บทนำ

1716 คำ
บทนำ ประเทศไทย บนทางด่วนที่รถติดมากๆของวันในช่วงเช้า รถหรูพยายามขับแซงขับเบียดรถคันอื่น เพื่อให้เจ้านายด้านหลังไปเข้าเรียนได้ทันเวลา สาวสวยฝาแฝดนั่งอยู่ด้านหลังทอดมองรถบนท้องถนน ที่ต้องเจอแบบนี้แทบจะทุกเช้า อีกไม่กี่เดือนเธอทั้งสองก็จะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยกันแล้ว และคณะที่เธอสองคนเลือกเรียนนั้นก็ไม่ทำให้ต้องเดายาก บ้านเป็นเจ้าของบริษัท เธอสองคนก็ต้องเลือกที่จะเรียนบริหารอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่คณะที่มนิตาฝาแฝดคนเล็กอยากเรียนเลยสักนิด หลังจากเรียนจบก็ไม่ต้องไปหาบริษัทไหนเข้าทำงานให้เสียเวลา เพราะครอบครัวของสองสาวเป็นเจ้าของบริษัทที่จัดจำหน่ายเครื่องดิ่มทุกชนิด แต่สิ่งที่ขายดีและทำเงินให้กับบริษัทมากที่สุด เห็นจะเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์ “ลุงโจคะ ขับเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ นิตาเบื่อจะแย่อยู่แล้ว ทำไมเขาไม่ทำถนนให้มันใหญ่ๆไปเลยนะ รถเยอะกว่าพื้นที่ถนนแล้ว” มนิตาฝากแฝดคนเล็กบ่นออกมาเล็กน้อย เพราะเธอไม่ชอบอยู่กับอะไรที่นิ่งนานๆ เหมือนคนสมาธิสั้น “ไม่ต้องบ่นเลยยายนิ เพราะเรานั่นแหละตื่นสายเลยต้องออกมาสายเลยเนี่ย” เมื่อเห็นน้องสาวบ่นเป็นเด็ก มธุสรจึงยิ้มและส่ายหัวออกมาทันที จะไม่ให้เป็นแบบนี้ได้ยังไงล่ะ ที่ต้องมาเจอรถติดนี่ก็เพราะเจ้าตัวนั่นแหละ นอนก็ดึกพอถึงเวลาต้องตื่นกลับไม่ยอมตื่นซะงั้น พอตื่นมาก็รู้ว่าสายไปแล้ว15 นาที ลำบากลุงโจต้องขับเร็วและยังต้องคอยแซงทุกคันที่สามารถจะแซงได้ไปอีก มธุสรเธอเป็นคนเรียบร้อย พูดจาอ่อนหวาน แต่ไหวพริบก็ยังสู้มนิตาไม่ได้ ด้วยความขี้กลัว ขี้คิดมาก และมักจะชอบแคร์ความรู้สึกคนอื่นเป็นหลักมากกว่าแคร์ความรู้สึกของตัวเอง ทำให้มนิตาต้องกลายเป็นคนห้าวๆ เปรี้ยวๆ กล้าได้กล้าเสีย เพื่อมาคอยปกป้องพี่สาวของเธอให้พ้นจากเงื้อมมือเพื่อนคนอื่นๆที่มักจะคอยแกล้งมธุสรเป็นประจำ แต่เรื่องการเรียนเธอทั้งสองไม่แพ้กันเลย เก่งเหมือนกันทั้งคู่จบมาคงไม่พ้นเกียรตินิยมอันดับหนึ่งทั้งสองคนแน่นอน ช่างเป็นหน้าเป็นตาให้กับตระกูลของครอบครัวเธอจริงๆ ไม่นานรถหรูก็เข้ามาจอดหน้าคณะ แต่ถึงจะออกมาสายเจอรถติดยังไงอาจารย์ก็ยังไม่เข้า ทำให้เธอมีเวลาที่จะไปเจอเพื่อนของเธออีกคนที่มารอเธอตั้งแต่เช้าแล้ว “รอนานไหมดา ขอโทษทีนะวันนี้รถติดมากๆเลย ยายนิตื่นสายด้วยยิ่งช้าไปกันใหญ่” มธุสรพูดพลางทำปากจู๋ชี้ไปทางน้องสาว “แหมจ้าาา…สายเพราะฉันคนเดียวแหละเนอะ” มนิตามองบนขึ้นมาทันที ไม่ได้สายเพราะเธอคนเดียวสักหน่อย มธุสรเองก็มัวแต่ช่วยคุณแม่เตรียมของในครัวจนช้าเหมือนกัน “ไม่ต้องเลยๆ ฉันก็มาเช้าของฉันอยู่แล้ว ฉันอยู่หอในนะอย่าลืมสิ ห้องฉันก็อยู่แค่นี้ไม่อยากอยู่ในห้องนานๆด้วย ฉันคอยมาอ่านหนังสือทบทวนรอพวกเธอสองคนดีกว่า” “อ่านไรเยอะแยะ ทำได้อยู่แล้วยิ่งทวนยิ่งสับสน” มนิตาพูดพลางหยิบมือถือขึ้นมากดอัพเดทข่าวสาร “ใครจะเหมือนเธอสองคนละยะ ต่อให้ไม่อ่านก็ทำได้คะแนนเต็ม ความจำนี่ดีเหมือนกันไม่ผิดเลยที่เป็นฝาแฝดที่เหมือนกันจนแยกแทบไม่ออกขนาดนี้” ดารินพูดไปยิ้มไป “เราว่าไปเข้าเรียนกันดีกว่า ไม่เกิน 5 นาที อาจารย์น่าจะเข้าแล้ว” มธุสรมองดูเวลาแล้วเห็นว่าใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้วจึงได้ชวนอีกกสองคนให้เข้าเรียน เพราะวิชานี้มักจะมีสอบหลังเรียนเสร็จทุกครั้ง เธอไม่อยากจะพลาดแม้คำเดียวที่อาจารย์สอน หลังจากที่เรียนเสร็จสองสาวก็เรียกให้คนขับรถ ขับมารับเธอทั้งสองคนกลับบ้านทันที ปกติแล้วหลังเรียนเสร็จเธอสามคนมักจะไปหาอะไรกินกันก่อน แต่วันนี้ดารินบอกว่ามีธุระของสโมฯ จัดเตรียมกิจกรรมเปิดบ้านรับน้องๆเด็กปีหนึ่งที่จะเข้ามาหาหอพักอยู่ ดารินเป็นเด็กฐานะธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยเหมือนสองแฝด เธอได้รับทุนการศึกษา จึงต้องคอยทำกิจกรรมที่ทางมหาลัยกำหนดให้เก็บหน่วยกิจเพิ่มจากหน่วยกิจชั่วโมงเรียน แต่เรื่องฐานะเธอทั้งสามคนไม่มีใครสนใจเลยสักนิด แถมยังเป็นเพื่อนที่รักกันมากคอยช่วยเหลือกันตลอด คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ดารินเป็นคนเข้าหาสองแฝดเพราะทึ่งในความที่หน้าเหมือนกันมากๆจนแยกไม่ออกว่าคนไหนเป็นคนไหน ต่างจากฝาแฝดคนอื่นที่พอจะมองออกบ้าง แถมยังหน้าตาดีทั้งคู่อีกด้วย คนอะไรจะเพอร์เฟ็กซ์ไร้ที่ติได้ขนาดนี้นะ เป็นคำที่ดารินคิดในใจเมื่อเจอสองสาวครั้งแรก ทำให้สนิทกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “นิตอนเย็นไปไหนไหม พี่ว่าจะชวนคุณพ่อกับคุณแม่ไปทานข้าวร้านโปรดสักหน่อย” มธุสรเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในห้องของน้องสาว “เย็นนี้หรอสร นิไม่ว่างอ่ะมีธุระเป็นพรุ่งนี้แทนได้ไหม พรุ่งนี้เราไม่มีเรียนหนิ ต้องเข้าบริษัทพร้อมท่านทั้งสองอยู่แล้ว เลิกงานก็จะได้แวะเลย” มนิตาตอบแบบพยายามเฉมองไปทางอื่น “นิมีธุระหรอ กับใครอ่ะมีใครที่สรไม่รู้จักด้วยหรอ” “เพื่อนที่รู้จักกันที่ยิมอ่ะแหละ นัดแฮงค์เอ้าท์กันนิดหน่อยอ่ะ เห็นว่าสรไม่รู้จักนิเลยไม่ได้ชวน อีกอย่างสรไปสรก็ไม่กิน เดี๋ยวจะนั่งเบื่อเปล่าๆ” “อื้ม..ไม่ได้ว่าไรสักหน่อย พรุ่งนี้ก็ได้ไม่เสียเที่ยวดี” มธุสรพูดพร้อมกับยิ้มแล้วก็ขำในท่าทางของน้องสาว สงสัยกลัวเราจะคิดมากแน่ๆ เห้ออ ยายนินี่นะเห็นห้าวๆ พูดจาไม่ไว้หน้าใครแบบนี้ เป็นห่วงความรู้สึกของฉันที่หนึ่งเลย แบบนี้ไม่รักยังไงไหว “เฮ้ออออ….” มนิตาผ่อนลมหายใจออกมายาวๆคล้ายกับหมดกังวลกับอะไรบางอย่าง ช่วงค่ำของวันเดียวกัน มนิตาแต่งตัวเป็นเดรสสายเดี่ยวสีขาวมุกผ้าซาตินปล่อยชาย 1 ข้าง มีลูกเล่นตรงสร้อยคอเงินที่ฝังเพชรเม็ดเล็กๆไว้ เห็นแบบนี้บอกเลยราคาไม่ต่ำกว่า 5 ล้านแน่นอน การแต่หน้าของเธอวันนี้ก็ออกมาสวยเฉียบแต่แอบซ่อนความหวานไว้ที่พวงแก้มทั้ง 2 และริมฝีปาก และแน่นอนที่เธอต้องแต่งตัวสวยออกมาปาร์ตี้กับเพื่อนวันนี้ไม่ใช่เพื่อนที่ยิม เหมือนที่เธอบอกมธุสรไปหรอก แต่เป็นแฟนหนุ่มของเธอเองต่างหาก เขาชื่อ ราเชนน์ (ราเชนน์ พัฒนวิเศษ) ลูกชายเจ้าของธุรกิจสายการบินที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ เธอทั้งสองเจอกันที่ยิมจริง และชอบพอกันจนต่างคนต่างแลกคอนแทคกันมาเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ ความจริงแล้วเขาและเธอคบกันมาได้ปีกว่าๆแล้ว แต่ไม่มีใครรู้เลยนอกจากเพื่อนของราเชนน์ เพราะบ้านของมนิตาถึงแม้เธอจะไม่ค่อยฟังใครเท่าไหร่นัก แต่บิดาของเธอได้ยื่นคำขาดมาว่า ห้ามมีแฟนก่อนเรียนจบ!!! ถ้าขืนมีจะให้ไปทำงานที่โรงกลั่นไวน์ที่เวเนซุเอล่าคนเดียว และห้ามกลับมาจนกว่าจะทำให้บริษัทที่นู้นมีผลกำไรถึงพันล้าน เหอะ! พอได้ยินคำขู่นี้ทำให้มนิตาถึงขั้นอึ้งไปสักพัก ผลกำไรพันล้านเนี่ยนะ จะทำได้ยังไงประเทศนั้นเศรษฐกิจเป็นฟอสบู่ไปหมดแล้วนะ เอาเงินมาโปรยเล่นยังได้เลย เธอเลยเก็บความลับนี้เอาไว้ และพอเรียนจบค่อยพาราเชนน์ไปเปิดตัวก็ยังไม่สาย “พี่เชนน์รอนิตานานไหมคะ ขอโทษทีนะคะต้องไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำมาเลยช้า” มนิตาเดินเข้ามาพลางกล่าวขอโทษแฟนหนุ่มอย่างหน้าสลด ขืนเธอใส่ชุดนี้ออกมา คนในบ้านได้งงกันพอดี ไปปาร์ตี้ที่ไหนแต่งตัวอย่างกับงานพร็อม “พี่ก็พึ่งถึงได้ไม่นาน นิหิวหรือยังพี่สั่งพาสต้าไว้ให้พี่รู้ว่านิชอบ” “ขอบคุณนะคะ รู้ใจนิที่สุดเลยย” มนิตาพูดพรางยื่นมือไปหยิกแก้มราเชนน์เชิงหยอกล้อ “อีกไม่กี่เดือนนิก็จะเรียนจบแล้วใช่ไหม” “ใช่ค่ะ แต่ช่วงนี้คุณพ่อก็เริ่มให้เข้าไปดูงานที่บริษัทบ้างแล้ว จบปุ๊บจะได้เข้าทำงานในตำแหน่งทันทีได้เลย….ช่วงนี้นิอาจจะยุ่งๆหน่อยน้าา พี่เชนน์ไม่น้อยใจนะคะ” “ฮ่าฮ่า พี่จะน้อยใจนิทำไม เราก็ยังวิดีโอคอลหากันได้อยู่นี่นา เว้นแต่พี่จะคิดถึงนิจนทนไม่ไหว” ทั้งสองคุยกันไปเรื่อยๆจนทานอาหารอิ่ม ราเชนน์ชวนมนิตาไปต่อที่ผับของเพื่อน เพราะเขาเองมีนัดกับเพื่อนของเขาต่อ และมนิตาเองก็รู้จักกับเพื่อนของเขาเป็นอย่างดี หากแต่ว่ามนิตาก็ปฏิเสธราเชนน์ไป เพราะพรุ่งนี้เช้าเธอยังต้องตื่นแต่เช้าเข้าบริษัทพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ ถ้าหากกลับดึกกลัวจะตื่นสายแล้วโดนตำหนิเอา ก็เลยแยกกันกลับตรงนี้ดีกว่า ราเชนน์โบกมือมองรถของมนิตาออกไปจนลับตา ถึงได้ก้าวเดินไปที่รถสปอร์ตคันหรูของตัวเองที่จอดอยู่ใกล้ๆ และขับออกไปที่ผับของเพื่อนทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม