สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อโฉมงามนะคะ ชื่อกระแดะใช่ไหมละ รู้ตัวค่ะ เอาเป็นว่าเรียกโฉมสั้น ๆ ก็พอ ฉันอายุ24 พึ่งจะเรียนจบเมื่อไม่นานมานี้ รูปร่างหน้าตาของฉันก็พอไปวัดไปวาได้ค่ะ ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใดเพราะมีเงินเสกใบหน้าได้ตลอดเวลา บ้านฉันก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรหรอกค่ะ เป็นแค่เจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ ในเขตปริมณฑล
“โฉม มานั่งเหม่ออะไรแถวนี้วะ?” เสียงแหลมปี๊ดแสบแก้วหูแบบนี้มีเพียงยัยน้ำหอมเพื่อนของฉันเท่านั้นแหละค่ะ
“เหม่ออะไร? กูไม่ได้เหม่อซะหน่อย”
“มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ามึงตอแหล”
“อีหอม”ฉันกระแทกน้ำเสียงนิดหน่อยแล้วกลอกลูกตากลับ
“กูรู้นะว่ามึงมานั่งละเมอเพ้อพกคิดถึงไอ้เสืออ่ะ”
ลืมบอกไปว่าหลังจากที่ฉันเลิกกับเสือ ฉันก็กลายเป็นคนเหม่อลอยพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยไป ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่ยังลืมรักแรกของฉันไม่ได้ ฉันคิดถึงเขามาก ก็คนมันรักอ่ะทำไงได้ ทำใจไม่ได้ก็ตรอมใจแทบตายอยู่แบบนี้
ต่อมันให้มันจะผ่านมา 3 เดือนแล้วก็ตาม
“ไม่ตอบแสดงว่าจริง”น้ำหอมพูดพลางนั่งลงข้าง ๆ ฉันแล้ววางแก้วเหล้าลง
“มันตายยากตายเย็นแท้วะไอ้เสือเนี้ย มึงลืมมันไปได้แล้ว มึงเลิกกันมา 3 เดือนแล้วนะเว้ย”
“แต่กูยังเจ็บเหมือนมันพึ่งผ่านมาแค่ 3 วันเอง”
“กูบอกแล้วว่าอย่าเย็ดกันมันส์ พอเลิกกันเป็นยังไงละ ลืมไม่ลง”
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเย็ดเลยนะอีหอม ที่กูไม่ลืมเพราะกูรักมัน”
“มึงรักมัน แล้วมันรักมึงไหมโฉม?”
คำนี้ทำเอาฉันตอบไม่ออก เพราะขนาดตัวฉัน ฉันยังไม่รู้เลยว่าเสือรักฉันไหม? บอกแล้วไงว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยบอกว่ารักฉันเลย
“ถ้าตอบกูไม่ได้ มึงก็ควรคิดได้แล้วนะว่ามึงควรหันกลับมารักตัวเองบ้าง ไม่ใช่จมปักแต่รักมันอย่างเดียว”
“กูง่วงวะ กูกลับห้องก่อนนะ มึงก็อย่าเมาจนกลับห้องไม่ได้ละ”
“เอ้าอีนี้ พอกูด่าหน่อยทำง่วงนอน.... เออ ๆ เดินดี ๆ อ่ะไม่ใช่เดินเหม่อลอยจนตกน้ำตกท่านะมึง”
ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่ได้หันกลับไปมองเพื่อน ที่จริงฉันไม่ได้ง่วงหรอกเพียงแต่ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวเท่านั้น
เรือสำราญลำใหญ่แล่นอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ผู้คนมากหน้าหลายตาพากันปาร์ตี้เฮฮา มีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้นที่เอาแต่อมทุกข์ มาเที่ยวแท้ ๆ ฉันยังไม่รู้สึกถึงความสนุก ความรู้สึกของฉันมันเหี่ยวเฉาไปหมดแล้วจริง ๆ
ตุบบ!!!!!
“เฮ้! เดินอะไรของเธอวะ? เหล้าหกใส่เสื้อฉันหมดแล้ว”
เหม่อจนได้เรื่องจริง ๆ .... ฉันเผลอไปชนชายร่างสูงคนหนึ่งเข้า เขาสบถออกมาพร้อมกับมองเสื้อสูทสีแดงของเขาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเหล้าในแก้วที่มือของเขาเอง
“ฉันขอโทษค่ะ ฉันมัวแต่คิดอะไรเพลิน ๆ ไปหน่อยเลยไม่ได้มองทาง”
“ให้ตายเถอะ! วันนี้มันวันซวยอะไรของกูวะ?”
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายให้นะคะ”
“ชดใช้งั้นเหรอ? ได้!”เขาพูดพลางวางแก้วเหล้าแล้วถอดเสื้อสูทของเขาออก ฉันแหงนหน้ามองตามร่างกายกำยำของเขา
“เอาไปซักให้ฉันซิ” สูทสีแดงยื่นมาอยู่ที่ปลายคางของฉัน ฉันค่อย ๆ แหงนหน้ามองเขาอย่างช้า ๆ
“ซักเหรอ ?”
ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตจ้องมองมาที่ใบหน้าของฉัน จมูกของเขาโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาเม้มขึ้นเล็กน้อย เขาดูหล่อจัง แต่หล่อแบบขรึม ๆ หน้าเกรงกลัวยังไงไม่รู้ เป็นขาใหญ่แถวนี้แน่ ๆ เลย
“ใช่ ซัก รู้จักไหม? ซักผ้าอ่ะ”เขาพูดพลางโน้มหน้ามาใกล้ ๆ กับใบหน้าของฉัน
“ฉัน.... ซักไม่เป็นหรอกนะ ฉันไม่เคยซักผ้าเอง แต่ถ้าคุณอยากให้ฉันรับผิดชอบ ฉันจะส่งเข้าร้านซักให้ วันพรุ่งนี้ตอนเย็น ๆ คงได้”
“เหอะ! ฉันจะลงจากเรือตอนเที่ยง ส่วนเธอจะทำยังไงนั้นมันเรื่องของเธอ”เขาโยนสูทมาให้ฉันแล้วก็เดินไป
อะไรวะ....? ก่อนเที่ยงแล้วมันจะแห้งไหมละ? แล้วอยู่ห้องไหนก็ไม่ยอมบอก ฉันได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของเขาที่เดินหายวับเข้าไปด้านในของเรือ
( ห้อง 1705 )
ฉันนั่งมองเสื้อสูทสีแดงที่อ่างล้างหน้าภายในห้องน้ำในห้อง จะให้ทำยังไงละถ้าส่งร้านซักมันคงไม่ทันวันพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงแน่ ๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฉันจะต้องซักมันเอง แล้วเอาไดร์เป่ามันให้แห้ง รีดนิดหน่อยคงแห้งทัน
“เอาวะ ซักก็ซัก แต่ฉันขอใช้ไอ้นี้แทนน้ำยาซักผ้าแล้วกันนะ”
ฉันหยิบแลคตาซิดขึ้นมาแล้วบีบลงไปที่เสื้อสูทแล้วเริ่มขยี้ตามที่ฉันเคยเห็นป้าอ่อนทำ
เสียงไดร์เป่าผมของฉันดังสนั่นไปลั่นห้อง ฉันเป่ามันไปที่เสื้อสูทตัวนั้นพร้อมกับใช้พัดลมเป่าไปด้วย หลังจากที่ทำไรเสร็จฉันก็อาบน้ำและนอน ( นอนคิดถึงผู้ชายที่ฉันรักนะซิ )
( ห้อง 1710 )
กลิ่นบุหรี่อบอวนไปทั่วภายในห้อง ชายร่างสูงยืนฟังเสียงคลื่นที่ซัดมากระทบเข้ากับเรือสำราญลำใหญ่ มือของเขาคว้าบุหรี่ขึ้นสูบก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม
“นายน้อยครับ นายใหญ่ส่งไอ้ทินมารอรับที่ท่าเรียบร้อยแล้วครับ”
“มึงเอาเงินที่โต๊ะไปแลกชิปเตรียมไว้ให้กู กูอาบน้ำเสร็จจะออกไป”
“แต่....”
เคร้งงง!!!
“ขอโทษครับนาย ผมจะเอาซิปไปแลกให้เดี๋ยวนี้”ภาสกรรีบก้มหัวรับคำสั่งของนายเขาทันทีเมื่อแก้วไวน์ถูกขว้างแตกมาที่หน้าของเขา
มันเป็นยังไงกัน? ชอบกันรึไงวะให้ผมอารมณ์เสีย ผมจ้องหน้าไอ้กรตาเขม่งเพราะไม่ชอบที่มันมาพูดขัดคำของผม ไอ้กรหลบสายตาแล้วก้มหน้าลงด้วยความเกรงกลัว
“เก็บเศษแก้วไปทิ้ง แล้วออกไปแลกชิปให้กู”ผมสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“ครับนายน้อย”
ไอ้กรทำตามที่ผมสั่งแล้วออกจากห้องไปพร้อมกับซองห่อเงินจำนวนหลายสิบล้าน ถ้าคืนนี้ผมไม่ได้ทุนคืนผมคงนอนไม่หลับ เพราะก่อนหน้านี่ผมพึ่งจะเล่นเสียไป เสียแบบที่ผมโดนโกง และแน่นอนว่าคนอย่างผมไม่มีทางให้มันมาโกงผมง่าย ๆ หรอก
ผมสะสร้างล้างตัวเองจนกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่คลายออกแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นมาใส่แบบลวก ๆ
( ห้องคาสิโนบนเรือสำราญ )
เกมส์ไพ่เริ่มเล่นดวลกันอีกครั้ง ผมกลับมาดวลกับไอ้ฝรั่งขี้โกงคนเดิม มันคิดว่าผมโง่รึไงที่ไม่รู้ว่ามันเล่นโกงเงินผม
สาวผมลอนยกนิ้วขึ้นมาลูบเส้นผมโดยใช้นิ้วชี้นิ้วกลางนิ้วนางและนิ้วก้อย เธอกำลังบอกผมว่าไอ้นั้นมันมี 4 แต้ม
ใช่... ผมกำลังโกงมันกลับ
ไพ่ในมือของผมมันเหนือกว่าแน่นอน ผมไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรนอกจากมองตาไอ้ฝรั่งขี้โกงคนนั้นที่กำลังจ้องมองใครคนหนึ่งที่อยู่แถว ๆ เก้าอี้ของผม
“ไอ้กร”ผมหันไปเรียกชื่อลูกน้องพร้อมกับพยักหน้าบอกให้มันทำตามแผนที่ผมสั่งไว้
“ครับนายน้อย”
ลูกน้องของผมเกือบสิบคนรุมเข้ามายืนเรียงอยู่ข้างหลังของผมเพื่อปิดไม่ให้คนอื่นมาสอดแนมเห็นจำนวนไพ่ในมือผม
“ทำไมต้องให้คนมายืมล้อมตัวนายอย่างนั้น คิดจะโกงฉันเหรอ ?”
“ถ้าแกไม่โกง ฉันก็ไม่คิดที่จะโกงแกหรอก”
“โกงอะไร ทุกคนก็เห็นว่าฉันไม่ได้โกงนาย”
“ไม่ได้โกงก็หุบปาก แล้วเริ่มวางชิปของแกได้แหละ”
“50 ล้าน”
ชิปกองโตถูกวางมาบนโต๊ะไพ่ มันมีแต้มน้อยแต่ทำไมมันถึงกล้าสู้ได้ขนาดนี้ คิดจะลักไก่กูงั้นเหรอ ผมมองชิปหน้านิ่ง ๆ แล้วเลื่อนชิปของผมจำนวนหนึ่งดวลไป
“100 ล้าน”
เสียงของผู้คนต่างพาฮือฮาเสียงดัง เพราะไม่มีใครดวลได้สูงเท่านี้มาก่อน ทุกคนต่างจับจ้องมาที่โต๊ะของผม
“ฮ่า ๆ 150 ล้านไปเลยซิวะ!”
ชิปของมันถูกโยนเข้ามาอีกจำนวนหนึ่ง ผมไม่รู้ว่ามันกำลังจะคิดทำอะไร? เพราะไม่รู้ว่ามันจะโกงผมรูปแบบไหน?
ผมโยนชิปเข้าไปอีก 50 ล้านตามเกมส์ของมัน
“เชิญวางไพ่ครับ”
“7 แต้ม”ผมโยนไพ่ 7 แต้มลงแล้วมองหน้าไอ้ฝรั่งนั้นที่กำลังมองไพ่ในมือมันอยู่
ไม่ทันลับตาผู้หญิงที่ผมส่งไปส่งสัญญาณบางอย่างบอกผม ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังจะสื่อว่าอะไร เธอดูรุกรี้รุกรนก่อนจะวิ่งออกมาจากตรงนั้น ผมไม่ได้มองตามว่าเธอวิ่งไปไหนเพราะกลัวว่ามันจะรู้ตัว
“หึ! ฉันว่าวันนี้มันไม่ใช่วันของนายนะหนุ่มน้อย”อะไรของมัน มันพูดอะไรของมัน ผมขมวดคิ้วขึ้นเชิงสงสัย มันโยนไพ่ของมันลงมา
“ฉันได้ 9 แต้มวะ!”
เฮ้!!!!!!!
เสียงเฮฮาฝั่งนั้นดังสนั่นห้อง ทุกคนต่างพากันยิ้มดีใจกับไอ้ฝรั่งนั้น ผมได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะผมไม่รู้ว่ามันโกงผมด้วยวิธีไหน มันแสยะยิ้มใส่ผมอย่างผู้ชนะ
“มันเล่นโกงสลับไพ่ครับนายน้อย”ไอ้กรกระซิบลงที่ข้างหูของผมเบา ๆ
อ้อ! โกงแบบสลับไพ่งั้นเหรอ....
ปังง!!!!!!!
ผมคว้าปืนขึ้นมายิงไปทางหัวของไอ้ฝรั่งนั้น แต่ไม่โดนมันหรอกนะเพราะผมตั้งใจให้เฉียดมัน ลูกกระสุนเจาะไปที่หัวลูกน้องของมันแทน ผู้คนจำนวนหนึ่งไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรกัน เพราะมันเป็นเรื่องปกติของบ่อน แต่ก็มีคนไม่น้อยที่กำลังวิ่งออกจากคาสิโนเพราะกลัวลูกหลงไปโดน
“ฟัค!!! มึงจะฆ่ากูเหรอวะ?!!!!”
“กูให้มึงพูดอีกรอบว่ามึงได้กี่แต้ม?”ผมถามพร้อมกับจ่อปืนไปที่หัวของมัน
“ก็เห็น ๆ อยู่ว่ากูชนะเกมส์นี้ อย่ามาแพ้แล้วพาลไปหน่อยเลยไอ้ลูกหมา!”
ปังงงง!!!!!!
ผมยิงไปอีกนัดที่ลูกน้องของมัน.... เตือนไว้อย่างนะเวลาจะเข้าบ่อนอย่าลืมพกอาวุธ ไม่อย่างนั้นจะยิงตอบโต้ไม่ได้
“กูถามว่ามึงได้กี่แต้ม?!!!!”ผมสบถออกไปอย่างรุนแรงจนทุกคนต่างสะดุ้ง
“คุณครับ ใจเย็น ๆ กันก่อนนะครับ คนอื่นแตกตื่นกันหมดแล้ว ค่อย ๆ คุยกันดีกว่านะครับ”พนักงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ผมหันปืนไปทางมัน
“อย่าเสือก”
“ใครก็ได้เรียกตำรวจมาจับไอ้หมาบ้านี้ที เล่นแพ้แล้วมาพาลใส่คนอื่นแบบนี้ไม่หน้าปล่อยให้ขึ้นมาบนเรือนี้ได้นะ!”
ปังงงงง!!!!!!
“อ๊ากกกกก!!!”ผมยิงไปที่แขนของไอ้ฝรั่งหัวหมอนั้น
“กูให้มึงตอบว่าอะไรไอ้แก่?!!!!!”
“มึงจะให้กูตอบอะไร? กูก็บอกไปแล้วไงวะ ถ้ามึงอยากได้เงินมึงก็เอาไปเลย!!”มันตอบพลางลุกขึ้นยืนแล้วจับแขนที่โดนผมยิง
“กูไม่อยากได้เงิน กูอยากได้ความจริง”
“ความจริงอะไรของมึง?! เล่นแพ้แล้วมาพาลยิงคนอื่นแบบนี้ คอยดูนะกูขึ้นฝั่งได้มึงไม่ตายดีแน่!”
ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรนอกจากหัวเราะในลำคอ....
“แกโกงคุณสิงห์ ฉันเห็นกับตา!”สาวสวยที่ผมส่งไปสอดแนมพูดขึ้นมาจนทุกคนต่างพากันฮือฮา
“นี้มึงส่งอีนั้นมาดูไพ่กูงั้นเหรอ!?”
“กูก็ทำเหมือนที่มึงทำกับกูนั้นแหละ”
ลูกน้องของผมคนหนึ่งกระชากตัวอีผู้หญิงผมบลอนคนของไอ้นั้นเข้ามา
“พวกมึงพูดเรื่องอะไร? กูไม่รู้เรื่อง กูไม่ได้ส่งอีนั้นไป!”
“ถ้าอย่างนั้นใครส่งมึงมา?”ผมหันไปถามผู้หญิงคนนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
"....” เธออึกอักไม่ยอมตอบ ซึ่งผมบอกไว้เลยนะว่าผมไม่ชอบ
“ถ้ามึงไม่ตอบ มึงก็ตายซะ”
“ม....ไม่นะคะ คุณแดเนียลส่งฉันมาค่ะ! อย่าฆ่าฉันเลยนะคะ!”
“มึงใช่ไหม? ไอ้แดเนียล?” ผมหันไปถามไอ้ฝรั่งนั้น
“กูไม่ได้ชื่อแดเนียล!”
“มึงนั้นแหละไอ้แดเนียล! มึงจะโยนขี้ให้กูตายแทนมึงเหรอไอ้ระยำ!”
“มึงพูดอะไรของมึง? กูไม่รู้จักมึงอีสำส่อน!”
“มันนั้นแหละที่ส่งฉันมา!”เธอหันมาบอกผมด้วยสายตาหนักแน่นปนร้องไห้
“จับมันมาให้กู”
ผมหันไปสั่งไอ้กรด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วลดปืนลง พร้อมกับลากเก้าอี้ออกมาอยู่กลางห้องคาสิโน ผู้คนต่างพากันยืนดูนิ่ง ๆ อยู่ด้านนอก ส่วนลูกน้องของมันก็โดนผมยิงตายไปหมดแล้ว
“ปล่อยกูนะเว้ย! ถ้ากูออกไปได้กูจะฆ่าพวกมึง! ปล่อยกู! มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร! กูบอกให้ปล่อยไงวะ!?”
ตุบ ๆ !!!!!
ลูกน้องของผมช่วยกันรุมกระทืบไอ้ฝรั่งนั้นจนมันล้มตัวลงนอนราบกับพื้น ไอ้กรทำหน้าที่กระชากหัวมันมาที่ปลายตีนของผม
“อึก.... ม...... มึงง!!!”น้ำเสียงกระอักกระอวนพ่นเลือดออกมาจากปาก จะตายห่าอยู่แล้วยังปากดี
“กูจะถามมึงอีกรอบ มึงได้กี่แต้ม?”
“แอ่ก....!! กูก็บอกไปแล้วไงวะ กูไม่ได้โกงมึง อีกะหรี่นั้นมันโกหก อึก!!”
ผมถอนหายใจออกมายาว ๆ แล้วใช้ปืนเสยคางมันขึ้นมา...
“การโกหกเนี้ยมันบาปนะมึงรู้ไหม?”
“แอ่ก ๆ ....”
“ตั้งแต่กูเล่นไพ่มา ไม่เคยมีหมาตัวไหนกล้าโกงกูสักตัว เพราะอะไรมึงรู้ไหม?.... เพราะกูเป็นพวกรักความซื่อสัตย์ และถ้าใครมันเล่นไม่ซื่อกับกู พวกมันจะเจอกับจุดจบที่หน้าอนาถสุด ๆ”
ผมพูดพลางโยนปืนไปให้ไอ้กรแล้วหยิบมีดเล่มโปรดของผมออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันเป็นมีดเล่มเล็ก ๆ แต่แหลมคมจนตัดลิ้นควายได้
“นี่เป็นมีดพกที่กูรักมากที่สุด มึงอยากรู้ไหมว่าทำไมกูถึงรัก?”
“แพร่มเหี้ยอะไรของมึง แอ่ก! กูไม่อยากรู้ อึก...."
“จุๆ อย่าส่งเสียงแบบนี้ซิ มันฟังไม่เข้าหูไม่ถูกใจกู”
“มึงอย่าให้กูออกไปได้นะไอ้สวะ! แอ่กอึก....”
“หึ! กูจะถามอีกรอบ มึงได้กี่แต้ม?”
“หึ! อยากรู้เหรอวะ? หึ ๆ !! ก็ได้ กูได้แค่ 4 แต้ม หึ ๆ !!! กูโกงมึงไอ้ไก่อ่อน โกงตั้งแต่รอบแรกยั้นรอบสุดท้าย หึ ๆ !! ไอ้โง่ ฮ่า ๆ”มันหัวเราะออกมาแล้วทำหน้าเยาะเย้ยใส่ผม
คงสะใจมากซินะครับ
“แล้วยังไง? กูโกงแล้วมึงจะทำอะไรกูได้? ถุ้ย!!”
เลือดของมันกระเด็นมาโดนหน้าผม ผมค่อย ๆ ใช้มือลูบมันออก แล้วหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง หลายคนต่างพากันเงียบขรึมแล้วมองผมอย่างเกรงกลัว
“หัวเราะเหี้ยอะไรของมึงวะ? ตลกความโง่ของตัวเองงั้นเหรอ!?”
“เปล่าหรอก.... กูไม่ได้ตลก กูแค่กำลังสนุกต่างหาก”
“มึงบ้าไปแล้วรึไงไอ้ประสาท!”
“ฮ่า ๆ แล้วมึงอยากรู้ไหมละว่ากูบ้าแค่ไหน?”
“ทำอะไรวะ! ปล่อยกู!!!”
ไอ้กรจับมือมันไขว้หลังแล้วกระชากหัวมันขึ้น ผมค่อย ๆ ใช้ปลายมีดลูบไล้ไปตามเส้นคอนั้น ไม่ได้อยากได้หรือทำอะไรมากหรอกครับ ผมแค่ต้องการได้ยินเสียงของคนที่กำลังจะขาดใจตายก็แค่นั้นเอง มันเป็นเสียงที่ผมชอบ
“ช่วยร้องให้ดัง ๆ หน่อยนะ”
กึดด!!!!!
ผมใช้ปลายมีดทิ้มลงไปที่ลำคอของมันแล้วค่อย ๆ ลากปลายมีดกรีดคอมันอย่างช้า ๆ เลือดกระเด็นมาที่ใบหน้าของผม
“อึก.... อ๊ะ! เฮือกกก!!!”น้ำเสียงของมันแผ่วเบาจนผมแทบไม่ได้ยิน ตาของมันเหลือกขึ้นแล้วค่อย ๆ ขาดใจ
อร๊ายยยยยย!!!
ผู้คนต่างพากันส่งเสียงร้องพร้อมปิดปากปิดตาไม่กล้ามองภาพนี้ บางคนก็รีบหนีออกไป แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรทั้งนั้น
เมื่อมันตายผมก็ปล่อยมือออกจากด้ามมีดแล้วใช้ผ้าเปียกเช็ดเลือดบนหน้าและมือของผม ลูกน้องของผมทำหน้าที่เคลียร์พื้นที่ต่าง ๆ
“มีใครจะเล่นกับกูอีกไหม?”ผมหันไปถามผีพนันที่ยังยืนมองผมอย่างหวาดกลัว แน่นอนละว่าคืนนี้มันคงไม่มีใครมาดวลกับผมต่อ
“นายน้อยครับ ไอ้แดเนียลมัน...”
“มันจะเป็นใครก็ชั่งหัวมัน กูไม่สน”
ผมพูดจบก็เดินออกจากห้องคาสิโนเพื่อที่จะกลับห้องของตัวเอง ระหว่างเดินออกก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบตามประสาคนติดบุหรี่อย่างผม
“ขอโทษนะคะ.... ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเเหรอคะ??”
มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินปรี่เข้ามาทักผม เธอใช้สายตากวาดมองรูปร่างผมไปทั่วตามประสาผู้หญิงที่อยากได้ ผมพ่นควันบุหรี่ออกมาก่อนจะตอบคำถามของเธอ
“ถามทำไม?”
“ก็แค่.... อยากรู้จักน่ะค่ะ ฉันชื่ออายนะคะ คุณละชื่ออะไร?”เธอพูดพลางลูบไล้ตามคอเสื้อเชิ้ตของผม ดูก็รู้แล้วว่าเธอจะสื่ออะไร
“ฉันชื่อ.... นรสิงห์”
แน่นอนว่าการทักทายนี้มันจบลงที่เตียงนอน....