ผ่านไปอีก1เดือน ฉันยังทุกข์และร้องไห้แต่ฉันแอบร้องไห้เอาฉันกลัวแม่คะน้าเสียใจ กลัวท่านทุกข์เพราะเป็นห่วงฉัน ท่านอยากให้ฉันเข้มแข็ง ฉันก็พยายามแสดงออกให้ท่านรู้ว่าฉันเข้มแข็ง
ฉันเริ่มจะทำใจได้บ้างแล้ว เวลาอยู่ต่อหน้าแม่ฉันพยายามยิ้มให้ท่าน กลัวท่านจะคิดมาก แม่คะน้าไม่แต่งงาน ท่านเลี้ยงดูฉันมาด้วยความรัก ดูแลฉันดีทุกอย่าง
ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาท่านพยายามปลอบประโลมฉันให้คลายทุกข์ใจ ฉันเองก็พยายามทำใจและเรื่องปล่อยวางเรื่องลูก ท่านพาฉันไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ลูกของฉันอยู่บ่อยๆ มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นบ้าง
แต่ไฟแค้นในหัวใจมันสุมอก ไม่เคยลืมสักวัน เหตุการณ์ในวันนั้น มันยังคงหลอกหลอนฉันตลอด เรื่องเลวร้ายใช่ว่าจะลืมกันได้ง่ายๆ และแน่นอนฉันต้องเอาคืนผู้ชายสารเลวคนนั้น
ถ้าเรียนจบฉันจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก คงจะทำใจกับเรื่องราวต่างๆ และกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง ฉันจะกลับมาเป็นเปลวที่เข้มแข็งแน่นอน
คนที่คอยยืนเคียงข้างตอนนี้ มีเพียงวศินกับแม่คะน้า ทั้งสองดูแลปลอบใจจนแผลในใจมันดีขึ้น ฉันยิ้มได้บ้างแล้ว ถึงจะยิ้มฝืนๆก็ตาม ส่วนเพื่อนสนิท หายเงียบไปเลย
“ไปเรียนได้แล้ว ศินตามงานให้และจดทุกอย่างให้เปลวเรียบร้อยแล้ว” วศินเอ่ย
“อืม ขอบคุณนะ มันถึงเวลาที่เปลวต้องทำหน้าที่ของตัวเองสักที เปลวจะเรียนให้จบ จะไปต่อโทที่อังกฤษ ต่อเอกด้วยเลย อยากจะไปให้พ้นๆที่นี่เต็มที”
“ศินคงคิดถึงเปลวน่าดูเลย” วศินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ไปด้วยกันสิ” ฉันเอ่ยชวนเขา ถ้าเกิดว่าเขาไปอยู่ที่ต่างประเทศด้วยฉันก็คงมีเพื่อนไว้คอยปรึกษาอะไรหลายๆอย่าง
“ขอพ่อก่อนถ้าท่านอนุญาตศินจะตามเปลวไปเรียนด้วยเลย” วศินฉีกยิ้มให้ฉัน
“จ้ะ วศินเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลยนะ แพรวกับเหมียวด้วย พรุ่งนี้เปลวจะไปเรียน อีกเดือนกว่าๆก็จบแล้ว จะได้ไปสักที”
“อืม สู้ๆ ถ้าเปลวคิดว่าเปลวไม่มีใคร ยังมีศินอยู่นะ”
“ขอบคุณนะ”
“ทำใจให้สบาย พรุ่งนี้ศินจะมารับไปเรียนพร้อมกัน”
“ขอบคุณนะ” ฉันฉีกยิ้มให้วศินในขณะที่เขาส่งยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น
@มหาลัยEE
ฉันนั่งฟังอาจารย์สอนเงียบๆ ทุกคนในห้องมองฉันด้วยสายตารังเกียจ ข่าวที่ฉันนอนกับวศินนอกใจชุมพลเรื่องได้แพร่สะพัดไปทั่วมหาลัย ฉันได้แต่เงียบไม่ตอบโต้อะไร ต่อให้พูดจนคอแตก ก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี
ข่าวคาวๆคนจะชอบเม้าส์แล้วพูดต่อๆกัน เรื่องคนอื่นจะรู้ดีมากกว่าเรื่องของตัวเองซะอีก เรื่องของฉันจึงเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง
ทุกคนมองหน้าฉัน พร้อมกับซุบซิบนินทา นี่แหละหนาที่เขาว่า ทำดีร้อยครั้ง ไม่เท่าทำเลวครั้งเดียว แต่จะว่าฉันทำเลวก็ไม่ถูกฉันไม่ได้เป็นคนทำเรื่องเลวร้ายนี้เลย มันถูกจัดฉากขึ้น
“อย่าคิดมากนะเปลว เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เปลวของวศินเข้มแข็งอยู่แล้ว สู้ๆนะเปลว”
“อืม” ฉันพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้วศิน
“เงียบจะสยบทุกการเคลื่อนไหวเอง เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดสักหน่อย เราไม่จำเป็นต้องแคร์คำพูดของใคร”
“ขอบใจนะ”
“อืม” ฉันนั่งฟังอาจารย์สอนจนจบคลาส จากนั้นก็ออกมากินข้าว เพราะมันได้เวลาเที่ยงแล้ว
“ดาวกับเดือนคณะแอบกินกันวะ” เหมียวจีบปากจีบคอพูด พร้อมกับถือถุงมะยมดองเดินมาพร้อมกับแพรว
“สงสารพลนะที่ต้องมาเสียใจเพราะผู้หญิงแบบนี้ ร่านจนเน่าเฟะขนาดนี้ไม่รู้ชุมพลไปหลงรักได้อย่างไร สุดท้ายก็มาเสียใจเพราะผู้หญิงร่านร่านเพียงคนเดียว” แพรวพูด หึ! มันจะเสียใจอะไร มันยังลอยหน้าลอยตาควงคนนั้นคนนี้ กูสิจะต้องเสียใจ กูเสียสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตไป เพราะไอ้คนเลวทรามสันดานหยาบอย่างมัน
“แรดกับร่านมีแค่เส้นบางๆกั้นอยู่ ตอนนี้คงไม่มีคำว่าแรดแล้ว เพราะตอนนี้คงมีแต่ไฟร่านที่ลุกท่วมตัวใช่ไหมแพรว” เหมียวเอ่ยขึ้น
“ใช่” แพรวเอ๋ยเสริม
“เสือกมากนักนะพวกมึง เปลวเพื่อนสนิทพวกมึงไม่ใช่เหรอ? แล้วเพื่อนกันเขามาพูดเยาะเย้ยทับถมกันแบบนี้หรอ? เปลวกับกูถูกจัดฉากมึงเข้าใจไหมว่าถูกจัดฉาก พวกมึงเป็นเพื่อนสนิทของเปลวกับกู พวกมึงทำไมถึงพูดแบบนี้ฉันเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?”
“ก็แค่เคยเป็น ตอนนี้ไม่แล้วว่ะ กูเลิกเป็นเพื่อนกับมันถาวร กูไม่มีเพื่อนร่านแบบมัน มึงด้วยไอ้วศิน”
เจ็บไหม? ที่เพื่อนสนิทของตัวเองพูดแบบนี้ เจ็บโคตรเลยไอ้สัสเมื่อเพื่อนรักที่สุด ตัดขาดความเป็นเพื่อน ตัดขาดความสัมพันธ์ที่เคยผูกพันกันมา
“กูอยากจะตบมึงสองตัว ให้เลือดกบปาก แต่กลัวจะผิด พรบคุ้มครองสัตว์ อีเชี้ย”
“กรี๊ดดด ไอ้วศิน!!”
“มึงจะทำไม?!!”
“มึงมันเหมาะอีแรดร่านจริงๆ มึงมันเหมาะแต่กับของเหลือเดน”
“แล้วมึงจะทำไม?!!” วศินตวาดเหมียวเสียงดัง
“พอเถอะวศิน เขาจะพูดอะไรก็ช่างเถอะเราไปกินข้าวกันดีกว่า” ฉันรีบปรามก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายมากกว่านี้ วศินไม่เคยกลัวใคร และตอนนี้อากัปกิริยาของเขาบ่งบอกว่าเขาเอาจริง
“อืม” วศินพยักหน้าให้ฉันเบาๆ
“แต่จะเหมาะกับคำว่าร่านซะมากกว่าวะ ผู้หญิงร่านๆแบบนี้ คงจะพรุนไม่รู้จะพรุนยังไงแล้ว” เป็นชุมพลที่เดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงที่ควงแขนที่ร้านบิงซู เจ็บดีจัง! เจ็บเชี้ยๆ ผู้หญิงคนนั้นเบ้ปากรูปส้นตีนให้ฉัน คิดว่าสวยหรือไง อีดอกกระทือ
“คนสารเลวปากเน่าแบบมึงอีกไม่นานหรอก ผลกรรมที่มึงทำกับกู กูจะเอาคืนให้สาสม และผู้ชายอย่างมึงอย่าคิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข กูจะตามจองล้างจองผลาญมึง จนกว่ามึงจะพังพินาศ” ฉันตวาดมันเสียงดัง ฉันจะไม่ร้องไห้ จะไม่เสียใจ เพราะคนเลวๆแบบนี้อีกแล้ว
“หึหึ แพศยา คนแบบมึงมันก็ดีแต่ร่าน คนแพศยาอย่างมึงมันก็ดีแต่อ้าขาให้ผู้ชายคนอื่นไปทั่วนั่นแหละ”
ซ่า!!!
“ไอ้ผู้ชายสันดานเลว ก่อนที่จะว่าคนอื่นหัดดูตัวเองบ้าง ผู้ชายเลวๆแบบมึง มันก็ดีแต่เอาคนอื่นไปทั่วเหมือนกันนั่นแหละ” ฉันสาดน้ำใส่มันทันที มันมองหน้าฉันราวจะกินเลือดกินเนื้อ มันกำหมัดแน่นจนมือสั่นไปหมด แววตาลุกโชนไปด้วยความโกรธ
“อีเปลว!!!”
“ดีใจจังที่ยังไม่ลืมชื่อกู เตรียมตัวรับผลกรรมที่ทำกับกูไว้ได้เลย ไปกันเถอะวศิน แถวนี้อากาศไม่ดี ถ้ายังอยู่ที่นี่อีกสงสัยคงได้เอาน้ำร้อนมาสาดแทนน้ำเย็นเป็นแน่”
ฉันเดินถือจานข้าวไปนั่งอีกโต๊ะ ก่อนจะปรายตามองหน้าชุมพล มันกัดฟันกรอดๆ มองหน้าฉันอยู่เช่นกัน ดูจากสายตาพร้อมกับสีหน้ามันจ้องฉันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเลย แต่มีหรือฉันจะสนฉันไม่สนอยู่แล้ว
การแก้แค้นมันพึ่งเริ่มต้นนะชุมพล