๙
คืนทรงจำ
ในที่สุดเรวัตก็ดื้อแพ่งอยู่ค้างที่บ้านสวนจนได้ โรสรินทร์จำต้องให้แม่บ้านจัดห้องนอนข้างๆ ให้กับชายหนุ่ม แล้วบอกตนเองให้เลิกคิดถึงเขาเสียที
สิบห้านาทีต่อมา ประตูถูกเปิดเข้าไปอย่างเบามือ ทว่าภายในห้องกว้างไร้เงาของเจ้าของห้อง มีเพียงเจ้าหนูน้อยที่นอนสบายอยู่ในเปลเด็กชิดเตียงนอน ร่างสูงก้าวตรงไปหาด้วยจังหวะสม่ำเสมอมั่นคง แล้วหยุดนิ่งชิดเปล ดวงตาคมคายค่อยๆ อ่อนโยนลงยามมองดวงหน้าน้อยๆ ของลูกชายที่หลับปุ๋ยด้วยท่าทางมีความสุข สบายใจ
เจ้าของดวงตาคมกริบเหลียวมองไปยังที่มาของเสียงน้ำไหล เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าแม่ของลูกชายอยู่ที่ไหน ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนเตียงนอนของอดีตเมีย ติดกับเปลของลูกชาย พร้อมกับถือวิสาสะเอนกายนอนตะแคงมองเจ้าตัวอวบนุ่มนิ่ม ปากแดงหน้าอิ่มด้วยสายตาเจือยิ้ม
ยิ่งพิศ เขายิ่งคิดว่าลูกชายเหมือนเขาน้อยไปหน่อย ออกไปทางโรสรินทร์เยอะไป แต่ถึงอย่างไรลูกของเขาน่ารักเหลือเกิน ชายหนุ่มยื่นมือลงไปลูบท่อนแขนเล็กๆ นุ่มนิ่มของคนตัวน้อยที่นอนตะแคงหันมาทางเขา ค่อยๆ สอดปลายนิ้วเข้าไปในอุ้งมือเล็กจิ๋วของลูกชายพร้อมรอยยิ้มละมุน
ภายในห้องน้ำ โรสรินทร์ผูกเชือกเสื้อคลุมเรียบร้อยจึงเปิดประตู ร่างบางก้าวออกมาได้เพียงสามก้าวก็ต้องชะงักกึก หัวใจกระตุกวาบเมื่อพบว่าบนเตียงนอนของหล่อนมีร่างสูงใหญ่ของเรวัตจับจองอยู่บนนั้น มิหนำซ้ำยังหลับปุ๋ยไม่ต่างจากลูกชายของหล่อน หญิงสาวเม้มปากด้วยความโมโห ตรงรี่เข้าไปพร้อมกับเงื้อมือขึ้นหมายฟาดให้หนำใจ แต่เมื่อคิดได้ว่าหากทำเขาตื่นหล่อนนั่นแหละอาจเป็นฝ่ายเสียท่า จึงเปลี่ยนใจ หมุนตัวก้าวตรงไปยังตู้เสื้อผ้า แล้วเปิดออกอย่างเบามือ ทว่าคนที่เพิ่งเคลิ้มหลับก็หูไวเหลือเกิน เขาลืมตามองไปยังที่มาของเสียงทันที เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาขยับปากเตรียมพูด แต่แล้วบางอย่างในความรู้สึกลึกๆ บอกกับเขาให้อยู่เฉยๆ และนอนมองหล่อนนิ่งๆ
ขณะเดียวกันโรสรินทร์ก็ค่อยๆ หยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่อย่างเงียบเชียบ รวดเร็ว แต่ระหว่างที่ใส่เสื้อก็อดระแวงเสียไม่ได้จึงหันไปมองคนบนเตียงเป็นระยะ
เรวัตเองดั่งนกรู้ เมื่อหญิงสาวหันกลับมาเขาก็หลับตาลง พอผ่านไปสักครู่เขาก็ค่อยๆ หรี่ตามอง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเร่งรีบสวมใส่เสื้อผ้าเขาก็ฉวยเวลานั้นแอบมองหล่อนด้วยสายตาที่อ่อนแสงลงโดยที่แม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่รู้ตัวว่าเผลอมองหล่อนด้วยสายตาแบบไหน
ปกติเขาไม่คิดจะมองหญิงสาวให้เสียสายตาหรอก เรวัตบอกตนเองเช่นนั้น แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาจ้องมองหล่อนไม่วางตา ไม่เคยคิดมาก่อนว่าภาพคนใส่เสื้อผ้าจะเป็นภาพที่น่ามอง แต่วินาทีนี้เขากลับรู้สึกต่างออกไป แม้หญิงสาวจะเร่งรีบแต่หล่อนกลับทำอะไรๆ ได้น่าดู ปลีน่องกับแผ่นหลังเนียนเรียบละมุนที่โผล่วับแวมทำให้คนแอบมองรู้สึกหายใจติดขัด จนเขาต้องกะพริบตาไล่ความรู้สึกนึกคิดบ้าๆ บอๆ และหยุดการกระทำราวพวกถ้ำมองของตนลงทันที พอดีกับที่หญิงสาวหันกลับมาเขาจึงแสร้งหลับตาลงอีกครั้ง
โรสรินทร์ยกมือขึ้นเท้าเอวพลางเม้มปากแน่น สูดลมหายใจยาวลึกแล้วตัดสินใจตรงปรี่ไปยังเจ้าของร่างใหญ่โตที่ยึดพื้นที่ของหล่อนไปตั้งครึ่ง เอื้อมมือลงไปเขย่าท่อนขาของเขาอย่างไม่คิดจะออมแรงสักนิด
“นี่คุณ คุณเร อีตาบ้า!!”
คนแกล้งหลับแสร้งหรี่ตาขึ้นราวกับคนที่กำลังงัวเงีย จากนั้นก็ทำท่าชะงักเมื่อสบตาเอาเรื่องของโรสรินทร์
“อะไร” เขาเอ่ยถามเสียงห้วนนิดๆ ราวกับว่าหงุดหงิดเสียเต็มประดาที่ถูกรบกวน
ท่าทางแบบนั้นทำให้หญิงสาวโกรธปรี๊ด
“ยังมีหน้ามาถาม นี่ห้องของฉันนะ คุณอยากจะนอนที่นี่ฉันก็ให้นอน ห้องก็จัดเอาไว้ให้แล้ว เรื่องอะไรมานอนในห้องของฉันไม่ทราบ!”
เรวัตตวัดสายตามองหญิงสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะพลิกตัวนอนหงาย อวดเรือนร่างสูงใหญ่ได้ส่วนน่ามอง แล้วใช้มือทั้งสองข้างสอดรองใต้ศีรษะ ดวงตาคมกริบแต้มยิ้ม ยิ่งเห็นหล่อนโกรธเขายิ่งรู้สึกสนุก นึกอยากจะยั่วอารมณ์คนตรงหน้าขึ้นมา
“ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันอยากอุ้มลูก อยากอยู่กับลูก เพราะงั้น ลูกอยู่ไหน ฉันก็อยู่นั่น”
คำตอบที่ได้รับทำเอาเจ้าของห้องทำท่าอยากจะร้องกรี๊ดออกมาถ้าไม่กลัวว่าจะทำให้ลูกชายตัวน้อยตกใจตื่น
เรวัตกระตุกยิ้มขบขัน ท่าทางของหล่อนคงอยากจะขยุ้มหัวเขาเต็มแก่ แต่ก็คงกลัวเขาจะสวนกลับนั่นแหละ ถึงได้แต่ทำท่าฮึ่มๆ เท่านั้น
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าหล่อนทำร้ายเขา แล้วเขาจะใช้วิธีไหนสวนกลับไปดีล่ะ
สมองคิดหาวิธี แต่สายตากลับกวาดมองหญิงสาวร่างบอบบางในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นสีฟ้าอ่อน ระเรื่อยลงไปยังปลีน่องขาวเนียนเรียวสวยด้วยสายตาอ้อยอิ่ง
วิธีการมองของเขาทำให้หญิงสาวกำมือแน่น พวงแก้มเห่อร้อนวูบวาบ ทั้งโกรธและอายในเวลาเดียวกัน
“อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะ”
คนถูกห้ามไม่ให้มองเลิกคิ้วสูง ริมฝีปากได้รูปสวยหยักยิ้ม
“เธอห้ามช้าไปเปล่า ฉันเห็นเธอจนไม่อยากจะเห็นแล้ว พยานอยู่ในเปลเนี่ย” เขาบุ้ยปากไปที่ลูกน้อย ก่อนหันมาสบตาหล่อนยิ้มๆ “เห็นจนได้เด็กมาคน หรืออยากให้ฉันเตือนความทรงจำ เอาไหมฮึ?”
ท่าทางยียวนกวนประสาทของเขาทำให้หญิงสาวหมดความอดทน กระชากท่อนขาข้างหนึ่งของเขาจนคนที่ไม่ทันตั้งตัวอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่ก็ช้าเกินไปเพราะร่างใหญ่โตของเขาถูกผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวกระชากลากตกเตียงเพียงพริบตา!
“เฮ้ย! โอ๊ย!”
ตุ้บ!! เสียงคนตัวใหญ่หล่นเตียงดังตุ้บ ทำให้คนตัวเล็กในเปลสะดุ้ง หญิงสาวหันขวับไปทางลูกเตรียมโอ๋ แต่กลับถูกคนตัวโตที่พลิกตัวผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวเพียงครั้งเดียวขวางหน้าทันที
“เธอนี่ ร้ายนักนะ!”
หญิงสาวชะงักกึก ถอยหลังไปสามก้าว หน้าซีดลงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายทำท่าคุกคาม
“กลัวหรือไง” เขาเอ่ยถามเสียงเยาะ พลางหันไปมองลูกชายที่หลับลงไปอีกครั้ง ก่อนหันมาสบตาคนตรงหน้าใหม่
“ฉันไม่ได้กลัว” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่บังคับให้เรียบที่สุด ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม ก้าวเท้าเข้าหาคนปากแข็งช้าๆ ขณะที่เจ้าของห้องถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ กระทั่งชนเข้ากับตู้เสื้อผ้าด้านหลัง
กึก!
ร่างเล็กทำท่าผละหนี แต่กลับถูกอีกฝ่ายขยับชิดพร้อมกับกักหล่อนเอาไว้ในอ้อมแขนทั้งสองข้างด้วยการวางมือทั้งคู่ลงทาบไปกับตู้เสื้อผ้า ชิดกับต้นแขนกลมกลึง
หญิงสาวยกมือขึ้นดันอกตึงแน่นของชายหนุ่มทันที พร้อมออกแรงผลักเขา ดวงตายังวาววับยามสบตาอีกฝ่ายที่ทำท่าสนุกกับการกลั่นแกล้งหล่อน
เรวัตกระตุกยิ้ม เขาโน้มใบหน้าลงใกล้แล้วพูด
“คนไม่กลัวทำไมต้องทำตัวสั่น หรือที่จริงแล้วกำลังสั่นสู้” คิ้วสีเข้มเลิกสูง ริมฝีปากยกยิ้ม ดวงตาคมปลาบวาววาม และก่อนที่เขาจะแนบใบหน้าลงมามือเรียวเล็กก็ยกขึ้นดันใบหน้าของเขาออกเต็มแรง แต่คนตั้งใจหาเรื่องหรือจะยอมให้จบลงง่ายๆ เมื่อหญิงสาวทำแบบนั้นเขาก็พลิกใบหน้าหนี แล้วลดมือข้างหนึ่งลงตวัดเอวคอด อีกข้างฉวยกระชับมือเรียวที่พยายามผลักหน้าเขา พร้อมกับเบียดร่างใหญ่โตของตนเองแนบสนิทกับร่างเล็กจนหญิงสาวใจหายวาบ เพราะตลอดร่างถูกเขาบดเบียดลงมาจนไม่มีช่องว่างให้สิ่งใดลอดผ่านได้
“ปล่อยนะ!” หญิงสาวกระซิบเสียงเข้มก่อนพลิกหน้าหนีใบหน้าคมคายของชายหนุ่ม ทำให้ปากและจมูกของเขาฝังลงบนนวลแก้มอ่อนใส ทำเอาคนตัวบางใจหาย ขณะคนที่กำลังสนุกอยู่กับการรุกรานก็เผลอสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากนวลแก้มของอดีตภรรยาเสียเต็มปอด จังหวะนั้นเองที่มีภาพคล้ายกันนี้สว่างวาบเข้ามาในความคิด เขานิ่งอึ้งอยู่ท่านั้น...เป็นนานจนโรสรินทร์ต้องเหลือบตามองคนที่ทำเหมือนถูกสตัฟฟ์
“คุณเร ปล่อยฉันเถอะค่ะ”
เสียงอ่อนหวานของโรสรินทร์ปลุกชายหนุ่มจากภวังค์ เขาขยับตัว แต่เพียงเล็กน้อย ผละหน้าห่างก็เพื่อจะมองหน้าหล่อนให้ชัดๆ อีกครั้ง แววตาที่ไหววาบคู่นั้น ทำให้หัวใจของหญิงสาวกระตุก เพราะมันช่างคล้ายกับแววตาที่เขาเคยใช้มองหล่อนเมื่อวันวาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หล่อนมีความสุขมากที่สุด แต่เพียงเดี๋ยวเดียวแววตาแบบนั้นก็หายไป เหลือเพียงแววตากรุ้มกริ่ม น่าหมั่นไส้ตามเดิม
“เธอคงเหงาสินะ ที่ต้องอยู่แบบนี้”
จู่ๆ เขาก็เอ่ยถาม ทำให้หญิงสาวเริ่มตามเขาไม่ทัน
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เหงา” หญิงสาวใช้มือที่ยังเหลืออีกข้างดันแผงอกของเขาเอาไว้
“เหงาสิ ฉันว่าเธอเหงา คิดถึงฉันอยู่ใช่ไหมล่ะ”
คราวนี้คนตัวเล็กตวัดตาค้อนขวับด้วยความหมั่นไส้
“ค่ะ ฉันคิด” ตอบพลางยิ้มเย็น ขณะที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงก่อนหุบปากทำหน้าบึ้ง
“คิดว่าทำไมฉันต้องมาเจอคนแบบคุณด้วย”
อ้อมแขนที่คลายออกเล็กน้อยรัดแน่นขึ้น พร้อมกับร่างของหล่อนที่ถูกช้อนอุ้มตรงไปยังเตียงกว้างโดยไม่ให้หญิงสาวตั้งตัว
โรสรินทร์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเขาวางหล่อนลงบนกลางเตียงแล้วโถมกายตามลงมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวจึงทั้งทุบทั้งข่วนโดยไม่สนใจว่าเขาจะเจ็บหรือไม่
เรวัตสบถออกมาเบาๆ เขาทับหล่อนเอาไว้ทั้งตัว แล้วกระชับข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้ได้สำเร็จ หญิงสาวจึงถูกเขาตรึงเอาไว้ทั้งร่างบนเตียงกว้างในเวลาต่อมา
ต่างคนต่างสบตากัน ร่างทั้งสองหอบสะท้านเบาๆ กับการออกแรงเมื่อครู่ เรวัตมองตาหญิงสาว แววตาของเขาคล้ายกับว่าเลื่อนลอย แต่เวลาเดียวกันก็รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่
“คุณเร” น้ำเสียงอ่อนหวานกระซิบเรียกชื่ออดีตสามีขณะที่ใบหน้าของเขากำลังโน้มลงมาเรื่อยๆ จวนเจียนที่ริมฝีปากของเขาจะแนบลงมาบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของหล่อน แต่ก่อนที่เขาจะจูบ หญิงสาวก็พลิกใบหน้าหนี ภาพวันที่เขาขอหย่าและพาผู้หญิงอื่นเข้าไปในบ้านทำให้หัวใจดวงน้อยปวดแปลบขึ้นมาทันที หล่อนไม่ลืมวันที่เขาทำหล่อนเจ็บปวดไปทั้งใจ
หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอหน่วยตาคู่งามทำให้คนที่กำลังเผลอใจชะงัก สติที่จมไปกับภาพในอดีตคืนกลับมา เขานิ่งงัน แล้วขยับร่างพลิกกายลงจากหญิงสาว พร้อมกับผุดนั่งนิ่ง ดวงตาสีเข้มมองไปยังตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่พลิกกายลุกขึ้นนั่งและขยับห่างไปริมเตียงทันทีที่เป็นอิสระจากเขา
เรวัตไม่รู้เหมือนกันว่าทำแบบนั้นทำไม เขาไม่เคยคิดจะอยากเข้าใกล้หล่อน โดยเฉพาะการถูกเนื้อต้องตัวยิ่งเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเขา แต่ทันทีที่ได้กอด ได้หอมแก้ม คล้ายกับความรู้สึกส่วนลึกที่หายไปนานค่อยๆ คืนกลับมา พร้อมความทรงจำที่ทำเขาอึ้งงันจนทำตัวไม่ถูก
เขามองหญิงสาวขยับเสื้อ แล้วก้มลงปลอบลูกชายเบาๆ เมื่อเจ้าหนูผวาขึ้น
เกือบห้านาทีให้หลัง เรวัตจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบและทำให้หญิงสาวแปลกใจด้วยประโยคต่อมา
“ขอโทษที่รบกวนนะ” หญิงสาวเงยหน้ามองคนที่เดินมาหยุดอยู่ไม่ห่าง แต่เรวัตกำลังมองลูกชาย ก่อนสบตาหล่อน จากนั้นจึงก้าวออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรอีก เมื่อประตูปิดลง หญิงสาวรีบวิ่งตรงไปพร้อมกดล็อก ก่อนกลับมานั่งมองลูกชายด้วยสายตาหม่นแสง
เวลาเดียวกันเรวัตไม่ได้เข้านอน เขาออกไปยืนอยู่ริมระเบียง ขบคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา คนที่เคยรักและความทรงจำที่ค่อยๆ กลับมาทีละนิด
ชายหนุ่มหันไปมองเบื้องหลังอีกครั้งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสน เพียงอึดใจจึงก้าวลงบันไดไปในที่สุด
เสียงสตาร์ตรถยนต์ดังขึ้น ปลุกคนที่จมอยู่ในความคิดขณะนั่งมองลูกชายรีบเดินไปที่ริมหน้าต่าง เมื่อแหวกม่านออกจึงทันได้เห็นไฟท้ายรถยนต์ของเรวัต
หัวใจของโรสรินทร์ปวดหนึบ ริมฝีปากขบเข้าหากัน หยาดน้ำตาเอ่อคลอ มือเรียวละจากผ้าม่านแล้วหมุนตัวกลับไปนั่งที่เดิมนิ่งนาน ก่อนหลุบตามองลูกชาย เมื่อเห็นดวงหน้าน้อยๆ ที่ละม้ายคล้ายใครอีกคนกำลังหลับพริ้ม ความเจ็บปวดจากการถูกทอดทิ้งจึงค่อยๆ จืดจาง แววตาอ่อนล้าเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน แล้วบอกตนเองว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันดีที่สุดแล้ว