บทที่ 1
ตระกูลเผยที่ยิ่งใหญ่แห้งแคว้นต้าเจา ผู้นำตระกูลคืออัครเสนาบดีกรมคลัง หลงผิดกระทำการขัดพระประสงค์ของฮ่องเต้ จึงถูกลงโทษฆ่าล้างตระกูล แต่เนื่องฮูหยินของเขา เคยเป็นเพื่อนเล่นวัยเยาว์ของฮองเฮา แต่นางเสียชีวิตไปหลายปีทิ้งลูกสาวคุณหนูสี่ หรือเผยลี่อินให้อยู่กับบิดา
พระนางฮองเฮาทรงเกิดสงสารจึงขอละเว้นโทษตายให้เผยลี่อิน ฮ่องเต้ก็ทรงอนุญาตละเว้นโทษตายให้นาง แต่นางต้องไปอยู่ที่บรรพตหลัง ของตระกูลเยว่ผู้บำเพ็ญตน และห้ามกลับออกมาอีกตลอดไป
“ทำไมไม่ฆ่าข้าไปพร้อมท่านพ่อและท่านพี่เลย ให้ข้าไปอยู่บรรพตหลังเยี่ยงนี้ เหมือนตายทั้งเป็นยิ่งกว่า” คุณหนูสี่ร่ำไห้เอ่ยทั้งน้ำตา
“มีชีวิตอยู่ก็ดีแค่ไหนแล้ว เกิดวันหน้าแคว้นมีงานมงคล ฮองเฮาจะได้ขออภัยโทษให้เจ้าได้อีก” คนสนิทของฮองเฮาที่มาส่งคุณหนูสี่ที่ทางเข้าบรรพตหลังเอ่ยบอกนาง
“ฮองเฮาจะไม่ลืมข้าใช่ไหมเจ้าคะ”
“พระนางทรงไม่ลืมคุณหนูหรอกเจ้าค่ะ พระนางทรงคิดถึงท่านแม่ของคุณหนูตลอด”
หญิงสาวร่างบางแววตาเศร้าสร้อยคนทั้งตระกูลเหลือนางรอดชีวิตเพียงผู้เดียว และจำต้องมาอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยนี้อีก
ร่างบางมองปากทางเข้าบรรพตหลังดูอึมครึมไปด้วยเถาวัลย์เล็กใหญ่ตลอดสองทาง
เพียงครู่เดียวก็ปรากฏบุรุษรูปร่างสูงโปร่ง กำลังเดินมุ่งหน้ายังนางกับคนสนิทของฮองเฮา
“ท่านเย่วเฟยเฟิ่งหรือไม่”
“ขอรับ ข้าเย่วเฟยเฟิ่งทำหน้าที่มารับคุณหนูสี่”
คุณหนูสี่นิ่งค้างมองบุรุษหน้าหยกผู้นี้ ทำไมเขาถึงช่างรูปงามแตกต่าง กับท่านชายในเมืองหลวงที่เคยพบเจอยิ่งนัก
“คุณหนูข้ามาส่งท่านได้เพียงเท่านี้ ต่อจากนี้คุณชายทั้งสามของตระกูลเยว่จะเป็นผู้ดูแลท่าน อดทนหน่อยนะเจ้าค่ะ”
“เจ้าค่ะ” น้ำเสียงเศร้าตอบรับ แล้วเหม่อมองหญิงสูงวัยผู้นั้นเดินจากไป
“ไปเถอะคุณหนูสี่ เดี๋ยวจะมืดซะก่อนเส้นทางเข้ายังอีกไกล”
“เจ้าค่ะ คุณชายเย่ว”
“เรียกข้าว่าเฟยเฟิ่งก็ได้ ข้ากับคุณหนูหน้าจะรุ่นเดียวกัน”
“ข้าอายุสิบเก้า” นางเอ่ยบอก
“ข้าก็สิบเก้า”
“งั้นท่านก็เรียกข้าว่าลี่อินเฉย ๆ ก็ได้”
“อืมได้สิ รีบไปเถอะ”
ทั้งสองเดินคุยกันไปเรื่อย ทางก็ยิ่งรกขึ้นและเวลานี้ก็ใกล้จะค่ำแล้วด้วย
“ลี่อินเจ้าเดินระวังหน่อยนะแถวนี้ มีสัตว์และต้นไม้มีพิษเยอะ”
“อืม อีกไกลหรือไม่”
“อีกครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้ว”
“ที่บรรพตหลังนั้น..โอ๊ย!!” ลี่อินร้องเสียงหลงเมื่อแขนของนางถูกหนามเกี่ยวเข้าจนชุดขาด
“เจ้าโดนอะไร” เฟยเฟิ่งรีบหันกลับมาถาม
“ไม่เป็นไร ๆ แค่หนามเกี่ยว”
“หนาม! เข้าเนื้อหรือไม่ให้ข้าดูหน่อย”
ลี่อินแปลกใจ ก็แค่หนามเหตุใจเขาต้องตกใจถึงเพียงนี้
เฟยเฟิ่งรีบถกแขนเสื้อของนางขึ้นมาดู ลี่อินใจหายวาบ ไม่เคยมีชายใดจับแขนเสื้อนางแล้วถกขึ้นมาจับเนื้อต้องตัวนางสักครั้ง
“นี้เดี๋ยว”
เคว้ก! เฟยเฟิ่งฉีกแขนเสื้อนางออกทันทีที่เห็นรอยข่วนจนเลือดซิบที่ต้นแขนของนาง
“ท่านจะทำอะไร” นางเอ่ยถามเสียงหลง
“ข้าบอกเจ้าแล้วไงให้ระวัง แถวนี้ต้นไม้มีพิษมันเยอะ”
“มีพิษเหรอ”
“ใช่” เฟยเฟิ่งพูดไปก็ใช้เศษผ้าที่ฉีกออกมารัดแขนให้ แล้วรีบจูงมือลี่อินให้เดินตามอย่างเร็ว
“มีพิษ…แล้วข้าจะตายหรือไม่”
“อาจจะไม่ตายตอนนี้ แต่เจ้าจะทรมานจนตายได้”
“ข้าไม่กลัว ชีวิตข้าไม่เหลือพ่อแม่ญาติพี่น้องแล้วถ้าจะตายข้าก็ไม่กลัว”
“แต่ฮองเฮาพระนางทรงฝากเจ้าไว้ เจ้าจะตายไม่ได้ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วรีบเดิน”
ลี่อินเดินตามแรงจูงของเฟยเฟิ่งไปได้สักพัก นางก็รู้สึกแปลกเหงื่อซึมตามไรขมับ ดวงตาเริ่มพร่ามัว ร่างกายร้อนวูบวาบและแขนขาอ่อนแรง
“เฟยเฟิ่งข้าเดินไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงเบาบางของนางเอ่ยบอกเขา
“แข็งใจหน่อยจะถึงแล้ว”
“อืม..ข้าเดินไม่ไหวจริง ๆ โอ้ย..” ร่างบางล้มลงไปกองกับพื้น ชายหนุ่มจึงต้องหยุดแล้วหันมาดูนาง
“แข็งใจหน่อยข้าช่วยพยุง”
“อืม..ทำไมข้าร้อนแบบนี้” ลี่อินยกหลังมือขึ้นเตะตามคอแล้วหน้าผาก ก่อนจะพยายามดึงสาบเสื้อชุดที่สวมออก
“พิษกำเริบแล้วหรือ” เฟยเฟิ่งคิ้วขมวดรีบยืดมือนางไว้
“ข้าคงต้องแบกเจ้าไป ล่วงเกินเจ้าแล้ว” พูดจบเขาก็จับร่างบางขึ้นแบกนางไว้ที่หลังแล้วรีบวิ่งเข้าในเขตบรรพตทันที
“อืม..ตัวท่านหอมยิ่งนัก” ใบหน้าสวยซบอยู่ที่ต้นคอของชายหนุ่ม จนนางได้กลิ่นกายเขาและพยายามใช้จมูกไซร้สูดกดกลิ่นกายบุรุษ
เฟยเฟิ่งวิ่งหน้าตั้งจนในที่สุดก็ถึงเขตบรรพต เขาตรงเข้าไปยังโถงกลางและก็เจอพี่รองของเขาอยู่ที่นั่นพอดี
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถึงแบกนางมา” เย่วเฟยหมิงเอ่ยถามน้องชาย
“พี่รอง นางโดนหนามไฉเมี่ยว”
“ห่ะ เช่นนี้จะทำเยี่ยงไรพิษของหนามไฉเมี่ยวไม่มียาถอนเว้นเสียแต่…” เฟยหมิงคิดไม่ตก หนามชนิดนี้มียางของมันมีพิษปลูกกำหนัดรุนแรง และนางโดนข่วนจนเลือดซึมเช่นนี้ ยางพิษคงซึมเข้าไปในกระแสเลือด
“แต่อะไรพี่รอง”
“แต่..ต้องช่วยนางให้สำเร็จความใคร่”
“ท่านพูดอะไร” เฟยเฟิ่งตกใจ
“นั้นเป็นวิธีเดียว ถ้าปล่อยไว้นางอาจทรมานจนตาย”
“แต่เรื่องนี้เราต้องปรึกษาพี่ใหญ่ก่อน”
“แต่พี่ใหญ่ไปฝึกตนที่ยอดเขากว่าจะกลับก็อีกสามวัน นางคงทรมานจนตายพอดี”
สองหนุ่มได้แต่ถอดถอนลมหายใจ
“อืม..ทำไมข้าร้อนเช่นนี้” ลี่อินพึมพำมือดึงทึ้งจนชุดคลุมหลุดออก จนเห็นต้นขาเนียนสวยและเนินอกอิ่มลูกใหญ่ที่ถูกซ่อนเอาไว้
สองหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอก้อนใหญ่หันมามองหน้ากันก่อนจะรีบตัดสินใจ
“นางร้อนต้องพานางไปแช่ในน้ำ” เฟยหมิงเอ่ย
“งั้นพาไปเตรียมน้ำเย็นให้” เฟยเฟิ่งรีบเสนอ
“เดี๋ยวข้าจะอุ้มนางไป” เฟยหมิงรีบเอ่ย
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยเฟยเฟิ่งจึงได้รีบไป ส่วนเฟยหมิงก็เดินข้ามหาลี่อินด้วยใจที่เต้นระรัวนัยตาสีนิล ไล่มองปลายเท้าจนถึงโคนขาอ่อนที่เกือบจะเห็นจุดสงวน และเนินอกอิ่มที่มีผ้าแถบปิดรัดอยู่
“คุณหนูแข็งใจหน่อย” เฟยหมิงรีบคว้าชุดมาคลุมร่างของนางได้แล้วช้อนอุ้มร่างบางขึ้นมาแนบอก
“อืม…ท่านเป็นใครกลิ่นหอมแบบนี้ไม่ใช่เฟยเฟิ่ง” ลี่อินซุกไซร้สูดดมไปที่ซอกคอของเฟยหมิง ด้วยเพราะดวงตานางพร่ามัว และกลิ่นหอมจากตัวพวกเขาดึงดูดให้นางสูดดมจนเกิดความรู้สึกแปลก ๆ
“คะ..คุณหนูหยุดไซร้ข้าก่อน ข้าชื่อเย่วเฟยหมิงคุณชายรองของตระกูลเย่ว” เฟยหมิงขนลุกชัน
“อืม..กลิ่นกายท่านหอมมาก ทำให้ข้ารู้สึกแปลก” ลี่อินพึมพำที่ข้างใบหูเฟยหมิง ริมฝีปากนางก็งับที่ติ่งหูชายหนุ่มเบา
“ซี้ด…คุณหนูสี่ เจ้าแข็งใจหน่อย”