ตอนที่1

2173 คำ
ตอนที่ 1 การพบกันคราแรก สามเดือนก่อน ค่ำคืนพายุลมกระโชกแรงในฤดูร้อนช่วงต้นเดือนเมษายน พายุฤดูร้อนในปีนี้แปรปรวนหนักกว่าทุกปีทำให้เกิดพายุฝนพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก ท้องฟ้าสีเพลิงเปร่งประกายแสงแลบวาบพร้อมกับเสียงครึกโครมสนั่นหวั่นไหว ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผมสีขาวดุจเกร็ดหิมะมัดหางม้าสภาพเปียกโชกโอบอุ้มมนุษย์สาวแรกแย้ม ทั่วร่างเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบดินโคลนผสมคราบเลือดเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ “ไปตามหมอประจำตระกูลมา” ฟาร์อูล นายน้อยใหญ่ตระกูลเอนส์เวิร์ธหันไปบอกมือขวาคนสนิท “ผมตามมาแล้วครับอีกสักเดี๋ยวคงถึง” อัวริโต้ก้มโค้งท่าทีสงบเสงี่ยม เขาสังเกตุมองมนุษย์สาวผู้นี้ที่นายน้อยเป็นคนช่วยชีวิต อายุอานามไม่น่าเกินยี่สิบต้นทว่าความสวยสะดุดตากลับโดดเด่นมีออร่าเกินกว่าใคร ร่างกายเธอมีกลิ่นอายของนายน้อยฟาร์อูล นายน้อยคงไม่ได้เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นแวมไพร์ ฝ่าฝืนกฎของตระกูลหรอกนะ... “นายน้อยครับผมมีคำถาม” “ว่าไง” “ทำไมนายน้อยถึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอฝืนชะตาชีวิตมนุษย์ ตระกูลของเราเคร่งครัดกฎข้อนี้มากนะครับ ขืนนายท่านและนายหญิงรู้เข้านายน้อยจะไม่ถูกลงโทษหรอครับ” มือขวาคนสนิทมีสีหน้าลำบากใจไม่น้อยกับการตัดสินใจของผู้เป็นนายในครั้งนี้ “เธอเป็นคนของตระกูลเราแล้วอัวริโต้ เธอดื่มเลือดของฉันแล้ว ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้” ดวงตาสีนิลทอดมองหญิงสาวด้วยแววตาอบอุ่น เขาเองก็ไม่รู้ทำไม เขาถึงได้รู้สึกเอ็นดูเธอ หากแต่ความรู้สึกนี้เป็นเพียงความรู้สึกหวังดีที่ไม่ใช่ความรู้สึกฉันชู้สาวก็เท่านั้นเอง “ผมเกรงว่ามันจะมีผลกระทบตามมาทีหลัง” “ฉันเป็นคนเริ่มย่อมยอมรับผลที่ตามมา ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก เธอน่าสงสารนะ...ต่อไปนี้เธอจะอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะน้องสาวบุญธรรมของฉัน” ฟาร์อูลเปล่งเสียงหนักแน่น ประกาศก้องให้ทุกคนภายในบ้านรับรู้โดยทั่วกัน หมอประจำตระกูลเดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมอุปกรณ์การรักษา พลางสอดส่องว่าใครเป็นอะไรจึงปลุกเขาตื่นขึ้นมากลางดึกเช่นนี้ “ขออภัยที่รบกวนเวลาพักผ่อนครับลุงโจ” ฟาร์อูลก้มโค้งท่าทีนอบน้อมแสดงความจริงใจต่อผู้อาวุโสของตระกูล “ใครเป็นอะไรล่ะหืม?” โจนาธาน หมอประจำตระกูลเอนส์เวิร์ธ ลูกพี่ลูกน้องของนายท่านมาร์โคล “น้องสาวบุญธรรมของผมเองครับ รบกวนช่วยรักษาให้หน่อยนะครับ” “น้องสาวบุญธรรม?” “ครับ ไว้ผมค่อยเล่ารายละเอียดให้ฟังทีหลังนะครับ” “อืม...” โจนาธานแวมไพร์สายรักษาลงมือตรวจเช็คอาการของสาวน้อยแรกแย้มตรงหน้า คิ้วหนาขมวดสลับมองพ่อหลานชายตัวดี แวมไพร์วัยกลางคนส่ายหน้ารู้สึกหนักใจ ดูท่าหลานชายของเขาจะก่อเรื่องเข้าแล้ว “อาการของเธอปลอดภัยดีผลพวงมาจากการใช้เลือดแวมไพร์บริสุทธิ์แปรเปลี่ยนสภาพร่างกายมนุษย์ให้เป็นแวมไพร์ อธิบายมาสิว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร” ผู้เป็นลุงเอ่ยถามหลานชายน้ำเสียงวิตกกังวล เขาทราบดีถึงกฎเกณฑ์ปฏิบัติของตระกูล “ผมบังเอิญเจอเธอประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตคาที่” “เอ็งก็เลยหอบลูกสาวชาวบ้านมาแล้วเปลี่ยนเขาให้เป็นแวมไพร์อย่างนั้นรึฟาร์อูล แล้วเรื่องศพพ่อแม่เธอล่ะจัดการอย่างไร” หลานชายคนนี้อยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัว คอยดูเถอะปัญหาที่ตามมาเป็นพรวนยาวยิ่งกว่าขบวนรถไฟเสียอีก “เรื่องนั้นผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับลุงโจ” “ไปเอาใครก็ไม่รู้เข้ามาในตระกูลสุ่มสี่สุ่มห้า นิสัยใจคอเป็นอย่างไรเราก็ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าแค่เห็นว่าสวยก็จับเข้ามานะฟาร์อูล” โจนาธานตักเตือนด้วยความเป็นห่วง ด้วยนิสัยโผงผางของลูกพี่ลูกน้องของเขา หากรู้เรื่องเข้าคงเอ็ดตะโรจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ “ลุงเห็นผมเป็นสมภารกินไก่วัดหรอครับ ผมเอ็นดูเธอในฐานะน้องสาวจริงๆ” ฟาร์อูลยืนยันหนักแน่น “เอาเถอะเรียนผูกก็ต้องรู้จักเรียนแก้ เธอฟื้นขึ้นมาก็สอนวิธีขั้นพื้นฐานให้เธอปรับตัวใช้ชีวิตประจำวันให้ได้ก็แล้วกัน ลุงไปล่ะ” “เดี๋ยวผมไปส่งครับลุง” “ไม่ต้องหรอกแค่นี้เอง” “ขอบคุณมากนะครับลุงโจ ขออภัยที่รบกวนเวลานอนอีกครั้งครับ” “......” มือหนายกสะบัดทีนึงแทนคำตอบ หญิงสาวหลังจากฟื้นตื่นลุกขึ้นมาด้วยความงุนงง เธอลืมตาตื่นนอนขึ้นมาในบ้านของใครก็ไม่ทราบ ท่าทีระแวดระวังภัยของเธอเสมือนกระต่ายน้อยตัวเล็กคอยหลบซ่อนจากภยันตราย ความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบคือเธอและครอบครัวกำลังเดินทางกลับบ้าน ขณะพายุฝนเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย บดบังทัศนียภาพการขับรถ หลังฉลองงานเกษียณของผู้เป็นบิดา โครมม!! เสียงรถยนต์เสียการทรงตัวกระแทกอัดก็อปปี้ต้นไม้ใหญ่ริมทาง เสียงในหูอื้ออึ้ง ร่างกายเจ็บแปลบก่อนจะชาไปทั่วร่าง หยาดเลือดไหลรินลงมาจนดวงตาพร่ามัว ก่อนลมหายใจในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตจะดับสิ้น เธอเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งหยิบยื่นหนทางรอดให้เธอด้วยแววตาอบอุ่น “เธอชื่ออะไร” น้ำเสียงอ่อนนุ่มเอ่ยถามเธอฉุดเธอตื่นจากภวังค์ “ดะ...ดารินทร์ค่ะ” “ฉันฟาร์อูล เรียกพี่ฟาร์อูลก็ได้ ขอแสดงความเสียใจเรื่องพ่อแม่ของเธอด้วย เธอมีญาติพี่น้องที่ไหนอีกหรือเปล่า?” “......” เธอส่ายหน้าเล็กน้อย “เดี๋ยวฉันจะเป็นธุระจัดการเรื่องพิธีศพของพ่อแม่เธอ เธออยากไปร่วมงานไหม?” “อยากค่ะ” ดวงตากลมโตน้ำตาคลอเบ้าพยายามสะกัดกลั้นไม่ให้ไหลรินล่วงหล่นลงมา พ่อแม่คือครอบครัวเพียงสองคนที่เธอมีอยู่บนโลกนี้ สิ้นพวกท่านทั้งสองแล้วเธอรู้สึกเคว้งคว้างหาทางออกไม่เจอ “เดี๋ยวเราไปกัน” “ไม่เป็นไรยังมีฉันอยู่ต่อไปนี้เธอคือน้องสาวของฉัน ไม่ต้องกลัวอะไร...” เขาอ่านสีหน้าของเธอออก เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าอยู่บนโลกใบนี้เพียงคนเดียว มือหนาวางลงบนศรีษระเล็ก เขาลูบผมหนายาวสลวยราวกับต้องการปลอบประโลม “......” เธอใจชื้นอยู่บ้าง อย่างน้อยเธอก็ยังพอโชคดีเจอคนจิตใจดีคอยอุปถัมภ์ เธอจะไม่มีวันลืมบุญคุณของเขาเลย หลังพิธีฌาปนกิจร่างบิดามารดาเธอต้องเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตประจำวันในฐานะแวมไพร์ โดยมีอาหลิน สาวใช้แวมไพร์ที่คอยบอกและสอนเธอในสิ่งที่ควรจะรู้ เธอให้ความสนอกสนใจเป็นอย่างมาก ข้อแรกเลยที่เธอทึ่งคือแวมไพร์สามารถเดินกลางแดดได้ ไม่เหมือนในนิทานที่เธอเคยฟังมา เพียงแต่ว่าหากแดดจ้าจนเกินไปจะทำให้เลือดกำเดาไหลได้ ข้อสองแวมไพร์สามารถดื่มเลือดจากแก้วได้โดยไม่ต้องไปกระซวกขย้ำคอใคร เธอค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ข้อสามแวมไพร์สามารถดื่มเลือดแวมไพร์ด้วยกันเองได้ แต่ไม่สามารถรับรสชาติอาหารทั่วไปของมนุษย์ได้ ข้อสี่แวมไพร์สามารถสมสู่กับมนุษย์ได้แต่ไม่สามารถมีลูกร่วมกันได้ เนื่องจากเป็นกฎของตระกูลเพื่อคงรักษาสายเลือดบริสุทธิ์ ข้อห้าแวมไพร์มีสามสาย 1.สายปกครอง 2.สายรักษา 3.สายต่อสู้ แวมไพร์ทุกตนมีพลังจิตแตกต่างกันไปตามฐานะของตนเอง ส่วนเธอนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองคือสายไหน ข้อที่หกห้ามเปิดเผยสถานะของตนเองต่อหน้ามนุษย์ ห้ามเข่นฆ่ามนุษย์ตามมติสัญญาลงนามมนุษย์และแวมไพร์ “กฎเยอะแยะเต็มไปหมดเลยอาหลิน” ดารินทร์บ่นพึมพำเสียงอู้อี้ในลำคอ “เธอเป็นเลือดผสมตนเดียวในตระกูลย่อมต้องเคร่งครัดเรื่องกฎ จะได้ไม่มีใครมาตราหน้าเธอให้เสียถึงนายฟาร์อูลได้” อาหลิน สาวใช้คนสนิทของเธอเอ่ย “อืมเข้าใจแล้ว” “เอ้ะ...” อาหลินชะงักชั่วครู่ก่อนมองเธอด้วยสีหน้าไม่สู้ดี กระแสจิตแข็งกร้าวส่งเรียกตามเนื้อความของผู้ส่ง “นายน้อยราอูลเรียกเธอเข้าพบ” “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?” นายน้อยราอูลเธอพอได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาบ้างแล้ว เขาคือน้องชายฝาแฝดพี่ฟาร์อูลผู้ชอบเก็บตัวเงียบขรึม ไม่สุงสิงกับใคร จะว่าไปเธอก็ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาเขามาก่อน “เธอซวยแล้วนะสิดารินทร์” อาหลินกรอกตาไปมา ไม่รู้จะช่วยหญิงสาวตรงหน้าอย่างไร “คงไม่มีอะไรหรอกมั้งอาหลิน ฉันควรจะไปทำความรู้จักกับนายน้อยราอูลบ้างตามมารยาท” “อย่าโลกสวย นายน้อยราอูลนะดุจะตายไปไม่เหมือนนายน้อยฟาร์อูลสักนิด เดี๋ยวเธอจะเข้าใจรีบไปอย่าให้นายน้อยรอนาน” “จ๊ะอาหลิน ฉันจะรีบกลับมานะ” “พระเจ้าคุ้มครองนะดารินทร์!” “เธอทำตัวตลกนะอาหลิน คิก..คิก” หญิงสาวไม่รู้ชะตากรรมของตนเองจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา ขณะที่อาหลินลอบกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ เธออดเป็นห่วงดารินทร์ไม่ได้จริงๆ ภายในห้องทำงานสีดำทะมึนปราศจากแม่สีอื่นคุมโทน ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับพี่ฟาร์อูลของเธอราวกับเป็นคนเดียวกัน หากแต่ทรงผมของเขานั้นเสยขึ้นลุคคุณชาย ขณะทรงผมของพี่ฟาร์อูลนั้นไว้ยาวมัดรวบสไตล์ผู้ชายเซอร์ เขานั่งไขว้ห้างเอนกายพิงพนักเก้าอี้ตัวโปรด “นายน้อยเรียกดารินทร์มาพบมีอะไรให้รับใช้หรอคะ” หญิงสาวสอดประสานฝ่ามือวางด้านหน้า ใบหน้าสวยก้มมองต่ำไม่กล้าอาจสบตาชายหนุ่ม “ฉันนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ใครอนุญาตให้เธอยืนค่ำหัวผู้ใหญ่ไม่มีมารยาท!” ร่างสูงตะคอกใส่เธอเสียงดัง ร่างเล็กสะดุ้งโหยงสุดแรง “ขอโทษค่ะนายน้อย ดารินทร์ไม่รู้ความ นายน้อยโปรดให้อภัย” เธอคุกเข่าย่อลงกับพื้น ก้มหน้างุดรู้สึกกลัวจับใจ “ก็แค่อยากเห็นพวกเลือดสกปรกที่ไอ้ฟาร์อูลมันรับเลี้ยงก็เท่านั้น” น้ำเสียงเย้ยหยันเอ่ยกระทบเธออย่างดูถูกดูแคลน “......” ดารินทร์หน้าชา ไม่คิดว่าเธอจะถูกต้อนรับด้วยคำพูดเหล่านี้ “ทำไมเงียบล่ะมันแทงใจดำอย่างนั้นหรอ? คิดจะจับไอ้ฟาร์อูลหวังตำแหน่งนายหญิงของตระกูลสินะ ฉันรังเกียจพวกผู้หญิงที่ใช้ร่างกายเข้าแลก!” “นายน้อยเข้าใจผิดแล้วค่ะ ระหว่างเราสองคนเป็นแค่พี่น้องกันจริงๆ” “ฉันไม่ได้ยินคลานเข่าเข้ามาพูดใกล้ๆ ให้ฉันได้ยิน” ราอูลออกคำสั่งด้วยสีหน้าเงียบขรึม ดวงตาคมเฉียบมองหญิงสาวที่กำลังก้มหน้างุดตรงหน้า “......” ร่างบางลังเลใจไม่กล้าเข้าใกล้ ก่อนจะทำทีแข็งใจคลานเข่าเข้าใกล้เขา กลิ่นอายจากกายแกร่งทำเธออกสั่นขวัญแขวน เธอเว้นระยะห่างจากเขาไม่มากนักแต่ก็ใกล้พอที่จะลอบมองร่างสูง “พูดอีกที” “เราสองคนเป็นเพียงพี่น้องที่หวังดีต่อกันจริงๆค่ะ ไม่มีอะไรแอบแฝง นายน้อยอย่าได้กังวลไปเลยนะคะ” “อ๋อ...จะหมายความว่าไม่ได้เป็นนายหญิงก็ไม่เป็นไรถึงอย่างไรก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวของนายน้อยตระกูลเอนส์เวิร์ธอยู่ดี เธอฉลาดดีนะ” รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมยกยิ้มบริเวณมุมปาก มองจ้องหญิงสาวตรงหน้าเขม็ง “นายน้อยเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนะคะ ดารินทร์ต้องทำยังไงนายน้อยถึงจะเชื่อคะ” “ไม่ต้องทำไงหรอกแต่ต่อไปนี้ฉันจะทำให้เธอไม่มีความสุขในบ้านหลังนี้ จนต้องเป็นฝ่ายเก็บข้าวของออกไป” สุรเสียงเข้มแข็งกล่าววาจาเฉือดเฉือนเธอ เขาไม่มีทางยอมให้พวกเลือดสกปรกมาเกาะตระกูลเขาแบบมีความสุขหน้าตาย “......” เธอเงียบฟังวาจาบาดหูด้วยท่าทีสงบนิ่ง พูดไปเขาก็ไม่ยอมรับฟังอยู่ดี “หึ...คิดจริงๆหรอว่าฉันจะรับเธอเข้ามาเป็นคนในตระกูล พวกเลือดสกปรกคู่ควรแล้วหรอ” ซ่าา! แก้วชาน้ำร้อนไอระอุถูกสาดปะทะร่างบางจนเนื้อตัวบวมแดง ดารินทร์รีบสะบัดหยดน้ำร้อนออกจากร่างพัลวัน ผู้ชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจยิ่งนักถึงกับทำร้ายผู้หญิงได้ลงคอ “ไอ้ราอูล!” บานประตูไม้สักถูกเตะออกพร้อมน้ำเสียงเดือดดาลตะคอกดังกึกก้อง ใบหน้าหล่อเหลาตึงเครียดขบกรามสันจนเส้นเลือดปูด “วิ่งโร่มาปกป้องเชียวนะ” ราอูแสยะยิ้มมองฮีโร่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม