พิมทองถูกอุ้มกลับไปโรงนาอีกครั้ง หญิงสาวยังไม่หายตกตะลึง เมื่อถูกวางให้นั่งลงบนแคร่ก็ผวาเข้ากอดแขนไอ้ทัพ แล้วพูดปากคอสั่นราวกับไปเจอผีสางนางไม้ หรือเจอเรื่องคอขาดบาดตายมาก็ไม่ปาน
“พี่ทัพ ฉันเห็นลูกสมุนพี่... พวกเขา... พวกเขา”
“พวกเขารักกัน”
“บัดสีบัดเถลิงสิไม่ว่า เป็นเสนียดจัญไร ต้องเกิดอาเพศกับบ้านดงเศรษฐีแน่ๆ”
“ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เอ็งอย่าใจแคบ มองอะไรด้านเดียว พรมแดนรักไม่ได้อยู่ที่เพศ แต่อยู่ที่หัวใจ หญิงกับชายรักกันไม่ได้ถ้าใจไม่ตรงกัน ชายกับชายรักกันได้ถ้าหัวใจเดียวกัน ใช้หัวใจตรองแล้วเอ็งจะเข้าใจ” ไอ้ทัพอธิบายยืดยาว ขณะที่มือดึงผ้าแถบและผ้าถุงให้หลุดพ้นกาย
“พี่ทัพ” พิมทองหวีดร้อง เพิ่งได้สติ เมื่อผ้าซิ่นหลุดจากปลายเท้าและเห็นว่าไอ้ทัพเดินโทงๆ ในกระท่อมโดยไม่ได้สวมอะไรติดกาย
ไฟลุกตลอดเวลาสินะ หัวหน้ากับลูกสมุนไม่ต่างกันสักนิด บัดสีบัดเถลิง
“จะร้องทำไมเล่า ตะเบ็งเสียงอย่างนั้นไม่เจ็บคอหรือไรกัน”
“เรื่องของฉัน แต่พี่ทำเรื่องน่าละอาย ไม่อายผีสางเทวดา ฉันไม่หน้าทนเหมือนพี่หรอกนะ”
“อุวะ ผ้าเปียกเพราะใครล่ะ เอ็งมันดื้อ มากเรื่อง เห็นจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เป็นเมียพี่แล้วจะได้เลิกคิดหนีเสียที”
พิมทองสะดุ้ง ตาเบิกกว้าง
“พี่ทัพ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันขอโทษก็ได้ สัญญาว่าจะไม่หนีอีก” พิมทองเสียงอ่อน สิ้นหวังกับท่าทางจริงจังของไอ้ทัพ
เธอคงไม่รอดแน่ หนีก็หนีไม่พ้น ยังดีที่ไปเจอสองคนนั้นพลอดรักกันอยู่ ถ้าเจอกับพวกโจรใจทรามล่ะ คงยับเยินจนไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หรือไม่ก็เดินหลงวนอยู่กลางป่าจนหนาวตาย เพราะฟ้าฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะซาลงแม้แต่น้อย เบื้องบนคงลิขิตเอาไว้แล้ว พิมทองทอดอาลัย
“คิดว่าพี่จะเชื่อหรือแม่พิม” ไอ้ทัพเอาน้ำล้างเท้าให้พิมทองอย่างอ่อนโยน ปรนนิบัติราวกับบ่าวรับใช้นาย
พิมทองอึ้ง คาดไม่ถึง เขาปรนนิบัติราวกับเป็นบ่าวของเธอ แต่ปากบอกว่าจะแทง มันคืออะไรกัน ไหนจะคำรักที่พร่ำบอกอีกล่ะ
“พี่ทัพ จะแทงฉันจริงๆ หรือจ๊ะ”
ไอ้ทัพชะงักมือ เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเรียวฉ่ำน้ำสั่นระริกระแวงภัย เธอกำลังกลัว กลัวจะโดนแทง
“ก็เอ็งดื้อ พี่ไม่ได้คิดจะแทงตอนนี้สักหน่อย” เขาก้มลงทำงานที่ค้างอยู่ ขณะกัดริมฝีปากไม่ให้หลุดหัวเราะออกไป
“ฉันไม่ดื้อแล้ว พี่ทัพอย่าแทงนะ”
“ไม่ได้หรอก”
“ไหนว่ารักฉัน แล้วทำไมต้องฆ่าให้ตาย”
“เพราะรักจึงแทง พี่จะแทงเอ็งด้วยไอ้นี่ไงล่ะ” แล้วไอ้ทัพก็เฉลย
“กรี๊ดดด” มันเกือบทิ่มหน้าเธอเมื่อเขาลุกขึ้นยืน
พิมทองไวนัก ความกลัวผลักดันให้กระโดดผลุงวิ่งหนี
“ปล่อยฉัน ปล่อยๆ”
“ไหนว่ากลัวโดนแทง อยู่นิ่งๆ สิ”
“พี่สวมผ้าก่อน ฉันกลัว”
“อุวะ ก็มันเปียก”
“ฉันกลัว”
“กลัวก็หลับตาซะ เดี๋ยวมันต้องเข้าไปอยู่ในตัวเอ็ง”
ตายแน่ ต้องตายแน่ๆ ใหญ่ยาวราวกับท่อนฟืน มันจะเข้าไปได้ยังไง
พิมทองหลับตาลงอย่างที่เขาบอกขณะพูดต่อรอง
“อย่าทำอย่างนี้เลยพี่ทัพ ร่างกายที่ไร้หัวใจ ถึงแม้จะได้ไปครอง แต่ชายชาตรีอย่างพี่จะภูมิใจหรือ พี่จะรักฉันมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ เพราะหัวใจคือพรมแดนกางกั้นไม่ให้ฉันรักพี่ หัวใจฉันบอกว่ารักพี่แผนทุกลมหายใจเข้าออก”
“พี่ยอมรับ ที่เอ็งพูดถูกต้องทุกอย่าง แต่พี่จะใช้ความรักทำลายพรมแดนหัวใจของเอ็งให้ได้ ความรักของเอ็งกับไอ้แผนจบลงในคืนนี้ เหลือแต่เพียงความทรงจำที่พี่ไม่คิดจะหวงห้าม” แม้จะเอ่ยอย่างใจกว้าง แต่ลึกๆ ไอ้ทัพก็รู้สึกเจ็บปวด
“ไปขอฉันกับแม่ก่อนสิพี่”
“เช้ามืดวันนี้พี่บอกเอ็งแล้ว ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย และอย่างที่รู้กัน แม่น้าจะไม่บังคับเอ็ง”
ใช่... ผู้เป็นแม่ปฏิเสธเพราะรู้ว่าบุตรสาวมีคนรักแล้ว การจะหักหาญน้ำใจไม่ใช่นิสัยของนางสีไพล ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน การอบรมสั่งสอนว่ากล่าวตักเตือนคือสิ่งที่สมควรทำ นางสีไพลตระหนักถึงหน้าที่ของแม่ที่รักและปรารถนาดีต่อลูก จึงไม่ละเลยที่จะอบรมสั่งสอนบุตรสาวทั้งสองคนในเรื่องการเลือกคู่ครอง
นางสีไพลได้แต่ปลงตกเมื่อบุตรสาวคนโตเลือกที่จะรักไอ้แผน ไอ้หนุ่มมากรัก นางปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา และตอนนี้โชคชะตาก็กำลังทำหน้าที่ของมันอยู่
“ลองอีกสักครั้งเถอะนะพี่ทัพ”
หญิงใดโดนฉุดคร่าไปแล้วก็ถือว่าเป็นเมียชายผู้นั้น พิมทองพยายามดิ้นเฮือกสุดท้าย ก่อนจะพ้นเขตบ้านดงเศรษฐียังมีหวังว่าจะรอด อุบายตื้นๆ แค่นี้เด็กอมมือก็รู้ได้ ไฉนเลยไอ้ทัพจะไม่รู้
ความตั้งใจก่อนหน้านั้นพลันแปรเปลี่ยน ไอ้ครั้นจะรอร่วมหอลงโรงที่เรือนรักเห็นทีจะไม่ดีแน่ เพราะหญิงสาวเจ้าเล่ห์เพทุบาย ใช้แผนสูง เขาเชื่อว่าอีกหนทาง หากเธอหนีจากเขาไปได้ไม่แคล้วต้องบวชชี รอจนเรื่องซาก็ลาบวชเพื่อที่จะสมรักกับไอ้แผน ใครมันจะยอมให้เป็นแบบนั้นกันเล่า
“ได้สิ แต่ให้พี่ได้เอ็งก่อนนะ มีลูกสักคนค่อยจัดขบวนขันหมากไปสู่ขอ และขอขมาลาโทษแม่น้าสีไพล”
“พี่ทัพเห็นใจฉันเถิดนะ”
“ไม่ หมดเวลาของเอ็งแล้ว”
“พี่ทัพ” พิมทองลืมตา และเมื่อได้เห็นสีหน้าเด็ดเดี่ยวของชายหน้าดุแล้ว พิมทองก็กรีดร้อง สะอึกสะอื้นอย่างสิ้นหวังระคนอัดอั้นตันใจ
“พี่รักเอ็ง รักมากกว่าที่ไอ้แผนรักนะแม่พิม”
พิมทองตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เมื่อร่างใหญ่ของไอ้ทัพขยับขึ้นคร่อมเหนือกาย
“แต่ฉันไม่ได้รักพี่”
“หยุดพูดเสียที เบื่อจะฟัง อยู่ไปก็รักกันไปเอง มีลูกสักคนสองคน เอ็งจะรักลูกและเผื่อแผ่มาถึงตัวพี่”
“ไม่ ฉันจะไม่รักพี่”
“เป็นอย่างนั้นก็ช่างเอ็งเถอะ คร้านจะเถียง ใจเป็นของใครก็ช่าง แต่ตัวเอ็งต้องเป็นของพี่ ให้สายฟ้าสายฝนเป็นพยานรักในค่ำคืนนี้”
จบคำพูดไอ้ทัพก็จูบซับน้ำตาที่เปื้อนแก้ม ท่อนขาแข็งแรงก่ายเกยเรียวขาใต้ร่าง จมูกและปากเคลื่อนลงไปที่ซอกคอ จูบซับแรงๆ แล้ววกขึ้นไปประกบปากที่กำลังกรีดร้อง มือข้างหนึ่งโลมลูบเนินอกที่กำลังสั่นไหวเพราะแรงสะอื้น อีกข้างซุกซนปัดป่ายกลางกายเบื้องล่าง
“พี่รักเอ็ง” ไอ้ทัพงึมงำ ลุ่มหลงรสชาติทรวงสาวที่ดีดดิ้นอยู่ในอุ้งปาก มือหยาบซุกเข้าหารอยแยกบอบบางที่แห้งผาก ฝืดเคือง ไร้หยาดน้ำพร่างพรม และไม่ว่าจะเพียรพยายามปลุกปล้ำ รีดเค้นสักเท่าไหร่ น้ำค้างก็ไม่หลั่งออกมา
“แม่พิมจ๋า ยอมพี่เสียดีๆ เถอะ เอ็งจะได้ไม่เจ็บ” ไอ้ทัพหยุดรุกราน