บทที่ 6 ช่วงเวลาแห่งความสุข
[ราเชนน์]
หลังจากวางสายจากนิตา ผมก็เดินกลับมาที่ห้อง VIP ของผับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ผับของไอ้ออกัส หลังจากที่ผมต้องแยกกับนิตาที่งานเลี้ยงกระทันหัน ทั้งๆที่ผมยังคุยกับเธอไม่จบ ผมก็มานั่งดื่มอยู่กับไอ้พวกนี้ได้สักพัก จนทนความคิดถึงของตัวเองไม่ไหว ก็เลยออกไปโทรหานิตาในห้องทำงานของไอ้กัสมัน ผมแปลกใจนิดหน่อยที่นิตาชวนผมไปเที่ยวต่างจังหวัด แต่ช่างเถอะนิตาอาจจะอยากเปิดตัวผมมากขึ้นแล้วก็ได้ นิตาบอกผมว่าอยากไปเที่ยวทะเลสวยๆ บรรยากาศดีๆ คนไม่เยอะ มีแค่เราสองคนยิ่งดี เพราะอยากมองไปทางไหนก็เจอแค่ผม ผมก็เลยเลือกเกาะส่วนตัวของผมที่ซื้อไว้ทางภาคใต้ตั้งนานแล้ว จริงๆแล้วผมตั้งใจอยากพานิตาไปที่นี่ตั้งนานแล้ว และตั้งใจเอาไว้แล้วว่าถ้าเมื่อไหร่ที่นิตาเปิดตัวผม ผมจะขอเธอแต่งงาน และยกเกาะนี้ให้เธอทันที ผมซื้อมันมาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ นึกอยู่สักพักผมก็ยิ้มเหมือนคนบ้า นี่ผมเสียอาการขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ชักเริ่มคิดว่าตัวเองไม่ปกติซะแล้วสิ นิสัยเดิมของผมเป็นคนยิ้มยากแท้ๆ แต่กลับยิ้มไม่หยุด และยิ้มเหมือนคนบ้าทุกทีเวลาอยู่กับนิตา กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมรู้สึกรักมากที่สุด แฟนคนก่อนๆที่ผ่านมาถึงผมให้สถานะ ผมยังไม่เคยใส่ใจมากเท่านี้เลยด้วยซ้ำ ออกจะเลี่ยเลวเจ้าชู้ไปทั่ว จนไอ้พวกนี้คิดว่าผมโดนของ ฮ่าๆๆ พวกมันน่ะสิที่บ้าคิดว่านิตาจะทำเสน่ห์ใส่ผม
“ยิ้มไรของมึงวะ หรือว่ามึงไปโดนตัวไหนมา” ไอ้แทนมันคงมองหน้าผมอยู่นาน เลยถามออกมา
“นิตาชวนกูไปเที่ยวต่างจังหวัด” ทุกคนต่างโห่แซวผมกันหมด ยกเว้นก็แต่ไอ้เหี้ยนี่แหละ แม่งนิ่งได้ทุกสถานะการณ์ ผมที่หันไปมองไอ้เจย์กระดกเหล้าเข้าปากไม่มีหยุดนั้นก็นึกสงสัยขึ้นมา
“อกหัก? เมียทิ้ง?”
“มึงหมายถึงใครวะไอ้เชนน์”
“ก็เพื่อนมึงนี่ไง กูเห็นตั้งแต่กูกลับเข้ามาหลังจากไปคุยกับนิตาละ หมดแก้วไม่หยุดจนน้องเค้าชงให้มึงไม่ทันแล้วไอ้เวร”
“อย่างไอ้เจย์เนี่ยนะจะอกหัก กูเอาเด็กๆมายั่วมันขนาดไหน หึ!มันไม่เคยเล่นด้วยเลยสักครั้ง” ออกัสส่ายหัวพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
“กูกลับละ” พูดจบเจย์ก็ลุกขึ้นเต็มความสูงและเดินออกไปโดยไม่สนใจเพื่อนเลยสักนิดเดียว ทำเอาทุกคนต้องส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
[เจย์]
พอได้ยินเพื่อนรักพูดว่าคนที่มันกำลังให้สถานะว่าแฟน ชวนมันไปเที่ยวต่างจังหวัดกันสองคน อารมณ์ผมมันก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที ใช่ครับผมชอบแฟนเพื่อน แต่จะบอกว่าชอบแฟนเพื่อนซะทีเดียวก็ไม่ถูกเพราะผมเจอนิตามาก่อนมัน ผมเคยเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเดียวกับเธอ ตอนที่เธอไปเรียนอยู่ที่นิวยอร์ก สมัยช่วงมัธยมต้นและผมเรียนใกล้จะจบจากโรงเรียนเพราะอยู่ปีท้ายๆ ผมที่เห็นเธอเดินเข้ามาในโรงเรียนก็ต้องหยุดมองและพยายามเข้าหาเธอทุกครั้งที่มีโอกาส พยายามเข้าหาและจีบเธอสักพัก แต่ตอนนั้นเธอยังเด็กมากเลยคิดว่าผมที่มาเจอเธอบ่อยๆเพียงเพราะอยากเป็นเพื่อนกับเธอเพราะกลัวว่าเธอจะเหงา และแน่นอนผมแยกออกได้ว่าคนไหนคือมนิตาคนไหนคือมธุสร นิตามีเสน่ห์ในตัวเอง ชอบปกป้องคนอื่นอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งที่ผู้หญิงตัวเล็กๆปกป้องผมจนเธอเองต้องเจ็บตัว แต่แทนที่เธอจะร้องไห้งอแงเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ เธอกลับถามผมขึ้นมาก่อนว่าผมเจ็บหรือมีแผลตรงไหนหรือเปล่า เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าที่แขนเธอมีแผลจนเลือดไหลออกมาเยอะมากๆ มันทำให้ผมยิ่งอยากได้เธอมาเป็นของผมให้ได้ ผมอยากจะปกป้องเธอบ้าง แต่ก็ต้องอกหัก เพราะอยู่ดีๆเธอก็หายไป ผมไม่สามารถติดต่อเธอได้อีกเลย และผมก็ได้เจอเธออีกครั้งในฐานะ ‘แฟนของเพื่อน’ ที่สำคัญเธอจำผมไม่ได้เลย มันเศร้าตรงที่ผมเจอเธอแค่แว๊บเดียวผมก็จำเธอได้ในทันที
“โถ่เว้ยยย!!! ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ” เจย์ระบายอารมณ์โดยการทุบพวงมาลัยแรงๆ พร้อมกับตะโกนออกมาดังๆภายในรถหรูของตัวเอง
“ทำไมต้องเป็นไอ้เชนน์ด้วยนิตา ทั้งๆที่พี่เจอเธอก่อนแท้ๆ”
น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาช้าๆ เจย์เอามือกุมหน้าผากตัวเอง พลางนึกโทษตัวเองที่ไม่คิดตามหานิตาตั้งแต่ตอนนั้น เมื่ออารมณ์เย็นลงได้สักพักเขาจึงเหยียบคันเร่งรถและขับออกไปด้วยความเร็ว เพื่ออยากให้ถึงคอนโดให้เร็วที่สุด แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเขาต้องการจะไปอีกที่หนึ่งก่อน
เจย์ขับรถหรูเข้ามาจอดเทียบกับกำแพงบ้านหรูได้สักพัก สายตาทอดมองไปยังห้องๆหนึ่งที่อยู่ทางปีกขวาของบ้าน ไฟในห้องยังเปิดอยู่แบบสลัวๆ ระเบียงห้องมีผู้หญิงตัวเล็กๆยืนเหม่อมองหน้าตาเศร้าๆอยู่ เจย์มาคอยมองนิตาจากตรงนี้เป็นประจำ ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอยิ้มเขาก็มีความสุขไปด้วย แต่วันนี้สีหน้าของเธอดูไม่ดีเอาเสียเลยจนนึกเป็นห่วงเธอขึ้นมา
[มนิตา]
ฉันที่กำลังมองออกไปแบบไร้จุดหมายตรงระเบียงห้องส่วนตัว มองเห็นรถสปอร์ตหรูสีแดงคันหนึ่งจอดอยู่ด้านนอกของตัวบ้าน ถ้าเธอจำไม่ผิดนั่นมันรถของเพื่อนพี่เชนน์หนิ คนที่เธอไม่กล้ามองหน้าหรือคุยด้วยเลย เขามาทำอะไรอยู่หน้าบ้านของเธอเวลานี้ ฉันจ้องมองจนคิ้วขมวด จนต้องสดุ้งตัวโย่งเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นทำให้ต้องเดินเข้ามาหยิบดูว่าใครโทรมา
“เสียงริงโทน…..ครืดดดดด”
“สวัสดีค่ะ” หน้าจอโชว์รายชื่อคนที่โทรเข้ามาก็ยิ่งแปลกใจ เรามีเบอร์ติดต่อกันเพราะพี่เชนน์ให้ไว้เผื่อฉุกเฉินติดต่อเขาไม่ได้กะทันหัน แต่ฉันก็ไม่เคยแม้แต่จะโทรออกไปหาเพื่อนเขาเลยสักครั้ง ติดต่อไม่ได้ก็แค่รอการติดต่อกลับ
(เอ่อออ…พี่ขอโทษนะที่โทรมาหานิเวลานี้) เจย์ตอบปลายสายด้วยเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย
“ค่ะ พี่เจย์มีธุระอะไรกับนิหรอคะ แล้วที่อยู่ด้านนอกนั่น คือพี่เจย์ใช่ไหมคะ” นิตาเดินออกมาที่ระเบียงเหมือนเดิมและมองไปยังรถหรูสีแดงที่จอดอยู่ตอนนี้ พี่เจย์ยืนพิงรถตัวเองและมองมาทางฉัน
(พี่ผ่านมาแถวนี้น่ะเลยเห็นนิไกลๆ แต่แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจมองนินะอย่าพึ่งคิดว่าพี่เป็นพวกถ้ำมองนะ) เจย์รีบแก้ตัวก่อนคนตัวเล็กจะเข้าใจตัวเองผิด พลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขิน
“.....” นิตาได้แต่เงียบและงง เธอไม่รู้จะพูดออกไปอย่างไรดี
(พี่เห็นนิเศร้าๆน่ะ ถ้านิมีปัญหาอะไรปรึกษาพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจนึกซะว่าพี่เป็นพี่ชายนิคนหนึ่ง วันนี้พี่คงรบกวนนิเยอะแล้ว รีบเข้านอนได้แล้วนะ)
“เอ่อออ…ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ถึงจะงงกับการกระทำของเพื่อนแฟนคนนี้แต่ก็ยังยิ้มและกล่าวขอบคุณกลับไป ไม่นานหลังจากวางสาย เจย์ก็ขับรถออกไปจากตรงที่จอดอยู่ ฉันยืนคิดอะไรอยู่อีกสักพักเลยตัดสินใจเดินกลับเข้ามานอนหลับตาอยู่บนเตียง ด้วยความเพลียมาทั้งวันก็ผล็อยหลับไป