bc

นักฆ่าอย่างฉันต้องมาเกิดใหม่เป็นบุตรีชนชั้นสูงงั้นเหรอ?!

book_age16+
248
FOLLOW
1.2K
READ
others
drama
comedy
sweet
school
slice of life
lesbian
like
intro-logo
Blurb

นักฆ่าที่เลือดเย็นอย่างฉัน ต้องมาทำตัวเป็นกุลสตรีเนี้ยนะ!? ฝันเถอะ!

เบื้องหน้าที่โลกได้เห็นความสวยงาม

เบื้องหลังกลับดำมืดยิ่งกว่าอะไร

นั่นแหละคือโลกที่ฉันเคยอยู่

นักฆ่าอย่างฉันได้แต่หลบๆซ่อนๆ

ต้องฆ่าคนไปร้อยคนเพื่อเงินเท่านั้น

เกิดมาเป็นนักฆ่าตั้งแต่เด็ก

สถิติการสำเร็จเท่ากับ...

99%

เพราะร้อยๆคนที่ฉันฆ่า ฉันพลาดท่าเอง

เลยโดนเหยื่อที่เป็นเป้าหมายฆ่าซะได้

เอาเถอะ จะได้หลุดพ้นกับชีวิต

อันแสนเน่าเฟะนี้สักที

โลกใบใหม่ที่ท่านเทพส่งมา

จะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าเลย!!

chap-preview
Free preview
Chapter 1 นรก
​ "ในที่สุดเจ้าก็มาแล้วสินะ เจ้าคนบาปหนาเอ๋ย" เมื่อฉันได้ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าสิ่งรอบตัวเปลี่ยนไป ไม่ใช่สถานที่ที่ฉันยืนอยู่เมื่อครู่เลย รอบตัวเด่นชัดเรื่องสีแดง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากรอบทิศทาง แต่ฉันก็ไม่สะทกสะท้านอะไร เพราะฉัน ไร้ความรู้สึกยังไงล่ะ ฉันเงยหน้ามองหาต้นเสียงที่ได้พูดขึ้นเมื่อครู่ น้ำเสียงที่ทุ้มใหญ่ รู้สึกได้ว่าแค่เอ่ยออกมาบรรยากาศรอบข้างก็หนักอึ้งเหมือนมีแรงโน้มถ่วงกดทับตัวอยู่ รูปร่างอันสมบูรณ์ ตัวทั้งตัวเคลือบไปด้วยสีแดง ใบหน้าอันเคร่งขึม มองแค่นี้ก็คงรู้แล้วว่า ยมบาลชัดๆ "เจ้าคงมองออกนะ ว่าที่นี่คือที่ใด" เขาได้เอ่ยออกมาอีกครั้ง ฉันพยักหน้าให้หนึ่งที เพื่อเป็นการตอบรับ ฉันเองก็ไม่ใช่พวกชอบคุย ความสามารถการสื่อสารติดลบล้าน "เจ้าดูไม่กลัวข้าเลยนะเจ้ามนุษย์" ประโยคที่เขาพูดมาเป็นประโยคคำถามที่ไม่สามารถใช้อะไรตอบแทนได้นอกจากคำพูด ครั้งนี้ฉันจึงต้องจำใจพูด "เพราะฉันไร้ความรู้สึก" ฉันเงยหน้าจ้องตาอย่างไม่เกรงกลัว เพราะมันไม่แปลกอะไรเลยที่ฉันจะได้ลงนรก "อื้ม! เจ้าโหดเหี้ยมเกินมนุษย์นัก ทั้งที่มีร่างกายเป็นดั่งสตรี แต่กลับฆ่าคนได้ง่ายดายเหลือเกิน เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่!" "ไม่มี" น้ำเสียงห้วนๆของฉันได้ออกไป ยอมรับทุกการกระทำ เพราะการที่ลงนรกมาได้แบบนี้แสดงว่าต้องเจ็บปวดไปอีกสักพักใหญ่ๆ เพื่อจะได้หลุดพ้นจากชีวิตอันเน่าเฟะของฉันจริงๆสักที "เจ้านั้น! ควรได้รับบทลงโทษในนี้เป็นเวลาหลายพันปี หรืออาจจะไม่ได้ไปเกิดเลยก็ว่าได้!" ฉันยังคงนิ่ง และไม่ออกอาการใดๆ เขาเลยพูดต่อด้วยประโยคที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับคนอย่างฉันเลยแม้แต่นิดเดียว "แต่! เจ้านั่นเกิดมาผิดยุคสมัย! เรื่องนี้ข้าตรวจสอบมาแล้ว เป็นความเป็นของไอเจ้าบื้อที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแต่ก็ยังผิดพลาดได้ร้ายแรง! ส่งเจ้ามาในยุคที่สงบสุข! เจ้าได้รับลดหย่อนโทษให้มาเป็นผู้ช่วยในการตัดสินคดีความผิดแทน! เพราะด้วยเจ้ามีความโหดเหี้ยม ไม่ประณีประนอมใคร! ไม่ใจอ่อนถึงจะมีคนมาอ้อนวอนก็ตาม! เป็นเวลาหนึ่งร้อยปีต่อจากนี้ เจ้าจะได้ไปเกิดใหม่ในยุคสมัยที่เหมาะกับเจ้าเป็นแน่!" ร้อยปีงั้นหรอ? ก็ดีน่ะสิ อยากจะลองใช้ชีวิตเป็นร้อยปีดูสักครั้งเหมือนกัน ถึงที่นี่จะไม่มีอะไรนอกจากคำว่าสีแดงก็เถอะนะ สีแดง... ก็เหมาะกับฉันที่มือเปื้อนเลือดมานับต่อนัก "เจ้าจะยอมรับหรือไม่!" "ยอมรับ ด้วยความยินดีเลย" สักวันฉันอาจจะได้เจอคนที่มันฆ่าฉันก็ได้ น่าสนุกดีนะ หึ หลังจากที่ฉันยอมรับข้อเสนอที่ท่านยมบาลให้มาแล้ว ฉันก็ถูกส่งตัวไปยังห้องๆนึง เพื่อเตรียมตัวในการฝึกสอนของรุ่นพี่ที่กำลังได้ไปเกิดใหม่เขาเองก็เป็นคนแบบเดียวกับฉัน และด้วยความที่ว่าฉันได้ตายลงพอดีกับรุ่นพี่กำลังได้ไปเกิดใหม่พอดี ตำแหน่งเลยว่างให้ฉันได้ไปทำหน้าที่นั้นพอดี "เสร็จแล้ว เรียบร้อย" รุ่นพี่เอ่ยขึ้น ฉันเลยมองดูตัวเองจากกระจกที่เตรียมมาให้ ชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้เป็นชุด... เสื้อกันหนาวสีแดง... ฉันเลยหันไปถามว่าทำไมต้องชุดกันหนาว รุ่นพี่เขาตอบกลับมาว่า 'ก็เพราะเจ้าชอบใส่ชุดกันหนาวสีดำตอนยังมีชีวิตอยู่ ท่านยมบาลเลยสั่งให้หาชุดกันหนาวสีแดงมาให้เจ้าใส่แทน' เขาว่างั้น แต่รู้สึกสีแดงมันจะดูกลมกลืนไปกับสีแบ็คกราวไปหน่อยไหม ทั่วทั้งนรกก็สีแดงแล้วนะ ทำไมเสื้อยังต้องสีแดงด้วย ฉันเดินตามรุ่นพี่มาอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่วายถามคำถามที่อยากจะรู้ตอนนี้ "นี่ รุ่นพี่อยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว" เขาเหลือบมองมานิดเดียวและหันกลับไปเหมือนเดิม "พันปีได้แล้วมั้ง" "ทำไมถึงนานขนาดนั้น" "ข้า...ฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง" บรรยากาศก็ไม่หนักอึ้งอย่างที่คิด คงเพราะเคยชินอยู่แล้ว ฆ่าคนเหมือนกันแท้ๆ แต่ต่างกันตรงที่ว่าเขาฆ่าผู้ให้กำเนิดของตัวเอง โทษเลยมากกว่าของฉัน ฉันเคยคิดจะฆ่าพ่อของตัวเองเหมือนกัน แต่เพราะยังไงเขาก็คือพ่อ เลยทำได้แค่เป็นกระทรอบทรายให้เขาได้ทุบตีระบายอารมณ์ ก็ยังดีกว่าพ่อบางคนที่ข่มขืนลูกตัวเองได้ลงคอ บาดแผลภายนอกหายได้ แต่บาดแผลใจนั้นรักษาไม่ได้ พ่อของฉันป่านนี้คงนอนอยู่ละมั้งนะ คงไม่รู้หรอกว่าฉันตายแล้ว "พวกเจ้ามาแล้วรึ?" เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนไม่ได้สังเกตุุว่าตัวเองว่าถึงจุดเป้าหมายหนือก็คือ ยืนอยู่ด้านข้างท่านยมบาลซะแล้ว "ครับท่าน!" "..." ฉันยังคงเงียบ ตามสไตล์ฉันล่ะนะ ท่านยมบาลดูเหมือนจะไม่ว่าอะไรด้วย แต่ฉันยังขัดๆกับเสื้อกันหนาวฉันอยู่เนี้ยสิ "เอ่อ...คือว่าท่านยมบาล" ฉันเอ่ยออกไป "มีอะไรรึ?" "ทำไมถึงต้องใส่สีแดงทั้งที่ทั้งนรกมันก็สีแดงอยู่แล้ว?" เหมือนฉันจะได้พูดสิ่งที่ทุกคนสงสัยตั้งแต่ทำงานกันที่นี่แน่ะ เพราะจากสังเกตุ ทุกคนต่างพยักหน้านิดหน่อย และทำหน้าอืมๆ อะไรประมาณนี้ ฉันดูสีหน้าคนเก่งล่ะนะ "เจ้าอยากใส่สีอะไรล่ะ?" "ขาวแดง หรือ ขาวดำ" ยมบาลทำหน้างง และตั้งคำถามกับฉัน "ทำไมต้องมีสองสีรึ? แล้วทำไมต้องมีสีขาวด้วย? บอกข้าสิ" "สีขาว ฉันคิดว่าเป็นสีที่บริสุทธิ์ที่สุด ส่วนแดงดููร้อนแรงส่วนที่ดำดูความมืดมิด อยากจะแสดงให้เห็นเหมือนหยินหยางก็เท่านั้น และอีกเหตุผล ฉันชอบสีที่ดูหม่นหมอง ไม่ชอบสีแสบตา" "งั้นรึ! เจ้ากล้าแสดงออกดีนะ! ดีกว่าเจ้าพวกบื้อที่ยืนๆอยู่แต่ก็ไม่กล้าบอกว่าต้องการอะไรหรืออยากปรับเปลี่ยนอะไร!" คนที่ยืนทำหน้าที่ควบคุมถึงกับสดุ้ง นี่แสดงว่าท่านยมบาลรู้อยู่แล้วสินะ แค่รอให้คนยกประเด็นนี้มาพูดก็เท่านั้น ทั้งที่เป็นยมยาลแท้ๆ ดูใจดีจังเลยนะ "เอาสิ ข้าอนุมัติ! ให้แต่งตัวตามใจชอบ เลือกสีที่ทึบเท่านั้น เท่านี้โอเครึยัง?" "ขอบคุณท่านยมบาล" ถึงจะเอ่ยคำว่าขอบคุณ ก็แค่ลมปากเท่านั้นไม่ได้แสดงท่าทีดีใจออกมาแต่อย่างใด ไม่ได้ก้มหัวหรือยกมือไหว้ขอบคุณ ท่านยมบาลก็ยังเฉย ทั้งที่คนอื่นๆ แค่พูดแล้วไม่ยอมก้มหัวก็ขึ้นเสียงใส่แล้วแท้ๆ ฉันเป็นข้อยกเว้นงั้นหรอ? "เอาล่ะ เจ้าทันสอนงานเด็กนี้ซะ อีกประเดี๋ยวก็จะมีคนมารับบาปที่ก่อไว้แล้ว" "ครับ ท่าน" รุ่นพี่ก้มหัวและบอกให้ฉันเดินตามไป เป็นเวลาสักพักใหญ่ๆที่รุ่นพี่สอนเรื่องงานอย่างเข้าใจได้ง่ายถึงง่ายที่สุด ที่ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ๆก็เป็นเพราะรายชื่อคนเยอะยิ่งกว่ารถติดบนถนน "เจ้าเข้าใจแล้วใช่รึไม่?" รุ่นพี่เอ่ยถาม "เข้าใจแล้ว" ฉันพยักหัวให้เสริมคำพูด "ถึงเจ้าจะเกิดในยุคสมัยที่เจริญรุ่งเรื่องมากกว่าข้า แต่ความดำมืดในจิตใจของคนหิวโหยอำนาจยังคงมีทุกยุคสมัยสินะ" รุ่นพี่เอ่ยและเดินไปทางท่านยมบาลเช่นเคย ฉันเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเมื่อมาถึงและยืนด้านข้างของท่านยมบาล งานครั้งแรกที่ต้องจัดการก็มาแล้ว เป็นชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบต้นๆเท่านั้น แต่ก็ยังดีนะ ได้มีอายุถึงยี่สิบเนี้ย ฉันยังอายุได้แค่สิบเก้าเท่านั้นเอง เมื่อมีคนลากเขามาถึง ลานตัดสินคดีที่ฉันเคยได้นั่ง เขาก็ถูกกดให้นั่งลงกับพื้น สรุปฉันเป็นข้อยกเว้นหรือยังไง รู้สึกตัวก็อยู่ตรงนั้น ไม่ได้โดนบังคับโดนกดหัวอะไรเลยแหะ ทำหน้าที่ให้ดีก่อนดีกว่า ฉันถือสมุดที่รุ่นพี่เรียกมันว่าสมุดบันทึกกรรมของคนแต่ละคนเอาไว้ และในหนังสือนี้มีบอกด้วยว่าใครจะตายด้วยอะไร ตายตอนไหน มีกรรมอะไรบ้าง ต้องลงโทษกี่ปีถึงจะได้ไปเกิดใหม่ ฉันรู้สึกประทับใจนะ ที่ไม่ได้แบบว่าอยากจะลงโทษกี่ปีก็แล้วแต่ยมบาล แต่นี่มีจัดเอาไว้ด้วยเหมือนกฏหมายเลย "ปล่อยฉันนะเว้ย!! กูบอกให้ปล่อยไง!!" ชายหนุ่มคนนั้นเอะอะเสียงดังจนฉันรำคาญ ฉันไม่ชอบที่ที่มีเสียงดังเท่าไหร่เลย "ปล่อยซะ" ในที่สุดเสียงของท่านยมบาลก็เอ่ยออกมาจนได้ ฉันนึกว่าจะต้องฆ่าเพื่อให้เสียงเงียบซะอีก เมื่อคำสั่งจากท่านผู้สูงที่สุดสั่ง ชายที่กดหัวก็ปล่อยเขาและเดินไปประจำที่ของตัวเอง จนฉันพึ่งสังเกตุเห็นว่าทุกคนแต่งตัวตามสไตล์ตัวเองและเน้นไปที่สีทึบอย่างที่ท่านยมบาลได้สั่งไว้ ฉันเองก็ยังใส่สีแดงเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแล้วก็โดนบังคับใส่กระโปรงที่ดำ "เอ่ยนามของเจ้ามาซะ!" บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้งเหมือนดั่งที่ฉันโดนตอนแรก วาจาสิทธิ์หรือยังไง "วรวุฒิ" ชายหนุ่มพูดเสียงเบา ให้เดาว่าคงกลัวแน่ๆ "ทำหน้าที่ของเจ้าเสีย นี่คืองานแรกของเจ้า ข้าอนุญาตให้เข้าตัดสินคดีนี้" ท่านยมบาลบอกกับฉัน ฉันมองเล็กน้อย เปิดสมุดบันทึกกรรมขึ้นมาหาชื่อวรวุฒิ ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง คนๆนี้... ทำให้ฉันโกรธไม่น้อยเลย... ถึงฉันจะบอกว่าไร้ความรู้สึกก็เถอะ มันเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อหนีความเป็นจริงเท่านั้น "ถ้างั้นฉันขอตัดสินเลยแล้วกันจะได้ไม่เสียเวลา" ฉันเปิดสมุดจดธรรมดาที่ไม่ธรรมดา มันเหมือนกับโทรศัพท์มือถือที่ส่งข้อความหากันได้แต่อันนี้เป็นสมุดที่เขียนชื่อลงไปและระบุจุดหมายว่าให้ไปที่ไหน อักษรที่จดไปมันก็จะหายไปและไปโผล่ให้ผู้ดูแลจุดๆนั้นได้รับรู้ว่า กำลังจะมีคนไปรับโทษที่แห่งนั้น "ขอสรุปคร่าวๆ คุณผู้ชอบเล่นชู้กับคนอื่นและไปมีชู้กับคนที่มีสามีทั้งที่ตัวเองมีภรรยาและลูกแล้ว" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนกับกำลังฆ่าใครสักคนอยู่ ฉันเกลียดคนประเภทนี้ที่สุด เพื่อนคนเดียวของฉัน ต้องฆ่าตัวตายเพราะมีพ่อประเภทนี้ "คุณตายเพราะถูกสามีของคนที่คุณไปเล่นชู้ด้วยฆ่าตาย แหม... ดีใจกับภรรยาของคุณจริงๆที่หลุดพ้นกับคนแบบคุณ" "เสือกไรด้วยวะ! หุบปากไปเลยมึงอะ ไอเด็กเหลือขอ!" ชายหนุ่มยังคงพูดจาหยาบคายออกมา ฉันเองก็ไม่สะทกสท้านอะไร แต่ก็นะ ฉันน่ะ โหดเหี้ยมอยู่แล้ว ขอสักนิดสักหน่อยจะเป็นอะไรไป "ขออนุญาตท่านยมบาลและทุกคนที่นี่ ขอเสียมารยาทและกระทำความรุนแรงแก่คนผู้นี้จะได้ไหม?" นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พูดขออนุญาตออกมาตั้งแต่มาที่นี่ ท่านยมบาลก็มองแวบนึงเหมือนรู้ว่าฉันคิดอะไรอะไร แล้วก็เอ่ยอนุญาตออกมา "เชิญ ตามใจเจ้าเถิด!" ในเมื่อได้รับอนุญาต ฉันเองก็จะไม่เกรงใจ ฉันฝากสมุดบันทึกกรรมไว้กับรุ่นพี่ เดินไปหยิบเสื้อกันหนาวสีดำประจำตัวออกมาเปลี่ยนกับสีแดงที่กำลังใส่อยู่ เสื้อสีแดงคือกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ที่ฉันกำลังจะทำคือความแค้นกับคนประเภทนี้ล้วนๆ ไม่ควรเอาเสื้อสีแดงมาทำอะไรแบบนี้เด็ดขาด ฉันเดินลงไปตามบันไดและหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม และย่อตัวลง "ขอถามอะไรหน่อยสิ ทำไมคุณถึงนอกใจภรรยาตัวเอง?" "ก็มันน่าเบื่อนิ อะไรก็เดิมๆ มันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว!" คำตอบที่ได้ทำฉันเลือดแทบขึ้นหน้า แต่ต้องเก็บมันเอาไว้ เพราะฉันน่ะเย็นชาที่สุดยังไงล่ะ และจะติดสินโทษด้วยความเย็นชาด้วยเช่นกัน ฉันเดินไปที่คนที่ยืนประจำที่อยู่และถืออะไรที่เหมือนกับหอกแต่มีสามง่าม "ขอยืมก่อนได้ไหม?" ฉันชี้ไปยังหอกของเขา "ลองพูดเพราะๆสิ" ไอหมอนี่... กวนตีน น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดุ แต่แค่บอกว่าให้พูดเพราะๆด้วยใบหน้าที่เหมือนกับมองน้องสาว "ขอยืมหน่อยได้ไหม..คะ?" พูดเองรู้สึกจั๊กจี้ปาก แต่ใบหน้าฉันยังนิ่งเหมือนเดิม "เชิญเลย" เขายื่นหอกมาให้ ฉันเองก็รับไว้และตรงไปยังชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าและฉันหยุดยืนตรงหน้าเขา ด้วยความที่ว่าทั้งปลายหอกและตรงง่ามมันแหลมถึงขนาดที่ว่าเสียบทะลุตัวคนได้ ฉันเองก็ลืืมสังเกตุ เพราะมันมืดทึบเกินไป จึงเดินไปคืนหอกให้คนเดิม และขอบคุณเบาๆและเดินกลับมายังที่เดิม นั่งยองๆเพื่อจะดูใบหน้าของหมอนี้ และตบหน้าไปหนึ่งฉาดแทนคุณภรรยา เพราะที่เห็นในสมุด ภรรยาไม่เคยทำร้ายร่างกายหมอนี้เลยสักครั้ง ยอมทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง ให้อภัยทุกการกระทำ แต่หมอนี้ก็ทำผิดซ้ำซาก "เจ็บไหม?" ฉันถาม "ก็เจ็บดิวะ!" "แล้วคุณไม่คิดว่าภรรยาคุณเจ็บบ้างหรอ? ลูกคุณก็มีแล้ว ถ้าอยากมีคนอื่น ทำไมไม่หย่ากับภรรยาล่ะ จะได้ทำอะไรได้อิสระ" ชายหนุ่มเงียบ ฉันเลยพูดต่อ "งั้นจะบอกให้ ว่ามึงมันหวงก้างไง อยากจะมีคนอื่นแต่ก็ไม่อยากจะหย่ากับเมีย! ทุเรศ เห็นแก่ตัว" พูดจบก็เหยียบไปที่หัวให้จมลงพื้นไปที ขยี้ได้สักพักฉันเดินไปยังข้างๆท่านยมบาลอีกครั้ง เปลี่ยนเสื้อเป็นสีแดง "ถึงเวลาตัดสินโทษจริงๆสักที คุณนอกใจภรรยาของคุณหลายต่อหลายครั้ง ทำร้ายร่างกายภรรยา เล่นชู้กับภรรยาของคนอื่น และเกือบจะข่มขืนลูกตัวเอง... การลงโทษเป็นเวลาแปดสิบปี เพราะคุณไม่ได้ฆ่าใคร แต่ทำร้ายร่างกายและการเล่นชู้มีโทษหนักรองจากการฆ่าคน" ฉันจดชื่อลงสมุดเพื่อแจ้งว่าตัดสินโทษเสร็จแล้ว ชื่อวรวุฒิกำลังไปรับโทษที่ชั้นไหน นรกแห่งนี้มีทั้งหมดแปดชั้น ชายคนนี้จะได้ไปชั้นที่เจ็ด "พาตัวไป!" ท่านยมบาลเมื่อเห็นฉันตัดสินโทษเสร็จก็ออกคำสั่งให้พาชายคนนั้นไปรับโทษที่ตัวเองก่อ "เจ้าทำได้ดีมาก อีกสักพักใหญ่กว่าจะมีอีกคนมา เจ้าไปพักเถอะ" ท่านยมบาลสั่งฉันเองก็ทำตาม รุ่นพี่เองก็ได้รับอนุญาตเช่นกันเพราะตอนนี้เป็นพี่เลี้ยงฉันนี่นะ "รุ่นพี่จะได้ไปเกิดใหม่ตอนไหนหรอ?" ฉันถามเมื่อเดินมาถึงที่นั่งเล่น "วันนี้แหละ" "..." "อีกประเดี๋ยวก็จะได้ไปแล้ว" "..." "..." "รุ่นพี่เกิดในยุคไหน" "ยุคเซ็นโกคุ" ​​​"ประเทศญี่ปุ่นงั้นหรอ" "เจ้าล่ะ" "ประเทศไทย" "ไทย?" เหมือนเขาจะทำหน้างง "ยุคนั้นคงเรียกว่าประเทศสยาม" ฉันอธิบายเพิ่ม "งั้นรึ! เห็นใครๆก็ว่า ว่าประเทศสยามมีวัดอยู่เรืองรองสวยงาม" ​​​​ "ทำไมถึงฆ่าพ่อแม่ตัวเองล่ะ" ดูเหมือนคำถามนี้จะทำให้เขาเงียบไปเลย แต่ก็ยอมเอ่ยออกมา "สมัยนั้น สงครามนั้นมาไม่หยุดไม่หย่อน ครอบครัวข้าโดนจับเป็นตัวประกัน และพวกนั้นยื่นขอเสนอให้แก่พ่อกับแม่ของข้าว่าให้เลือกว่าจะตัวเองจะอยู่หรือจะให้ข้าอยู่ พวกเขาเลือกอย่างไม่ลังเลว่าให้ข้าได้มีชีวิตรอด พวกนั้นเลยให้ข้าเป็นคนฆ่าพวกท่านด้วยตัวเอง ใบหน้าสุดท้ายของพวกท่านที่ข้าได้เห็นคือใบหน้าที่ไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย" "..." เป็นแบบนี้นี่เอง ช่วงสงคราม... "เพราะแบบนี้ข้าถึงได้ลดโทษให้มาเป็นผู้ช่วยท่านยมบาลแทนที่จะไปรับโทษในขุมนรกชั้นแปด" "..." "ข้าขอแนะนำเจ้าอะไรหน่อยนะ" "อะไร?" ฉันถาม "ในที่นี่เป็นสิ่งที่ดีที่ควรมีความเลือดเย็นเอาไว้ ใบหน้าที่เย็นชาของเจ้าเหมาะกับงานนี้ แต่ว่านะ... นอกเวลางาน เจ้าควรปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นซะบ้าง คนที่นี่ใจดีกับเจ้า อยากที่จะคุยกับเจ้ามาก พวกเขาเห็นเจ้าเหมือนน้องสาว นอกงานพูดมีหางเสียงหน่อยก็ดี ไม่ต้องยิ้มก็ได้ เป็นตัวของเจ้าเอง นั่นคือ เอกลักษณ์ของเจ้า" "เข้าใจแล้ว จะจำเอาไว้และทำตาม" ฉันเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เขาเป็นรุ่นพี่ที่ใจดี ถึงครั้งแรกที่เจอเขาจะมีใบหน้าที่น่ากลัว แต่ก็เป็นคนดี "รุ่นพี่มีความเป็นผู้นำดีนะ เก่งเรื่องสอนด้วย ถ้าได้เป็นอาจารย์ต้องดีแน่ๆ" ฉันพูดขึัน "งั้นรึ! ข้าเองก็มีความฝันที่อยากจะสอนเด็กๆให้มีความรู้.. ใกล้ถึงเวลาแล้ว" "... งั้นหรอ" ใกล้ถึงเวลาที่ต้องจากกันแล้วสินะ "เจ้าจะไปส่งกันไหม?"รุ่นพี่ถาม "ไป" ตอบสั้นๆ พวกเราสองคนเดินไปยังท่านยมบาลที่กำลังรอพวกเราสองคนอยู่ กระจกบานใหญ่บานนึงกำลังเริ่มส่องแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ แค่นั้นก็คิดได้แล้วว่า ถึงเวลาแล้ว รุ่นพี่เดินไปยังด้านหน้าของท่านยมบาลและคุกเข่าเพื่อคำนับ "ขอบคุณที่ท่านกรุณาผมมาตลอดพันปีครับ!" "หึ ข้าเองก็ขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดีกว่านี้ล่ะ โชคดี" ฉันเดินลงไปเพื่อส่งรุ่นพี่ไปเกิดใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ฉันขอให้ดีกว่าชาติที่แล้วของเขา "ไปละ ร้อยปี พยายามเข้า" "อืม ขอบคุณนะ" นี่จะเป็นครั้งที่สองของชีวิตที่ยิ้มออกมาจากใจจริงเพราะครั้งแรกฉันให้มันกับเพื่อนของฉัน เพื่ออำลาถึงจะอยู่ด้วยกันได้แค่วันเดียว แค่วันเดียวเท่านั้น... "หึ เจ้าเอง ก็เหมาะกับรอยยิ้มแบบนี้นะ ไว้เจอกันใหม่ล่ะ สักวัน" แล้วเขาก็หันหลังแล้วเดินเข้าไปยังกระจก และแสงก็เริ่มๆดับไป "ไม่ใช่ 'ลาก่อน' สินะ อืม ไว้เจอกันใหม่ สักวัน..." ​

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Spicy Short Story Set 3 รวมเรื่องสั้นเผ็ดซี้ด ชุดที่ 3

read
1K
bc

The Night with the Beast ราตรีอสูร

read
1K
bc

マイBLノーベル เขียนนิยายให้กลายเป็นรัก

read
1K
bc

ทาสเรือนพระยา

read
1K
bc

Change you!!! เปลี่ยนจากนายให้กลายเป็นสาว

read
1.8K
bc

เริ่มแรกจากงานวิวาห์

read
2.7K
bc

My Doctor อกเคยหักเพราะรักหมอ

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook