2.ไม่ใช่คนใช้
“คุณรันสั่งเห็ดมาด้วยเหรอคะ”
ฉันชะเง้อหน้ามองจานอาหารต่าง ๆ เมื่อเห็นว่าพนักงานมาเสิร์ฟแล้ว
“คุณรันแพ้เห็ดไม่ใช่เหรอ”
“สั่งมาให้เธอ”
“สั่งมาทำไมคะ
เดี๋ยวก็เผลอตักหรอก” ว่าเท่านั้นก็ยกจานที่มีเห็ดอยู่ในนั้นมาวางไว้ต่อหน้าตัวเอง
แล้วเลื่อนอาหารที่เจ้านายทานได้ไปไว้ต่อหน้าเขา
“…”
“อันนี้ของโปรดเจ้านาย
กินเยอะ ๆ นะคะ”
“…”
เป็นเหมือนเดิมที่ได้รับเพียงแค่ความเงียบกลับมา
ซึ่งฉันก็ชินแล้วกับอาการพูดน้อยของคุณรัน เขาไม่ใช่คนพูดพร่ำเพรื่อ
แต่ก็ไม่ได้เงียบจนเกินไป ก็มีตอบโต้บ้างเป็นระยะ แล้วแต่อารมณ์ของคุณเขานั่นแหละ
“เดี๋ยวตอนกลับหวานกลับเองนะ
คุณรันจะได้ไปที่บริษัทเลย” และยังคงเป็นฉันเหมือนเคยที่เอ่ยปากไม่หยุด
“อืม”
“แล้วคืนนี้กลับดึกไหมคะ
หวานจะได้รอเปิดประตูให้ ถ้ากลับไม่ดึกจะได้เปิดประตูทิ้งไว้” อย่างที่รู้ว่าฉันเป็นสาวใช้ของคุณรัน
ทั้งบ้านก็เลยมีแค่ฉันคนเดียวที่อยู่กับเขาในบ้านหลังนั้น
เพราะต้องคอยทำอาหารเช้าและเย็น ไหนจะงานบ้านอะไรต่าง ๆ
คุณรันก็เลยให้ฉันอยู่บ้านหลังเดียวกันกับเขาซะเลย
ซึ่งมันก็ดีนั่นแหละ…
และฉันก็อยู่มาตั้งแต่จำความได้แล้ว
“กลับดึกไม่ดึกก็ต้องล็อคประตู”
ตาคมเหลือบมองฉันอย่างตำหนิ “อย่าลืมว่าเธอเป็นผู้หญิง”
“ค่ะ”
“กินได้แล้ว”
น้ำเสียงเข้มขึ้นทำให้ฉันหุบปากเงียบแล้วตักอาหารเข้าปากโดยที่ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาอีก
แม้จะมีหลายอย่างที่อยากพูดก็ตาม
แต่ในเมื่อเจ้านายไม่ให้พูดก็ต้องเก็บคำเหล่านั้นไว้
ในสายตาของคนอื่น
บุคลิกท่าทางของคุณรันอาจจะเป็นเหมือนคนโหดหรือดูเป็นผู้ใหญ่ที่จริงจังในชีวิตมาก
แต่เท่าที่ได้สัมผัสมาตั้งแต่จำความได้ ผู้ชายคนนี้คือคนที่ใจดีมาก ๆ คนหนึ่ง
เขาเป็นทั้งเจ้านายและผู้ปกครองในเวลาเดียวกัน ฉันได้รับการดูแลดีทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
แม้จะเป็นเพียงแค่สาวใช้แต่คุณรันไม่เคยพูดหรือตอกย้ำให้ฉันรู้สึกอย่างนั้นเลย
เขาส่งฉันเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและค่าเทอมแพงลิบ
ไหนจะเงินเดือนที่พูดก็พูดว่าได้โคตรเยอะ
กระเป๋าเสื้อผ้าและรองเท้าก็ชอบพาฉันไปซื้อบ่อย ๆ บางครั้งก็งงว่าจะซื้ออะไรนักหนา
เพราะฉันไม่ได้ใส่ไปไหน จะให้ใส่ทำงานบ้านก็กะไรอยู่
แต่ขัดแล้วก็โดนดุกลับมา
ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย
“เดี๋ยวจะมีงานกินเลี้ยงบริษัท”
เสียงแหบต่ำเอ่ยดังทำให้ฉันเหลือบตามองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง
“ค่ะ”
“ไปหรือเปล่า”
“ไม่ไปได้ไหมคะ”
“ทำไม” ตาคมเข้มที่มีขนตาหนาเป็นแพยาวเหลือบมองฉัน “ปกติก็ไปทุกปี”
“ตอนนั้นหวานยังไม่โตนี่นา”
ฉันพูดเสียงเบา “ตอนนี้หวานก็อายุยี่สิบสี่แล้ว
อีกไม่กี่เดือนก็ยี่สิบห้า เข้าไปป้วนเปี้ยนในบริษัทของคุณรันบ่อย ๆ
เกรงว่าจะไม่ดีค่ะ”
“โตแค่ไหนก็ยังเด็กสำหรับฉันอยู่ดี”
“…”
“และการที่เธอเข้าไปในบริษัท
มันไม่ดีตรงไหน”
“ก็…”
“ก็อะไร”
อยู่ดี ๆ
ก็ประหม่าที่จะต้องพูดคำที่คิดออกมา
แอบเหลือบตามองเจ้านายก็พบว่าเขากำลังมองฉันอยู่เช่นกัน
และเป็นการมองอย่างกดดันด้วยนะ
“หวานกลัวคนอื่นคิดว่าหวานทำตัวเกินคนใช้ค่ะ”
สุดท้ายก็ต้องเอ่ยบอก เพราะหากไม่พูดคุณรันก็คงไม่เลิกมอง
“ก็ให้เขาคิดไป”
“…”
“อีกอย่างฉันไม่เคยมองว่าเธอเป็นคนใช้”
รีบเงยหน้ามองคุณรันทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ซึ่งเขาก็ยังมีสีหน้าเดิม ๆ ตาคมยังจับจ้องฉันอยู่เหมือนเคย “เธอเป็นเด็กที่ฉันดูแลและปกครอง ไม่ใช่คนใช้”
หัวใจฉันเต้นตึกตักไม่เป็นส่ำ
มือไม้เริ่มสั่นเทาอย่างไม่รู้สาเหตุ
ตาที่จ้องมองเจ้านายตัวเองอยู่นั้นหลุบต่ำลงเพราะไม่สามารถทนมองอีกฝ่ายได้
สมองพยายามที่จะไม่คิดไปไกลกับประโยคดังกล่าว
และไม่อยากคิดไปเองแม้ว่าการกระทำของคุณรันมันจะทำให้ฉันคิดมากก็ตาม
“ตกลงเรื่องงานเลี้ยงว่ายังไง”
“ถ้าคุณรันให้หวานไป
หวานก็ไปค่ะ”
“อืม”
“เรื่องชุด…”
“ซื้อใหม่”
เสียงเข้มเอ่ยแทรกในขณะที่ฉันยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ “ต้องถ่ายรูปทุกปี”
“ถ่ายรูปแล้วก็อัปโหลดลงอินสตาแกรมเหรอคะ”
“อืม”
ใจจริงก็อยากพูดอะไรต่อ
แต่กลัวพูดไปแล้วจะไม่เข้าหูคุณเขาก็เลยเงียบปากดีกว่า
แต่ก็ขอแอบเมาท์นิดนึงว่าคุณรันจะชอบถ่ายรูปงานเลี้ยงบริษัททุกปี
และรูปนั้นจะเป็นรูปคู่ของเราซะส่วนใหญ่
ซึ่งสื่อโซเชียลของคุณรันตอนนี้น้อยมากที่จะอัปโหลดหรือแชร์เรื่องธุรกิจ ส่วนมากจะเป็นเรื่องราวต่าง
ๆ เกี่ยวกับเราซะมากกว่า
ต้องใช้คำว่า ‘เรา’ นะ เพราะไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม
หรือแม้กระทั่งทวิตเตอร์ มักจะมีรูปที่เราถ่ายคู่กันเสมอ
และมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว
เพราะแบบนี้คุณรันก็เลยอยากให้ฉันไปงานเลี้ยงและเปลี่ยนชุดใหม่
สงสัยกลัวว่าฉันจะใส่ชุดซ้ำกับชุดเดิม เดี๋ยวอัปโหลดลงสื่อแล้วจะดูไม่ดี
“ขออนุญาตค่ะ”
เสียงของพนักงานเสิร์ฟเอ่ยดังให้ได้ยินพร้อมถ้วยของหวานถูกวางลงต่อหน้า
สองตาที่จับจ้องของหวานรีบเงยหน้ามองคุณรันทันที
“คุณรันสั่งมาเหรอคะ”
“อืม”
“แล้วคุณรันไม่กินเหรอ”
“ของโปรดเธอ”
เขาเอ่ยว่าก่อนที่จะยกน้ำขึ้นดื่มโดยไม่สนใจฉันอีก
“ห่อกลับไปกินบ้านได้ไหมคะ
ตอนนี้หวานอิ่มแล้ว” ฉันชี้ไปที่ถ้วยของหวานที่ว่า “ไม่อยากฝืนใจกินค่ะ กลัวกินไม่หมด เสียดายของ”
“แล้วแต่จะทำ”
“ขอบคุณค่ะ”