ตอนที่ 2
เด็กดื้อของอาจารย์
คลาสเรียนที่อาจารย์หนุ่มรูปหล่อเป็นผู้สอนได้รับความสนใจจากนักศึกษาสาว ๆ มากมาย ด้วยอาจารย์พรหมมินทร์ที่เพิ่งมาทำการสอนดูจะดึงดูดความสนใจได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างของชายชาตรีที่ดูสูงสมส่วน ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มประหนึ่งผู้ชายขี้เล่นแสนน่ารัก น้ำเสียงที่ฟังแล้วเพราะหูจนอยากได้กลับไปไว้ที่บ้านสักคน
แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้รับความสนใจจากพิรุณทิพย์แต่น้อย เธอเบื่อเหลือเกินที่จะฟังเพื่อนร่วมคลาสเรียนเยินยอความหล่อเหลาของอาจารย์ท่านนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งจิราเพื่อนสนิทของเธอ รายนี้ก็ดูจะหลงความหล่ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน
“เรน เรนว่าอาจารย์มินทร์เขาจะมีแฟนหรือยัง?” จิราเอ่ยถามระหว่างที่อาจารย์หนุ่มกำลังสอนไปตามเนื้อหา
“จะไปรู้เหรอ! เราไม่เห็นจะอยากรู้เลย” แม่สาวหัวสีชมพูตอบไปตามความรู้สึก เธอยังฝังใจกับครั้งที่เธอต้องเสียหน้าเป็นคนขอโทษ หากวันนั้นเขาไม่ใช่อาจารย์ในรั้วมหา’ลัยนี้ ยังไงเสียเธอก็จะไม่ยอมที่จะขอโทษเขาแน่นอน
“จ้า!! ใครจะไปสู้พี่อาเทอร์ของเรนนี่ได้”
“แน่นอน พี่อาเทอร์ดีที่สุดอยู่แล้ว” เมื่อได้เอ่ยถึงชายรุ่นพี่ที่แอบชอบ หญิงสาวที่หน้ามุ่ยหงุดหงิดก็ดูจะมีความสุขขึ้นมาทันตา แต่เธอคงไม่รู้ว่าอาจารย์หนุ่มรูปหล่อได้เดินมาหยุดที่ข้างกาย กำลังแอบฟังหญิงสาวที่หมายตาอยู่อย่างเงียบ ๆ “จิยังจำได้ปะ ที่พี่อาเทอร์เขาเลี้ยงน้ำพวกเรา เรนยังอยากที่จะเก็บแก้วเอาไว้เลยนะ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ หล่อ น่ารัก และนิสัยดีมาก ไม่เหมือนกับ..”
“ไม่เหมือนกับใครครับ” เป็นพรหมมินทร์ที่เอ่ยถาม
พิรุณทิพย์ถึงกับหน้าถอดสีด้วยเสียงที่ได้ยินดูจะใกล้มาก เธอมองหน้าเพื่อนอย่างจิราก็หันหน้าหนีไปเป็นที่เรียบร้อย เพียงหันมาอีกด้านก็พบเข้ากับอาจารย์หนุ่มผู้มีรอยยิ้มบนใบหน้า
แท้จริงพรหมมินทร์จ้องมองหญิงสาวตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในห้อง คนเดียวที่สายตาจะกวาดมองไปรอบห้องก่อนที่จะบรรจบก็คือแม่สาวหัวสีชมพูคนนี้ นับจากวันแรกที่พบกันจนวันนี้ก็รู้สึกว่าเธอดึงดูดสายตาเสมอ และนี่ก็เป็นช่องว่างและโอกาสที่เขาจะได้พูดคุยกับเธอ
“ว่าไงครับนักศึกษา ไม่เหมือนกับใคร?” คนถามยักคิ้วเล็กน้อยเป็นการบอกว่าตนเองชนะ เขาพอจะดูออกว่าเธอชอบการเอาชนะ และเธอจะได้รู้ว่าเธอคิดผิดที่จะมาเอาชนะคนอย่างเขา
“พูดไปเรื่อย ๆ ค่ะ ไม่ได้เจาะ จง ใคร เป็น พิเศษ”
“.....” คนฟังพยักหน้าเบา ๆ จากบทสนทนาพรหมมินทร์พอจะเดาออกว่าหมายถึงตนเองแน่แท้ “แล้วนักศึกษารู้ไหมครับ ว่ากำลังคุยกันในเวลาที่ผมสอนอยู่”
“ไม่รู้ค่ะ!! เพราะปากพูดแต่หูก็ฟัง!!” พิรุณทิพย์ยังคงไม่ยอมแพ้ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอหูดับนับตั้งแต่พูดถึงเรื่องของอาเทอร์ชายที่แอบชอบแล้ว
“งั้นนักศึกษาลองบอกซิครับ ว่าก่อนหน้านี้ผม พูด ถึง เรื่องอะไร” คนถามเน้นชัดถ้อยชัดคำ
“......” หญิงสาวที่กำลังถูกกวาดต้อนกัดฟันแน่น ตอนนี้เพื่อนหลายสิบคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว จิราที่นั่งข้างกายพยายามจะบอกว่าเธอเองก็ไม่ได้ฟังเหมือนกัน ดังนั้นสถานการณ์นี้เธอจะต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเอง “เรื่อง.. เรื่อง..ความสัมพันธ์ของมนุษย์”
“ไม่ใช่เรื่องพฤติกรรมการแสดงออกเหรอครับ” พรหมมินทร์ยังคงแกล้งต่อ ใบหน้าของหญิงสาวนั้นน่าหยอกเย้าเสียจริง ริมฝีปากเล็กสีชมพูที่เม้มเข้าหากันด้วยความโกรธจนเป็นเส้นตรง ดวงตาคู่สวยและแพขนตาที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบ เธอทั้งสวยและแสบซน
“จะหาเรื่องกันให้ได้ใช่ไหม!” หญิงสาวกัดฟันถามเสียงเบา เธอรู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกกลั่นแกล้ง
“ผมเปล่านะครับ นักศึกษา” พรหมมินทร์เอียงหัวเล็กน้อย เป็นการบอกว่าในห้องนี้มีนักศึกษาเยอะนะ “เอาล่ะครับ เรามาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า อย่าคุยกันอีกนะน้องหัวดอกเห็ด”
“....หึ้ย!! ไอ้อาจารย์บ้า” หญิงสาวอยากจะตะโกนออกไปดัง ๆ เมื่อถูกแกล้งต่อหน้าคนมากมาย เธอทำได้เพียงกำมือแน่นที่ถูกเอาคืนแบบนี้
‘อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะ’
หลังหมดคลาสเรียนพิรุณทิพย์ก็เป็นคนแรกที่จ้ำเท้าออกจากห้อง เธออยากออกไปจะแย่ หากเลือกได้ก็ไม่อยากเห็นหน้าคนกวนประสาทอย่างพรหมมินทร์ จิราที่วิ่งตามหลังอย่างเสียดาย เธออยากจะเข้าไปถามอาจารย์อย่างนักศึกษาคนอื่น ๆ ด้วยมันเป็นโอกาสทองชัด ๆ
“เป็นอะไรเรน รีบเดินออกมาทำไม อาจารย์มินทร์เขาเปิดโอกาสให้ถามสิ่งที่ไม่เข้าใจเลยนะ”
“จิอยากถามก็กลับไปถามสิ เรนเบื่อขี้หน้า เบื่อ ๆ เบื่อ!!” จากน้ำเสียงไม่ต้องคาดเดาเลยว่าเพื่อนหญิงของจิรามีความเบื่อแค่ไหน เธอเบื่อและโกรธจนอยากจะเอาไม้หน้าสามไปฟาดเขาคามือแล้ว
“อะ ๆ งั้นคุยเรื่องอื่น คุยเรื่องไปเล่นน้ำสงกรานต์ดีกว่า อีกไม่กี่วันแล้ว เราไปเล่นที่ไหนดี”
“......” พอคุยเรื่องนี้ทำให้แม่สาวหัวชมพูอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย “เอิ่ม สีลมไหม เดี๋ยวให้พี่ซัมไปส่ง”
“แล้วเราจะไปกันสองคนเหรอ เดี๋ยวเราลองชวนพี่รักษ์ว่าว่างไหม ช่วงนี้เขาดูว่าง ๆ แปลก ๆ” จิราคิด
“เรารู้แล้ว!!” พิรุณทิพย์หยุดเดินเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอมีแผนการบางอย่างที่จะต้องทำ “จิจำพี่ผู้หญิงที่พี่ซัมพาไปกินหมูกระทะได้ปะ ที่ชื่อชลาชลน่ะ”
“จำได้ ทำไมเหรอ”
“เราจะวางแผนให้พี่เขาได้อยู่กันสองต่อสอง บนรถที่ติด บนช่วงเวลาของกันและกัน” แม่สาวหัวชมพูดูจะมีความสุขมาก เธอถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้ และเธอก็อยากจะได้มาเป็นพี่สะใภ้ หากไม่ได้จิรักษ์ก็ขอให้เป็นคนนี้เถอะ “เดี๋ยวเรานัดกันไปเล่นน้ำที่สีลมใช่ปะ ส่วนพี่ชายสุดหล่อของเรนก็จะไปรถติดกับสาว เราจะนั่งรถไปเจอกันที่นั่นเลย เราไปกันสองคนก็ได้ ไปหาเพื่อนเล่นเอาข้างหน้า ตกลงตามนี้นะจิ”
“อ๋อ.. เออ ได้ ๆ” คนเป็นเพื่อนตอบรับแบบงง ๆ
ทั้งสองพูดคุยกันโดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนแอบฟังอยู่ อาจารย์พรหมมินทร์ที่ออกจากห้องสอนแอบเดินตามหลังคนทั้งคู่ เขาแอบหลบข้างเสาทำท่าทางเปิดเอกสารอ่าน แต่ความจริงแล้วเขากำลังจับทางว่าสองคนนี้คุยเรื่องอะไรกัน นินทาตนเองไหม และได้รู้ว่าทั้งคู่นัดกันไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่สีลม
“มีอะไรให้สาวช่วยไหมคะ” อาจารย์สาวิตรีเข้ามาถาม
คนแอบฟังจึงต้องปรับท่าทางและรอยยิ้ม พยายามหาเรื่องคุยก่อนจะเห็นว่าวันนี้อาจารย์สาวิตรีดูจะแต่งตัวมากกว่าทุกวัน “สวัสดีครับ วันนี้แต่งตัวสวยจังนะครับ”
“จิ ผู้ชายสมัยนี้เสเพลว่าไหม!!!” เสียงของแม่สาวหัวชมพูลอยเข้ามาในหัว แน่นอนว่าคนฟังอย่างพรหมมินทร์รู้ตัวว่าเป็นตัวเอง เขายังทำทีเป็นไม่ได้ยินและยังจ้องมองอาจารย์สาวิตรีที่ยิ้มขัดเขิน
“ขอบคุณค่ะ ก็ชุดธรรมดานะคะ”
“ครับ คนสวยใส่อะไรก็สวยแบบนี้แหละครับ” ชายตัวสูงเอ่ยชมตามนิสัย แต่คำพูดแบบนี้จะใช้กับคนทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คนสนิทอย่างจิรักษ์ที่กระทบกระเทียบได้ “วันนี้ไม่มีสอนเหรอครับ”
“มีค่ะ กำลังจะไปสอนเลย แต่เห็นอาจารย์มินทร์เลยเดินเข้ามาทัก”
“อ๋อ.. ครับ ตั้งใจสอนนะครับ”
“ค่ะ... ไปก่อนนะคะ”
ชายหนุ่มอย่างพรหมมินทร์ได้แต่พยักหน้ายิ้ม ๆ เขาเดินแยกออกไปอีกด้านก่อนจะคิดไปถึงคำพูดของพิรุณทิพย์ ‘ผู้ชายสมัยนี้เสเพลว่าไหม’ คำพูดนี้ทำให้เขาส่ายหัวออกมาเบา ๆ ก่อนจะยิ้ม
LINE!!!
จิรักษ์ : ปู่ย่าของไอ้ซัมชอบกินอะไรวะ
พรหมมินทร์อ่านข้อความของเพื่อนก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย หลังจากที่หายไปสองสามวันรอบนั้นก็ดูจะเก็บตัวแปลก ๆ และยังคำถามที่ส่งมาถาม อยากรู้เรื่องของคิมหันต์กลับเอามาถามตน
พรหมมินทร์ : ไมไม่ถามไอ้ซัมวะ
จิรักษ์ : ก็กูอยากถามมึง
พรหมมินทร์ : นี่มึงคิดจะจริงจังกับกูแล้วใช่ไหม ไม่เอาน่า เดี๋ยวฟ้าผ่า
จิรักษ์ : กูอาจอยากฆ่าตัวตาย ถ้าได้มึงทำผัว
พรหมมินทร์ : กูมีดีนะเว้ย
จิรักษ์ : กะล่อน! เอาคำตอบกูมา ปู่ย่าไอ้ซัมน่าจะชอบกินอะไร
พรหมมินทร์ : สงกรานต์ไปเล่นน้ำสีลมกัน
จิรักษ์ : เอาคำตอบกูมาก่อน!!!!
พรหมมินทร์ : ผลไม้ไหม คนแก่ก็น่าจะผลไม้
พรหมมินทร์ : มึงจะเอาไปทำไร แล้วเรื่องเล่นน้ำ ตกลงว่าไง
ไม่อ่าน!
เมื่อได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ เพื่อนหญิงเพียงคนเดียวอย่างจิรักษ์ก็หายไปเลย เรื่องที่จะชวนไปเล่นน้ำสงกรานต์ก็หายเข้ากลีบเมฆ ครั้นจะไปชวนคิมหันต์ก็คิดว่าคงจะไม่ไป รายนั้นหลังจากทำงานเต็มตัวก็จริงจังมากเกิน
LINE!!
จิรา : มาถึงรึยัง เร็ว ๆ สายแล้ว
พิรุณทิพย์อ่านข้อความของเพื่อนขณะเดินกินขนม เธอดูเวลาแล้วว่ายังไงก็ไปทันเข้าเรียนกับอาจารย์ขวัญใจสาว ๆ แน่ หากเลือกได้เธอคงไม่เข้า แต่เพราะเธอเลือกไม่ได้จึงขอเข้าเป็นคนสุดท้ายในเวลาที่เรียกว่าไม่สายก็แล้วกัน
“ไม่รู้จะรีบไปทำไม มองหน้าตานั่นแล้วเรียนเก่งขึ้นหรือไง” พิรุณทิพย์ยกถ้วยขนมที่ถือแล้วร้องต่อว่า ราวกับถ้วยขนมในมือคือใบหน้าของอาจารย์พรหมมินทร์ที่ชอบกวนประสาทเธอทุกวัน “ไม่เห็นจะหล่อเลย ชิ!! สนใจอะไรกันหนักหนา”
“ใครเหรอ..” อาเทอร์เข้ามาถามก่อนที่เขาจะจ้องมองไปยังถ้วยขนมในมือของหญิงสาว เขาไม่ยักเห็นว่ามันจะมีรูปใครที่ทำให้บ่นว่าไม่หล่อ
“พะ..พี่อาเทอร์”
“ใช่ พี่เอง เห็นเรายืนบ่นกับถ้วยขนม เลยเดินเข้ามาดูหน่อย” ชายตัวสูงไม่พูดเปล่าเมื่อเขาเอามือไปอังที่หน้าผาก ตอนนี้ใบหน้าของหญิงสาวใต้ความสูงแดงก่ำเป็นลูกตำลึง หรืออากาศของเดือนเมษายนจะร้อนเกินไป
“อะ..เอ่อ.. เรน” หญิงสาวถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อฝ่ามือของชายที่แอบชอบกำลังอังหน้าผากอยู่
“ตัวก็ไม่ร้อนนะ อากาศมันคงร้อนไป หน้าถึงแดง”
“หน้าแดงเหรอคะ ว้าย” ความรีบผสมกับความเขินทำให้พิรุณทิพย์ไม่ทันระวัง ขนมในถ้วยพลาสติกหกเปื้อนเสื้อนักศึกษาของอาเทอร์ ดีที่เขาหลบทันจึงเปื้อนเล็กน้อย “พี่อาเทอร์เรนขอโทษ”
“ไม่เป็นไร” อาเทอร์จับมือของหญิงสาวที่พยายามจะเอาผ้าเช็ดหน้าสีม่วงมาเช็ดคราบขนม ด้วยเขาเป็นผู้ชายไปล้างเอาก็ได้ ไม่อยากให้ผ้าเช็ดหน้าสวย ๆ ต้องเปื้อน “เรนเปื้อนนิดเดียว เดี๋ยวพี่ไปล้างเอง”
“เรนขอโทษนะ เรนไม่ระวังเลย”
“แค่นี้เอง” อาเทอร์ลูบหัวหญิงสาวตรงหน้าเบา ๆ เขาพอจะดูออกว่าหญิงสาวคิดยังไงกับตน แต่เพราะตนเองมองแค่น้องสาวเท่านั้น เธอเป็นเด็กที่ร่าเริงนับจากวันที่มีกิจกรรมรับน้อง ทั้งท่าเต้น เสียงหัวเราะ เขาอยากมีน้องสาวแบบเธอ
“ขอโทษอีกครั้งนะพี่อาเทอร์ เรนไม่ได้ตั้งใจนะ”
“พี่รู้ แล้วมีเรียนไหมเนี่ย”
“เรียน!!!” คำว่าเรียนทำให้พิรุณทิพย์ตาโตเป็นไข่ห่าน เธอมองนาฬิกาและพบว่าไม่ทันแล้ว “แย่แล้ว เรนไปเรียนก่อนนะ!!”
สองเท้าของเรนนี่สาวเท้าวิ่งอย่างไม่รีรอ เธอตายแน่ วันนี้เธอต้องถูกแกล้งอีกแน่ เพราะเกิดเหตุที่ทำขนมหกใส่อาเทอร์จึงทำให้เวลาที่คำนวณไว้ผิดพลาด และเมื่อเธอวิ่งมาถึงที่หน้าห้องก็พบว่าประตูถูกปิดล็อกไปแล้ว
“เล่นขนาดนี้เลยเหรอไอ้อาจารย์พรหมมินทร์”
หญิงสาวเข็ญเคี้ยวเขี้ยวฟัน เธอมองเข้าไปในกระจกบานใสเห็นชายตัวสูงจ้องมองมายังเธอ เขาเดินมาตรงที่หน้าประตูแต่ไม่ยอมเปิดให้
ปั้ง!!! ปั้ง!!! ปั้ง!!!!
“เปิดประตูนะ บอกให้เปิดประตู” นักศึกษาอย่างพิรุณทิพย์ทั้งทุบประตูและตะโกนเข้าไปในห้อง อาจารย์พรหมมินทร์ที่ดูจะมีความสุขยิ่งนัก
มากไปกว่านั้นคือพรหมมินทร์แกล้งเอามือป้องหู ขยับปากว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด ใบหน้าก็ยังเปื้อนยิ้มที่วันนี้หญิงสาวถูกเขาแกล้งอีกแล้ว คนที่ตะโกนนอกประตูหมั่นไส้จึงทุบประตูตำแหน่งที่หูของเขาอยู่ใกล้อย่างดัง
ปั้ง!!! ปั้ง!!! ปั้ง!!!!
‘แสบจริง ๆ แม่หัวเห็ด’ พรหมมินทร์ได้แต่คิดในใจ เขายอมที่จะเปิดประตูต้อนรับนักศึกษาที่มาสายจนได้ เขากลัวว่าเธอจะตะโกนด่าเขาจนคอแห้งไปเสียก่อน
“มาช้าแค่ไม่กี่นาทีอาจารย์ต้องทำแบบนี้เลยเหรอ คะ” แม้จะอยากต่อว่ามากกว่านี้ แต่เพราะในห้องนี้มีคนมากมายที่เธอต้องเกรงใจ คำพูดเลยต้องลงท้ายด้วยคำว่าคะอย่างอดไม่ได้
“.......” คนฟังไม่โต้ตอบ เขายกนาฬิกาขึ้นมาดูและพบว่าตอนนี้เลยเวลามา 45 นาทีแล้ว
“ก็...ก็แค่ 45 นาทีเอง”
“แล้วนักศึกษาคิดว่าผิดไหมครับ” คนเอ่ยถามยิ้มกริ่ม
“ผิด แต่ก็มาแล้วไหม อาจารย์จะเอาอะไรอีก คะ”
“เต้นให้ผมดูหน่อย” พรหมมินทร์ไปนั่งประจำเก้าอี้นักศึกษาตัวหนึ่ง เขามองมายังคนที่อยู่ตรงหน้ายิ้ม ๆ ใบหน้าของเธอตอนนี้เหมือนจะตรงมาฆ่าเขากับมือได้แล้ว
“ก็ได้!! เพลงล่ะ” เรื่องเต้นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว แต่เธอโกรธที่เธอถูกแกล้งอีกจนได้
“เอาเป็นดนตรีในหัวใจละกัน เชิญครับ”
‘ไอ้อาจารย์บ้า ฉันอยากจะฆ่าแก!!!’ หญิงสาวได้แต่คิดในใจ สุดท้ายแล้วเธอก็ยอมเต้นพร้อมกับร้องเพลงในใจ มีเพื่อนหัวเราะและช่วยกันปรบมือเป็นจังหวะ เจ็บใจมากไปกว่านั้นเมื่ออาจารย์ที่สั่งให้เธอเต้นยกโทรศัพท์มาถ่ายวิดีโอ