I’ m blue
เลิกงานแล้วครับแต่ผมยังไม่อยากกลับบ้าน
ผ่านมาสองวันแต่อาการผมยังไม่ต่างจากเดิมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยากจะทำอะไรโง่ๆ ดูบ้างสักครั้ง นั่งดื่มคนเดียวโดยมีกับแกล้มเป็นรูปคู่ที่เซฟอยู่ในมือถือ ผมมักนั่งดูรูปนี้บ่อยๆ แถมเมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับส่วนหนึ่งก็มาจากความรู้สึกในใจแต่อีกส่วนหนึ่งก็มาจากข้อความของไอ้เมฆ
‘ว่างๆ กินข้าวกันนะ’
มันชวนผมเหมือนจะไม่คิดอะไรบริสุทธิ์ใจแบบคนเป็นเพื่อนกัน
แต่ผมนั้น…
อาการยังไม่ต่างจากเดิมเมื่อไหร่ผมจะผ่านมันไปได้สักที
บ้าแน่ๆ …
ยิ่งไปเจอมันผมยิ่งเจ็บทุกอย่างที่ลบๆ ลืมๆ ไปก็เก็บเอากลับมาคิดใหม่
หน่วงในใจ…
ทรมานแบบที่หาคำบรรยายให้กับความรู้สึกตัวเองไม่ได้เหมือนหาเรื่องใส่ตัวให้มันมาสะกิดรอยแผลเก่าใกล้หายให้ตกสะเก็ดใหม่อีกครั้ง
เพลงในร้านเปลี่ยนจังหวะจากสนุกเป็นเศร้าเล่นเอาน้ำตาผมไหลเมื่อตั้งใจฟัง ปาดน้ำตาทิ้งรู้สึกว่าตัวเองต้องหาที่พึ่งพิงสักคน ยกเหล้าในมือดื่มจนไม่เหลือสักหยดกลับเข้าสู่โหมดดราม่าร้อยเปอร์เซ็นต์ เพลงยิ่งเศร้าผมก็ยิ่งกรอกเหล้าเข้าปากนั่งปาดน้ำตาเหงาๆ อยู่คนเดียว
ใช่…
ผมต้องคุยกับใครสักคนก่อนจะอึดอัดมากไปกว่านี้
ไอ้หมง…
เพื่อนคนเดียวที่คิดได้ในตอนนี้ก็คือมัน ผู้ร่วมชะตากรรมคราบน้ำตาของผมเมื่อคืนก่อนผมกดมือถือหาเพื่อน
‘ฮัลโหล’ มันรับสายครับแต่ทำไมวันนี้เสียงเข้มจังวะ
“ไอ้หมง…” ผมเรียกมันเสียงอ้อแอ้มือก็ปาดน้ำตาที่แม่งเสือกไหลออกมาไม่หยุด หงุดหงิดกับทุกอย่าง
ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย…
‘นี่นาย! …’ ปลายสายยังเสียงเข้ม
“กูไม่ไหวว่ะ! ...แม่งแย่กว่าเก่าอีก” ผมปาดน้ำตา
‘นายเป็นอะไร! ...อยู่ที่ไหนบอกฉันมา!’
“กูกำลังจะกลับบ้าน…แต่มาแวะหาอะไรดื่มนิดหน่อยกูไม่อยากกลับบ้านไปเจอไอ้คินตอนนี้กูไม่พร้อมจะปั้นหน้าใส่มัน กูกลัวมันจะรู้สึก… ฟังดูเหมือนโง่น่ะเว่ย… แต่มึงว่ากูกลับไปคบมันดีมั้ย? กูรู้สึกว่ากูอ่อนแอ…แม่ง! ...ไม่ไหวแล้วว่ะ”
‘อยู่ไหน! ...จะไปเดี๋ยวนี้’
“มึงจะมาเหรอ? ...ร้านxxxแถวบ้านกูเนี่ย…”
‘รออยู่นั่นห้ามไปไหนนะ!’
“เออ…ดุจังวะอย่างกับบอสกูแน่ะ…” ผมวางสายหันไปหยิบแก้วเหล้ามาดื่ม
ผมวางสายจากเคทัตไปแล้ว…
รีบเดินเข้าห้องแต่งตัวเลือกชุดง่ายๆ ที่จะออกจากบ้านได้ให้เร็วที่สุด
เด็กฝึกงานผมเมาครับ
และดูเหมือนเขาจะโทรผิดผมไม่รู้ว่าใครคือหมงใครคือคินและใครคือมันรู้แต่ว่าอาการของเคทัตนั้นคือคนกำลัง
อกหัก… นี่สินะเหตุผลที่มาทำงานสายเมื่อวานคงไปเมาที่ไหนสักแห่งแล้วก็โทรเรียกเพื่อนแบบนี้ยอมรับว่าเป็นกังวลกับอาการอกหักของเขา
ไม่คิดว่าคนที่นิ่งและมีความรับผิดชอบสูงอย่างเคทัตก็ยังจะเป็นแบบนั้น
เขาเป็นนักศึกษาฝึกงานที่มีศักยภาพสูงสุดเท่าที่ผมเคยรับเข้ามา เรียกได้ว่าทำงานผู้ช่วยได้ดีกว่าพนักงานคนเก่าที่ผมไล่ออกไปเสียอีก เคทัตดูจะละเอียดรอบคอบและใจเย็น เป็นเด็กฉลาดที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
จอดรถหน้าร้านเดินเข้ามาในร้านเล็กๆ ที่เล่นดนตรีสดได้น่าฟัง สายตาก็กำลังมองหาลูกน้องของผม
นั่นไง…
เคทัต…
ผมมองเขาที่นั่งเลื้อยๆ ไหลๆ อยู่หน้าบาร์ดูเหมือนว่าเขาจะอินกับเพลงมากกว่าทุกคน จนนักดนตรีบนเวทียังเอ่ยแซว
คนที่อินร้องตามดังสุดในร้านคือลูกน้องผมเอง
น่าอายจริงๆ!
ผมเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากเขาก่อนเป็นอย่างแรก
“หุบปากเคทัต!” ผมสั่งเขาหันมามองผมสีหน้าดูตกใจ
อะไรกัน!
เห็นผมนี่ทำหน้าอย่างกับเห็นผี
“บอส!” เขาพูดเมื่อปัดมือผมออก
“กลับ!” ผมฉุดแขนเขาให้ลุกขึ้น
“บอส…มาได้ไงครับ”
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้เคทัต!” ผมเริ่มหงุดหงิด
“ไม่!” เขาสะบัดมือผมออกแถมยังมองผมเหมือนคนโดนขัดใจ
“นี่นาย!”
“ผมรอเพื่อน!” เขาตอบพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
“พอแล้ว! ...นายเมาแล้วเคทัต!”
“ใช่ไง! ...ผมอยากเมา…” เขามองแก้วสีอำพันด้วยแววตาที่เศร้าลง
จากที่ตั้งใจจะมาพาเขากลับก็กลายเป็นว่าผมคงต้องนั่งเป็นเพื่อนเขาแทน
ไล่มองสำรวจไปตามใบหน้าที่แดงอย่างเห็นได้ชัดแถมยังขัดใจกับเสื้อนักศึกษาที่เขาปลดกระดุมลงมาหลายเม็ดจนแทบจะเห็นหัวนมอยู่แล้ว ไหนจะเน็คไทย้วยๆ เบี้ยวๆ นั่นอีก
อาการหนักสินะ…
ใบหน้าเขาหมองเศร้าต่างจากคนเมื่อเช้าที่ผมเจอ ขอบตาแดงบวมช้ำซึ่งก็คงจะเสียน้ำตาไปบ้างไม่งั้นคนไม่ร้องตามเพลงอกหักเสียงดังขนาดนี้นี่มันไม่ใช่เคทัตที่ผมรู้จักสักนิด
“นายอายุเท่าไหร่แล้วเคทัตเรื่องแค่นี้จะร้องไห้ทำไม?" ผมโพล่งออกไปเมื่อเห็นน้ำตาเขาไหลอีกครั้ง
“บอสเคยอกหักมั้ยครับ…” เขาหันมามองผมทั้งน้ำตา “ผมน่ะ…ผม…”
“พอ! ...เลิกร้อง!” ผมห้ามพร้อมกับบังคับให้เขาดื่มเหล้าในมือให้หมดแก้ว ไม่ชอบจะเห็นความอ่อนแอของใครทั้งนั้น
“ผม…ลืมมันไม่ได้…ทำยังไงก็ไม่ลืม…”
“หล่อรึไง!” ผมประชด
รู้ครับว่าเคทัตเป็นเกย์และผมก็เช่นกันถ้าเขาตั้งใจมองผมสักนิดก็จะรู้ว่าเราเหมือนกันไม่ใช่จะมาเชียร์ผมกับเน็ตไอดอลคนนั้นอย่างที่เขาทำหรือเขานั้นอาจจะรู้อยู่แล้วถึงได้รักษาระยะห่างจนบางครั้งก็ทำให้ผมหงุดหงิด
“ไม่ใช่…” เขาส่ายหน้า “ชีวิตผมแม่งโคตรดราม่า…”
“ก็เล่ามาฉันยินดีรับฟัง…”
“…”
“อะไร? ...ทำไมมองฉันแบบนั้น”
“บอส…เป็นคนดีจังเลยครับ” เขายิ้ม
“นี่นายเห็นฉันเป็นคนเลวมาตลอดงั้นเหรอ!”
“บอสดุครับ…ดุมาก…” เขาหลบตา
“นี่ไม่ใช่เวลางาน…คิดซะว่าฉันเป็นพี่ของนาย”
“ได้เหรอครับ?”
“ก็แค่วันนี้…ที่นายเมา!”
“ขอบคุณครับ…” เขายิ้ม
“จะเล่าได้รึยัง…”
“ไม่ครับ…มันเป็นปัญหาของผมเองใจผมเองที่ตัดไม่ได้ทั้งๆ ที่…เราได้กลับมาเป็นเพื่อนกัน แต่บอสรู้มั้ยครับว่ามันโคตรยากเลย…ผมยังคิดว่ามันเป็นเพื่อนไม่ได้” เคทัตยิ้มเศร้า
“ก็ไม่ต้องเป็น! ...นายก็ห่างออกมา”
“ผมอยากเจอหน้ามัน!”
“นายกำลังทำฉันหงุดหงิดนะเคทัต!”
“เหรอครับ…” เขายิ้ม “บอสกลับได้นะครับขอบคุณมากจริงๆ ที่รับฟังผม”
“นายไล่ฉันเหรอ?”
“เปล่านะครับผมแค่เกรงใจ”
“งั้นนายก็ดื่มของนายไปฉันจะนั่งตรงนี้!”
ผมคิดผิดครับที่พูดคำนั้นออกไป
เพราะผ่านไปเกือบขั่วโมงเคทัตก็เริ่มจะประคองสติไม่ได้ เขาโวยวายร้องเพลงเสียงดังแถมร้องไห้และพยายามจะเดินไปหานักดนตรีที่หน้าเวทีอีกด้วย
“หุบปากเคทัต!” ผมรีบเอามือปิดปากเขาพร้อมกับมองคนในร้านที่หันมามองยิ้มๆ “กลับเดี๋ยวนี้!” ผมลากและดึงเขาออกมา
“ปะ…ปล่อยยย!” เขาสลัดตัวออกจากมือผมแต่เซล้มลงไปนั่งกับพื้น
“นี่นาย!” ผมหงุดหงิดเดินเข้าไปดึงแขนเขาให้ลุกขึ้น “บ้านนายอยู่ไหนฉันไปส่ง”
“ผมรอเพื่อนน…” เขาปัดมือผมออก
“ป่านนี้แล้วเพื่อนนายไม่มาหรอก” ผมตอบพร้อมกับจ้องหน้าที่ออกจะแดงระเรื่อจากฤทธิ์สุรา
“บะ…บอสรู้ได้งายไอ้หมงมันต้องมาาา…” เข้ามองผมตาปรือ
“กลับ!!!”
“ไม่กลับ! ...แม่ง!!!” เขาโวยวาย
“แม่ง? ...กับใคร!” ผมหันไปจ้องเขาอย่างเอาเรื่องเคทัตยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะยกมือไหว้ผม
ผมทั้งลากทั้งดึงทั้งดันจนเราเดินมาหน้าร้านได้สำเร็จ
“ปล่อยย! ...กลับเอง…” เขาเริ่มดื้อ
“นายเมาขับกลับไม่ไหวหรอก!”
” โผมม…จาโทรหาน้องงง…” พูดจบเคทัตก็ล้วงมือถือออกมาเขาหรี่ตามองหน้าจอแต่ก็เอาแต่สไลท์ไปสไลท์มาเหมือนหาชื่อน้องตัวเองไม่เจอ
นายอย่าเมาอีกนะเคทัต!
ผมเริ่มหงุดหงิดไม่รู้ว่าวันนี้จะหาชื่อน้องตัวเองเจอมั้ย ยิ่งมองผมก็ยิ่งอึดอัดรำคาญใจ
“เอามานี่!” ผมแย่งมือถือมา “น้องนายชื่ออะไร!”
“คินครับ…คิน” เคทัตยิ้มอายๆ
ผมจับแขนเขาไว้กลัวว่าจะล้มลงไปอีกรอบมืออีกข้างก็สไลท์หาชื่อคินตามที่เขาบอก
ต่อสายไม่นานก็รับ
‘พี่เค’
“ผมบอยนะเป็นเจ้านายพี่ชายคุณ”
‘ครับๆ …เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับพี่เคเป็นอะไร’
“เมา! ...” ผมตอบและตวัดสายตาลงมามองคนต้นเรื่อง
‘กูไม่อยากกลับบ้านไปเจอไอ้คินตอนนี้กูไม่พร้อมจะปั้นหน้าใส่มัน กูกลัวมันจะรู้สึก…’
คำพูดของเคทัตวนกลับเข้ามาในความคิดผม
‘อยู่ไหนครับผมจะรีบไป’
“ไม่เป็นไรผมแค่บอกคุณไว้กลัวจะเป็นห่วงผมจะดูเขาให้เอง”
‘ไม่รบกวนครับผมไปรับพี่เคเองบอกมาได้เลยครับ’
“ไม่รบกวน…ถ้าจะรบกวนก็ช่วยส่งโลเคชั่นบ้านคุณมาทีผมจะให้คนขับรถเอารถไปส่งให้” ผมวางสายเก็บมือถือเคทัตลงกระเป๋าตัวเองและออกแรงลากเขามาที่รถผม
เปิดประตูจับเคทัตที่เริ่มงัวเงียเข้าไปนั่งในรถคาดเข็มขัดและเดินกลับไปนั่งประจำที่คนขับก่อนจะขับกลับบ้านตัวเอง
“ปายหนายยย…กลับบ้านน” เขาเริ่มงอแง
“อยู่นิ่งๆ ฉันไปส่ง!”
“อ่อ…ขอบคุณคราบบ” เคทัตยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้ผม
“ทำบ้าอะไรของมึงวะไอ้บอย” ผมถามตัวเองและหันไปมองเคทัต
เขาหลับไปแล้ว…
ถอนหายใจมองคนที่กำลังอ่อนไหวเรื่องหัวใจอย่างสับสน