เสียงรถยนต์เคลื่อนเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านพักตากอากาศ ทำให้เจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมที่ยืนอิงไหล่กับประตูห้องนั่งเล่นหันไปมองที่มาของเสียง ร่างสูงหมุนตัวก้าวพ้นประตูแล้วหยุดนิ่ง ดวงตาวาววับเมื่อเห็นว่าชัชชัยจับมือโรสรินทร์เพื่อประคองให้หล่อนก้าวลงจากรถครอบครัว จากนั้นหญิงสาวก็หันไปรับลูกชายจากพี่เลี้ยง แล้วเดินคู่มากับชัชชัย
“แม่ตั้งใจจับคู่ให้สองคนนี้หรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อหันกลับมาสบตาคนที่นั่งอยู่ที่เดิมและกำลังอ่านหนังสือเล่มโปรด
คุณผกามาศเงยหน้าพร้อมกับเลิกคิ้วสูง ท่านสบตาลูกชายที่กำลังมองมาด้วยแววตาที่แฝงอาการหงุดหงิดอย่างนึกขบขัน
“ใจจริงฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้นนะ แต่บังเอิญว่าพ่อชัชเขามีคนรักอยู่แล้วนี่น่ะสิ แล้วเขาก็ชัดเจนในความรู้สึกของเขาเสียด้วย ไอ้ที่แกนึกเขม่นๆ น่ะเลิกเถอะ ฉันเห็นแล้วสมเพช”
เมื่อถูกซัดกลับมาตรงๆ เรวัตก็ถึงกับหน้าตึง นี่แม่คิดว่าเขาหึงโรสรินทร์อย่างนั้นเหรอ บ้าสิ เขาไม่เคยคิด!
“ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะครับ ที่ถามก็เพราะว่าพอจะรู้ว่าพี่ชัชเองก็มีคนรัก ไอ้ที่มาใกล้ชิดผู้หญิงอื่นแบบนี้คงดูไม่เหมาะ”
คุณผกามาศเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ คนมองก็หน้าร้อนด้วยความหงุดหงิด
“แกอย่ามาหวงก้างหน่อยเลยตาเร ต่อให้น้องรันจะเป็นลูกของแกกับโรส แต่พวกเขาก็เป็นอิสระ โรสมีสิทธิ์เลือกคู่ครองของตัวเองได้ ในเมื่อแกรู้แล้วว่าเด็กคนนั้นที่แกว่านั่นเป็นลูกของแก แกควรจะคิดเรื่องช่วยกันดูแลจะดีกว่า อย่างน้อยก็ในฐานะพ่อคนหนึ่ง ส่วนเรื่องอื่นก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของคนอื่นไปเถอะ”
“ผมไม่ได้หวงก้าง โรสอยากจะแต่งงานใหม่จะมีใครก็เรื่องของเขา ที่ผมมาที่นี่วันนี้มีเพียงเรื่องเดียว นั่นคือเรื่องลูก! คนอื่นจะใช้ชีวิตยังไง ผมไม่สนใจทั้งนั้น”
คนที่อุ้มลูกกำลังเดินเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นขณะที่คนอื่นๆ นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกต้องชะงักฝ่าเท้า ใจหล่นวูบเมื่อได้ยินคำพูดของเรวัตอย่างชัดเจน
ใช่...หล่อนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าคุณผกามาศจะบอกอะไรกับชายหนุ่ม เพราะท่านเองก็ตั้งใจเอาไว้อย่างนี้เหมือนกัน หล่อนและท่านตกลงกันว่าจะบอกกับเขาเรื่องลูก แต่เมื่อมาได้ยินชัดๆ อีกครั้งว่าเขาไม่เคยสนใจไยดีหรือต้องการหล่อนเลยสักนิด ก็อดที่จะรู้สึกน้อยใจเสียไม่ได้ แต่แล้วหญิงสาวก็รวบรวมความเข้มแข็งกลับคืนมา บอกตัวเองว่าดีแล้วที่เขาไม่สนใจหล่อน ขออย่างเดียว อย่าคิดมายื้อแย่งลูกของหล่อนไป เพราะหากเป็นเช่นนั้น โรสรินทร์คนนี้ไม่มีวันยอมเด็ดขาด
“คุยอะไรกันอยู่หรือคะ” เสียงหวานๆ ที่นำร่องมาก่อนตัวทำให้สองแม่ลูกหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน คุณผกามาศยิ้มกว้าง ส่วนเรวัตคลายสีหน้าที่เคร่งขรึมก่อนหน้านี้ลงเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อตอนที่มองลงไปในอ้อมแขนของโรสรินทร์ เขารู้สึกเหมือนเวลากำลังหยุดหมุน หัวใจเต้นตึกตัก ชาวูบวาบที่ปลายประสาท จนกระทั่งหญิงสาวพาลูกชายไปนั่งข้างๆ มารดาของเขาและส่งเจ้าตัวเล็กนัยน์ตาใสแจ๋วให้กับท่าน
“คุยเรื่องที่ต้องคุย” ท่านตอบตามตรง สบตาอีกฝ่ายอย่างรู้กัน ก่อนจะก้มลงหอมแก้มหลานรักฟอดใหญ่ “ไงลูก ตาใสแจ๋วเลยนะหลานย่า ไม่หลับไม่นอนล่ะฮึ”
“หลับมาบนรถค่ะ พอถึงบ้านก็ตื่นเลย” หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าแต้มยิ้ม ก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ก้าวเข้ามานั่งบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม พลันสายตาก็เหลือบมองไปที่หน้าผาก เห็นรอยฟกช้ำเต็มตา นึกสมน้ำหน้านิดๆ แต่แล้วก็นิ่งงันเมื่อสบตาคมกริบเรียบลึก
“ผมขอคุยกับโรสเป็นการส่วนตัวนะครับ” เขาพูดกับมารดา แต่สายตาไม่คลาดจากใบหน้างามของโรสรินทร์ คุณผกามาศจึงมองแม่ของหลานชายอย่างต้องการถามความเห็น
“ไม่เป็นไรค่ะ โรสอยู่ได้”
รอยยิ้มอ่อนโยนทำให้คุณผกามาศพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับอุ้มหลานชายแนบอกขณะลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวครับแม่”
คนที่เป็นทั้งแม่และย่าสบตาลูกชายเป็นเชิงถาม
“ขอ...” เขาไม่เคยจนคำพูดได้เท่านี้ แต่สายตาที่มองไปยังลูกน้อยในอ้อมแขนของมารดาทำให้ท่านเข้าใจความหมาย คุณผกามาศสบตาโรสรินทร์อีกครั้งก่อนตัดสินใจส่งเด็กชายให้กับมือของคนเป็นพ่อเป็นครั้งแรกนับแต่ลืมตาดูโลก
“ค่อยๆ ทำแบบนี้” ท่านบอกบุตรชาย สอนให้เขาอุ้มลูก เวลานั้นคุณผกามาศรับรู้ถึงอาการสั่นจากฝ่ามือใหญ่ ท่าทางเก้ๆ กังๆ แต่ตั้งใจ เมื่อพิศใบหน้าคมคายจึงเห็นรอยรื้นจางๆ จากนัยน์ตาคู่คม หัวใจของท่านพลันอ่อนไหว รู้ดีว่าต่อให้เรวัตจะดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเองมามากเพียงไหน ทำได้แม้กระทั่งพังทลายครอบครัวที่ไม่ต้องการ แต่ลูกชายของท่านไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง
ดวงตาสีเข้มอ่อนแสงเมื่อได้สบนัยน์ตาดำขลับ สัมผัสแรกที่รับรู้คือความอบอุ่นนุ่มนิ่ม หัวใจที่เคยกระด้างเย็นชายามนี้กลับอ่อนยวบ เจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนของเขาช่างนุ่มนิ่ม เปราะบาง น่าทะนุถนอมเหลือเกิน
โรสรินทร์มองภาพนั้นด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ส่วนหนึ่งปลาบปลื้มยินดี อีกส่วนหวั่นไหวไม่มั่นคง คุณผกามาศเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่คนสวยจึงบีบไหล่นุ่มเบาๆ ก่อนเดินจากไปเงียบๆ
หญิงสาวขบเม้มริมฝีปากเบาๆ เมื่อเรวัตก้มลงจูบแก้มขาวนุ่มนิ่มของลูกชาย จากนั้นเขาก็ยิ้มให้คนตัวเล็กในอ้อมแขน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหล่อน แววตาที่มองมายังมีรอยยิ้มเจือจางอยู่ แต่อีกเดี๋ยวคงจะจางหายเช่นครั้งก่อนๆ รอยยิ้มของเขามีให้กับคนที่รักเท่านั้น
“บอกหน่อยซิ ทำไมถึงไม่บอกว่าเธออุ้มท้องลูกของฉัน มีอะไรจะต้องปิดบังกันด้วย”
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ห้วนจัดหรือเคร่งขรึมเสียจนหญิงสาวต้องใจสั่น แต่เขาใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบเสียจนดูไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่
โรสรินทร์กะพริบตาปริบๆ จ้องตาเขานิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง
“ตอนนั้นฉันเห็นว่าคุณเองก็กำลังมีความสุขอยู่แล้ว คุณเองตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเลิกกับฉัน ก็เลยไม่อยากทำให้คุณคิดว่าฉันจะใช้ลูกเพื่อยื้อ หรือจับคุณเอาไว้”
เรวัตกระตุกยิ้ม ดวงตามองหญิงสาวนั้นวาววับ
“เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าท้องก่อนที่เราจะหย่ากัน”
คำถามของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวหลุบตาลงมองมือทั้งสองข้างของตนเองที่วางไว้บนตัก เกิดคำถามขึ้นในใจ หากเขารู้ว่าหล่อนท้อง คนตรงหน้ายังยืนยันที่จะหย่ากับหล่อนอยู่อีกไหม
เวลาเดียวกันเรวัตกำลังมองอดีตภรรยาด้วยสายตาค้นคว้า เขากำลังคิดถึงวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าข้างกายไม่ใช่คนที่เคยคาดหวัง แต่เป็นใครอีกคนที่เขาไม่เคยคาดคิด นับว่าเป็นอีกวันที่เขารู้สึกสูญเสียทุกอย่าง เสียใจ เสียอิสรภาพ และเสียความรู้สึก!
ดวงตาสีเข้มหลุบมองคนในอ้อมแขน ทว่าเวลานี้ เขาต้องการบางสิ่งบางอย่างกลับคืน...