บทรัก บทลงทัณฑ์
.... เริ่มต้น (บทลงทัณฑ์)
คอนโดหรูย่านกรุงเทพมหานคร...
"เวลา 22:00 ได้เกิดเหตุการณ์สลดใจขึ้น ทางตำรวจสภ.มีนบุรีได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตคาคอนโดหรูใจกลางเมือง ทางตำรวจได้ตรวจสอบชื่อของผู้ตายพบว่าเป็นดาราสาวชื่อดังของเมืองไทย น.ส. ภริตา บุญเวหา (ริตา)อายุ25ปี เธอได้เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ตายไม่ได้ถูกฆาตกรรม เพราะไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้ก่อน พร้อมทั้งจะทำการสอบปากคำญาติอย่างละเอียดอีกครั้งว่าผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง จากนั้นมอบร่างผู้เสียชีวิตให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.เกษมสันต์ เพื่อชันสูตรต่อไป"
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าใหญ่หนักๆวิ่งมายังจุดเกิดเหตุด้วยความร้อนรนใจ ใบหน้าคมคายที่เต็มไปด้วยความสับสนปะปนไปพร้อมกับหยดน้ำตาไหลพรั่งพรูอาบแก้มทั้งสองข้าง เขาจุกจนพูดไม่ออก เมื่อได้เห็นร่างไร้วิญญาณของหญิงคนรักที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
"ริตา! ริตา! ฮื่อๆ"
"เข้าไปที่เกิดเหตุไม่ได้นะครับ" ตำรวจสองนายช่วยกันกีดกันชายคนนั้น เพื่อไม่ให้เข้าไปยังจุดที่ผู้เสียชีวิตนอนอยู่
"หลบไป!" ชายหนุ่มพยายามผลักทั้งสองให้พ้นตัว แต่ตำรวจนายหนึ่งกลับล็อคแขนของเขาเอาไว้ ส่วนอีกคนกันร่างของเขาไว้แทน ต่อให้เขาจะถูกแรงมหาศาลหักห้ามเขาแค่ไหนก็ไม่อาจขวางทางหัวใจที่กำลังสลายของเขาได้เลย
"ริตา ฮึก ปล่อยกูสิวะ! ฮื่อ ริตา ปล่อยกู! "ชายหนุ่มพยายามสบัดร่างกาย เพื่อให้พ้นธนาการ เมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งสองล็อคแขนของเขาไปยอมปล่อย
"ใจเย็นๆนะครับ ตอนนี้ทางตำรวจกำลังเก็บหลักฐานอยู่" เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับกันชายหนุ่มเอาไว้สุดฤทธิ์
"มึงก็เก็บไปสิวะ กูจะเข้าไปหาเมียกู ฮึก ปล่อยกู! "ชายหนุ่มดิ้นพล่าน พยายามตะเกียกตะกายสุดฤทธิ์ เพื่อจะเข้าไปหาร่างไร้วิญญาณของแฟนสาวตรงหน้า
"ผมบอกว่าเข้าไม่ได้ไงครับ!"
"มึงอยากตายหรือไงวะ! ปล่อยกู! ฮึก"
"ไอ้ชัน มึงใจเย็นๆดิวะ " ภาสกรชายหนุ่มหน้าหวานวิ่งเข้ามาทักท้วง พร้อมกับห้ามปรามเพื่อนที่กำลังเสียใจกับภาพตรงหน้า
" เมียกูนอนตายอยู่ตรงนั้น มึงจะให้กูใจเย็นได้ยังไงไอ้กร ฮึก "
" กูเข้าใจ แต่ตำรวจกำลังเก็บหลักฐานอยู่ ขืนมึงเข้าไปตอนนี้ริตาก็ไม่ตื่นมาเช็ดน้ำตาให้มึงหรอก ใจเย็นๆดิวะ "
" มึงพูดแบบนี้ได้ไงวะ! ฮึก "
" กูเรียกสติให้มึงนะไอ้ชัน "
" หึ! ถ้าวันไหนที่เมียมึงตายวันนั้นกูจะพูดว่าไม่เป็นไรก็แค่เมียตายเอง มึงใจเย็นๆ กูจะเรียกสติมึงแบบนี้ให้ดู! " เขาประชดประชันเพื่อนด้วยน้ำเสียงหนาทุ้ม ดวงตาแดงก่ำจ้องมองใบหน้าเพื่อนด้วยความเคืองใจที่เพื่อนของเขาใช้คำพูดแบบนั้นในสถานการณ์แบบนี้
" จะเรียกสติกูแบบไหนก็เรื่องของมึงเถอะ แต่ตอนนี้มึงต้องเรียกสติตัวเองก่อน ให้ตำรวจเขาทำงานไป ส่วนมึงมายืนรออยู่ตรงนี้ มึงได้เข้าไปหาริตาแน่ แต่รอหน่อยดิวะ "
" ฮึก ปล่อยกู! " เขาสบัดมือตำรวจและเพื่อนของเขาออกจากมือทั้งสองแล้วยืนก้มหน้าก้มตาร้องไห้ออกมาราวกับคนที่กำลังสิ้นหวัง
ใช่...... ตอนนี้เขากำลังสิ้นหวัง เมื่อเห็นคนที่รักสุดหัวใจ เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ
ร่างบางของหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งถูกห่อด้วยผ้าขาวก่อนจะถูกยกออกจากมาจากห้องหรูของเธอ ราชันเดินตามร่างของคนรักออกมาติดๆ จิตใจของเขาดับสลายเมื่อได้เห็นร่างของเธอที่นอนตายต่อหน้าต่อตาเขา
" จากการตรวจสอบเบื้องต้นผู้ตายไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายเพราะไม่มีบาดแผลตามร่างกายเลย แต่เป็นการจงใจฆ่าตัวเองด้วยการกินยาบางชนิดเข้าไป ทางเรายังตรวจสอบไม่ได้ว่ายานั้นคือยาอะไร ต้องรอผลชันสูตรออกมา แต่มั่นใจว่าการตายของคุณริตาไม่ใช่เหตุฆาตกรรมครับ "
" ริตา ฮึก คุณทำแบบนี้ทำไม ฮึก ทิ้งผมทำไม " เขานั้นสับสนไม่น้อยกับเหตุผลที่หญิงคนรักเลือกที่จะทิ้งเขาไปด้วยการฆ่าตัวตายแบบนี้ มันดูไม่สมเหตุสมผลแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน
" ผมต้องเชิญคุณไปให้ปากคำที่โรงพักต่อด้วยนะครับ "
" ฮึก ริตา ฮือฮือ ไม่จริงใช่ไหมริตา ฮึก "
" ครับคุณตำรวจ ผมจะพาเพื่อนผมไปให้ปากคำ " ภาสกรตอบกลับไปแทนเพื่อนของตนที่กำลังคุกเข่าร้องไห้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขานั้นถอนหายใจออกมาแล้วแรงๆ แล้วตบบ่าเพื่อนเป็นการปลอบใจ
ในเวลาเดียวกันของค่ำคืนนั้น รถเก๋งสีขาวขับแล่นอยู่บนถนนด้วยความเร็ว มือเรียวยาวจับพวงมาลัยบังคับรถไปพร้อมกับสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เธอยกมือปาดน้ำตาตัวเองซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับมองกระจกหลังด้วยความหวาดระแวง
" ฮึก จะตามฉันไปถึงไหน ฮือฮือ " ดวงตาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เธอเหล่ตามองเส้นทางอย่างรุกรี้รุกรน เธอเร่งคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิตเพราะต้องการหนีจากรถคันข้างหลังที่ขับตามมาติดๆให้พ้น
" ฮึกฮือ ได้โปรดเถอะ! ฮึก รับสายฉันที " เธอกดย้ำไปที่หน้าจอรถที่กำลังต่อสายหาใครบางคน แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าข้างเธอเลยสักนิด ราวกับโชคชะตากำลังเล่นตลกกับเธอ
" ฮือ รับสายสิ! ฮือๆๆ "
เธอตบลงที่พวงมาลัยด้วยความหมดหวังแล้วเปล่งเสียงร้องไห้โฮออกมา ดวงตาแดงก่ำที่ปนไปด้วยน้ำตาเหลือบมองรถคันด้านหลังอีกครั้งแล้วเม้มปากตัวเองแน่นๆ
เสียงแผ่วเบาของหญิงสาวคนหนึ่งดังกึกก้องขึ้นมาในห้วงลึกในสมองของเธอ
" หนีไปผิง อึก! นะ.. หนี ไป เฮือก! " เสียงนั้นยิ่งทำให้เธอทุกข์ระทมจิตใจมากขึ้นกว่าเดิม เธอปาดน้ำตาตัวเองอีกครั้งแล้วสะอื้นออกมาจนดังลั่นรถ
" ฮึก ริตา ฮือ ฉันขอโทษ ฮือๆๆ อร๊ายยย!! "
โครมมมมม!!!!!
เพราะเธอมัวแต่ร้องไห้คร่ำครวญจนไม่ได้ดูทาง เธอขับรถฝ่าไฟแดงด้วยความเร็วสูง จนปะทะเข้ากับรถกะบะที่ขับออกมาพอดี ความเร็วที่เธอขับมานั้นทำให้รถเธอเสียหลักกระเด็นพลิกคว่ำไปชนกับต้นไม้ข้างทางซ้ำอีกรอบ ร่างอันบอบบางถูกอัดกระแทกจากรถและต้นไม้จนร่างกายเธอนั้นเต็มไปด้วยเลือด
"อึก!"
ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆหลับตาลง แสงสุดท้ายที่เธอได้สัมผัสคือแสงไฟจากรถคันอื่นๆที่กำลังสาดไฟส่องพร้อมกับผู้คนจำนวนหนึ่งพากันวิ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลือเธอ
" ริ...ตา " ปากบางกระจับเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบาเป็นเสียงสุดท้าย หยาดน้ำตาไหลรินออกมาทางหางตา สติของเธอเลือนราง ก่อนจะหลับใหลไม่ได้สติคารถของตัวเอง
รถสปอตสุดหรูคันหนึ่งที่จอดอยู่ริมทางสาดไฟหน้าส่องดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ห่างๆ ริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงสดค่อยๆยกยิ้มขึ้นมุมปากอย่างพึงพอใจที่เห็นรถเก๋งคันตรงหน้ากระเด็นกระดอนชนกับต้นไม้อย่างนั้น
" ไม่หน้ารอด " เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะขับรถออกไปอย่างไม่ใยดี