นรสิงห์

3114 Words
สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อโฉมงามนะคะ ชื่อกระแดะใช่ไหมละ รู้ตัวค่ะ เอาเป็นว่าเรียกโฉมสั้น ๆ ก็พอ ฉันอายุ24 พึ่งจะเรียนจบเมื่อไม่นานมานี้ รูปร่างหน้าตาของฉันก็พอไปวัดไปวาได้ค่ะ ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใดเพราะมีเงินเสกใบหน้าได้ตลอดเวลา บ้านฉันก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรหรอกค่ะ เป็นแค่เจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ ในเขตปริมณฑล “โฉม มานั่งเหม่ออะไรแถวนี้วะ?” เสียงแหลมปี๊ดแสบแก้วหูแบบนี้มีเพียงยัยน้ำหอมเพื่อนของฉันเท่านั้นแหละค่ะ “เหม่ออะไร? กูไม่ได้เหม่อซะหน่อย” “มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ามึงตอแหล” “อีหอม”ฉันกระแทกน้ำเสียงนิดหน่อยแล้วกลอกลูกตากลับ “กูรู้นะว่ามึงมานั่งละเมอเพ้อพกคิดถึงไอ้เสืออ่ะ” ลืมบอกไปว่าหลังจากที่ฉันเลิกกับเสือ ฉันก็กลายเป็นคนเหม่อลอยพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยไป ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่ยังลืมรักแรกของฉันไม่ได้ ฉันคิดถึงเขามาก ก็คนมันรักอ่ะทำไงได้ ทำใจไม่ได้ก็ตรอมใจแทบตายอยู่แบบนี้ ต่อมันให้มันจะผ่านมา 3 เดือนแล้วก็ตาม “ไม่ตอบแสดงว่าจริง”น้ำหอมพูดพลางนั่งลงข้าง ๆ ฉันแล้ววางแก้วเหล้าลง “มันตายยากตายเย็นแท้วะไอ้เสือเนี้ย มึงลืมมันไปได้แล้ว มึงเลิกกันมา 3 เดือนแล้วนะเว้ย” “แต่กูยังเจ็บเหมือนมันพึ่งผ่านมาแค่ 3 วันเอง” “กูบอกแล้วว่าอย่าเย็ดกันมันส์ พอเลิกกันเป็นยังไงละ ลืมไม่ลง” “มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเย็ดเลยนะอีหอม ที่กูไม่ลืมเพราะกูรักมัน” “มึงรักมัน แล้วมันรักมึงไหมโฉม?” คำนี้ทำเอาฉันตอบไม่ออก เพราะขนาดตัวฉัน ฉันยังไม่รู้เลยว่าเสือรักฉันไหม? บอกแล้วไงว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยบอกว่ารักฉันเลย “ถ้าตอบกูไม่ได้ มึงก็ควรคิดได้แล้วนะว่ามึงควรหันกลับมารักตัวเองบ้าง ไม่ใช่จมปักแต่รักมันอย่างเดียว” “กูง่วงวะ กูกลับห้องก่อนนะ มึงก็อย่าเมาจนกลับห้องไม่ได้ละ” “เอ้าอีนี้ พอกูด่าหน่อยทำง่วงนอน.... เออ ๆ เดินดี ๆ อ่ะไม่ใช่เดินเหม่อลอยจนตกน้ำตกท่านะมึง” ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่ได้หันกลับไปมองเพื่อน ที่จริงฉันไม่ได้ง่วงหรอกเพียงแต่ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวเท่านั้น เรือสำราญลำใหญ่แล่นอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ผู้คนมากหน้าหลายตาพากันปาร์ตี้เฮฮา มีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้นที่เอาแต่อมทุกข์ มาเที่ยวแท้ ๆ ฉันยังไม่รู้สึกถึงความสนุก ความรู้สึกของฉันมันเหี่ยวเฉาไปหมดแล้วจริง ๆ ตุบบ!!!!! “เฮ้! เดินอะไรของเธอวะ? เหล้าหกใส่เสื้อฉันหมดแล้ว” เหม่อจนได้เรื่องจริง ๆ .... ฉันเผลอไปชนชายร่างสูงคนหนึ่งเข้า เขาสบถออกมาพร้อมกับมองเสื้อสูทสีแดงของเขาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเหล้าในแก้วที่มือของเขาเอง “ฉันขอโทษค่ะ ฉันมัวแต่คิดอะไรเพลิน ๆ ไปหน่อยเลยไม่ได้มองทาง” “ให้ตายเถอะ! วันนี้มันวันซวยอะไรของกูวะ?” “ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายให้นะคะ” “ชดใช้งั้นเหรอ? ได้!”เขาพูดพลางวางแก้วเหล้าแล้วถอดเสื้อสูทของเขาออก ฉันแหงนหน้ามองตามร่างกายกำยำของเขา “เอาไปซักให้ฉันซิ” สูทสีแดงยื่นมาอยู่ที่ปลายคางของฉัน ฉันค่อย ๆ แหงนหน้ามองเขาอย่างช้า ๆ “ซักเหรอ ?” ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตจ้องมองมาที่ใบหน้าของฉัน จมูกของเขาโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาเม้มขึ้นเล็กน้อย เขาดูหล่อจัง แต่หล่อแบบขรึม ๆ หน้าเกรงกลัวยังไงไม่รู้ เป็นขาใหญ่แถวนี้แน่ ๆ เลย “ใช่ ซัก รู้จักไหม? ซักผ้าอ่ะ”เขาพูดพลางโน้มหน้ามาใกล้ ๆ กับใบหน้าของฉัน “ฉัน.... ซักไม่เป็นหรอกนะ ฉันไม่เคยซักผ้าเอง แต่ถ้าคุณอยากให้ฉันรับผิดชอบ ฉันจะส่งเข้าร้านซักให้ วันพรุ่งนี้ตอนเย็น ๆ คงได้” “เหอะ! ฉันจะลงจากเรือตอนเที่ยง ส่วนเธอจะทำยังไงนั้นมันเรื่องของเธอ”เขาโยนสูทมาให้ฉันแล้วก็เดินไป อะไรวะ....? ก่อนเที่ยงแล้วมันจะแห้งไหมละ? แล้วอยู่ห้องไหนก็ไม่ยอมบอก ฉันได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของเขาที่เดินหายวับเข้าไปด้านในของเรือ ( ห้อง 1705 ) ฉันนั่งมองเสื้อสูทสีแดงที่อ่างล้างหน้าภายในห้องน้ำในห้อง จะให้ทำยังไงละถ้าส่งร้านซักมันคงไม่ทันวันพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงแน่ ๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฉันจะต้องซักมันเอง แล้วเอาไดร์เป่ามันให้แห้ง รีดนิดหน่อยคงแห้งทัน “เอาวะ ซักก็ซัก แต่ฉันขอใช้ไอ้นี้แทนน้ำยาซักผ้าแล้วกันนะ” ฉันหยิบแลคตาซิดขึ้นมาแล้วบีบลงไปที่เสื้อสูทแล้วเริ่มขยี้ตามที่ฉันเคยเห็นป้าอ่อนทำ เสียงไดร์เป่าผมของฉันดังสนั่นไปลั่นห้อง ฉันเป่ามันไปที่เสื้อสูทตัวนั้นพร้อมกับใช้พัดลมเป่าไปด้วย หลังจากที่ทำไรเสร็จฉันก็อาบน้ำและนอน ( นอนคิดถึงผู้ชายที่ฉันรักนะซิ ) ( ห้อง 1710 ) กลิ่นบุหรี่อบอวนไปทั่วภายในห้อง ชายร่างสูงยืนฟังเสียงคลื่นที่ซัดมากระทบเข้ากับเรือสำราญลำใหญ่ มือของเขาคว้าบุหรี่ขึ้นสูบก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม “นายน้อยครับ นายใหญ่ส่งไอ้ทินมารอรับที่ท่าเรียบร้อยแล้วครับ” “มึงเอาเงินที่โต๊ะไปแลกชิปเตรียมไว้ให้กู กูอาบน้ำเสร็จจะออกไป” “แต่....” เคร้งงง!!! “ขอโทษครับนาย ผมจะเอาซิปไปแลกให้เดี๋ยวนี้”ภาสกรรีบก้มหัวรับคำสั่งของนายเขาทันทีเมื่อแก้วไวน์ถูกขว้างแตกมาที่หน้าของเขา มันเป็นยังไงกัน? ชอบกันรึไงวะให้ผมอารมณ์เสีย ผมจ้องหน้าไอ้กรตาเขม่งเพราะไม่ชอบที่มันมาพูดขัดคำของผม ไอ้กรหลบสายตาแล้วก้มหน้าลงด้วยความเกรงกลัว “เก็บเศษแก้วไปทิ้ง แล้วออกไปแลกชิปให้กู”ผมสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ครับนายน้อย” ไอ้กรทำตามที่ผมสั่งแล้วออกจากห้องไปพร้อมกับซองห่อเงินจำนวนหลายสิบล้าน ถ้าคืนนี้ผมไม่ได้ทุนคืนผมคงนอนไม่หลับ เพราะก่อนหน้านี่ผมพึ่งจะเล่นเสียไป เสียแบบที่ผมโดนโกง และแน่นอนว่าคนอย่างผมไม่มีทางให้มันมาโกงผมง่าย ๆ หรอก ผมสะสร้างล้างตัวเองจนกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่คลายออกแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นมาใส่แบบลวก ๆ ( ห้องคาสิโนบนเรือสำราญ ) เกมส์ไพ่เริ่มเล่นดวลกันอีกครั้ง ผมกลับมาดวลกับไอ้ฝรั่งขี้โกงคนเดิม มันคิดว่าผมโง่รึไงที่ไม่รู้ว่ามันเล่นโกงเงินผม สาวผมลอนยกนิ้วขึ้นมาลูบเส้นผมโดยใช้นิ้วชี้นิ้วกลางนิ้วนางและนิ้วก้อย เธอกำลังบอกผมว่าไอ้นั้นมันมี 4 แต้ม ใช่... ผมกำลังโกงมันกลับ ไพ่ในมือของผมมันเหนือกว่าแน่นอน ผมไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรนอกจากมองตาไอ้ฝรั่งขี้โกงคนนั้นที่กำลังจ้องมองใครคนหนึ่งที่อยู่แถว ๆ เก้าอี้ของผม “ไอ้กร”ผมหันไปเรียกชื่อลูกน้องพร้อมกับพยักหน้าบอกให้มันทำตามแผนที่ผมสั่งไว้ “ครับนายน้อย” ลูกน้องของผมเกือบสิบคนรุมเข้ามายืนเรียงอยู่ข้างหลังของผมเพื่อปิดไม่ให้คนอื่นมาสอดแนมเห็นจำนวนไพ่ในมือผม “ทำไมต้องให้คนมายืมล้อมตัวนายอย่างนั้น คิดจะโกงฉันเหรอ ?” “ถ้าแกไม่โกง ฉันก็ไม่คิดที่จะโกงแกหรอก” “โกงอะไร ทุกคนก็เห็นว่าฉันไม่ได้โกงนาย” “ไม่ได้โกงก็หุบปาก แล้วเริ่มวางชิปของแกได้แหละ” “50 ล้าน” ชิปกองโตถูกวางมาบนโต๊ะไพ่ มันมีแต้มน้อยแต่ทำไมมันถึงกล้าสู้ได้ขนาดนี้ คิดจะลักไก่กูงั้นเหรอ ผมมองชิปหน้านิ่ง ๆ แล้วเลื่อนชิปของผมจำนวนหนึ่งดวลไป “100 ล้าน” เสียงของผู้คนต่างพาฮือฮาเสียงดัง เพราะไม่มีใครดวลได้สูงเท่านี้มาก่อน ทุกคนต่างจับจ้องมาที่โต๊ะของผม “ฮ่า ๆ 150 ล้านไปเลยซิวะ!” ชิปของมันถูกโยนเข้ามาอีกจำนวนหนึ่ง ผมไม่รู้ว่ามันกำลังจะคิดทำอะไร? เพราะไม่รู้ว่ามันจะโกงผมรูปแบบไหน? ผมโยนชิปเข้าไปอีก 50 ล้านตามเกมส์ของมัน “เชิญวางไพ่ครับ” “7 แต้ม”ผมโยนไพ่ 7 แต้มลงแล้วมองหน้าไอ้ฝรั่งนั้นที่กำลังมองไพ่ในมือมันอยู่ ไม่ทันลับตาผู้หญิงที่ผมส่งไปส่งสัญญาณบางอย่างบอกผม ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังจะสื่อว่าอะไร เธอดูรุกรี้รุกรนก่อนจะวิ่งออกมาจากตรงนั้น ผมไม่ได้มองตามว่าเธอวิ่งไปไหนเพราะกลัวว่ามันจะรู้ตัว “หึ! ฉันว่าวันนี้มันไม่ใช่วันของนายนะหนุ่มน้อย”อะไรของมัน มันพูดอะไรของมัน ผมขมวดคิ้วขึ้นเชิงสงสัย มันโยนไพ่ของมันลงมา “ฉันได้ 9 แต้มวะ!” เฮ้!!!!!!! เสียงเฮฮาฝั่งนั้นดังสนั่นห้อง ทุกคนต่างพากันยิ้มดีใจกับไอ้ฝรั่งนั้น ผมได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะผมไม่รู้ว่ามันโกงผมด้วยวิธีไหน มันแสยะยิ้มใส่ผมอย่างผู้ชนะ “มันเล่นโกงสลับไพ่ครับนายน้อย”ไอ้กรกระซิบลงที่ข้างหูของผมเบา ๆ อ้อ! โกงแบบสลับไพ่งั้นเหรอ.... ปังง!!!!!!! ผมคว้าปืนขึ้นมายิงไปทางหัวของไอ้ฝรั่งนั้น แต่ไม่โดนมันหรอกนะเพราะผมตั้งใจให้เฉียดมัน ลูกกระสุนเจาะไปที่หัวลูกน้องของมันแทน ผู้คนจำนวนหนึ่งไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรกัน เพราะมันเป็นเรื่องปกติของบ่อน แต่ก็มีคนไม่น้อยที่กำลังวิ่งออกจากคาสิโนเพราะกลัวลูกหลงไปโดน “ฟัค!!! มึงจะฆ่ากูเหรอวะ?!!!!” “กูให้มึงพูดอีกรอบว่ามึงได้กี่แต้ม?”ผมถามพร้อมกับจ่อปืนไปที่หัวของมัน “ก็เห็น ๆ อยู่ว่ากูชนะเกมส์นี้ อย่ามาแพ้แล้วพาลไปหน่อยเลยไอ้ลูกหมา!” ปังงงง!!!!!! ผมยิงไปอีกนัดที่ลูกน้องของมัน.... เตือนไว้อย่างนะเวลาจะเข้าบ่อนอย่าลืมพกอาวุธ ไม่อย่างนั้นจะยิงตอบโต้ไม่ได้ “กูถามว่ามึงได้กี่แต้ม?!!!!”ผมสบถออกไปอย่างรุนแรงจนทุกคนต่างสะดุ้ง “คุณครับ ใจเย็น ๆ กันก่อนนะครับ คนอื่นแตกตื่นกันหมดแล้ว ค่อย ๆ คุยกันดีกว่านะครับ”พนักงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ผมหันปืนไปทางมัน “อย่าเสือก” “ใครก็ได้เรียกตำรวจมาจับไอ้หมาบ้านี้ที เล่นแพ้แล้วมาพาลใส่คนอื่นแบบนี้ไม่หน้าปล่อยให้ขึ้นมาบนเรือนี้ได้นะ!” ปังงงงง!!!!!! “อ๊ากกกกก!!!”ผมยิงไปที่แขนของไอ้ฝรั่งหัวหมอนั้น “กูให้มึงตอบว่าอะไรไอ้แก่?!!!!!” “มึงจะให้กูตอบอะไร? กูก็บอกไปแล้วไงวะ ถ้ามึงอยากได้เงินมึงก็เอาไปเลย!!”มันตอบพลางลุกขึ้นยืนแล้วจับแขนที่โดนผมยิง “กูไม่อยากได้เงิน กูอยากได้ความจริง” “ความจริงอะไรของมึง?! เล่นแพ้แล้วมาพาลยิงคนอื่นแบบนี้ คอยดูนะกูขึ้นฝั่งได้มึงไม่ตายดีแน่!” ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรนอกจากหัวเราะในลำคอ.... “แกโกงคุณสิงห์ ฉันเห็นกับตา!”สาวสวยที่ผมส่งไปสอดแนมพูดขึ้นมาจนทุกคนต่างพากันฮือฮา “นี้มึงส่งอีนั้นมาดูไพ่กูงั้นเหรอ!?” “กูก็ทำเหมือนที่มึงทำกับกูนั้นแหละ” ลูกน้องของผมคนหนึ่งกระชากตัวอีผู้หญิงผมบลอนคนของไอ้นั้นเข้ามา “พวกมึงพูดเรื่องอะไร? กูไม่รู้เรื่อง กูไม่ได้ส่งอีนั้นไป!” “ถ้าอย่างนั้นใครส่งมึงมา?”ผมหันไปถามผู้หญิงคนนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ "....” เธออึกอักไม่ยอมตอบ ซึ่งผมบอกไว้เลยนะว่าผมไม่ชอบ “ถ้ามึงไม่ตอบ มึงก็ตายซะ” “ม....ไม่นะคะ คุณแดเนียลส่งฉันมาค่ะ! อย่าฆ่าฉันเลยนะคะ!” “มึงใช่ไหม? ไอ้แดเนียล?” ผมหันไปถามไอ้ฝรั่งนั้น “กูไม่ได้ชื่อแดเนียล!” “มึงนั้นแหละไอ้แดเนียล! มึงจะโยนขี้ให้กูตายแทนมึงเหรอไอ้ระยำ!” “มึงพูดอะไรของมึง? กูไม่รู้จักมึงอีสำส่อน!” “มันนั้นแหละที่ส่งฉันมา!”เธอหันมาบอกผมด้วยสายตาหนักแน่นปนร้องไห้ “จับมันมาให้กู” ผมหันไปสั่งไอ้กรด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วลดปืนลง พร้อมกับลากเก้าอี้ออกมาอยู่กลางห้องคาสิโน ผู้คนต่างพากันยืนดูนิ่ง ๆ อยู่ด้านนอก ส่วนลูกน้องของมันก็โดนผมยิงตายไปหมดแล้ว “ปล่อยกูนะเว้ย! ถ้ากูออกไปได้กูจะฆ่าพวกมึง! ปล่อยกู! มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร! กูบอกให้ปล่อยไงวะ!?” ตุบ ๆ !!!!! ลูกน้องของผมช่วยกันรุมกระทืบไอ้ฝรั่งนั้นจนมันล้มตัวลงนอนราบกับพื้น ไอ้กรทำหน้าที่กระชากหัวมันมาที่ปลายตีนของผม “อึก.... ม...... มึงง!!!”น้ำเสียงกระอักกระอวนพ่นเลือดออกมาจากปาก จะตายห่าอยู่แล้วยังปากดี “กูจะถามมึงอีกรอบ มึงได้กี่แต้ม?” “แอ่ก....!! กูก็บอกไปแล้วไงวะ กูไม่ได้โกงมึง อีกะหรี่นั้นมันโกหก อึก!!” ผมถอนหายใจออกมายาว ๆ แล้วใช้ปืนเสยคางมันขึ้นมา... “การโกหกเนี้ยมันบาปนะมึงรู้ไหม?” “แอ่ก ๆ ....” “ตั้งแต่กูเล่นไพ่มา ไม่เคยมีหมาตัวไหนกล้าโกงกูสักตัว เพราะอะไรมึงรู้ไหม?.... เพราะกูเป็นพวกรักความซื่อสัตย์ และถ้าใครมันเล่นไม่ซื่อกับกู พวกมันจะเจอกับจุดจบที่หน้าอนาถสุด ๆ” ผมพูดพลางโยนปืนไปให้ไอ้กรแล้วหยิบมีดเล่มโปรดของผมออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันเป็นมีดเล่มเล็ก ๆ แต่แหลมคมจนตัดลิ้นควายได้ “นี่เป็นมีดพกที่กูรักมากที่สุด มึงอยากรู้ไหมว่าทำไมกูถึงรัก?” “แพร่มเหี้ยอะไรของมึง แอ่ก! กูไม่อยากรู้ อึก...." “จุๆ อย่าส่งเสียงแบบนี้ซิ มันฟังไม่เข้าหูไม่ถูกใจกู” “มึงอย่าให้กูออกไปได้นะไอ้สวะ! แอ่กอึก....” “หึ! กูจะถามอีกรอบ มึงได้กี่แต้ม?” “หึ! อยากรู้เหรอวะ? หึ ๆ !! ก็ได้ กูได้แค่ 4 แต้ม หึ ๆ !!! กูโกงมึงไอ้ไก่อ่อน โกงตั้งแต่รอบแรกยั้นรอบสุดท้าย หึ ๆ !! ไอ้โง่ ฮ่า ๆ”มันหัวเราะออกมาแล้วทำหน้าเยาะเย้ยใส่ผม คงสะใจมากซินะครับ “แล้วยังไง? กูโกงแล้วมึงจะทำอะไรกูได้? ถุ้ย!!” เลือดของมันกระเด็นมาโดนหน้าผม ผมค่อย ๆ ใช้มือลูบมันออก แล้วหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง หลายคนต่างพากันเงียบขรึมแล้วมองผมอย่างเกรงกลัว “หัวเราะเหี้ยอะไรของมึงวะ? ตลกความโง่ของตัวเองงั้นเหรอ!?” “เปล่าหรอก.... กูไม่ได้ตลก กูแค่กำลังสนุกต่างหาก” “มึงบ้าไปแล้วรึไงไอ้ประสาท!” “ฮ่า ๆ แล้วมึงอยากรู้ไหมละว่ากูบ้าแค่ไหน?” “ทำอะไรวะ! ปล่อยกู!!!” ไอ้กรจับมือมันไขว้หลังแล้วกระชากหัวมันขึ้น ผมค่อย ๆ ใช้ปลายมีดลูบไล้ไปตามเส้นคอนั้น ไม่ได้อยากได้หรือทำอะไรมากหรอกครับ ผมแค่ต้องการได้ยินเสียงของคนที่กำลังจะขาดใจตายก็แค่นั้นเอง มันเป็นเสียงที่ผมชอบ “ช่วยร้องให้ดัง ๆ หน่อยนะ” กึดด!!!!! ผมใช้ปลายมีดทิ้มลงไปที่ลำคอของมันแล้วค่อย ๆ ลากปลายมีดกรีดคอมันอย่างช้า ๆ เลือดกระเด็นมาที่ใบหน้าของผม “อึก.... อ๊ะ! เฮือกกก!!!”น้ำเสียงของมันแผ่วเบาจนผมแทบไม่ได้ยิน ตาของมันเหลือกขึ้นแล้วค่อย ๆ ขาดใจ อร๊ายยยยยย!!! ผู้คนต่างพากันส่งเสียงร้องพร้อมปิดปากปิดตาไม่กล้ามองภาพนี้ บางคนก็รีบหนีออกไป แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรทั้งนั้น เมื่อมันตายผมก็ปล่อยมือออกจากด้ามมีดแล้วใช้ผ้าเปียกเช็ดเลือดบนหน้าและมือของผม ลูกน้องของผมทำหน้าที่เคลียร์พื้นที่ต่าง ๆ “มีใครจะเล่นกับกูอีกไหม?”ผมหันไปถามผีพนันที่ยังยืนมองผมอย่างหวาดกลัว แน่นอนละว่าคืนนี้มันคงไม่มีใครมาดวลกับผมต่อ “นายน้อยครับ ไอ้แดเนียลมัน...” “มันจะเป็นใครก็ชั่งหัวมัน กูไม่สน” ผมพูดจบก็เดินออกจากห้องคาสิโนเพื่อที่จะกลับห้องของตัวเอง ระหว่างเดินออกก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบตามประสาคนติดบุหรี่อย่างผม “ขอโทษนะคะ.... ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเเหรอคะ??” มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินปรี่เข้ามาทักผม เธอใช้สายตากวาดมองรูปร่างผมไปทั่วตามประสาผู้หญิงที่อยากได้ ผมพ่นควันบุหรี่ออกมาก่อนจะตอบคำถามของเธอ “ถามทำไม?” “ก็แค่.... อยากรู้จักน่ะค่ะ ฉันชื่ออายนะคะ คุณละชื่ออะไร?”เธอพูดพลางลูบไล้ตามคอเสื้อเชิ้ตของผม ดูก็รู้แล้วว่าเธอจะสื่ออะไร “ฉันชื่อ.... นรสิงห์” แน่นอนว่าการทักทายนี้มันจบลงที่เตียงนอน....
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD