ตอนที่ 1 แต่งเข้าบ้านตระกูลซ่ง
“ฟิ้ว” แก้วชาคริสตัลใบหนึ่งพุ่งตรงมาที่หลิงอวิ๋น
หลิงอวิ๋นโยกตัวหลบเล็กน้อย “เพล้ง!” แก้วชาตกกระทบลงบนพื้น แตกเป็นเสี่ยง ๆ เศษแก้วกระจัดกระจายไปทั่ว
“โอ้ หลบได้หรือนี่”
เสียงแหลมเล็กระคนไปด้วยความโกรธ
คนที่ระเบิดอารมณ์ใส่หลิงอวิ๋นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นภรรยาของเขาเอง ซ่งอวี่ถง คุณหนูรองแห่งจาวฮุยกรุ๊ป ลูกสาวของตระกูลผู้มั่งคั่งที่มีชื่อเสียงของเมือง
วันนี้ซ่งอวี่ถงสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าครามพร้อมด้วยกระโปรงหนังรัดรูป ด้วยรูปร่างผอมเพรียว ประกอบกับขาเรียวคู่งามดั่งหยกขาว ทำให้เธอดูมีเสน่ห์อย่างสุดจะพรรณนา
ความงามของซ่งอวี่ถงนั้นทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นไม่อาจลืมเลือน หลิงอวิ๋นถึงกับตกตะลึงเมื่อแรกเห็น เขาไม่เคยพบหญิงสาวที่ทำให้ใจสั่นได้เฉกเช่นเธอคนนี้
หลิงอวิ๋นและซ่งอวี่ถงนั้นถูกหมั้นหมายกันตั้งแต่ทั้งสองยังอยู่ในท้อง เป็นการหมั้นหมายกันโดยรุ่นปู่ ต่อมาเมื่อคุณปู่ลาจากโลกนี้ไป พ่อและแม่ของเขาก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปอีก เคราะห์ร้ายโจมตีหลิงอวิ๋นอย่างต่อเนื่องจนเขาไม่รู้จะทำอย่างไร
เวลานั้นตระกูลซ่งเสนอสองทางเลือกให้ คือ ยกเลิกการหมั้นหมาย หรือแต่งเข้าตระกูลซ่ง
หลิงอวิ๋นอับจนหนทาง จำต้องยอมจำนนและตกลงที่จะเดินเข้าสู่ครอบครัวตระกูลซ่ง
ด้วยนิสัยของเขาเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลือกเส้นทางนี้ แต่ทว่า เขาตกหลุมรักซ่งอวี่ถงอย่างสุดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ เขาเชื่อว่าเวลาและความรักจะหล่อหลอมซ่งอวี่ถงได้ เขาจึงยอมเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซ่งโดยแลกกับศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอย่างไม่ลังเล
น่าเสียดายเรื่องราวไม่เป็นดังหวัง เวลาไม่ได้ทำให้ซ่งอวี่ถงเปลี่ยนแปลงเลย ในทางกลับกัน เธอกลับทวีความร้ายกาจยิ่งขึ้น
เดิมทีเรื่องราวในวันนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ซ่งอวี่ถงเลิกประชุมก่อนกำหนด แต่เธอไม่ได้แจ้งหลิงอวิ๋นให้รับรู้ เป็นเหตุให้เธอต้องรอคอยถึงสิบกว่านาที เธอจึงระเบิดใส่หลิงอวิ๋น
“นายรู้ไหมว่าแก้วชาใบนั้นราคาเท่าไร?” ซ่งอวี่ถงถามเลิกคิ้วขึ้น เธอนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา
“ผมไม่รู้” หลิงอวิ๋นตอบพลางเก็บกวาดเศษแก้วชาคริสตัล
“ฮึ ไอ้คนบ้านนอก ที่นายไม่รู้ก็พอจะเข้าใจได้อยู่ นี่เป็นชุดน้ำชาสำหรับราชสำนักรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ผลิตโดยโรงงานหลวงแห่งราชวงศ์ฝรั่งเศส ชุดหนึ่งมี 12 ชิ้น ราคาในท้องตลาดตกชุดละแสนแปด นายคิดเอาเองแล้วกันว่าแก้วใบหนึ่งราคาเท่าไร? "
หลิงอวิ๋นตะลึงไปชั่วขณะ ความหนาวเย็นแผ่ไปทั่วร่างกายของเขาราวเหมือนเขาได้ตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
หรือว่าในสายตาของเธอ ตัวของเขายังเทียบไม่ได้กับแก้วชาคริสตัลใบหนึ่ง?
หลิงอวิ๋นก้มศีรษะลง เขากัดฟันแน่น นี่มันข่มเหงกันเกินไปจริง ๆ
หลิงอวิ๋นอยากจะเอาเศษแก้วปาใส่หน้าของซ่งอวี่ถง เพื่อเป็นการชำระล้างความอัปยศอดสูที่เขาได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา
มือของเขาค่อย ๆ ยกขึ้น ... แต่แล้ว ก็วางลงอย่างช้า ๆ
ท้ายที่สุดเขาก็ทำไม่ลง อย่างไรเสียก็เป็นคนที่ตนเองรักมากมาตั้งหลายปี
เมื่อซ่งอวี่ถงเห็นท่าทางของหลิงอวิ๋น ความโกรธก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง เดิมทีคิดอยากจะด่าทออีกสักหลายประโยค แต่เมื่อเห็นเบ้าตาแดงก่ำของหลิงอวิ๋น คำหยาบคายที่เตรียมจะออกจากปากก็ชะงักลง
“ไม่ได้เรื่องเลย ยังไม่รีบเก็บขยะพวกนี้ออกไปอีก ต้องรอให้ฉันเก็บแทนนายหรือไง? ”
ซ่งอวี่ถงตะคอกใส่หลิงอวิ๋น ไม่ให้เกียรติเลยแม้แต่น้อย
หลิงอวิ๋นคว้าเอาที่โกยผงเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างกลัดกลุ้มใจ
เขาเดินตรงไปยังห้องพักผ่อน ระหว่างทางก็เห็นพนักงานของบริษัทชี้มาที่เขาและกระซิบกระซาบกัน
แน่นอนว่าพวกเขากำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของตนเอง หลิงอวิ๋นชินชาไปเสียแล้ว
เมื่อเขามาถึงหน้าห้องพักผ่อน มีเสียงคนคุยกันลอยมาจากด้านใน
“เธอรู้ไหม ประธานซ่งระเบิดใส่คนคนนั้นอีกแล้ว? ”
เจ้าของเสียงนั้นก็คือ จ้าวซินหรุ่ย เลขาของซ่งอวี่ถง แม่สาวคนนี้ปากร้ายมาก
“ใครกัน? ”
นี่คือเสี่ยวเจิ้งจากแผนกบุคคล ปกติถือว่ามีความเคารพเขาอยู่บ้าง ทุกครั้งจะเรียกเขาว่าพี่ หรือ พี่หลิงอวิ๋น
“จะเป็นใครไปได้ ก็ไอ้เศษสวะหลิงอวิ๋นนั่นไง”
“อ๋า เขาไม่ใช่คนรักของท่านประธานซ่งหรือ? ”
“ฮึ! ” น้ำเสียงถากถางดังออกมาจากด้านใน
“คนรักอะไรกัน ฉันว่าเป็นแค่บ่าวรับใช้และคนขับรถ เวลาประธานซ่งไม่พอใจก็ชักสีหน้าเข้าให้ บางทีก็ด่าว่า ดูสิ ไม่ได้เรื่องขนาดไหน”
เมื่อหลิงอวิ๋นได้ยินดังนี้ มือที่จับที่โกยผงของเขากำแน่น จนด้านบนของที่โกยผงเป็นรอยบุบ
“อา... ถ้าอย่างนั้น ฐานะของเขาก็ไม่ต่างจากเหล่าจางยามหน้าประตูเลยสินะ! ”
“ฮ่า ๆ ๆ ฉันว่าเขายังเปรียบไม่ได้กับลาบราดอร์พันธุ์แท้ที่บ้านประธานซ่งเลยล่ะ...”
“อุ๊บ... งั้นก็แย่กว่าสุนัขอีก...”
หลิงอวิ๋นทนฟังต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาเอาขาเตะกระแทกประตูให้เปิดออกเสียงดังลั่น ทำให้ผู้หญิงสองคนที่กำลังนินทากันอยู่ข้างในตื่นตกใจ
ทั้งคู่ก้มหน้าลงอย่างรู้งานทันที ต่างก็เอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก... สวัสดีคุณหลิง
จากนั้นก็รีบเผ่นออกไป
สายตาดุร้ายของหลิงอวิ๋นจ้องมองเธอทั้งสองอย่างไม่ลดละ จนทั้งคู่รู้สึกขนลุกตั้งชัน
ทั้งสองหนีออกจากห้องพักผ่อนและสูดหายใจเข้าลึกๆ นับว่ารอดแล้ว
“โอ้ เธอเห็นแววตาของเขาไหม มันน่ากลัวมาก” เสี่ยวเจิ้งพูดขึ้นด้วยความหวาดผวา
จ้าวซินหรุ่ยโบกมือและพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด "ชิ ฉันคิดว่าเขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ ต่อหน้าพวกเรามาทำเป็นหมาป่าอวดหาง จะมีความสามารถอะไรไปได้..."
จ้าวซินหรุ่ยจงใจพูดเสียงดังให้หลิงอวิ๋นได้ยิน
เสี่ยวเจิ้งรีบปิดปากจ้าวซินหรุ่ย และลากเธอเดินจากไป
ไม่ว่าอย่างไร เขาเป็นสามีของประธานซ่ง ก็ไม่ควรให้มันมากเกินไป
เขาอยู่ในห้องพักผ่อนได้ยินอย่างชัดเจน หากเป็นแต่ก่อน ไม่ว่าอย่างไรเขาล้วนอดทนได้
ครั้งนี้ คำว่า ‘ยังแย่กว่าสุนัข’ ที่พ่นออกจากปากเลขากระจอก ๆ คนหนึ่ง ทำให้ความอดทนของหลิงอวิ๋นขาดสะบั้น
แต่เดิมหลิงอวิ๋นมีภูมิหลังทางครอบครัวที่ร่ำรวย ปู่ของเขารับราชการทหารมาทั้งชีวิตและเกษียณด้วยตำแหน่งผู้นำ
พ่อและแม่ของเขาเป็นนักธุรกิจ ไม่ว่าอาหารและอาภรณ์ ไม่เคยต้องกังวลทั้งสิ้น
หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขาเข้าร่วมกองทัพเพื่อฝึกฝน แต่ใครจะพยากรณ์ได้ โรคเก่าของคุณปู่กำเริบขึ้น และอาการป่วยเป็นดังภูผาถล่ม เพื่อแสดงความกตัญญู หลิงอวิ๋นจึงลาออกจากกองทัพก่อนกำหนด
ครึ่งปีต่อมา คุณปู่ก็ถึงแก่กรรม
พ่อและแม่โศกเศร้าเสียใจมาก ธุรกิจเกิดความผิดพลาด และทั้งคู่ก็ประสบกับอุบัติเหตุเสียชีวิตลงอย่างไม่คาดฝัน
เมื่อตระกูลซ่งรับรู้ ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที และเสนอให้ยกเลิกการหมั้นหมาย
ต่อมาตระกูลซ่งได้เสนอข้อเรียกร้องให้เขาแต่งงานเข้าตระกูล เวลานั้นหลิงอวิ๋นไร้ซึ่งญาติพี่น้อง เขาจึงต้องจำใจตอบตกลง
เป็นเวลาห้าปีแล้วที่เขาเข้ามาอยู่ในตระกูลซ่ง ไม่มีสักวันที่หลิงอวิ๋นผ่านพ้นไปได้อย่างสุขใจ
ห้าปีที่ทุ่มเทไปได้อะไรกลับคืนมา?
ก็คำพูดจากลมปากของคนอื่นไง ‘แย่ยิ่งกว่าสุนัข! ’
“ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ! ”
หลิงอวิ๋นกำหมัดขึ้นและออกแรงทุบลงไปที่โต๊ะบาร์ รอยแตกเล็ก ๆ ปรากฏบนแผ่นไม้
ในใจของหลิงอวิ๋นพลันเกิดความเชื่อมั่น สักวันหนึ่งซ่งอวี่ถงจะต้องมองเขาใหม่ ให้คนในตระกูลซ่งรู้ว่า นกที่ไม่เคยร้อง เมื่อมันร้องขึ้นมาจะกังวานจนน่าตกใจขนาดไหน
ความเจ็บปวดทะลวงเข้าสู่หัวใจของหลิงอวิ๋น
ความเจ็บปวดบนร่างกายภายนอกไม่สู้ความเจ็บปวดจากเลือดที่หยดอยู่ภายในใจ
น้ำแข็งก็ยากที่จะหลอมเลือดที่เดือดพล่านอยู่ภายในถึงห้าปีให้เย็นลงได้
หลิงอวิ๋นไม่รู้เลยว่าจะต้องอย่างไรจึงจะสามารถครอบครองหัวใจของซ่งอวี่ถงได้อีกครั้ง
หากไม่เคยเป็นเจ้าของ เรื่องเอาคืนจะกล่าวถึงได้อย่างไร?
หลิงอวิ๋นเข้าใจได้ในทันทีว่าการเผชิญหน้ากับคนอย่างซ่งอวี่ถง ต่อให้พากเพียรและอ่อนโยนสักแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์
บางที เวลาที่ต้องลาจากมาถึงแล้ว
หลิงอวิ๋นตัดสินใจแน่วแน่ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเขาในตระกูลซ่ง
เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง เขาจะไปจากบ้านตระกูลซ่ง ไม่ว่าที่ไหนคงจะดีกว่าอยู่ที่ตระกูลซ่งอย่างแน่นอน
เมื่อหลิงอวิ๋นแน่วแน่ชัดเจนแล้วจึงกลับไปที่ห้องทำงานของซ่งอวี่ถง
สีหน้าของซ่งอวี่ถงเขียวคล้ำ ยังคงเอ่ยวาจาถากถางไม่หยุด
“ให้นายไปเทขยะแค่นี้ นายกลับแอบขี้เกียจ”
หลิงอวิ๋นสงบเงียบ เขาคิดตกแล้ว แล้วแต่ซ่งอวี่ถงจะพูดอะไรก็ช่าง
เวลานี้ โทรศัพท์มือถือของซ่งอวี่ถงดังขึ้น
“ฮัลโหล คุณแม่ มีเรื่องอะไรคะ? ”
“อ่อ พี่ใหญ่และน้องสามก็มาทานข้าวที่บ้านด้วย ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันก็กลับไปกินข้าวด้วย อีกสักพักก็ถึงค่ะ”
ประธานกรรมการของจาวฮุยกรุ๊ป ซ่งเหรินฮุยมีลูกสาวด้วยกันสี่คน ซ่งอวี่ถงเป็นคนที่สอง คนโตซ่งอวี่โหมว คนที่สามซ่งอวี่เหมียน คนเล็กสุดซ่งอวี่ฉิง
ความงดงามของสี่สาวตระกูลซ่งนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งเมือง
คนโตได้คู่กับคังเล่อเหว่ย ลูกชายคนโตของฝูติ่งเรียลเอสเตท
คนที่สามแต่งงานกับอวี๋จิ่ง รองศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยอวิ๋นโจว
น้องนุชคนสุดท้องยังเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอวิ๋นโจว และเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัยอีกด้วย
ซ่งอวี่ฉิงนั้นยังเด็กเกินกว่าจะกล่าว ทั้งคนโตและคนที่สามล้วนแต่ได้คู่ครองที่สมดังใจหมาย
เพียงลูกคนรองอย่างซ่งอวี่ถงได้คู่ครองที่ไม่น่าพึงพอใจ กระทั่งมีข่าวโคมลอยประมาณว่า ซ่งอวี่ถงดื่มจนเมามายและพลาดพลั้ง จึงถูกบังคับให้แต่งงาน
และนั่น ก็เป็นอีกเหตุผลที่ซ่งอวี่ถงมองหลิงอวิ๋นแล้วไม่สบอารมณ์ และเมื่อเธอหันไปมองดูพี่เขยและน้องเขย ช่องว่างนั้นก็ห่างกันเหลือเกิน
ซ่งอวี่ถงโยนกุญแจรถให้หลิงอวิ๋น พร้อมบอกให้เขาขับรถไปที่ชั้นล่างของบริษัทเพื่อรอรับเธอ
หลิงอวิ๋นรับกุญแจรถมา และลงเอารถที่โรงจอดด้านล่าง เมื่อเขาขับรถมาถึงหน้าประตูบริษัท ซ่งอวี่ถงมาถึงพอดี เธอก้าวขาขึ้นรถ และหลิงอวิ๋นก็ขับรถออกมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์สุดหรูของตระกูลซ่ง
ระหว่างทางกลับบ้าน ทั้งสองต่างนั่งเงียบ
หลิงอวิ๋นขับรถอย่างชินชา
ส่วนซ่งอวี่ถงนั้นจ้องมองทิวทัศน์ผ่านกรอบหน้าต่างรถ และยังคงไม่พูดจา
ระยะทางระหว่างบริษัทและคฤหาสน์ตระกูลซ่งนั้นไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว
ซ่งอวี่ถงลงจากรถโดยไม่พูดอะไร ส่วนหลิงอวิ๋นก็ขับต่อไปที่โรงรถ
เวลานี้เขาได้เจอกับซ่งอวี่เหมียนและอวี๋จิ่งโดยบังเอิญ เมื่อหลิงอวิ๋นจอดรถเสร็จเรียบร้อยจึงพยักหน้าทักทายพวกเขา
อวี๋จิ่งได้เจอหลิงอวิ๋นก็ดีใจ เตรียมจะทักทาย แต่กลับถูกซ่งอวี่เหมียนดึงรั้งไว้ ส่งสายตาให้เขา
อวี๋จิ่งจำใจต้องถอนมือ ยักไหล่ รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย และเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับซ่งอวี่เหมียน
หลิงอวิ๋นยิ้มแหย ๆ อยู่ข้างนอกก็ถูกคนอื่นดูแคลน แม้กระทั่งสิ่งที่เรียกว่าบ้านก็ไม่ต่างกัน
เมื่อเข้าไปถึงห้องรับแขก หลิงอวิ๋นพบว่าทุกคนมากันครบแล้ว
ซ่งอวี่โหมวและคังเล่อเหว่ยต่างก็มาถึงแล้ว สาว ๆ ตระกูลซ่งจับกลุ่มคุยกัน
หลิงอวิ๋นรู้สึกว่าไม่ว่าตรงไหนก็ไม่เหมาะกับเขา เขาจึงบอกหวางอวิ๋นแม่ยายว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายและต้องการขึ้นไปพักผ่อนด้านบน
หวางอวิ๋นเป็นคนเลือกปฏิบัติ นับตั้งแต่หลิงอวิ๋นแต่งเข้าตระกูลมา เธอไม่เคยดีกับเขาเลย
หวางอวิ๋นเงยหน้าขึ้นและพูดขึ้น “อวี่ถง ดูหลิงอวิ๋นของเธอสิ เดี๋ยวนี้เก่งใหญ่แล้ว ทั้ง ๆ ที่ไร้สาระไปวัน ๆ ยังจะมาเหนื่อยอีก...”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่งอวี่ถงสะกดอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ สีหน้าพลันดำมืดลง
ในเวลานี้ หลิงอวิ๋นเดินเข้ามาอย่างผึ่งผายและตรงไปที่บันได ในเมื่อเขาตัดสินใจจะจากไปก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำดีกับพวกเขาอีกต่อไป
หวางอวิ๋นเห็นลูกเขยที่ปกติจะยอมจำนนต่อเธอ กลับกล้าที่จะหักหน้าและชักสีหน้าใส่เธอ ทำให้เธอโกรธจนพ่นลมหายใจออกมา
เป็นบรรยากาศที่ชวนอึดอัดมาก
อวี๋จิ่งเห็นท่าทางไม่ดีจึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย ลากหลิงอวิ๋นไปอีกทางหนึ่งและขยิบตาให้เขา
“หลิงอวิ๋นขับรถมาคงจะเหนื่อย นั่งพักสักครู่คงจะดีขึ้น ใช่ไหม หลิงอวิ๋น? ”
อวี๋จิ่งกดหลิงอวิ๋นลงบนโซฟา และพยายามคลี่คลายความขัดแย้งนี้
แน่นอนว่าหลิงอวิ๋นรู้ดี อวี๋จิ่งเป็นส่วนน้อยในครอบครัวนี้ที่สุภาพกับเขามาตลอด
คงต้องไว้หน้าเขาบ้าง หลิงอวิ๋นจำต้องนั่งลงบนโซฟาอย่างเงียบสงบ
เวลานี้ซ่งอวี่ฉิงก็ปราดเข้ามาออดอ้อนเอาใจหวางอวิ๋น บอกว่าวันนี้มาทานข้าวด้วยกัน อย่าโกรธเคืองกันเลย
จากนั้นเธอก็ขยิบตาให้หลิงอวิ๋น
กับน้องสาวภรรยาคนนี้ หลิงอวิ๋นโกรธไม่ลงจริง ๆ เธอมันจะเรียกเขาพี่เขยอย่างนั้น พี่เขยอย่างนี้ ฟังดูแล้วอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ
ในเวลานี้ สีหน้าของซ่งอวี่ถงหม่นหมอง แม้เพียงเรื่องไกล่เกลี่ยยังต้องพึ่งพาน้องสาวและน้องเขย นี่มันอะไรกัน