๑
แตกหัก
เมื่อคืนวานเรวัตไม่ได้กลับบ้าน เมื่อกลับมาถึงในช่วงเช้าเขาจึงคาดหวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ทว่าสิ่งที่เห็นกลับเป็นตรงกันข้าม ร้ายไปกว่านั้นมารดาของเขานั่งหน้าตึงรออยู่ที่ห้องรับแขก โดยมีร่างของโรสรินทร์นั่งอยู่ไม่ห่าง ดวงหน้าและแววตาที่มองมาทำท่าราวกับกำลังจะตาย ชายหนุ่มบดกรามแน่น ดวงตาวาวโรจน์ นึกเกลียดขี้หน้าผู้หญิงปลิ้นปล้อนคนนี้เต็มทน
“คุณแม่มาแต่เช้าเลยนะครับ” เขาเอ่ยทักทายแต่ไม่ยอมนั่งลงบนโซฟา ทำให้มารดาที่รอเขามาตั้งแต่เมื่อวานมองนิ่งด้วยแววตาเย็นเยียบ
“ฉันมาตั้งแต่เมื่อวาน แกต่างหากที่กลับเอาเช้า”
เรวัตไหวไหล่ ตวัดตามองไปทางภรรยาด้วยสายตาเย็นชา
“ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำ เธอเตรียมตัวให้พร้อม”
ร่างสูงยังไม่ทันขยับ คุณผกามาศก็โพล่งขึ้นเสียก่อน
“จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น จะต้องไม่มีการหย่าระหว่างแกกับโรส”
ชายหนุ่มชะงักนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะหันกลับไปมองมารดาด้วยสายตาเครียดจัด ทว่าริมฝีปากกระตุกยิ้ม
“คุณแม่ยังจะกล้าพูดกับผมแบบนี้อีกเหรอครับ ที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอ ยังไม่หนำใจเหรอ ทำอะไรไว้สำนึกกันบ้างนะครับ โตๆ กันหมดแล้ว!”
“ตาเร!!”
ชายหนุ่มยืดตัวตรง ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมจัด ดวงตายิ่งร้ายกว่า เขามองไปยังโรสรินทร์ด้วยสายตาชิงชัง ถ้าไม่มีหญิงสาว เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ นี่ก็คงไปยุแหย่มารดาของเขาล่ะสิ ท่านถึงได้เข้าข้างไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้
“ผมเหนื่อยกับเรื่องนี้มามากแล้ว คุณแม่ช่วยอยู่เฉยๆ ให้ผมได้ใช้ชีวิตของตัวเองสักครั้งหนึ่งเถอะครับ”
“แต่แกจะหย่ากับโรส! แล้วพานังนั่นเข้าบ้าน แม่ไม่ยอม”
“ต้องยอม!” เรวัตสวนกลับทันควัน ทำเอามารดาผงะ ร้อยวันพันปีเรวัตไม่เคยตะคอกใส่ท่าน เพียงแค่ได้เห็นสัญญาฉบับนั้นเขาก็เปลี่ยนไป
โรสรินทร์ร้าวไปทั้งอก ยามมองชายหนุ่มสาดคำพูดฟาดฟันกับมารดา ผู้หญิงที่รักเขามากกว่าสิ่งใดในชีวิต เขาไม่อ่อนโยนเหมือนหน้าตาหรอก ใบหน้าสวยหวานแต่ใจดำกระด้างยิ่งกว่าหินผา หญิงสาวได้แต่คิดในใจ
เรวัตสบตาคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตแล้วแสยะยิ้ม
“ทำไม มองฉันมีปัญหามากหรือไง”
หญิงสาวกำมือแน่นอีก ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ดวงตาไม่คลาดจากใบหน้าคมคาย บอกตนเองว่านี่คือใบหน้าของคนที่หล่อนรัก เขาเคยน่ารัก เคยอบอุ่น แต่ตอนนี้ไม่มีอีกต่อไป คนตรงหน้าไม่ใช่คนที่หล่อนรักหรอก เขาเป็นแค่ปีศาจโง่ๆ ตนหนึ่งเท่านั้น
“โรสไม่อยากมีปัญหากับคุณหรอกค่ะ แต่วันนี้โรสอยากบอกอะไรกับคุณสักอย่าง”
เรวัตหรี่ตาลง เขามองคนที่เคยทำตัวอ่อนหวาน น่ารัก ช่างเอาอกเอาใจ ทว่าเวลานี้หล่อนกำลังเปลี่ยนไป หรืออีกทีหล่อนก็ไม่เคยเปลี่ยน เพียงแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา โรสรินทร์พยายามที่จะเป็นคนอื่นเพื่อมาแทนที่ต่างหาก!
“หึ!” เรวัตแสยะยิ้ม “เอาสิ”
โรสรินทร์ยิ้มหยัน นึกสมเพชทั้งเขาและตนเอง
“คุณมันโง่!”
ไม่เพียงแต่เรวัตที่ตกตะลึงกับคำพูดของหญิงสาว แม้แต่คุณผกามาศเองก็ยังไม่อยากเชื่อหู ทว่ายามนี้ท่านกลับรู้สึกไม่ต่างจากลูกสะใภ้นัก ลูกชายท่านมันโง่...
“นี่เธอ กล้าดียังไงมาด่าฉัน” เรวัตถลึงตาใส่คนตัวเล็กตรงหน้า หล่อนคงคิดล่ะสิว่ามีคนช่วย จึงกล้าหือ
โรสรินทร์สบตาเขานิ่ง หล่อนเหนื่อยเต็มทีกับผู้ชายเย่อหยิ่งมั่นใจในตัวเองสูง แต่กลับโง่งั่งยอมให้ผู้หญิงแบบนั้นหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ก็มันจริง คุณมันงี่เง่า คุณแม่กับโรสหวังดีต่อคุณเสมอ พยายามปกป้องคุณจากผู้หญิงคนนั้น แต่คุณกลับไม่ยอมฟัง ยังหลงโง่งมว่าเธอจะรักคุณจริง ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน”
ดวงตาของเรวัตวาววับ ขยับเข้าใกล้หญิงสาว ทำให้คุณผกามาศมองอย่างระมัดระวัง เกรงว่าบุตรชายจะพลั้งเผลอทำร้ายสะใภ้คนโปรดของท่าน ขณะที่โรสรินทร์กลับยืนปักหลักนิ่งไม่ยอมขยับ หลังจากร้องไห้มาตลอดคืน ทบทวนสิ่งต่างๆ ทั้งยังได้กำลังใจจากทุกคน หญิงสาวจึงเข้มแข็งพอที่จะต่อกรกับคนตรงหน้า ในเวลานี้ทั้งสองดูเหมือนเป็นคู่แค้นมากกว่าคนที่เคยใช้ชีวิตหวานชื่นมาระยะหนึ่ง
“คนที่น่าสมเพชไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเธอ ผู้ชายเขาไม่อยากได้ยังจะยัดเยียดตัวเองมาให้ น่าสมเพช!” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมากระซิบบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ขณะที่หญิงสาวนัยน์ตาแดงก่ำ กำมือแน่น “เดี๋ยวไปหย่ากัน”
“ฉันไม่หย่า!” หญิงสาวโต้กลับ จึงได้เห็นดวงตาวาววับของสามี แม้ภายนอกโรสรินทร์จะดูท้าทาย ไม่หวั่นเกรง ทว่าในใจกำลังปวดร้าวกับสิ่งที่ต้องเผชิญ
เรวัตพยักหน้า เขาสบตามารดาและภรรยาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็หมุนตัวขึ้นชั้นบนโดยไม่พูดอะไรอีก ทำให้คนทั้งสองถึงกับผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมกัน
“โรสขอโทษนะคะ ที่พูดว่าคุณเรไปแบบนั้น” เมื่ออยู่กันตามลำพังหญิงสาวก็เอ่ยขออภัยแม่สามี ฝ่ายนั้นส่ายหน้า ดวงตาดูอ่อนล้ากว่าทุกครั้ง
“ช่างมันเถอะ แล้วตาเรก็โง่อย่างที่โรสพูดจริงๆ” ท่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า
“คุณแม่ไม่เป็นไรนะคะ” หญิงสาวกุมมือท่านเอาไว้ พยายามปลอบใจอีกฝ่าย
เรวัตหายไปพักใหญ่ แล้วกลับลงมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ เขาคงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนมาหยุดตรงหน้ามารดาและภรรยาและมองด้วยแววตาแข็งกระด้างไม่ต่างจากเดิม
“ในเมื่อกล้าหน้าด้านอยู่ต่อ ฉันก็จะให้เธออยู่ แต่คงไม่ว่านะ ถ้าฉันจะพาคนที่ฉันอยากให้อยู่เข้ามาอยู่ในบ้านนี้ด้วย”
คำตอบของเรวัตทำให้คนฟังใจหายวาบ
“เรจะทำอะไร แกจะเอานังนั่นเข้าบ้านทั้งที่เมียแกยังอยู่หัวโด่นี่นะ!” คุณผกามาศผุดลุกพรวดพราด ดวงตาถมึงทึง ขณะที่โรสรินทร์ถึงกับหน้าถอดสี ส่วนคนเป็นลูกชายกระตุกยิ้มด้วยความสะใจ
“ก็ในเมื่อคนหนึ่งไม่ยอมให้หย่า อีกคนก็หน้าด้านอยู่ ก็อยู่กันไปแบบนี้ ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทน!!”
พูดจบ ร่างสูงใหญ่ของเรวัตก็ก้าวออกจากบ้าน
“ตาเร ตาเรกลับมานะ ตาเร!!” คุณผกามาศกรีดเสียงร้องเรียกลูกชาย เนื้อตัวสั่นเทา มือไม้เย็นเยียบ
“คุณแม่!!” โรสรินทร์ผวาเข้ารับร่างของคุณผกามาศทันทีที่ท่านทำท่าจะล้ม ส่วนเรวัตชะงักลงเล็กน้อย เขากำมือแน่น กัดฟันกรอด แต่แล้วเขาก็ตัดใจรีบเดินออกไปก่อนที่จะใจอ่อน
โรสรินทร์ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยความโกรธแกมเสียใจ ก่อนร้องหาคนช่วย
“ใครอยู่แถวนี้บ้างคะ เข้ามาช่วยหน่อย คุณแม่เป็นลม!”