บทที่ 2

2526 Words
คำเตือน มีฉากวาบหวิวการช่วยตัวเองของนายเอก เทวะล้างหน้าล้างตาตั้งสติอยู่พักใหญ่ ก็เดินกลับเข้ามาสำรวจรูปปั้นขนาดกลางตั้งอยู่กลางกระท่อม เป็นรูปปั้นครึ่งตัวด้านบน ระบุไม่ได้ว่าเป็นสตรีหรือบุรุษ กุมมือคล้ายกำลังภาวนา ใบหน้างดงามเกินกว่าจะเรียกว่ามนุษย์ ข้างหลังมีปีก 2 คู่คล้ายเทพธิดา ที่ต้องน่าแปลกใจคือข้างดวงตาสองข้างหลับสนิท กลับมีลูกตาดวงใหญ่กลางหน้าผากเบิกโพลงขึ้น หน้าผากมีเขาแหลมงอกออกมาอย่างสง่างาม แต่อีกข้างกลับหักจนกุด เขาคิดว่ารูปปั้นนี้อาจจะมีพลังลึกลับบางอย่างที่ส่งดวงวิญญาณของเขามาที่นี่ เขาก้มลงคำนับรูปปั้นนั้นแล้วมุ่งหน้ากลับไปยังที่พักของอิงฮวาในวังหลวง เขากระโดดกำแพงวังเข้าไปก็เจอที่พักทันที สภาพภายในแทบไม่มีของใช้อะไร มีเพียงเสื่อขาดผืนหนึ่ง ทั้งที่รูปร่างภายนอกงดงามมากแท้ ๆ ที่แห่งนี้มีป้ายเขียนด้านบนตรงหน้าว่า 'ตำหนักฮวา' ดีที่ยังมีที่ซุกหัวนอนอยู่ เพราะถึงเขาจะอัปลักษณ์แต่ก็มีตำแหน่งเป็นถึงพระสนม เพียงแต่ต้องถูกกลั่นแกล้งจากคนอื่นเท่านั้น "ชื่อตำหนักเข้ากับร่างนี้ดีแฮะ ดอกไม้อย่างงั้นเหรอ" เขาเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเก่า ๆ อีกชุด กลับมานั่งมึนกลางห้องโถง ลองค้นหาของมีค่าก็ไม่เจอเงินแม้แต่แดงเดียว เมื่อไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เขาเดินไปที่กระจกพิจารณามองใบหน้าของตน 'เฮ้ออ...ทำไมไม่ดูแลตัวเองบ้างเลยนะ' ในหัวได้แต่คิดหาสมุนไพรรักษาสิวและบำรุงผิวพรรณ ในร่างเดิมเขาดูแลตัวเองค่อนข้างดี ไหน ๆ อิงฮวาตัวจริงก็ตายไปแล้ว เขาก็ขอยึดร่างนี่เลยละกัน อิงฮวาลูบภาพสะท้อนที่กระจกพลางคิดไป เด็กหนุ่มคนนี้มีแต่คนปองร้ายแต่เดิมเขาเก่งการต่อสู้อยู่แล้วหมดกังวลไปได้เล็กน้อย แต่โลกแห่งนี้พิเศษกว่าโลกเดิม เพราะไม่ได้มีแค่เหล่ามนุษย์เท่านั้น ยังมีเทวทูต ปีศาจ มาร สัตว์ตำนาน เทพเซียนอยู่ ทำให้มนุษย์ต้องปรับตัวให้อยู่รอด โดยการทำสัญญากับเผ่าพันธุ์อื่นให้ตนมีพละกำลังเทียบเคียง สามารถป้องกันตนได้ อย่างเช่นฮ่องเต้ของแคว้นแห่งนี้ 'ฟู่ เทียนเป่า' ก็เป็นสัตว์เทพเผ่าพันธุ์มังกรอัสนี สิ่งที่มนุษย์ได้รับมาทำให้บางคนพิเศษกว่าคนทั่วไป พวกเขาเหล่านั้นจะมีพลังปราณและจะมีพลังวิเศษติดตัว อีกอย่างที่ได้รับคือหากมนุษย์ที่มีลมปราณระดับสูงและฝึกตนจะมีชีวิตที่ยืนยาวนับพันปี อิงฮวาคนเดิมคิดว่าตนต่ำต้อยไม่น่าจะมีพลังอะไรเลยยอมโดนกลั่นแกล้งอยู่เสมอ ทำให้เจ้าของร่างคนใหม่อย่างเขาได้แต่เหนื่อยใจ เขารู้ว่าหากจะเปิดพลังปราณในตอนนี้ ต้องไปหาผู้ปลดปราณจัดการเดินเส้นลมปราณให้ เพราะยังไงเขาก็ยังเชื่อว่า คนคนนี้คงไม่ใช่คนที่ไม่มีพลังปราณจริง ๆ หรอกนะ และที่สำคัญที่สุดแต่ละเผ่าพันธุ์ไม่สามารถมีเลือดเนื้อเชื้อไขข้ามเผ่าได้ แต่ตามคำบอกเล่าเก่าแก่พบว่ามีเทพเซียนผู้หนึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ผสม ข้อมูลอีกอย่างคือหากอยู่ในเผ่าเดียวกันแม้เป็นบุรุษเพศผู้ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่ไม่สามารถมีได้ดังเช่นเผ่าอื่น 'ยุ่งยากจังชีวิตใหม่ แต่ก็...น่าสนุกแฮะ' เขานั่งเล่นอยู่นานจนแสงจากดวงอาทิตย์ด้านนอกเลือนหายไป แต่เมื่อกำลังเตรียมจะเข้านอนก็นึกเรื่องบางอย่างได้ สิ่งสำคัญที่เขามองข้ามไปตั้งแต่มาที่นี่ เพราะมีแต่เรื่องให้คิดทำให้ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท อิงฮวาลอบกลืนน้ำลายลงคอ มือจัดการคลายปมที่กางเกงบางขายาวออกจนหมด มองลงมาก็พบสิ่งที่ตนตามหามานานแสนนาน "โอ้มายก๊อดด!" ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงก่ำ ภายในใจส่งเสียงดีใจลิงโลดแทบจะกระโดดวิ่งรอบห้อง ยังดีที่ยังคิดได้ว่าตนกำลังเปลือยอยู่ มือขาวอันสั่นเทาเอื้อมลงไปจับสิ่งสิ่งนั้น เป็นท่อนเอ็นที่นอนหดตัวอยู่ สีของมันเนียนสะอาด ลองถอกหนังหุ้มด้านนอกออก พบกับปลายท่อนสีชมพูอ่อนราวกับไม่เคยใช้งาน แม้ขนาดจะไม่ใหญ่มากแต่ก็เป็นขนาดมาตรฐาน ดวงตาสีเทาเริ่มสั่นคลอนจนน้ำตาไหลออกมา ในที่สุดความฝันของเขาก็เป็นจริง!! เทวะเคยมีความฝันว่าอยากจะมีอาวุธลับที่เท่ากับคนทั่วไป ด้วยร่างเดิมเขาตัวเล็กทำให้ดุ้นของเขาจึงมีขนาดเล็กตามตัว เขาเคยอยากลองใส่เข้าไปในตัวคนอื่น ดันก็โดนตอบกลับมาว่า 'เราไม่เจ็บหรอก รู้สึกน้อยกว่าใส่นิ้วเข้ามาอีก' ตราบาปนั้นทำให้เขาต้องรับงานว่างจ้างทุกอย่างเก็บเงินเพื่อนอัพไซซ์ดุ้น แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วในเมื่อร่างใหม่มีดุ้นอันทรงพลังแล้วยังไงล่ะ อิงฮวาเริ่มจัดการเล่นกับอาวุธลับอันใหม่ทันที นิ้วโป้งบดขยี้ส่วนหัวสีชมพู อีกมือชักรูดท่อนลำขึ้นลง ท่อนลำนั้นค่อย ๆ แข็งตัวสู้มือขึ้นมา "อื้มม" เสียงหวานครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน แต่แค่การชักรูดด้านหน้าไม่สามารถทำให้เขาสุขสมได้ นิ้วเรียวสีขาวยกขึ้นปาดน้ำลายในปากของตนแล้วกดนิ้วเข้าไปในช่องทางสีชมพูแคบ "ฮ่าาา...แน่นจัง" ริมฝีปากเรียวเม้มแน่น ลางส่งเสียงร้องครางออกมาไม่หยุด ทั้งสองมือขยับเร่งเร้าอยู่นานจนถึงถึงฝั่งฝัน ท่อนลำสีขาวกระตุกพร้อมกับปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา อกบางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างเหนื่อยหอบจนซี่โครงโผล่ขึ้นมา เขาล้มตัวนอนลงบนเสื่อสมองก็คิดเรื่องอื่นไปด้วย ปกติจะมีกฎหมายว่าห้ามหญิงแต่งงานมีสัมพันธ์กับชายอื่น แต่นี่เขาเป็นชายคงอีกเรื่อง ทำให้เขาคิดเรื่องบางอย่างได้ แต่ต้องหยุดความคิดนั้นทันทีเมื่อมีเสียงท้องร้องออกมา "สิ่งสำคัญที่สุดต้องหาเงินกินข้าวก่อนสินะ" พูดจบเขาจัดการทำความสะอาดตนเองแล้วนอนลงที่เสื่อขาด เพื่อเก็บแรงไว้หาเงินพรุ่งนี้ วันต่อมาพระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น อิงฮวาก็ลุกมาบิดขี้เกียจด้วยความปวดเมื่อยตัว เขาเดินไปอาบน้ำที่ถังน้ำผุใกล้จะพังเต็มที ผมสีน้ำตาลแห้งโดนสระใหม่ บำรุงด้วยดอกไม้หลังตำหนักที่ไปเด็ดมา เมื่อจัดการตัวเองเสร็จเขาเดินกลับมาใช้เสือผืนเดิมที่ใช้นอน ทำท่าโยคะตามกิจวัตรประจำเดิมที่เคยใช้ชีวิต ร่างกายนี้ค่อนข้างอ่อนทำให้ง่ายต่อการดัดตัวให้อ่อนมากขึ้น จนพระอาทิตย์เริ่มขึ้นเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปหาอะไรกิน สนมคนอื่นจะมีการถวายให้ถึงตำหนัก แต่นี่เพราะเขาโดนทั้งสนมนางกำนัลรังแกมาตลอดสี่ปีทำให้ต้องหาเลี้ยงตัวเอง อิงฮวาหมุนมองตัวเองที่หน้ากระจก เอวที่คอดจนแห้งติดกระดูก เขาจัดการหยิบเศษผ้าสีดำขึ้นเล็กขึ้นมาผูกไว้ครึ่งหน้าปิดบังรอยต่าง ๆ ส่วนหน้าผากที่มีรอยก็ปล่อยไว้อย่างนั้น เพราะมีผมหน้าม้าแหวกกลางปิดไว้อยู่ อิงฮวาเดินตรงไปยังโรงครัว โดยมีทุกสายตาต่างมองเขาด้วยความรังเกียจ มาถึงเขาก็ถือวิสาสะเดินหาของกิน กลับโดนตะหลิวใหญ่ฟาดลงมา ดีที่ชักมือหนีได้ทัน "ไอ้คนชั้นต่ำกล้าดียังไงมาแตะต้องสำรับของฮ่องเต้" ร่างอ้วนท้วมพูดพลางเท้าเอวชี้หน้าด่า ทำเหมือนเขาเป็นสุนัขขโมยเนื้อ "เจ้าอาจจะลืมว่าข้ามีตำแหน่งเป็นถึงพระสนม พูดเช่นนี้ไม่กลัวหัวหลุดออกจากบ่าหรืออย่างไร" เขาพูดพร้อมเดินไปดูอาหารที่ถูกจัดวางอย่างดีต่อ แต่กลับโดนมืออวบดึงผมจนหงายหลัง ทำให้เขาต้องจับข้อมือนั้นกำแน่นแล้วบิดหมุนทีเดียว "กร๊อบ! อ้ากก" เสียงกระดูกหักดังลั่นทำให้ข้ารับใช้ทุกคนรีบวิ่งมาดูเหตุการณ์ บางคนเตรียมจะจัดการกับอิงฮวาโดยที่เขาทำหน้าไม่ทุกข์ร้อนอะไร ซ้ำยังเดินไปหยิบขนมแล้วเดินหนีออกไปอีก "ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ก็อย่าได้บังอาจมาแตะต้องตัวข้าอีก อย่าได้ลืมตำแหน่งของข้าไปสิ" เขาพูดด้วยสายตาดู เหล่าคนในครัวต่างพากันตัวสั่นไม่กล้าเข้ามาทำอะไร เขาหยิบขนมมาหลายจานแล้วเดินออกจากโรงครัวไปด้วยความรำคาญ อิงฮวาเดินกลับมานั่งเล่นที่เก้าอี้ไม้หน้าตำหนัก นั่งอยู่นานจนขนมที่ถือมาหมด ท้องเริ่มร้องประท้วงหิวขึ้นมาอีกครั้ง คิดแต่ว่าต้องรีบหาเงินไปซื้อของกิน ดวงตาสีเทาสว่างวาบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นภายใต้ผ้าผืนบาง 'ฮึฮึ หาเงินสินะ' คิดได้เขาก็เดินเข้าตำหนักนำเสื้อผ้าชุดสีดำมาตัดเย็บใหม่ให้เข้ารูป มองดูแสงแดดข้างนอกก็เริ่มบ่ายคล้อยแล้ว ได้แต่อดทนรอจนมืดหาเรื่องทำระหว่างรอ ฝึกชกต่อยเสาไปเรื่อยเปื่อยจนตะวันลับขอบฟ้าลงก็เริ่มจัดการตามแผนของตนเอง ร่างเล็กในชุดสีดำทะมึนหมอบตัวแนบบนหลังคา ได้ยินเสียงคนร้องบอกเวลายามโฉ่ว (01.00- 02.59) เงาดำก็กระโดดทางหลังคาไปยังตำหนักอื่น กระโดดวิ่งไปได้ไม่นานก็มาถึงตำหนักที่ดูสวยงาม ด้านนอกรายล้อมด้วยบ่อปลาขนาดใหญ่และดอกไม้นานาชนิด เขาปีนขึ้นบนหลังคาแงะกระเบื้องชิ้นเล็กออก "ผิงเหอฉันเลือกเธอ" อิงฮวาพูดขึ้นเบา ๆ มองลงไปจากรูที่เพิ่งแงะ เห็นร่างหญิงสาวนอนอยู่ ผิงเหอเป็นสนมลำดับสามมีความทะเยอทะยานสูง มักจะกลั่นแกล้งเขาเสมอ ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเขาจัดการเปิดหน้าต่างด้วยความเงียบ ก่อนจะกระโดดเข้าไปภายในตำหนัก มือเปิดห่อผ้าที่พกมาออกรีบจัดการรวบของที่ดูมีค่า โดยทุกการกระทำไม่มีเสียงเพียงนิดเดียว ทุกอย่างผ่านไปไม่กี่วินาที อิงฮวาจัดการผูกห่อผ้ายักษ์ไว้ที่ตัวแล้วกระโดดออกไป เกาะขอบหน้าต่างหันหลังไปมองสภาพห้องที่เหลือแต่เครื่องเรือนขนาดใหญ่ด้วยความสะใจ เดิมเจ้าพวกนี้ก็สั่งคนไปพังข้าวของที่ตำหนักเขาอยู่แล้ว นี่ก็แค่มาเอาคืนเท่านั้นเอง เขากระโดดออกมาก่อนจะวิ่งกลับตำหนักด้วยความอารมณ์ดี 'เรียกข้าว่าอิงฮวาตีนแมว ฮ่าฮ่าฮ่า' เขายิ้มเยาะสะใจอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เช้าวันนี้เขาอารมณ์ดีแต่งตัวออกมาที่นอกวัง ปกติไม่มีใครสนใจตามหาเขาอยู่แล้ว แถมตำหนักอยู่ไกลกว่าใครจนติดกำแพงวังเลยกระโดดออกมาง่าย ตอนนี้เขานั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยมในหมู่บ้าน คิดไปมือยังคีบเนื้อเข้าปากไม่ขาด เขาจัดการขนพวกเครื่องประดับที่ไปย่องเบา เอ๊ย ยืมมาจนหมด ได้มาทั้งหมด 1 ก้อนเงินกับ 20 เหรียญเงิน ถือว่าอยู่ไปได้อีกสักพัก แต่หน้าอย่างเขาเหรอจะพอแค่นี้ ต้องจัดตำหนักใหม่ซื้อเสื้อผ้า เสียเงินเปิดลมปราณอีก สงสัยต้องไปขอยืมของอีกหลายตำหนักเลย อิงฮวาจ่ายเงินค่าอาหารเสร็จ ก็แวะมาโซนร้านขายผ้าเขาซื้อเสื้อผ้ามาสิบกว่าชุด ล้วนมีแต่สีขาวกับดำเท่านั้น เขาถือห่อเสื้อผ้าเดินดูของต่อ เห็นร้านขายพวกตู้ผ้านึกอยากได้ขึ้นมา ติดตรงที่เขาไม่สามารถให้คนขนเข้าวังไปได้ แต่หากเปิดพลังปราณแล้วฝึกฝนสร้างมิติ จะสามารถเก็บของขนาดใหญ่ได้เช่นกัน 'ไว้ค่อยมาอีกรอบละกัน' อิงฮวาตัดใจจากร้านขายของตกแต่งตำหนัก เดินไปต่อที่ตรอกซอยเล็กมาถึงหน้าบ้านไม้หลังหนึ่ง เป็นหนึ่งในสถานที่เปิดปราณในแคว้นนี้ มองไปที่ป้ายเล็ก ๆ หน้าทางเข้าก็ต้องตกใจ ‘เปิดปราณ30ก้อนเงิน’ ขายของที่ได้มายังได้แค่ 1 ก้อนเงิน นี่มันเยอะเกินกว่าที่คิดไว้มาก เขาจำใจเดินกลับไปทางตลาด แต่ก็คุ้มค่าหากเปิดปราณแล้วหากเป็นพลังที่แข็งแกร่ง อิงฮวามาหยุดที่ร้านขายสมุนไพรแจ้งของที่ต้องการ ได้รับของก็จ่ายเงินแหวกถุงดูเห็นว่ามี จินหยินฮวา เก๋ากี้ และดอกเก๊กฮวยครบตามที่เขาสั่ง สมุนไพรพวกนี้จะช่วยเรื่องผิวพรรณและบำรุงใบหน้า ส่วนดอกไม้อย่างอื่นค่อยไปขุดหาในวังเอา ตำหนักเขากว้างขวางทั้งภายในและลานด้านนอก ทำให้มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับทำแปลงดอกไม้ เขาแวะซื้อฟูกนอนอีกอย่างและของกินอีกเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับกำแพงวังฝั่งตำหนักตนทันทีเพราะเริ่มเย็นแล้ว มาถึงวางของทั้งหมดจัดการปูฟูกนอนหมอนใหม่ แล้วเอาเสื่อออกไปไว้อีกห้องใช้เล่นโยคะแทน อิงฮวาเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาชุดสีดำทะมึนเข้ารูปมาใส่แทน อันที่จริงวันนี้เขาไม่อยากออกไปตำหนักอื่นเท่าไหร่ เพราะเห็นว่าบางตำหนักเริ่มเพิ่มการคุ้มกันมากขึ้น เรื่องที่ตำหนักของผิงเหอโดนยกเค้าคงลือไปทั่ววังไปแล้ว แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ภาพป้ายราคาเปิดปราณมันยังคงตามมาหลอกหลอนในหัว ของแบบนี้ยิ่งรีบเปิดยิ่งดี เขานั่งกินอาหารที่ซื้อมารองท้องอย่างไม่รีบร้อน เมื่อได้ยินเสียงคนบอกเวลาเดิม เขาเช็ดไม้เช็ดมือแล้วกระโดดขึ้นบนหลังคา วันนี้มีทหารหนาแน่นทุกตำหนัก เขาเลยกระโดดเสี่ยงดวงไปมั่วโดยเลือกที่ที่คนน้อยที่สุด จนมาถึงตำหนักกลางน้ำแห่งหนึ่ง แปลกใจที่ไม่มีทหารเฝ้าอยู่เลย ตำหนักมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีทางเดินปูนสลักลายดอกบัวทอดเข้าไป ดอกบัวสีชมพูและขาวขึ้นเต็มรอบสระน้ำ ข้าง ๆ เป็นหินผาสูงมีน้ำตกขนาดกลาง 'เหมือนรูปวาดเลยแฮะ' เขาไม่คิดอะไรให้มากมาย รีบกระโดดขึ้นไปบนหลังคาทันที ดวงตาสีเทาพยายามมองลงไปในความมืด หูแนบฟังตั้งสมาธิได้ยินเสียงลมหายใจเบา ๆ เลยลุกขึ้นจับคานหน้าต่างกระโดดเขาตำหนักไปอย่างรวดเร็ว เพียงเท้าสัมผัสพื้นก็มีบางอย่างพุ่งตรงมาทันที "..!!!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD