บทที่ 3.2 - การตัดสินใจ & อดีตร้ายที่หวนกลับคืน (เพื่อนที่ดีที่สุด) (จบตอน)

1144 คำ
เหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตมันลอยกลับเข้ามาในโสตประสาท เรื่องราวที่ฉันเคยคิดว่าลืมไปแล้ว ภาพความทรงจำอันเลวร้ายที่เคยทำร้ายให้ตายทั้งเป็น มันกำลังฉายซ้ำให้เห็นอีกครั้ง มันชัดเจนทุกขณะจิต ย้ำเตือนให้ฉันรู้ว่าไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนฉันก็ไม่เคยลืมมันได้เลย เจ็บ เจ็บปวดเหลือเกิน “พอสักทีไอรีน!” คนข้างตัวตะคอกเสียงดัง “แกจะไปนึกถึงมันอีกทำไม แกจะไปจำมันอีกทำไม!” “ต้องจำสิ ฉันต้องจำ!” ฉันตะคอกกลับทั้งน้ำตา เป็นอีกครั้งที่ฉันเสียงดังใส่น้ำใสในรอบหลายปีมานี้ “อะ ไอรีน…” น้ำใสพอเห็นว่าคนตรงหน้าฟิวส์ขาดก็ทำให้เธอถึงกับตกใจไม่น้อย มือบางค่อยๆ เลื่อนไปสัมผัสไหล่ของเพื่อนรัก ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งก้มหน้าร้องไห้กับฝ่ามือของตัวเอง “ไอรีน” น้ำใสไม่มีคำพูดอะไรจะเอื้อนเอ่ย เห็นเพื่อนร้องไห้ปานจะขาดใจแบบนี้ไม่ใช่ว่าเธอไม่เจ็บนะ เธอเองก็เจ็บไม่แพ้ไอรีนเช่นกัน! “ฉันไม่เคยนอนหลับได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ฉันไม่เคยหลับลงเลย ฮือๆ” ฉันพูดไปร้องไห้ไป “ทุกครั้งที่ฉันหลับตาลงทีไหร่ ฉันก็จะเห็นแต่ภาพๆ นั้น เห็นแต่ความเจ็บปวดในอดีต” ถ้าการมีชีวิตอยู่แล้วมันต้องทรมานแบบนี้ ทำไมพระเจ้าไม่ให้ฉันตายๆ ไปซะเลยนะ ฉันจะได้ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องรับรู้อะไรทั้งสิ้น “ในเมื่ออดีตมันเจ็บ แกก็อย่าเอาตัวเองเข้าไปเฉียดใกล้มันสิ เรื่องของผู้ชายคนนั้นมันคือปัญหาของเขาไม่ใช่ของเรา แกต้องเลือกชีวิตของแกนะไอรีน น้องเขาก็ปล่อยให้เขาจัดการไปเองเถอะ ยังไงซะเรามันก็คนนอก ไม่มีทางช่วยอะไรได้มากอยู่แล้ว” น้ำใสพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฉันคล้อยตาม จริงอยู่ที่มันไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ในฐานะที่ฉันเคยผ่านเรื่องราวอันเลวร้ายมาก่อน มันทำให้ฉันทนอยู่เฉยไม่ได้ โดยที่ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย เรื่องราวของผู้ชายคนนั้นเหมือนหนังม้วนเก่าที่เอามาฉายซ้ำ “แต่เขาบอกว่าฉันเป็นคนเดียวที่จะช่วยน้องเขาได้” ฉันเงยหน้าพูดเสียงเครือ “เขาอาจจะแค่พูดเพื่อให้แกเห็นใจเขาก็ได้นะ ลองคิดดูสิ เขาทำงานบริษัทฯ ใหญ่โตชื่อดังขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะไม่มีเงินสำรองหรือทางเลือกอะไรไว้สำหรับน้องของเขา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ” “คืออะไร” ฉันรีบถามเมื่อเห็นยัยน้ำใสเงียบไป “เรื่องน้องสาว ผู้ชายคนนั้นโกหกแก” “แกคิดมากไปหรือเปล่า เรื่องความเป็นความตายแบบนี้คงไม่มีใครเขาเอามาล้อเล่นกันหรอก” ฉันว่าพลางส่ายหน้า เรื่องแบบนี้โบร่ำโบราณเขาถือกันนักเชียว ไม่มีคนไทยคนไหนเอามาล้อเล่นเป็นของสนุกปากหรอก “แกสิคิดน้อย” น้ำใสขึ้นเสียง ก่อนจะเอ่ยต่อ “เรื่องแบบนี้แหละที่เขาชอบเอามาใช้หลอกลวงคนอื่น คิดดูสิ ว่ามันจะมีเรื่องไหนที่ทำให้คนสงสารได้เท่ากับเรื่องพวกนี้ จริงไหม” น้ำใสถามกลับ ฉันเงียบหลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่เพื่อนพูด ความจริงมันก็แอบน่าคิดนะ “เพราะฉะนั้นก็เลิกใส่ใจเรื่องของผู้ชายคนนั้นได้แล้ว อย่าคิดอะไรให้ปวดสมองเลย ฉันว่านะแกน่าจะ…” “ฉันจะไปถ่ายโฆษณาที่ Hi Magazine” “ดีแล้วที่แกคิดได้น่ะ หะ หา! มะ เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ พูดอีกทีสิ” น้ำใสรีบทวนถามเสียงลั่น เธอภาวนาให้สิ่งที่ได้ยินแว่วๆ เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ลมพัดผ่าน ไม่ใช่ความจริง “ฉันบอกว่า ฉันจะไปถ่ายโฆษณาที่ Hi Magazine” ฉันพูดอีกครั้ง และคราวนี้มันก็หนักแน่นมากกว่าเดิม ยัยน้ำใสอ้าปากค้างมองฉันด้วยสายตาแบบไม่อยากเชื่อ “ยัยไอรีน! นี่หล่อนบ้าหรือบ้าหะ!” คนตรงหน้าลุกขึ้นยืนเท้าเอวด่าฉัน หากยัยนี่ลองเปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันว่า ‘หล่อน’ ขึ้นมาเมื่อไหร่ รู้ไว้เลยว่าฉันกำลังโดนหมายหัว “ที่ฉันพูดมาทั้งหมดแกไม่เข้าใจเลยหรือไง ฉันพูดๆ จนน้ำลายแตกฟองขนาดนี้แกยังจะดื้อไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเขาอีก โอ๊ย จะบ้าตาย!” น้ำใสกุมขมับทั้งสองข้าง ท่าทางโมโหไม่น้อย “แต่ฉันมาลองคิดดู ไหนๆ ก็มีโอกาสเดินเข้ามาหาแล้ว ถ้าไม่ลองคว้าไว้ก็คงเสียดายแย่สิ” ฉันพูดพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น มองคนตรงหน้าดวงตาเป็นประกาย “แกเคยบอกฉันเองไม่ใช่เหรอ ว่าคนเราเกิดมาทั้งทีควรใช้ชีวิตให้คุ้มน่ะ” ฉันหยิบยกเอาประเด็นคำพูดที่ยัยน้ำใสเคยบอกกับฉันเมื่อครั้งนานมาแล้วเข้ามาเสริมทับ คนถูกย้อนหันมาทำตาดุใส่ทันที “ไม่ต้องมาย้อนเลยนะ มันคนละประเด็นกันเหอะ” “คนละประเด็นตรงไหนอ่า ฉันก็เห็นมันเป็นประเด็นเดียวกัน” ฉันเถียงเบาๆ “ไอรีน!” น้ำใสเสียงดัง “จ๋า” ฉันรีบขานรับเสียงหวานพร้อมรอยยิ้ม “แกไม่ได้อยากใช้ชีวิตให้มันคุ้มหรอก แต่แกอยากช่วยผู้ชายคนนั้นต่างหาก” น้ำใสดักคออย่างรู้ทัน จับทางกันได้แบบนี้ฉันก็คงต้องยอมรับความจริงแล้วล่ะ “มันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยๆ ก็ได้ช่วยเหลือคนพร้อมกับได้ลองอะไรใหม่ๆ ด้วยไง ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัวแหน่ะ” “แกแน่ใจนะ ว่าจะไม่รู้สึกอึดอัดทีหลัง” น้ำใสหรี่ตามอง ฉันรีบพยักหน้ารัวๆ “แน่ใจๆ ตอนนี้อยากลองทำดูน่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้าง “ถ้าแกมั่นใจและยืนยันขนาดนี้ ฉันก็คงขัดอะไรแกไม่ได้ นอกจากคอยอยู่ข้างๆ แก คอยให้กำลังใจแกเหมือนที่ผ่านมา” น้ำใสร่ายยาวพลางกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความดีใจทำให้ฉันโผเข้ากอดเพื่อนรักเต็มแรง จนร่างเล็กบอบบางของยัยนี่แทบถลาตกโซฟา “ขอบใจแกมากน้ำใส แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยจริงๆ” ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยทอดทิ้งฉัน น้ำใสไม่ได้สักแต่พูด แต่ยัยนี่อยู่เคียงข้างฉันมาโดยตลอด ตั้งแต่อดีต… จนถึงปัจจุบัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม