บทบาทชีวิตที่ขาดเหลือ

1212 Words
เสียงรถดังหายไปไกล ร่างบางจึงชะเง้อมอง ด้วยความอยากรู้ “หน้าตาเหมือนโจร ยังจะใส่แว่นดำอีก จะย้ำตัวเองไปถึงไหน คนเราไม่สงสารตัวเองก็สงสารคนที่พบเห็นบ้างไม่ได้หรือไง?” คนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างชลิดาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ไม่รู้เป็นไงถึงมีอคติกับผู้ชายหน้าโหด แต่ยกเว้นไว้คนหนึ่ง... สาวสวยร่างแน่งน้อยยกยิ้มกับตัวเอง  หากแต่รู้สึกได้ไม่เท่าไหร่ ใบหน้าก็หมองลงเมื่อคิดถึงใครบางคนที่หล่อนไม่อาจรู้สึกเกลียดได้ แต่ก็ไม่อาจทนมองการกระทำที่ขัดหลักมนุษยธรรม...! ชลิดารีบสลัดภาพใครอีกคนแล้ววกกลับมาเรื่องของ    คนข้างบ้านอีกครั้ง นี่หากเจ้าของบ้านไม่บอกมาก่อนว่ามีคนมาขอเช่า เธอคงคิดว่าเป็นโจรแน่ๆ ใครจะว่าเธอเป็นคนใจแคบก็ยอม ขอหวาดระแวงไว้ก่อนดีที่สุด... คนกลัวคิดหวั่นไปไกล ก่อนจะพาร่างบอบบางเข้าบ้านพัก เพื่อความไม่ประมาท จึงจัดการปิดประตูใส่กลอนอย่างดี เมื่อใกล้เวลาชลิดาจัดการแต่งตัวเสียใหม่ การเดินทางวันนี้ต้องไปไกลจากบ้านที่เช่ามากโข เธอจึงเลือกแต่งตัวให้กระฉับกระเฉง กางเกงยีน เสื้อเชิ้ตพอดีตัวถูกจัดแต่งเข้าที่ พร้อมหมวกอีกหนึ่งใบ ที่ขาดไม่ได้และมีติดตัวอยู่เสมอ “รอฉันอยู่ที่นี่นะ อย่าไปไหน” เอ่ยบอกเจ้าชมพู่สี่ขาสีขาวสะอาดมีจุดสีเหลืองเป็นวงกลมๆ เล็กบ้างใหญ่บ้างแซมอยู่รอบๆ ลำตัว มองตาแป๋ว เหมือนกับว่าเข้าใจในภาษาเป็นอย่างดี ร่างบางจัดการปิดประตูแล้วจัดการล็อกให้เรียบร้อย โดยปล่อยแมวที่ตนเองพบเจอโดยบังเอิญและเลี้ยงไว้ ออกมาไว้ด้านนอก เพราะกลัวว่าหากขังไว้ด้านในเกิดมันปวดอึปวดฉี่ขึ้นมาจะลำบาก จึงตัดสินใจปล่อยออกมาเพื่อความสะดวกทั้งสองฝ่าย โดยหล่อนเองไม่ต้องล้างเช็ดให้ยุ่งยาก... ชลิดาลัดเลาะไปตามเส้นทางถนนลูกรังสายหลัก ที่ชาวบ้านแถบนี้ใช้เป็นเส้นทางสัญจรไปมา แม้จะอาบน้ำก่อนมา แต่การเดินเท้าระยะไกลพอสมควรบวกกับบรรยากาศเริ่มร้อนขึ้นตามลำดับ ใบหน้านวลที่ปะแป้งบางๆ เริ่มแดงเรื่อเพราะความร้อน หมวกใบเล็กปิดบังแสงแดดได้แค่ใบหน้า เม็ดเหงื่อผุดเต็มใบหน้า มือเรียวปาดออกช้าๆ ก่อนที่มันจะไหลหยดเป็นทางยาว หากแต่ความมุ่งมั่นในใจไม่คิดย่อท้อย่างก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง สายตากลมโตจับจ้องอยู่กับท้องทุ่งนา สีหน้าปรับเปลี่ยนขยายรอยยิ้มกว้างขึ้น สูดเอาอากาศสดชื่นรอบกายเก็บเกี่ยวไอธรรมชาติที่เริ่มระเหยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศด้านบนเข้าเต็มปอด เท้าเรียวบางยังคงทำหน้าที่ต่อไปอย่างไม่รีบร้อนนัก พร้อมๆ กับความคิดที่หลั่งไหลเข้ามาในความรู้สึก ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงอย่างเธอที่พบแต่ความเร่งรีบในโลกของความเป็นจริงในปัจจุบัน อีกมุมของเมืองเดียวกันที่เธอไม่เคยได้เห็น มันน่าแปลกถือเป็นเมืองหนึ่งที่มีความหลากหลายมุม ซึ่งแตกต่างกันอย่างมาก ภาพของกรุงเทพฯ ที่เธอคุ้นเคยอยู่ทุกวันนี้ คงไม่พ้นกับภาพของรถราที่ติดขัดอยู่บนท้องถนนแทบทุกสายในช่วงเวลาเร่งด่วน ภาพตึกสูงๆ ระฟ้าที่ผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ด ไร้ซึ่งธรรมชาติแทนที่ต้นไม้เขียวขจีที่เธอเคยเห็นตั้งแต่เด็กๆ และตามมาด้วยภาพของผู้คน รีบร้อนวุ่นวายไปด้วยธุรกิจและงานที่จำกัดเวลาของแต่ละคน... วันนี้เธอทำให้ทุกคนในหมู่บ้านแถบนี้เปลี่ยนความคิด มันคงเป็นสวรรค์สำหรับเธอและอีกหลายชั่วอายุคน หากทุกอย่างยังอยู่ใจจิตสำนึก ตอนนี้... บรรยากาศคนเมืองที่อยู่มาเกือบครึ่งชีวิต มันทำให้เธอเบื่อแต่ไหนเลยจะหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นได้ ยิ่งความเร่งรีบ ที่ไร้น้ำใจของคนหลายคนบนท้องถนนและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมลพิษ กรุงเทพฯ ณ ปัจจุบัน มันทำให้เธออยากหลีกหนีให้ไกลจากจุดนั้น หากแต่สิ่งที่มีอยู่แม้จะลำพังตัวเธอจะรักษามันไว้ไม่ได้ แต่พลังของการร่วมแรงร่วมใจของคนที่ถือกรรมสิทธิ์อยู่ในขณะนี้ พร้อมที่จะเรียกร้องทุกอย่างให้อยู่ดังเดิมหรือเปล่า และการกระทำบุคคลภายในเท่านั้นที่จะทำได้ดียิ่งกว่าใครๆ        ในขณะที่อีกด้านหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่หล่อนเห็นมาแล้วตอนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ตื่นแต่เช้ามารับอากาศบริสุทธิ์ ออกจากบ้านเพื่อมารดน้ำต้นไม้ ให้อาหาร สัตว์ที่เลี้ยงไว้ มีบ่อปลาไว้ใกล้บ้าน บางคนที่มีที่นาก็อยู่ไม่ไกล ก็หว่านดำต้นกล้า พอถึงเวลาพักก็ขึ้นมาทำกับข้าวที่หาได้จากบริเวณรั้วบ้าน มีเวลาพูดคุยและทักทายกับ       เพื่อนบ้านที่ดูกลมเกลียวน่ายกย่องและเลื่อมใส ทุกคนวิถีชีวิตไม่แตกต่างจากชนบทที่ห่างไกลความเจริญที่หล่อนเคยดูในสารคดีหรือในเว็บไซต์ทั่วไปที่หาดูได้ง่าย แต่จะให้สัมผัสจริงมันยาก ภาพลักษณ์ที่เห็นในแบบชนบทที่ยังประกอบอาชีพทางการเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม รวมทั้งมีแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสายหลัก ทำให้พื้นที่ในแถบนี้จึงยังคงอุดมสมบูรณ์ทั้งดินและน้ำ บรรยากาศรอบบ้านราวกับอยู่ต่างจังหวัดอย่างไรอย่างนั้น แล้วอย่างนี้หล่อนจะทิ้งที่แห่งนี้ไปได้อย่างไร เมื่อหล่อนหาสิ่งที่ต้องการเจอแล้ว... “คุณดา จะไปบ้านลุงสุกรีแล้วหรือ?...” เสียงแหลมเอ่ยตะโกนแว่วมาแต่ไกล คนถูกเรียกรู้ได้ทันทีจากน้ำเสียงว่าคนเรียกคงอยู่ไกลออกไป แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ป้าพิมสาวแก่ที่ยังดูสวยมีเสน่ห์เจ้าของบ้านที่เธอเช่าอยู่ร้องเรียก และตอนนี้นางก็อยู่ในชุดกระโจมอกวิ่งออกมาในสภาพเปียกปอน หากเป็นที่ที่เธออยู่คงคิดว่าคนไม่สมประกอบหรือเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม แต่สำหรับที่แห่งนี้มันเป็นเรื่องปกติ เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอก็เริ่มอาบน้ำนุ่งกระโจมอกเช่นกัน เพราะห้องน้ำที่เธอใช้มีพื้นที่จำกัด มันไม่มีฝักบัวหรืออ่างอาบน้ำ  “แวะกินน้ำกินท่าก่อนดีมั้ย?” เสียงหายใจแรงๆ เพราะระยะทาง บวกกับอายุที่ไม่น้อยนัก ทำให้นางออกอาการเหนื่อยหอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ดาเรียบร้อยมาแล้ว” ยิ้มหวานให้ผู้สูงวัยกว่าพร้อมเอ่ยบอกปฏิเสธในความมีน้ำใจของอีกฝ่าย “งั้นเดี๋ยวป้าจะรีบไปอาบน้ำให้เสร็จ แล้วจะรีบตามไป” นางรีบเอ่ยบอกเพราะตัวเธอเองก็ยังไม่เรียบร้อย ชลิดายิ้มรับก่อนจะแยกจากกันเพื่อทำธุระของตนเอง ตามหน้าที่ของเธอวันนี้คือพยายามหว่านล้อมให้ทุกคนหยุดคิด ที่จะขายที่ดินให้กับนายหน้า...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD