-KAOTU PART-
@ บ้านข้าวตู
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป...
ลมเย็นๆ ในช่วงฤดูหนาวของเดือนธันวาคมที่พัดโชยเข้ามาปะทะเข้ากับใบหน้าหวานๆ เสียงน้ำไหลจากลำธารใกล้ๆ เสียงจิ้งหรีดเรไรรวมถึงนกน้อยใหญ่ร้องกันดังกล้องป่า สร้างความผ่อนคลายให้กับฉันเป็นอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่คิดว่าอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้จังเลย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วฉันไม่สามารถทำมันได้
~กริ๊งงงงงงงงง~
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นฉุดฉันให้ตื่นจากฝันหวาน ฉันจึงรีบลุกไปจัดการกับตัวเองชุดนักศึกษาที่ถูกทำให้เรียบอย่างบรรจงด้วยฝีมือของฉันเอง และก็ถูกสวมใส่โดยข้าวตูคนนี้นี่แหละ วันนี้ฉันเริ่มฝึกงานฉันไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็รีบวิ่งออกจากห้อง ลงบันไดไปตามกลิ่นหอมๆ ของกับข้าวฝีมือแม่ฉันเอง ‘ฉันจมูกดีใช่มั้ยล่ะ...ใช่แหละฉันยอมรับ’
“อย่าวิ่งสิลูก เดี๋ยวก็ลื่นล้มหรอกลูก” เสียงแม่เอ็ดฉันขึ้นดเสียงดัง พร้อมกับว่างถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะอย่างเบามือ
ฟอดดดดดด!
“อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่” ฉันเข้าไปสวมกอดแม่จากข้างหลัง พร้อมทั้งหอมแก้มแม่ไปหนึ่งฟอด
“มาทานข้าวเร็วลูก จะได้ไปทำงาน” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
ฉันรีบทานข้าวต้ม เพื่อที่จะได้รีบออกไปทำงาน ‘วันนี้เป็นวันจันทร์ซะด้วยสิ รถต้องเยอะแน่ๆ เลย’ ฉันคงต้องรีบไปดีกว่า อย่างน้อยรถก็คงจะยังไม่ติดมากเท่าไหร่
“แม่ขา หนูไปทำงานก่อนนะคะ”
“จ้าเดินทางปลอดภัยนะลูก” เมื่อทานข้าว เก็บถ้วยเก็บจานเข้าที่เรียบร้อย ก็รีบวิ่งออกมาเพื่อไปขึ้นรถโดยสารประจำทางที่หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้านทันที ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้คนไม่เยอะด้วยเถอะ
“...” แต่ก็นะเหมือนสวรรค์จะไม่ค่อยได้คิดคำขอของฉันแน่ เพราะตอนนี้นอกจากการจราจรตรงหน้าจะติดขัดขยับได้ที่ละนิด จำนวนผู้คนที่ยืนเบียดกันอยู่บนรถประจำทางก็เยอะมากด้วย
@บริษัท ทรี ทรู ทรานสปอร์ต
ตอนนี้ข้าวตูเด็กสาวแสนสวยคนนี้ก็มาถึงบริษัทอย่างปลอดภัย แถมทันเวลาอีกตั้งหากถึงจะใช้เวลาเดินทางกว่า 1 ชั่วโมงก็เถอะ
ฉันเงยหน้ามองตึกสูงระฟ้าตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ นี่แค่ด้านนอกยังสวยขนาดนี้ ฉันอยากเห็นจังว่าข้างในจะสวยขนาดไหนนะ
ก่อนหน้านี้ฉันได้ศึกษาข้อมูลคร่าวๆ มาจากอินเตอร์เน็ตบ้างแล้ว ทำให้ฉันรู้ว่านอกจากบริษัทนี้จะเป็นบริษัทขนส่งที่ใหญ่ที่สุดแล้ว อีกหนึ่งข้อดีของที่นี่ก็คือ ‘ประธานบริษัทหล่อมากๆ แต่ข้อเสียก็คือ เขาโหดและดุมากๆ เช่นกัน’ ฉันน่ะไม่ตื่นเต้นหรอกนะกับคนหล่อ แต่ที่จะทำให้ฉันทั้งตื่นเต้น และรู้สึกกลัวก็ตรงที่เขาโหดและดุมากๆ เนี่ยแหละ เอาเป็นว่าถึงยังไงฉันก็คงไม่ได้เจอเขาหรอก ไปค่ะเข้าบริษัทดีกว่าก่อนที่จะสาย
‘ว้าวววววว.....’ ฉันเดินเข้ามาด้านในของบริษัทที่ตั้งตระหง่านใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ภายในถูกตกแต่งอย่างหรูหรามากสมกับที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการขนส่งจริงๆ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นเด็กฝึกงานมารายงานตัวค่ะ” ฉันเอ่ยบอกพร้อมกับยกมือไหว้พี่พนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยความนอบน้อม
“เดี๋ยวพี่พาไปที่ฝ่ายบุคคลนะคะ” เธอเอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มแย้มให้กับฉันอย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณค่ะ” ฉันก็เอ่ยตอบกลับเธอไปอย่างเป็นมิตรเช่นกัน
จากนั้นพี่พนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ก็พาฉันเดินไปยังลิฟต์ที่อยู่ด้านขวามือ ก่อนที่พวกเราจะขึ้นมายังชั้นที่ 15 ของอาคารแห่งนี้ ก่อนที่พี่เขาจะพาฉันเดินลัดเลาะจนมาถึงห้องห้องหนึ่งที่หน้าห้องระบุไว้ว่า ‘ฝ่ายบุคคล’
“พี่วรรณคะ มีน้องฝึกงานมารายงานตัวค่ะ” เมื่อมาถึงเธอก็พูดกับผู้หญิงอีกคนที่ดูอายุไม่เยอะแต่ว่าภายใต้ใบหน้าที่สวยไร้ที่ติของเธอนั้น กลับซ้อนไปด้วยดวงตาที่ดุดันน่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบใจจ้ะ” พี่ที่ชื่อวรรณบอกกับพี่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ก่อนที่พี่พนักงานจะเดินออกไป
“สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยบอกเธอ พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้เธออย่างน้อบน้อม
“เชิญนั่ง” เธอพ่ายมือให้ฉันนั่งลงที่โซฟา พร้อมกับเด็กฝึกงานอีกสองคนที่มารายงานตัวพร้อมกัน ฉันก็ยิ้มให้กับทั้งสองด้วยความเป็นมิตร ซึ่งพวกเธอทั้งสองคนก็ยิ้มกลับมาให้ฉันเช่นกัน
“เธอชื่อปัทมา วรโชติ ใช่ไหม” พี่วรรณเธอหันมาถามฉัน ก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารในมือของเธอ ผลัดกับเงยหน้าคมของเธอขึ้นมามองหน้าฉัน สายตาเธอเต็มไปด้วยความงุนงง
“ชะ ใช่ค่ะ” เอาแล้ว... ‘ฉันทำอะไรผิดรึป่าวนะ?’ ฉันได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ ยังไม่ทันได้ทำงานฉันจะถูกไล่ออกไม่ได้นะ ข้าวตูคนนี้ต้องได้โชว์ฝีมือของตัวเองก่อนสิ
“น้องถูกเลือกให้ไปเป็นผู้ช่วยเลขานะคะ เนื่องจากพี่เลขากำลังจะลาพักร้อน” อึ้งไปเลยฉัน...พูดไม่ออกกันเลยทีเดียว แค่เด็กฝึกงานธรรมดาธรรมดาฉันก็กลัวจะแย่...นี่จะให้ฉันไปเป็นเลขา เลขาใครกัน ฉันจะรอดจนถึงวันสุดท้ายของการฝึกไหมเนี่ย แล้วถ้าฉันถูกส่งกลับก่อนกำหนดล่ะจะทำยังไงดี ‘หายใจเข้าลึกๆ ข้าวตูเธอเอาอยู่ เธอทำได้ เธอทำได้’
“เดี๋ยวพี่พาขึ้นไปพบพี่เลขา เพื่อเรียนรู้งานก่อนนะคะ”
“น้องคะ...” เหมือนหูฉันจะดับไปเลย ไม่ได้ยินเสียงใครทั้งนั้นเลยจริงๆ…
“น้องคะ น้องคะ...ไปกันค่ะ” ฉันสะดุ้งจากภวังค์ทันทีที่พี่วรรณเธอสะกิดเรียกฉัน
“คะ...ปะ...ไปค่ะ”
ฉันเดินตามพี่วรรณไปแบบงงๆ เราเดินไปที่ลิฟต์เพื่อที่จะขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึก ซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร เมื่อมาถึงเราทั้งสองก็เดินต่อเข้าไปด้านในสุดของชั้นมันดูเงียบมาก พนักงานบนชั้นนี้เท่าที่ฉันเห็นมีน้อยมากนับคนได้เลย แต่ละคนมีห้องเป็นของตัวเอง จริงๆก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่เพราะชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นชั้นของผู้บริหารนี้เนอะ
พวกเราเดินเข้ามาจนถึงด้านในสุด และฉันก็กำลังกังวลว่าฉันจะได้เป็นเลขาของ ‘บ้า เป็นไปไม่หรอกน่า ไม่ใช่แน่ๆ’
แต่.....
ป้ายหน้าห้องเขียนว่า ‘ประธานกรรมการ’ เหมือนโชคชะตากำลังเล่นตลกกับข้าวตูคนนี้ซะแล้วสิ หรือว่าวันนี้เทวดาที่คอยนับแต้มบุญจะไม่มาทำงานนะ รู้สึกว่าวันนี้ฉันขออะไรไปไม่ได้กลับมาสักอย่างเลย
ตอนนี้ในหัวฉันมีแต่คำว่า ‘โหดมาก โหดมากๆ โหดมากๆๆ .....’ เต็มไปหมด
“….”
ไม่สิไม่ได้...ฉันต้องสู้ แค่ 4 เดือนเองฉันจะต้องรอด ถ้าเราทำงานอย่างเต็มที่ไม่ทำอะไรผิดพลาดเขาก็คงไม่ดุหรอกน่ะ ฉันกำลังบิ้วอารมณ์ตัวเองให้มีแรง มีกำลังใจในการทำงานไม่ให้หนีจนตะเลิดเปิดเปิงไปซะก่อน ‘ลุยข้าวตู’
“พี่ส้มคะ วรรณพาเด็กฝึกงานมาแล้วค่ะ” พี่วรรณเธอเอ่ยบอกกับพี่อีกคน หญิงร่างท้วมที่ดูมีอายุกว่าพี่วรรณอยู่มากพอสมควรเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้าขึ้นมามองฉันก่อนจะยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ” ฉันพูดทักทายพี่ส้มพร้อมกับยกมือไหว้เธออย่างนอบน้อม ก่อนจะยิ้มให้กับเธออย่างเป็นมิตร
“สวัสดีจ่ะ” เธอก็ส่งยิ้มกลับมาให้ฉันเช่นกัน พี่ส้มเธอดูดีมากเลย ถึงจะดูมีอายุ แต่ใบหน้าที่สวยคมอย่างไร้ที่ตินั้นชวนให้หน้าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ววรรณไปก่อนนะคะ” พี่วรรณเอ่ยบอกกับพี่ส้มอย่างนอบน้อม
“จ้ะ ขอบใจนะ” พอพี่ส้มพูดจบพี่วรรณเธอก็เดินออกไปทันที
“ปะ...เดี๋ยวพี่พาไปพบท่านประธาน” พี่ส้มหันมาบอกกับฉันก่อนจะว่างเอกสารตรงหน้าลง
“คะ...ค่ะ” ฉันเดินตามพี่ส้มเข้าไปในห้องท่านประธาน
“ขออนุญาติค่ะท่านประธาน”
พอเข้ามาในห้องฉันก็สัมผัสได้ถึงพลังงานบ้างอย่างเหมือนกำลังจ้องมองมาที่ฉันอยู่ สายตาแต่ละคนทำให้ฉันรู้สึกว่าพวกเขากำลังรอคอยการมาของฉันอย่างไงอย่างงั้น ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมามองสบตาของพวกเขาทีละคน ก่อนจะพบเข้ากับผู้ชายยืนใส่สูตร หน้านิ่งดูหน้ากลัวๆ เขาดูเหมือนจะเป็นมือขวาของผู้ชายที่นั่งอยู่ยังโต๊ะทำงานกลางห้องใหญ่แห่งนี้ ฉันเผลอสบตากับเขาเข้าทำให้ฉันรู้เลยค่ะว่าเขาหล่อสมคำร่ำลือจริงๆ ใบหน้าเรียวได้รูป ตามคมที่แฝงไปด้วยความดุดัน จมูกโด่งเป็นสัน ปากหนาหนาได้รูป มาอยู่รวมกันบนใบหน้าของผู้ชายคนนี้ทำให้เขาดูไร้ที่ติอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ แต่ถึงท่านประธานจะหน้าตาหล่อเหลาหมดจดเพียงใด ฉันก็ยังรู้สึกได้ว่าเขาหน้ากลัวอย่างที่คนในอินเตอร์เน็ตได้กล่าวกันไว้จริงๆ
ท่านประธานเขาจ้องหน้าฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อฉันเข้าไปได้ทั้งตัวอยู่แล้ว ตาคมเหมือนเหยี่ยวของเขาจ้องจนฉันต้องก้มหน้าลงไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตาของเขา
“ท่านประธานคะ ส้มพาน้องฝึกงาน…”
“ออกไปให้กันหมด” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยออกมาเสียงเข้ม เป็นน้ำเสียงที่ฟังดูมีพลัง หรืออำนาจอะไรบางอย่างจนทำให้ฉันรู้สึกเสียวสันหลังไปหมด
“คะ...ค่ะ” แค่เสียงยังหน้ากลัวขนาดนี้เลย เวลาทำงานเขาต้องดุมากแน่ๆ อย่าขัดคำสั่งเขาเลยดีกว่า คิดได้ดังนั้นฉันจึงรีบเดินตามพี่ส้มกับคุณมือขวาของเขาออกไปทันที
แต่......
“เดี๋ยว!...” เหมือนทุกอย่างรอบตัวฉันนิ่งไปหมด ฉันเริ่มสัมผัสได้ว่าอีกไม่นานจะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับแน่ๆ
“คนอื่นออกไป...เธออยู่ก่อน” ท่านประธานพูดกับพี่ส้มและพี่มือขวาก่อนที่จะหันมาพูดกับฉัน ‘ข้าวตูซวยแล้ว...’ ฉันพึ่งเข้าใจว่า ‘หัวใจสั่นละรัว’ เป็นยังไงก็ตอนนี้นี่แหละ
ตึกตึก ตึกตึก
“มองหน้าฉัน” เมื่อทั้งห้องเหลือแค่ฉันกับท่านประธานเพียงสองคน ท่านประธานเดินเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ จนฉันรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้กันมาก มาเกินไป ถึงจะรู้แบบนั้นก็เถอะฉันไม่มีความกล้ามากพอที่จะเขยิบหนีเขา เพราะขาเจ้ากรรมดันแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะสั่นด้วยซ้ำ
“เธอเอาแต่ก้มหน้าแบบนี้...มันดูไม่มีมารยาท” พอท่านประธานพูดจบประโยคเท่านั้นแหละ...
“เธอออ!!!....” ด้วยความที่ฉันตกใจกลัวที่ท่านประธานกล่าวว่าฉัน ฉันจึงรีบเงยหน้ามองท่านประธานทันที โดยที่ฉันไม่ทันได้ระวังก็เลยทำให้...หัวของฉันกระแทกเข้ากับคางของท่านประธานเข้าอย่างจัง ‘แม่จ้าพ่อจ้า ช่วยข้าวตูด้วย!!!’ ฉันได้แต่ภาวนาอยู่ภายในใจ
“ขอโทษค่ะ...หนูไม่ได้ตั้งใจ” ฉันรีบยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวขอโทษท่านประธานออกไปทันที
...
เหมือนอากาศรอบตัวฉันดูอึมครึมไปหมด เราสองคนสบตากันอยู่อย่างนั้นสักพักหนึ่ง สายตาที่ดูคลาดเดาได้ยากในตอนแรก เปลี่ยนเป็นสายตาที่พร้อมจะบีบคนหนึ่งให้แหลกคามือเขาได้อยู่แล้ว
“ออกไป!!...”
“คะ...ค่ะ” ฉันไม่รอช้ารีบก้มหัวให้ท่านประธาน แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปทันที ท่านประธานดูโมโหฉันมากเลยตอนนี้ ‘ข้าวตูคนนี้จะรอดใช่ไหมเนี่ย’ ทำงานวันแรกก็ก่อเรื่องขนาดนี้ซะแล้ว