บทที่1.2

2222 Words
ฉันนึกออกแล้ว! เมื่อวานฉันโดนกลุ่มผู้ชายท่าทางน่ากลัวจับตัวไป! พวกนั้นน่ะ เอาผ้าอะไรไม่รู้มาปิดปากฉัน น่าจะเป็นยาสลบหรืออะไรสักอย่างแน่ๆ เพราะหลังจากนั้นฉันจำอะไรไม่ได้เลย มีสติอีกทีก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาในห้องนอนหรูๆ ของพี่ชายโคตรหล่อตรงหน้า! เขาตัวสูงมาก ย้อมผมสีเทาเหลือบเงิน เจาะคิ้ว เจาะหู มีรอยสักมากมาย ดูนิสัยไม่ดีเลย เป็นคนชั่วหรือเปล่านะ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง เรากลับไม่ถูกหรอก” เขายอมผละตัวออกห่าง ทว่าก็ยังไม่หยุดอาสาจะไปส่ง ตอนนั้นหน้าฉันซีดไปเลย ฉันไม่รู้จักเขานะ เราไม่รู้จักกันสักนิด ถ้าเกิดเขาพาฉันเข้าป่าแล้วฆ่าทิ้งล่ะจะทำยังไง! พี่ชายคนนั้นชอบทำหน้าโหดๆ ด้วย ตัวเล็กยังไม่อยากตายนะคะ... แม้ว่าไม่อยากให้พี่ผู้ชายคนนั้นไปส่งที่บ้านยังไง สุดท้ายแล้วเขาก็ทำให้ฉันจำยอมอย่างว่าง่ายเพราะความกลัว ระหว่างทางฉันไม่กล้าขยับตัวเลย มันเกร็งไปหมด น้ำตาก็พร้อมจะไหลออกมาตลอดเวลาด้วย แต่ก็ต้องฮึบๆ เอาไว้ ตัวเล็กห้ามงอแงเด็ดขาด “พี่ไม่ทำอะไรหรอก” พี่คนหล่อแต่โคตรน่ากลัวคงสังเกตเห็นท่าทางของฉัน เขาเลยพูดขึ้นหลังจากปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมเราอยู่นานสองนาน แอร์ก็อย่างเย็น... ฉันยิ่งเป็นคนขี้หนาวอยู่ด้วย “ค่า” ฉันขานรับแค่นั้น พยายามจะยิ้มสู้แต่ปากกลับเบ้ไม่หยุดสักที จังหวะนั้นฉันลองชำเลืองสายตาไปหาร่างสูง ถึงเห็นว่าเขากำลังทำหน้านิ่งๆ พอมองรวมกับรอยสักเถื่อนๆ ตรงลำคอและร่างกายสูงใหญ่นั่น ยังไงก็ยากูซ่าดีๆ นี่เอง “พี่ขา...” ฉันกลืนน้ำลายลงคอและใช้เสียงออดอ้อนเรียกเขา เป็นผลให้พี่ผู้ชายหล่อเถื่อนเม้มริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่วินาทีที่นัยน์ตาคมกริบเลื่อนมาทางนี้ ร่างกายมันแข็งทื่อยิ่งกว่าโดนสาปซะอีก ตัวเล็กว่าเขาหล่อมากเลย แต่ทำไมต้องเป็นคนเลวด้วย “พี่ชื่อจุน” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นมา ฉันเลยพยักหน้าหงึกหงักอย่างว่าง่าย “พี่จุนๆ” และนั่นทำให้ฉันลองเรียกเขาใหม่ “ตัวเล็กปวดห้องน้ำค่ะ” “จะถึงบ้านแล้ว” พี่จุนดูเป็นคนฉลาดยังไงก็ไม่รู้ สายตาของเขาเฉียบคมเหมือนสามารถอ่านทุกอย่างออกแม้แต่คำโกหกของฉัน และมันก็จริงอย่างที่เขาบอก ไอ้ตัวเล็ก! ได้คนโง่! บอกทางกลับบ้านให้เขารู้แบบนี้มันอันตรายมากเลยนะ! ก็ลึกๆ น่ะ ฉันคิดว่าเขา ‘อาจจะ’ ไม่ใช่คนใจร้ายก็ได้นี่นา... “ตะ ตัวเล็กอยากลงแล้ว เหลือนิดเดียวตัวเล็กเดินเองได้” ฉันทำหน้าหงอย เสียงที่พูดออกไปก็ตะกุกตะกักเอามากๆ เสมือนคนติดอ่าง สบตาเขาได้ไม่นานก็ต้องเป็นฝ่ายเบือนหลบ “งะ งั้นตัวเล็กไม่พูดแล้ว” ก็เขาเงียบใส่นี่นา ไม่รู้ว่ากำลังทำหน้าแบบไหนหรือไม่พอใจหรือเปล่า มันเลยจบตรงที่ฉันทำคอตกอยู่ตรงนี้อย่างพ่ายแพ้ “พี่ไม่ใช่ฆาตกรโรคจิต ทำไมทำท่าแบบนั้น” ทว่าสักพักพี่จุนก็ทำเสียงอ่อนลง เรียกให้ฉันค่อยๆ เลื่อนสายตากลับไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ “อยากลงก็ได้ แต่ต้องจ่ายค่าน้ำมันพี่ด้วยนะ” “ตัวเล็กไม่มีตังค์อ่ะ” ฉันส่ายหน้าไปมา ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรเลยนอกจากชุดชั้นในบางๆ ยังดีที่พี่จุนอนุเคราะห์เสื้อตัวโตให้ฉันสวมปิดบังความโป๊เปลือย แต่ก็นั่นแหละ แค่นั้นพิสูจน์ไม่ได้หรอกนะว่าพี่เขาจะเป็นคนดี ดูสิ! อาสามาส่งฉันเองแท้ๆ อยู่ๆ มาขอค่าน้ำมันเฉย! แก่ทีหนึ่งแล้วยังจะมาขี้งกอีก! “แล้วใครบอกว่าพี่จะเอาตังค์” พี่จุนทำให้ฉันชะงัก และผงะหนักกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อคนตัวใหญ่หยุดรถแล้วโน้มกายเข้ามาใกล้จนปลายจมูกโด่งๆ แตะจมูกฉันอย่างจงใจ ฉันขยับไปด้านหลังโดยอัตโนมัติ แต่ก็ประสบกับทางตันกระทั่งลมหายใจกรุ่นร้อนที่เจือด้วยกลิ่นบุหรี่กระชากสติฉันกลับมา “ละ แล้วพี่จุนอยากได้อะไรคะ” “เอาเบอร์ตัวเล็กมา” ที่ SL Club [บทบรรยาย: จุน] ยัยตัวแสบ... เมื่อเช้าก่อนตัวเล็กจะลงจากรถไป ผมตัดสินใจขอเบอร์น้องเขาไว้ ซึ่งยัยนั่นก็ให้มาอย่างง่ายดายจนน่าแปลกใจ แต่ว่านะ... ผมเพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้เองว่ายัยนั่นให้เบอร์ใครมาก็ไม่รู้! ถึงว่า ไม่อิดออดสักนิดทั้งที่ดูหวาดกลัวผมออกขนาดนั้น ทำท่าหงอยๆ ตอนเจอหน้า แต่แอบร้ายไม่เบาเหมือนกันนะยัยนั่น พูดแล้วมันเขี้ยว “คิดอะไรอยู่เหรอคะ หน้าเคร่งเครียดเชียว” เสียงยั่วยวนทว่าหวานหยดย้อยปลุกผมจากภวังค์ความคิด ก่อนลากสายตาไปหาต้นตอของเสียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เปล่าครับ” ผมตอบเสียงสุภาพเพราะตอนนี้อยู่ SL คลับ กำลังทำหน้าที่ Demon อย่างที่ทำทุกคืน และแน่นอนว่าการใกล้ชิดกับลูกค้าจนถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัวถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะพวกเขาเสียเงินจำนวนมากเพื่อซื้อเวลา แล้วที่นี่เองก็ถือคติลูกค้าคือพระเจ้าเหมือนสถานที่บริการทั่วๆ ไป แม้ว่าบางครั้งลูกค้าจะทำตัวเอาแต่ใจเกินไปจนน่าหงุดหงิดก็เหอะ “หน้านิ่งๆ ของจุนเนี่ย... มีเสน่ห์จังเลยนะคะ น่าค้นหาสุดๆ ไปเลย” ผมเพิ่งรู้ว่าลูกค้ารายนี้ขึ้นมานั่งบนตักแล้ว มัวแต่คิดเรื่องตัวเล็กจนลืมไปเลยว่ากำลังทำอะไร ผมยิ้มมุมปากเบาๆ มือทั้งสองล้วงกระเป๋ากางเกง ไม่ประคอง ไม่โอบหรือแตะต้องตัวผู้หญิงบนตักสักนิด มีแต่เธอที่เบียดเข้ามาใกล้จนจะหลอมรวมกันเป็นร่างเดียวอยู่แล้ว “คลับจะปิดแล้วนะครับ” ผมใช้โทนเสียงสุภาพบอกเธอในครั้งที่เหลือบตามองนาฬิกาบนฝาผนัง ตอนนี้เราสองคนอยู่ในห้องรับรองแขกซึ่งจะเอาไว้ใช้สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว “เสียดายจังเลย~ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาหาใหม่นะคะ” เธอส่งยิ้มหวานและทำท่าจะจูบ แต่ผมเอามือดันไว้ซะก่อน เธอจึงสัมผัสโดนฝ่ามือแทนที่จะเป็นริมฝีปาก “กลับได้แล้วนะครับ ดึกขนาดนี้มันอันตราย” “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ” เปล่า ทำตามหน้าที่ เธอคนนั้นส่งยิ้มและโบกมือลาในขณะที่ผมยังนั่งอยู่บนโซฟาเหมือนเดิม ในเวลาทำงานผมมักหักห้ามใจไม่สูบบุหรี่ แต่พอคลับใกล้ปิด ผมก็ล้วงมันขึ้นมาสูบจนพื้นที่แถวนี้ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มควันสีเทาขุ่น “โถ ไอ้คนโหด ผู้หญิงยั่วแล้วยังเฉยเมยได้ โคตรยอมใจ” แต่แล้วเสียงกวนประสาทอันแสนคุ้นเคยของ ‘ไอ้โฮป’ ก็ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้า ผมชำเลืองมองนิดหน่อยอย่างไม่ค่อยยี่หระ มันเป็นเพื่อนผม และเป็นหนึ่งในDemon “เบื่อขี้หน้า กลับบ้านซะไป” ผมไล่ ได้ยินเสียงและเห็นหน้ามันบ่อยจนรำคาญแล้ว “โหๆ อารมณ์ไหนของมึงวะ เมื่อกี้กูเกือบโดนลูบเป้าเลยนะเว้ย” เกี่ยวกันเหรอวะ “ไอ้เกรย์ก็เกือบโดนมนุษย์ป้าดูดปาก” ไอ้โฮปกำลังพูดถึงน้องชายมัน แต่ไม่ใช่น้องแท้ๆ หรอก และใช่ ไอ้เกรย์ก็มีตำแหน่งเหมือนเราสองคน “...” ผมพ่นควันบุหรี่ออกมาอีกครั้งจนไอ้โฮปเบ้หน้า ทำตัวกระแดะดี ทั้งๆ ที่ตัวเองก็สูบเหมือนกัน “สังเกตมานานละ เย็นชากับผู้หญิงสวยๆ แบบนี้ไม่ใช่ว่ามึงมี ‘คนในหัวใจ’ เหรอวะ” ไอ้โฮปทิ้งตัวนั่งข้างๆ ผม ทำหน้าทำตาสอดรู้สอดเห็นจนอยากตบกะโหลกแตก ผมเลยเหลือบตามอง “เปล่า กูโสด” ผมพูดความจริง ใครเข้ามาก็ปฏิเสธหมด ค่อนข้างน่ารำคาญ อยากเลี้ยงสัตว์มากกว่า เด็กก็ได้ กระชุ่มกระชวยกว่ากันเยอะ “กูไม่เชื่อ!” เสียงดังฉิบหาย “กูว่านะ มึงต้องแอบมองเด็กคนไหนอยู่แน่ๆ” คำพูดของไอ้โฮปทำให้ผมสะอึก แทบสำลักควันบุหรี่ ดีที่ยังเก็บสีหน้าเก่ง “กูไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอก ไร้สาระ” ขณะที่ปากพูด ในหัวมันดันปรากฏภาพเด็กตัวจ่อยหน้าตาเหมือนตุ๊กตาราวกับสำทับคำพูดไอ้เพื่อนเวร “แหม ไร้สาระ อย่าให้กูรู้ว่ามึงกินเด็กนะไอ้จุน” “อึก” ไอ้บัดซบ สะอึกอีกแล้ว สงสัยวันนี้ดื่มน้ำน้อยแน่ๆ หลายวันผ่านไป “แกไปสักเพิ่มเหรอตาจุน ตัวลายเป็นตุ๊กแกแล้ว” “นิดเดียวเองแม่” ผมตอบเสียงเนือยเมื่อแม่บังเกิดเกล้ากำลังวิจารณ์รอยสักบนตัวผมซึ่งมันก็ไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น ก็แค่ที่แขน แผ่นหลัง ตาตุ่ม และต้นคอเอง มันคือศิลปะ ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านใหญ่ซึ่งพ่อกับแม่อยู่ที่นี่ คือผมออกไปอยู่คอนโดและหาเงินเองตั้งแต่ยังเรียนไม่จบไง นานๆ ครั้งจะกลับมาเยี่ยมพวกท่าน แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป รู้ไหมทำไม เมื่อสองเดือนก่อนแม่เคยเปรยๆ ไว้ว่าจะฝากลูกสาวเพื่อนให้ผมดูแลในฐานะพี่ชายเพราะท่านรู้ว่าผมค่อนข้างรักเด็กและโตพอจะปกป้องคนอื่นได้ พวกท่านลงทุนทำธุรกิจอะไรสักอย่างซึ่งจะต้องเดินทางไปต่างประเทศอีกวันสองวันข้างหน้า กลับมาอีกทีตอนไหนไม่รู้ ไม่ถือว่าเป็นภาระหรอก ถ้าเด็กมันน่ารัก อยากได้อะไรผมก็หามาให้หมด แต่ยังไม่เจอหน้าเลย เห็นว่ากำลังเดินทางและใกล้ถึงแล้วด้วย “นิดเดียวบ้านแก่น่ะสิ! สภาพอย่างนี้แม่ว่าน้องต้องกลัวแกแน่ๆ” แม่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “เอาเถอะ แค่แกทำตัวดีๆ กับน้องเขาก็พอ ฝันอยากมีน้องสาวไม่ใช่เหรอ ก็ทำตัวให้มันสมกับที่อยากได้” จริงอย่างที่แม่พูด ผมอยากมีน้องสาวตั้งแต่เด็กๆ “งั้นเดี๋ยวผมไปบอกพ่อให้ทำน้อง” ผมกำลังจะขึ้นชั้นบนไปหาพ่อจริงๆ แต่แม่ดึงหูผมไว้ซะก่อน จึงต้องถอยกลับอย่างห้ามไม่ได้ ดึงขนาดนี้ทำไมไม่เอามีดมาปาดทิ้งเลยล่ะ เจ็บ... “พ่อเป็นหมันตั้งแต่ฉันคลอดแกแล้วย่ะ!” “เออ ผมลืมเลยแม่” ทำไมความจำสั้นวะ ผมว่าผมยังไม่แก่นะ “อ้าว มากันแล้ว” แม่รีบวิ่งไปต้อนรับทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังอยู่หน้าบ้าน ผมเองก็เดินตามท่านไปเงียบๆ อยากรู้เหมือนกันว่าลูกสาวเพื่อนแม่จะน่ารักแค่ไหน “โอ๊ย ขอโทษที รถติดมาก” คุณป้าเพื่อนแม่ลงรถมาคนแรก ท่านทั้งสองกอดกันกลมเลย ผมเคยได้ยินเรื่องท่านบ่อยๆ เจอหน้าครั้งล่าสุดก็ตอนที่ท่านตั้งท้อง ผ่านไปกี่สิบปีแล้วไม่รู้ “อ้าว หนูจุน หล่อเหลาสมคำร่ำลือนะลูก” และสักพักคุณป้าก็หันมายิ้มให้ผม “สวัสดีครับป้า” ผมเลยยกมือไหว้ “ยัยตัวเล็ก! ทำอะไรอยู่บนนั้น รีบๆ ลงมาฝากตัวกับพี่ชายเร็วๆ เขาจะได้เอ็นดูเรา” ผมชะงักเมื่อได้ยินสรรพนามที่ท่านเอ่ยเรียกลูกสาวตัวเอง หูฝาดไปเองหรือเปล่า ช่วงนี้พักผ่อนน้อยเกินไปหรือยังไง “ค่า!” เสียงใสๆ ของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมา ก่อนร่างบางในชุดไปรเวทสีขาวจะลงมาจากรถอย่างเร่งรีบ แล้วเชื่อเหอะว่าผมตัวแข็งยิ่งกว่าหินซะอีกเมื่อเด็กคนนั้นส่งยิ้มให้ผม... แต่รอยยิ้มดังกล่าวก็ค่อยๆ เจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ยัยตัวกะเปี๊ยกนั่นมัน... เอาเข้าไป โลกกลมจนผมขนลุกแล้ว “นี่ยัยตัวเล็กจ้ะ มันนิสัยดีนะแต่ดื้อไปหน่อย ยังไงป้าก็ฝากหนูจุนด้วยนะลูก ถ้ามันทำผิด ป้าอนุญาตให้เราดุได้” ใช่ เด็กคนนั้นคือตัวเล็ก ยัยเด็กตัวแสบที่ทำให้ผมหวั่นไหวในวันนั้นไง เกือบสลัดออกจากหัวได้แล้วก็ไม่วายโผล่มาให้เห็นอีก “ผมจะดูแลน้องอย่างดีครับป้า ไม่ต้องห่วง” ผมพยายามทำตัวปกติ ตัวเล็กส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้ผมขณะยกมือไหว้อย่างเก้ๆ กังๆ “สวัสดีค่ะ ตะ ตัวเล็กฝากตัวด้วยน้า” เจอกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงรอยแดงยังเต็มตัว ถ้าต้องอยู่ด้วยกันเพียงลำพังอีกครั้ง ไม่อยากคิดเลยว่าจะทัดทานความน่ารักของยัยนั่นได้ยังไง แล้วผมจะทนหิวได้นานแค่ไหน... [จบบทบรรยาย: จุน]
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD