ปะทะคารม

1307 Words
ปิ๊นนนน!!!…          “เกิดอะไรขึ้นชาลี” เสียงเข้มๆ ของชายหนุ่มถามผู้จัดการใหญ่ ที่เป็นเสมือนอาจารย์คอยสั่งสอนเรื่องการทำงานให้ เมื่อคนขับรถเหยียบเบรกกะทันหันพร้อมบีบแตรค้างเอาไว้          “รถขายผลไม้ตัดหน้าครับคุณยัสซัน” ชาลีตอบเจ้านายหนุ่ม ที่จะมารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของบริษัทผลิตเสื้อผ้าส่งออกแห่งนี้          ชายหนุ่มที่มีนามว่ายัสซันขยับผ้าม่านข้างรถให้เปิดออกเล็กน้อย มองผ่านกระจกที่ติดฟิล์มมืดไว้อีกชั้นออกไปนอกรถเมื่อได้ยินดังนั้น “ทำไมหน้าบริษัทถึงเหมือนตลาดสดแบบนี้” ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มแบบชาวอาหรับ ตามแก้มและคางรกไปด้วยไรเคราไรหนวดเขียวครึ้มถามขึ้น เมื่อเห็นรถขายของห้าหกคันจอดเรียงรายอยู่หน้าบริษัทของตัวเอง “ตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวันครับคุณยัสซัน บรรดารถของกินต่างๆ จึงมาจอดขายของให้พนักงานของบริษัทมากเป็นพิเศษ พอใกล้เวลาเข้างานเข้าพวกเขาก็จะทยอยจากไป” “ไม่มีระเบียบเอาซะเลย” คิ้วเข้มดกดำขมวดมุ่นขณะเอ่ยปากบ่น เมื่อเห็นหญิงสาวบุคลิกดีเยี่ยม หน้าตาสวยใสไร้ที่ติคนหนึ่งเดินหน้าบึ้งมาทางนี้ ประกอบถอนหายใจยาว เตรียมตัวเตรียมใจเต็มที่เมื่อเห็นหญิงสาวที่สวยและปากจัดที่สุดที่ในบริษัทเดินหน้าบึ้งมาทางตน กดกระจกเลื่อนลงเมื่อเธอเดินมาถึงโดยไม่ต้องรอให้เคาะเรียก “ขอโทษครับคุณป่าน” รีบเอ่ยปากกล่าวขอโทษก่อนที่เธอจะพูดออกมา “ป่านบอกพี่ประกอบกี่ครั้งแล้วเรื่องขับรถเนี่ย จำได้บ้างหรือเปล่าหือ” สาวเจ้าต่อว่าคนขับรถของบริษัทโดยไม่สนใจว่าจะมีใครนั่งอยู่ในรถด้วย “จำได้จ้ะ เวลาขับรถมาถึงบริษัทช่วงเที่ยงให้ขับช้าๆ เพราะพนักงานของเราจะออกมาซื้อของกินที่หน้าบริษัทกันเยอะ อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เพราะไม่ทันระวังจ้ะ” ประกอบบรรยายให้หญิงสาวคนสวยนามว่าอินทิราฟัง “ก็จำได้นี่ แต่ทำไมไม่ทำ ถ้าเกิดเมื่อกี้พี่ชนถูกลุงเขาเข้าพี่จะทำยังไง” “ขอโทษจ้ะ คราวหน้าพี่จะระวังให้มากกว่านี้” “รับปากแล้วก็จำไว้ด้วยล่ะ ไปได้แล้ว” อินทิราโบกมือไล่ชายหนุ่ม หมุนตัวกลับไปตามทางเดิมที่เดินมา ยัสซันหันไปมองหน้าผู้จัดการใหญ่ ทุกสิ่งที่เธอพูดเขาฟังเข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่าง แต่เขาอยากรู้ว่าเธอเป็นเดือดเป็นร้อนแทนลุงคนนั้นทำไม “เธอคือใคร” เขาเลือกที่จะใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยที่ได้ร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็กจนโต จากอาจารย์ส่วนตัวที่มารดาจ้างตรงจากประเทศไทยจนแตกฉาน แต่ถึงกระนั้นสำเนียงก็ยังไม่ชัดเจนเท่ากับการรับฟังที่เข้าใจดี จึงเลือกใช้ภาษาที่ถนัดมากกว่า “เธอเป็นผู้จัดการการตลาดฝ่ายต่างประเทศครับ ชื่ออินทิรา จริงๆ แล้วเธอเป็นคนปากร้ายแต่ใจดีครับ รักความถูกต้องและเป็นคนขี้สงสาร อย่าไปถือสาเธอเลยนะครับ” ชาลีอธิบายให้เจ้านายหนุ่มฟังพร้อมกับออกตัวแทนหญิงสาวเจ้าอารมณ์ที่สุดในบริษัทที่ทุกคนต่างก็เกลียดไม่ลง “ยังเด็กอยู่เลย เป็นผู้จัดการแล้วเหรอ” ชายหนุ่มตั้งข้อสงสัย “เธออายุสามสิบแล้วนะครับชีค” มันไม่ใช่เรื่องยากที่คนรุ่นนี้จะได้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งสูงๆ แบบนี้ ถ้ามีความรู้ความสามารถเต็มร้อย สมัยนี้เขาไม่ได้มองกันที่ประสบการณ์เหมือนแบบเก่าแล้ว “หือ” แว่นกันแดดถูกดึงออกจากใบหน้า สายตาคมเข้มมองหน้าผู้จัดการใหญ่อย่างไม่อยากเชื่อ ถ้าบอกว่าเธออายุยี่สิบเจ็ดเหมือนเขา ยังฟังน่าเชื่อมากกว่าซะอีก “ไม่ผิดแน่ครับ เธอมาฝึกงานที่นี่พร้อมกับเพื่อนและบริษัทก็จองตัวพวกเธอเอาไว้เลย พอเรียนจบพวกเธอก็เริ่มมาทำงานที่นี่ ตอนนั้นผมยังเป็นเลขาของคุณแม่ชีคอยู่เลย” หนุ่มใหญ่วัยสามสิบเก้าปีอธิบายให้เจ้านายคนใหม่รับฟัง “ถ้ายังอยากทำงานด้วยกันนานๆ โดยที่ฉันยังอารมณ์ดีอยู่ก็อย่าเรียกฉันว่าชีคเลยนะชาลี ฉันไม่ชอบคำนี้เลย” ยัสซันกล่าวอย่างหงุดหงิด ตั้งแต่จำความได้คนที่ดูแลเขามาตลอดคือมารดาชาวไทยกับบิดาชาวฝรั่งเศสที่ถือสัญชาติอเมริกันต่างหาก ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ของรัฐหนึ่งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คนนั้น ดังนั้นตำแหน่งนำหน้าชื่อจึงไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการแม้แต่นิดเดียว “ครับท่าน” ชาลีรู้ดีว่าเจ้านายคนนี้ไม่ชอบให้เรียกเขาว่าชีค แต่เมื่อกี้เขาก็ลืมตัวไปเหมือนกัน “ไม่ต้องท่านก็ได้ แค่ชื่อเฉยๆ ก็พอ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลนะ” “ครับคุณยัสซัน” ชาลีตอบรับอย่างนอบน้อม เป็นไปไม่ได้ที่ผู้จัดการอย่างเขาจะตีตัวเสมอเจ้านาย ถึงแม้ฝรั่งมังค่าเขาจะไม่ถือในเรื่องแบบนี้ แต่ความเป็นคนไทยที่มีอยู่ในสายเลือด ทำให้เขาทำแบบนั้นได้ไม่สะดวกปากเท่าไหร่นัก ถึงแม้ตามความเป็นจริงแล้ว จะเกี่ยวดองเป็นญาติสนิททางฝ่ายมารดาของชายหนุ่มก็ตาม จึงเรียกอีกฝ่ายด้วยคำว่าคุณนำหน้าก่อนตามด้วยชื่ออย่างที่เขาร้องขอ เพราะไม่อยากให้คนในบริษัทมาแอบนินทาลับหลัง... ดวงตาคมเข้มของยัสซันเหลือบมองหญิงสาวที่เข้ามาในห้องประชุมช้ากว่ากำหนดเกือบสิบนาทีด้วยแววตาติดตำหนิ เธอมาสายตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มมาทำงานวันแรกเลยเหรอนี่ “ขอโทษค่ะ บังเอิญว่าติดสายด่วนบริษัทลูกค้าที่เยอรมัน ก็เลยไม่สามารถเข้ามาประชุมได้ตามเวลา” “นั่นเป็นข้ออ้างของคนที่ไม่ตรงต่อเวลาหรือเปล่า” ยัสซันตำหนิเธอด้วยภาษาอังกฤษต่อหน้าผู้ร่วมประชุมคนอื่น “ไม่เป็นไรหนูป่าน เชิญนั่งสิจ๊ะ” วารีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดเหน็บแนมของลูกชายที่ต่อว่าหญิงสาว “ฉันไม่เคยผิดเวลาถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินค่ะ” อินทิราตอบชายหนุ่มเป็นภาษาไทยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผิดกับในใจที่อยากยันอีกฝ่ายให้ร่วงลงจากเก้าอี้ซะบัดนี้ โทษฐานที่พูดจาไม่เข้าหู ทำเป็นอวดเบ่งใส่ตนต่อหน้าเพื่อนร่วมงานคนอื่น  “ขออนุญาตนั่งนะคะ” “เชิญ” ยัสซันมองหญิงสาวที่ส่งสายตาอวดดีมาให้ก่อนกล่าวเชื้อเชิญแบบแกนๆ “ในเมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้วผมก็ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ” ชาลีเห็นสายตาของเจ้านายหนุ่มแล้วรู้สึกหายใจไม่ค่อยทั่วท้องเท่าไหร่นัก จึงรีบเข้าเรื่องก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้  “วันนี้ที่ท่านประธานเรียกประชุม ก็เพื่อแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ท่านจะให้คุณยัสซันซึ่งเป็นลูกชายมาบริหารงานแทน และตัวท่านจะรับตำแหน่งประธานอาวุโสของบริษัทคู่กับคุณเรย์มองด์ ดังนั้นตั้งแต่วันที่หนึ่งเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป  ทุกท่านจะได้เริ่มทำงานกับผู้บริหารคนใหม่ของเราอย่างเป็นทางการ” ชาลียื่นเอกสารการเปลี่ยนแปลงระบบงานในบริษัท และประวัติเบื้องต้นของซีอีโอคนใหม่ให้ทุกคนที่ร่วมเข้าประชุม          “อีกเรื่องที่ต้องการให้ทุกท่านช่วยดำเนินการต่อ ก็คือเรื่องงานเลี้ยงรับรองซีอีโอคนใหม่ ขอให้ทุกท่านช่วยกระจายข่าวไปยังบุคคลในแผนกของท่านด้วยนะครับ”          ผู้จัดการฝ่ายต่างๆ ที่อยู่ในห้องต่างตอบรับโดยพร้อมเพรียง เมื่อเสร็จเรื่องแล้วจึงแยกย้ายกันกลับไป...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD