บทที่ 3 เพื่อนไม่สนิท

1705 Words
“วันนี้กลับบ้านยังไง เดี๋ยวแฟรงก์ไปส่ง” แฟรงก์เดินเข้าไปถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ กว่าจะแข่งฟุตบอลเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม ผลออกมาคือทีมเขาเป็นฝ่ายชนะแบบขาดลอย “กลับพร้อมฟริน เห็นฟรินบอกว่าจะไปส่ง” “ตามนั้น” แฟรงก์พยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้ พวกเขาสองคนเคยไปบ้านดาวเหนือค่อนข้างบ่อย เลยทำให้รู้จักและสนิทกับพ่อแม่ของเธอไปด้วย “หมวยเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้ซ้อมแข่งกีฬาสีเลิกสองทุ่ม มึงแวะไปรับน้องที่โรงเรียนด้วย” ฟรินที่เดินตามหลังมาพูดขึ้น หมวยของพวกเขาคือเฟย์วาน้องสาวคนเล็ก “เออ! เดี๋ยวกูไปรับไอ้หมวยเอง มึงจะทำอะไรก็รีบไปเถอะ” “…..” “พกไว้เผื่อได้ใช้” แฟรงก์หันซ้ายมองขวากระซิบบอก ก่อนจะยัดถุงยางอนามัยใส่กระเป๋าให้กางเกงน้องชาย ของแบบนี้มันต้องมีเตรียมพร้อมตลอดเวลา “มึงเก็บไว้ใช้เองเถอะ สำหรับกูไม่จำเป็น” สายตาคู่คมเหลือบมองไปยังดาวเหนือที่กำลังก้มหน้าก้มตายืนเก็บของอยู่ไม่ไกล เธอไม่ได้รับรู้หรือสนใจพวกเขาเลยสักนิด “จะสดว่างั้น” “…..” “ไม่ต้องรีบเอาหลานมาฝากกูนะ กูยังหล่อเท่ห์ขนาดนี้ไม่พร้อมเป็นลุงให้ลูกมึง” “ไม่รับปาก” ฟรินกระตุกยิ้มเล็กน้อย ถือวิสาสะดึงมวนบุหรี่ที่อยู่ในริมฝีปากแฝดพี่ออกมาสูบต่อ “กูล่ะกลัวใจมึงจริงๆ” เพราะแฟรงก์รู้จักนิสัยน้องชายดีกว่าใคร ฟรินเป็นคนไม่พูด ถ้าคิดจะทำมันทำเลย อันนี้ถือว่าเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งเพราะไม่มีใครรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ “มึงจะไปก็รีบไป เดี๋ยวไอ้หมวยรอนาน” “เออ! งั้นกูรีบไปก่อน ขืนไปช้าเดี๋ยวโดนมันบ่น บ่นยิ่งกว่าแม่อีกมั้ง” ฟรินโยนมวนบุหรี่ทิ้งลงบนพื้นพร้อมใช้เท้าขยี้มันจนดับเพื่อเดินเข้าไปหาดาวเหนือ “เก็บของเสร็จยัง” “เสร็จพอดีเลย” “ถ้าเสร็จแล้วก็ตามมา รถฉันจอดอยู่ทางนี้” “เฮ้~ รอเหนือด้วยสิ” ดาวเหนือถึงกลับลนลานรีบหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องบ่า เมื่อฟรินเดินหนีออกไปโดยไม่หันกลับมามองเธออีก “ฟรินรอเหนือด้วย” ‘นั่นมันดาวเหนือปีสองป่ะ เห็นไอ้องศาบอกกำลังตามจีบ’ ‘ตัวจริงโคตรน่ารักเลย ถ้ากูเป็นไอ้องศากูก็จีบเหมือนกัน’ ‘เห็นองศาบอกโสดด้วยนะ ยังไม่มีแฟน’ ร่างสูงถอนหายใจลากยาวด้วยความหงุดหงิดเมื่อเดินผ่านหน้าตึกคณะเพื่อไปขึ้นรถที่จอดอยู่ ศึกษาชายนับสิบกำลังนั่งล้อมวงสุมหัวคอยแทะโลมนักศึกษาสาวคนอื่นที่เดินผ่านไปมา แล้วดาวเหนือก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังถูกพูดถึง “เดินให้มันเร็วกว่านี้ ไม่ใช่มัวแต่ชักช้าเพราะอยากอ่อยผู้ชาย” ฟรินเดินย้อนกลับไปหาคนตัวเล็กที่หอบข้าวของพะรุงพะรัง “ก็เร็วสุดแล้ว ฟรินอย่าเดินเร็วนักสิ เหนือตามไม่ทัน” ฟรินสูงตั้งร้อยแปดสิบกว่า ส่วนเธอแค่ร้อยหกสิบขาย่อมสั้นกว่าเดินช้ากว่าอยู่แล้ว “ชักช้า!” “อ๊ะ! อยากกระชาก เหนือเจ็บนะ” ดาวเหนือถูกฉุดกระชากลากถูให้เดินตามมาขึ้นรถไฮเปอร์คาร์คันหรูของฟรินด้วยความทุลักทุเล “จะเหวี่ยงทำไมเนี่ย จุกหมดแล้ว” ร่างบางยกมือกุมท้องด้วยความจุก เมื่อถูกเขาผลักดันให้เข้ามารถก่อนจะปิดประตูใส่เสียงดัง “นั่งนิ่งๆ ไม่ต้องพูดมาก” “ไปหงุดหงิดอะไรมาอีกหรือเหนือทำอะไรให้ไม่พอใจ” ดูก็รู้ว่าคนข้างๆ กำลังมีอารมณ์ที่เปลี่ยนไปโดยเธอไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจตอนไหน “ช่างเถอะ ไม่ต้องใส่ใจ” “…..” บรรยากาศบนรถเงียบลง คนทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อจากนั้นจะมีก็เพียงสายตาของชายหนุ่มที่คอยเหลือบมองคนนั่งข้างอยู่เป็นระยะโดยที่ดาวเหนือไม่ได้รู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองเพราะเธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตานั่งเล่นโทรศัพท์ “คุยกับใครนักหนา” “คุยกับมินดา” คนตัวเล็กตอบอย่างไม่คิดปิดบัง “แค่มินดาคนเดียว?” “คุยกับเจ้าขาด้วย” เจ้าขาคือเพื่อนสนิทของเธออีกคน “…..” ผ่านไปเกือบสี่สิบนาที รถไฮเปอร์คาร์คันหรูสีดำด้านตบไฟเลี้ยวหลบเข้าข้างทางมาจอดที่หน้าบ้านของหญิงสาว “ขอบใจที่มาส่ง แล้วเจอกันที่มหาลัยนะ” “อยู่บ้านกับใคร ทำไมในบ้านไม่เปิดไฟ” ฟรินมองสำรวจไปยังบริเวณโดยรอบของตัวบ้าน ซอยบ้านของดาวเหนือค่อนข้างเปลี่ยวแถมยังแออัดไม่ค่อยรื่นรมย์สักเท่าไหร่ “อยู่คนเดียว” “แล้วพ่อกับแม่ไปไหน” “ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดได้หลายวันแล้ว” “เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อน” “ไม่เป็นไร เหนืออยู่คนเดียวได้ ฟรินกลับบ้านเถอะ จะไปได้พักด้วย” พูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ เขาอุตส่าห์ลำบากมาส่งเธอแล้วไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้ “ว่าจะขอเข้าห้องน้ำพอดี” “ได้สิ งั้นเชิญตามสบาย” ฟรินเดินนำเข้ามาในตัวบ้านโดยมีดาวเหนือเดินตามหลังมาติดๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะแยกตัวเดินหายไปเข้าห้องน้ำ “ฟรินมีรอยสักที่แขนด้วยเหรอ” “รู้ได้ยังไง” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย รอยสักบนตัวนอกจากคอและแขนจะมีแค่ไอ้แฟรงก์คนเดียวที่รู้เแม้แต่ครอบครัวที่อยู่บ้านหลังเดียวกันยังไม่เคยได้เห็น “เมื่อกี้เหนือเห็นแวบๆ ตอนถกแขนเสื้อขึ้นล้างมือ” “…..” “นอกจากที่คอแล้วมีตรงไหนอีกบ้าง” ที่ลำคอเขามีรอยสักเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษคำว่า ‘made in heaven’ “จะอยากรู้ไปทำไม” “ไม่ได้อยากรู้แต่อยากเห็น” “เดี๋ยวก็ได้เห็นเองนั่นแหละ” “แบบนี้ที่คนเขาลือกันว่าฟรินสักทั้งตัวก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ” “พวกมันเคยเห็นแล้วหรือไงถึงได้พูดแบบนั้น” “…..” “เธอก็เหมือนกัน อย่าเชื่อจนกว่าจะได้เห็นเอง” ดาวเหนือขยับเข้าหาเพื่อนชาย ก่อนจะถอดแว่นตาออกจากใบหน้าคมคายอย่างถือวิสาสะ เพียงแค่ชอบตอนที่ฟรินไม่สวมแว่นตามากกว่าเท่านั้นเอง “แล้วถ้าถอดแว่นแบบนี้เห็นชัดมั้ย” “ฉันสายตาสั้น ลืมไปแล้วเหรอ” “ก็น่าจะใช่ แว่นหนาซะขนาดนี้ แต่เวลาไม่ใส่แว่นหล่อกว่าเยอะเลย” “เอาคืนมา อย่าเล่นไม่รู้เรื่อง” “ไม่เห็นต้องดุ คืนก็ได้” คนตัวเล็กยอมสวมแว่นตากลับคืนให้เมื่อถูกน้ำเสียงตำหนิ “เห็นหน้าเหนือชัดมั้ย” “ไม่ค่อยชัด ขยับเข้ามาใกล้ๆ หน่อย” “แบบนี้ชัดหรือยัง” “ขอใกล้กว่านี้” ฟรินทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดกระชากคอเสื้อนักศึกษาของเธอให้เข้าหา จนปลายจมูกสัมผัสกันไปมารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นของกันและกัน “จะทำอะไร ปล่อยเหนือก่อน” “ขยับมาสิ” “แค่นี้ก็พอแล้ว ถ้าใกล้อีกนิดฟรินจะจูบเหนืออยู่แล้วนะ” “แล้วจูบไม่ได้หรือไง” “…..” หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างที่ไม่เป็นมาก่อน หลังจากได้เห็นสายตาของเพื่อนชายที่จ้องมอง ทำเอารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่างกายจนรีบหันหน้าหนี “ขยับมาสิ จะจูบ” “พูดอะไรเนี่ย เมื่อไหร่จะเลิกล้อเล่น” มือบางดันอกแกร่งให้ถอยห่างจนเขายอมผละตัวออกจากเธอ “แม่ทำเค้กกล้วยหอมไว้ เดี๋ยวเหนือไปเอามาให้ลองชิม ฝีมือแม่เหนืออร่อยแบบสุดยอดไปเลย” ดาวเหนือรีบพูดเปลี่ยนประเด็นเปลี่ยนเรื่องคุย “ฉันไม่กินของหวาน” “จริงด้วย ขอโทษทีนะเหนือลืมไปเลย ปกติแฟรงก์ชอบกิน เลยจำสับสน” “ถ้าเป็นไอ้แฟรงก์เธอคงจำได้ทุกอย่างสินะ” “…..” น้ำเสียงที่ฟรินพูดแฝงไปด้วยความประชดประชันจนคนฟังอย่างเธอรู้สึกได้ “แล้วฉันกับไอ้แฟรงก์ไม่เหมือนกันตรงไหน ทำไมถึงสนใจมันมากกว่า” “ไปกันใหญ่แล้วฟริน เหนือไม่เคยคิดแบบนั้นเลย” “เธอต้องสนใจฉันมากกว่ามัน” ฝ่ามือหนาเลื่อนเข้าไปประคองใบหน้าแสนหวานให้หันกลับมาสบตา “ห้ามสนใจมันมากกว่าฉัน” “เหนือขอถามอะไรสักอย่างได้มั้ย” “อะไร?” “ฟรินชอบเหนือเหรอ” “…..” “ว่าแล้วไง ฟรินคงไม่ได้ชอบคนกะโปโลอย่างเหนือหรอก” “แล้วทำไมถึงคิดแบบนั้น” เขาถามกลับพลางไล่สายตามองสำรวจปฏิกิริยาของคนตรงหน้า “ก็คนอื่นชอบพูดกรอกหูว่าฟรินชอบเหนือ มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย จริงมั้ย?” “ก็จริง” “นั่นไง! คิดไว้ไม่มีผิด ถ้าเกิดมีใครพูดแบบนี้อีกเหนือจะได้บอกเขาไป ว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน” ดาวเหนือถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ถามออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว “หมายถึงฉันชอบเธอน่ะคือเรื่องจริง!” “เมื่อไหร่จะเลิกแกล้งเหนือสักทีเนี่ย อื้อ~” หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ราวกับร่างกายถูกแช่แข็งขยับไม่ได้ เสียงหวานกลืนหลบหายลงไปในลำคอ ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาประกบจูบแนบชิด “เปิดปากให้หน่อย จะได้สอดลิ้นเข้าไป” “ฟะ…ฟรินจูบเหนือทำไม” เธอยกหลังมือปาดคราบน้ำลายของชายหนุ่มที่เปรอะเปื้อนไปทั่วริมฝีปาก “เชื่อหรือยังว่าชอบ” “…..” “ถ้ายังไม่เชื่อจะได้จูบอีกที” “…..” “อาจจะไม่จบแค่จูบ เพราะฉันคิดจะเอาเธอมาตั้งนานแล้ว” “…..” “ฟริน!” “เรียกทำไม” “เมื่อกี้ที่พูดมีสติมั้ย ฟรินพูดจริงเหรอ” ดาวเหนือตบหน้าเพื่อนชายเบาๆ เพื่อเรียกสติบางทีเขาอาจจะละเมอหรือเผลอพูดแบบไม่ตั้งใจ “.....” “ฟรินคิดกับเหนือแบบนี้จริงๆ เหรอ” “ก็คิดมาตลอด มีแต่เธอที่ไม่เคยรู้เอง” “…..” “แล้วจะให้เอามั้ย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD