ผู้ชายร้ายๆ
Hugo restaurants
เอี๊ยดดดดด
เสียงล้อยางเสียดสีกับพื้นคอนกรีตดังลั่นไปทั่วบริเวณ ทันทีที่รถซุปเปอร์คาร์คันหรูราคาหลายสิบล้านขับเคลื่อนมาจอดหน้าร้านภัตตาคารระดับห้าดาว รถคันนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คันในประเทศไทยเลยเรียกความสนใจจากผู้คนแถวนั้นได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าคนที่จะซื้อขับได้ต้องเป็นพวกระดับมหาเศรษฐี แล้วเจ้าของรถหรูคันนั้นก็คือ “นักรบ อัศวเหม” ลูกชายคนเดียวของ สิบทิศ อัศวเหม นักธุรกิจส่งออกรายใหญ่ระดับประเทศ
“สวัสดีครับคุณนักรบ” พนักงานต้อนรับรีบออกมากล่าวทักทายลูกค้าคนสำคัญ เพราะชายหนุ่มนั้นมารับประทานอาหารที่นี่ค่อนข้างบ่อย
“โต๊ะที่ฉันจองอยู่ตรงไหน?”
“ทางนั้นครับ”
“จะยืนนิ่งทำซากอะไร เดินนำไปดิ”
“คะ...ครับผม เชิญทางนี้ครับ”
ดวงตาเฉี่ยวคมกวาดสายตาผ่านแว่นสีชากรอบหนาเพื่อมองหาใครสักคนที่ต้องการเจอ ก่อนจะพบว่าเธอคนนั้นนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะที่จองไว้แล้ว
“รอนานไหม?” นับรบเอ่ยถาม “เจน” เพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียวที่มีอยู่ เขาค่อนข้างที่จะสนิทกับเธอมาก เพราะคบกันมาตั้งแต่เด็ก
“นานมากกกก” ร่างบางกลอกตามองบนใส่ชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึง เขามักจะมาสายแบบนี้ประจำ เพราะให้เหตุผลว่าขี้เกียจมารอนาน
ใช่! คนอย่างนักรบไม่เคยต้องเสียเวลามารอใคร
“เจนก็รู้ว่ากรุงเทพรถมันติด!”
“จะสั่งอาหารเลยไหมครับ?”
“ตอนนี้มีอะไรแนะนำบ้าง” นักรบเอ่ยถามพนักงาน
“มีล็อบสเตอร์ราดซอสไวน์แดง สเต๊กเนื้อ และ...”
“เอาทุกอย่างที่มี”
“เดี๋ยวก่อนรบ จะเอาทั้งหมดเลยหรอ เรามากันแค่สองคน กินกันไม่หมดแน่ๆ” หญิงสาวร้องปรามชายหนุ่มที่กำลังตัดสินใจสั่งอาหารมาทั้งหมด
“กินไม่หมดก็ทิ้งไปดิ ไม่เห็นจะยากตรงไหน”
“ไม่ดีหรอกมั้ง อาหารที่นี่มีแต่ราคาแพงๆทั้งนั้น เสียดายเงินเปล่าๆ”
“นี่เจน เธอลืมไปแล้วหรือไง ว่าฉันเป็นใคร แค่อาหารพวกนี้ ฉันมีปัญญาจ่ายอยู่แล้ว อย่าพูดมากได้ป่ะ!” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดให้กับเพื่อนสาว ก่อนจะยกขาขึ้นมาไขว้ห้างนั่งกอดอกแบบไม่ใส่ใจมากนัก
“เจนก็แค่เสียดายเงินแทนรบ”
“หรือเธอจะให้ฉันเก็บไว้ให้อีพวกเมียน้อยของพ่อฉันมาใช้แทน? ฉันไม่ได้โง่หรอกนะ เงินของพ่อฉัน ฉันมีสิทธิ์ใช้ได้คนเดียว!”
“เจนก็แค่เป็นห่วง”
“ไม่ต้องมาเป็นห่วง ขนาดพ่อแท้ๆยังไม่เป็นห่วงฉันเลยสักนิด!” ชายหนุ่มตอบไปตามที่คิด ตั้งแต่จำความได้ผู้เป็นพ่อไม่เคยถามเขาด้วยซ้ำว่าเป็นยังไงบ้าง
“......” เจนเงียบไปเมื่อได้ยินในสิ่งที่ชายหนุ่มนั้นพูด เพราะเธอรู้ดีว่านักรบเติบโตมาในครอบครัวแบบไหน แม่ของเขาตายไปตั้งแต่เด็ก เลยทำให้นักรบโตมากับผู้เป็นพ่อทีี่แทบจะไม่มีเวลาให้ เลยทำให้เขาเป็นคนหยาบกระด้าง ไม่แคร์หรือเห็นใจคนอื่น
“ขออนุญาตเสริฟ์อาหารค่ะ” ปานวาด พนักงานสาวเอ่ย ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อมองเห็นหน้าลูกค้าคนสำคัญ เพราะเขาคนนั้นคือนักรบ ชายหนุ่มไฮโซที่เธอเคยเห็นตามนิตยสารชั้นนำของเมืองไทย
ดวงตาเฉี่ยวบวกกับสันจมูกโด่งคมที่รับกับใบหน้าแบบพอดีไม่มีผิดเพี้ยน ทำให้ทุกอย่างบนใบหน้าของเขามันดูลงตัวและเพอร์เฟคไปทุกส่วน รวมถึงการแต่งกายที่ใช้แบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า มันยิ่งทำให้เขาดูดีเพิ่มขึ้นไปอีก
“จะยืนนิ่งอีกนานไหม รีบเสริฟ์สักทีดิ มัวแต่ยืนมองอยู่นั่นแหละ” เมื่อรบพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าพนักงานสาวเอาแต่ยืนนิ่งจ้องหน้าเขา
“นักรบ!” เจนสะกิดเพื่อนชายที่เผลอไปพูดไม่ดีกับคนอื่นเข้า นักรบเป็นคนนิสัยแบบนี้ คิดอะไรก็พูดไปแบบนั้น พูดโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง “ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ปานวาดเอ่ย
“จะไปขอโทษทำไม ก็แค่เด็กเสริฟ์ป่ะ!”
“ชู่ววววว!” ร่างบางหันซ้ายมองขวาพร้อมเอามือปิดปากเพื่อนชายอย่างเลิ่กลั่ก เมื่อนักรบเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ค่อยน่าฟังออกมา
พรึ่บ! เคร้งงง! สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อปานวาดเซถลาล้มลงในขณะที่กำลังยกอาหารขึ้นไปเสริฟ์บนโต๊ะ ทำให้ถาดอาหารที่เธอถือมาทั้งหมดหกใส่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่
ผิดที่เธอเอาแต่เผลอมองเขาจนไม่ระวัง!
“เฮ้ย! ยัยบ้าเอ้ย นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอ!” นักรบหยัดตัวลุกขึ้นก่อนจะโวยวายเสียงสนั่นดังไปทั่วทั้งร้าน เมื่อชุดที่เขาใส่มาในวันนี้เต็มไปด้วยเศษอาหารที่ปานวาดทำหกใส่
“ขะ...ขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” ปานวาดรีบยกมือไหว้อย่างร้อนรน เธอผิดเองที่ไม่เดินให้ระวัง
หมับ! สิ้นประโยคนั้น นักรบจึงเดินไปกระชากคอเสื้อของปานวาดอย่างแรงด้วยความโกรธเคือง
“นี่คิดจะแก้แค้นฉันหรือไง!”
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น” ปานวาดรีบส่ายหน้าปฏิเสธ เธอไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นจริงๆ
“นี่เธอรู้ไหมว่าเสื้อฉันมันราคาเท่าไหร่”
“ขอโทษจริงๆค่ะ ขอโทษจริง”
“ใจเย็นๆก่อนนะรบ น้องเขาคงไม่ได้ตั้งใจ” เจนเอ่ยขึ้น เมื่อเหตุการณ์มันเริ่มเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ต้องขอโทษ ไปเรียกผู้จัดการมา!”
“เอ่อ...คือว่าฉัน”
“ยืนมองกันอยู่ได้ ไปเรียกผู้จัดการมาดิ!”
ชายหนุ่มตวาดดังลั่น ทำให้พนักงานที่ยืนเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่บริเวณนั้นต่างพากันสะดุ้งก่อนจะพากันเดินออกไป
ผ่านไปไม่กี่นาทีผู้จัดการก็รีบเดินมาหาชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“มีอะไรกันหรอครับ?”
“พนักงานของคุณ ทำอาหารหกใส่เสื้อและรองเท้าผม คุณจะจัดการมันยังไง!” นักรบขบกรามกัดฟันกรอดพร้อมชี้หน้าปานวาดอย่างเอาเรื่อง
“ทางเราต้องขอโทษคุณนักรบด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆครับ” ผู้จัดการร้านเอ่ย ก่อนจะยกมือยกไม้ไหว้ขอโทษชายหนุ่มยกใหญ่
“ไม่ต้องขอโทษ แต่คุณต้องไล่มันออก”
“ไล่ออกเลยหรอ มันจะไม่มากไปหน่อยหรอคุณ” ปิ่นปัก น้องสาวของปานวาดที่พอได้รู้ถึงเหตุการณ์ก็รีบวิ่งมาหาพี่สาวที่ยืนร้องไห้อยู่ เพราะเธอไม่คิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันจะบานปลายขนาดนี้ แล้วเธอกับพี่สาวเพิ่งจะมาทำงานที่นี่ได้แค่อาทิตย์เดียว
“แล้วเธอเป็นใคร มายุ่งอะไรด้วย” นักรบหันไปจ้องหน้าเธอที่มาใหม่ พร้อมกับเบนสายตาไปอ่านป้ายชื่อของปิ่นปักที่ติดอยู่บริเวณหน้าอก
“ฉันเป็นน้องสาว” ปิ่นปักตอบกลับ
“งั้นก็ชดใช้ค่าเสียหายมาสิ มีปัญญาหรือเปล่า?”
“ไม่มี”
“ถ้าไม่มีก็ลาออกไป ยังไงฉันก็ไม่ยอม”
“ผมว่าใจเย็นๆก่อนนะครับ เอางี้ไหมครับ อาหารมื้อนี้ทางเราจะให้คุณทานฟรีเพื่อเป็นการไถ่โทษแทนพนักงาน” ผู้จัดการร้านพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อคนทั้งสองคน
“เจนว่าให้มันจบเถอะนะ อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย”
“ผมจะจบก็ได้ แต่ต้องให้พนักงานของคุณมาเช็ดรองเท้าให้ผม!”
“......”