฝีปากนิดหน่อยราวกับว่าเขาเองก็กำลังรู้สึกว่ามันแปลก “นายว่ามันจะใช่รึเปล่า” “ไม่เห็นต้องเดาเลยนามิ ก่อนหน้านี้ฉันเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร เชิญมาก็ไปตามมารยาท แต่เพิ่งคิดได้เมื่อกี้นี้เองว่าพวกแบล็กสกอร์เปี้ยนไม่เคยทำอะไรโดยไม่หวังผล” พูดจบยามาดะก็แค่นหัวเราะเบาๆ “พวกมันคงตั้งใจจะใช้งานนี้ประกาศเรื่องการแต่งงานของเธอกับไดสึเกะ” “แล้วแบบนี้จะทำยังไง” ฉันหลุดปากออกไปโดยไม่ตั้งใจ ถ้าการจัดงานเลี้ยงนั้นขึ้นมาเพื่อประกาศเรื่องการแต่งงานของฉันกับไดสึเกะ แต่ตอนนี้ฉันไม่อยู่แล้ว มันต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะทำให้ยามาดะเดือดร้อนหนักกว่าที่คิดเอาไว้ “งานเลี้ยงที่แจกการ์ดไปแล้วยังไงก็ต้องจัด เพราะยังไงซะก็คงไม่มีใครรู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของการจัดงานคืออะไร และถ้าเธอจะหนี นี่ก็เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุด” ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่ยามาดะกำลังพูดเลยสักนิด “เธอต้องไปงานเลี้ยงนี้กับฉัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม