บทที่ 3

3008 Words
คำเตือน มีเนื้อหานายเอกช่วยตัวเองแล้วมีผู้อื่นพบเห็น "...!!" จิตใจที่ผ่านสมรภูมิรบมามากมาย ทำให้ร่างกายของอิงฮวาขยับถอยหนีไปโดยทันที แสงจันทร์สาดเข้ามาภายในห้องทำให้เห็น บางอย่าง ภาพเบื้องหน้าเป็นร่างชายสูงใหญ่คนหนึ่ง กำลังยืนโชว์แผ่นอกกล้ามแน่นอยู่ แต่ทว่าใบหน้ากับงดงามคมราวกับเทพบุตรในตำนานกรีกที่เคยเห็นผ่านตา เขามองอย่างตกตะลึงตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง แต่สัญชาตญาณเรียกสติเขาให้รีบวิ่งไปอีกด้านทันที ฉับพลันอาวุธมีดหลายสิบเล่มปักพื้นตรงที่เขาเคยยืน ก่อนจะเห็นเงาดำห้าเงากระโดดเข้ามาจากทางหน้าต่างจ้องมองหน้าเขานิ่ง จากอารมณ์ที่ร่าเริงในคราแรก แปรเปลี่ยนเป็นความสงบนิ่งทันที เขาจ้องมองทั้งหกคนด้วยความตึงเครียด แต่สายตาไม่วายยังลอบมองหาของมีค่าที่หยิบง่ายที่สุด แล้วจดจำตำแหน่งของเหล่านั้นไว้ "จับมัน" เสียงทุ้มของเทพตรงหน้าดังขึ้น เพียงแค่พูดเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันแปลกประหลาด สิ้นเสียงเงาทั้งห้ากระโจนเข้าหาเขาทันที ขาเรียวก้าวหนีไปอีกฝั่ง วิ่งไปหยิบอาวุธข้างหลังรูปปั้นเทพพูดได้ปาใส่คนกลุ่มนั้นทันที แล้วรีบหยิบของมีค่าที่เล็งไว้ รวบด้วยห่อผ้ากระโดดออกจากหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที ทำให้เจ้าของตำหนักเริ่มแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวออกมา อิงฮวาวิ่งสุดกำลังกระโดดออกนอกกำแพงวัง จะให้กลับไปที่ตำหนักก็โดนตามเจอง่ายเกินไป เข้าไปหลบในป่านี่แหละปลอดภัยที่สุด 'ซวยชะมัด นั่นมันสนมคนไหนกัน' เขาคิดอย่างหงุดหงิด ตามความทรงจำเดิมไม่มีเรื่องของตำหนักนั้นเลย พอหันหลังไปยังเห็นเงาทั้งห้าวิ่งตามมาพร้อมกับเปลวไฟโจมตีเขา ขาเล็กทำได้แต่กระโดดหลบหนีไปมา ครู่เดียวพื้นที่วิ่งอยู่เริ่มแตกก่อนจะร่วงลงไป ด้านล่างเป็นหลุมขนาดใหญ่ อิงฮวารีบดึงเชือกยาวที่ใช้ผูกผมออก เหวี่ยงไปมัดบนต้นไม้แล้วรีบวิ่งหนีเข้าป่าไปด้วยความเร็ว ทำให้เงาทั้งห้าเริ่มวิ่งไล่ตามไม่ทัน แม้จะโจมตีไปมากเท่าไหร่ แต่อีกฝ่ายกลับหลบได้หมด "ท่านหัวหน้าเอาอย่างไรต่อดีขอรับ" เงาหนึ่งเอ่ยถามคนที่เป็นหัวหน้าที่ยืนนิ่ง มีแต่ต้องยอมรับชะตากรรมพาตนเองกลับไปรายงานฮ่องเต้ทันที "กลับไปรายงานฝ่าบาท" หัวหน้าพูดสั่งลูกน้อง ก่อนจะพากันหายไปจากตรงนั้นในพริบตา 'ปั่ก!' เสียงวัตถุกระทบเนื้อดังทั่วห้อง เป็นใบหน้าของหัวหน้าทหารเงาที่มีเลือดไหลออกมา ข้าง ๆ มีเชิงเทียนที่เปรอะเลือดกลิ้งหล่นอยู่บนพรม "แค่หัวขโมยยังจับมาไม่ได้ พวกเจ้ายังมีหน้ากลับมาอีกหรือ!!" เสียงตวาดดังลั่นทั่วตำหนักพร้อมกับแรงกดดันที่มากจนบางคนเริ่มมีใบหน้าซีดเผือด สักพักความกดดันก็หายไปเมื่อเทียนเป่าเริ่มตั้งสติตน "เฮ้ออ...ออกกันไปได้แล้ว ไร้ประโยชน์สิ้นดี" สิ้นเสียงสิ่งมีชีวิตทั้งห้าก็หายไปทันที ทีแบบนี้ไวเหลือเกิน อีกด้านทางฝั่งอิงฮวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมาแล้ว เขาเปลี่ยนทางวิ่งไปยังกระท่อมรูปปั้นเทพที่ทันที หยิบมีดสั้นที่ได้มาจากพวกทหารเงางัดพื้นกระท่อมออก ยัดพวกของที่ขโมยมาใส่ลงไปใต้พื้นรวมถึงเงินติดตัวด้วย เขาคิดว่าผู้ชายที่เจอไม่น่าจะใช่คนธรรมดา ไม่นานคงต้องมีคำสั่งตามหาตัวโจรอย่างเขาแน่นอน พอจัดการทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็รีบวิ่งกลับตำหนักของตนไป เช้าตรู่ของอีกวันก็เป็นเช่นที่อิงฮวาคิดไว้ เหล่าทหารในวังเข้าตรวจทุกตำหนักอย่างเข้มงวด เพราะหนึ่งในของที่หายไปเป็นกำไลไข่มุกที่หายากมีเพียงเส้นเดียวในแคว้นแห่งนี้ ยิ่งหายากมันก็ยิ่งจับตัวคนร้ายได้ง่าย เขาอ้าปากกว้างหาวนับเป็นรอบที่ร้อยได้ เพราะนี่เริ่มบ่ายคล้อยแล้วพวกทหารก็ยังตามงัดแงะกำแพง บนคานตำหนักหาของกันอย่างขะมักเขม้น ทำให้เขาที่ไม่ได้นอนเต็มอิ่มเริ่มหงุดหงิดเข้าไปทุกที "หามาตั้งนานแล้วพวกเจ้าเจอกันบ้างหรือไม่" เขาถามพวกทหารที่เริ่มจะขุดดินหา ไม่มีเสียงตอบกลับอะไรมีเพียงมือจัดการขุดอย่างแข็งขัน จนเขาต้องปล่อยผ่านไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้ จนไม่นานก็มีเสียงดังขึ้นเรียกความสนใจทำให้เหล่าทหารตรงนั้นหยุดสิ่งที่ทำอยู่ทันที "ฮ่องเต้เสด็จ!" เสียงขันทีน้อยเอ่ยขึ้นเวลาที่ฮ่องเต้เสด็จไปยังตำหนักต่าง ๆ อิงฮวากลอกตาเล็กน้อย แต่ก็จำใจก้มหน้าลงคำนับ ตั้งแต่เข้าวังมาไม่เคยเห็นหน้าฮ่องเต้สักครั้ง รู้เพียงแต่ว่าเป็นเผ่ามังกรอัสนีเท่านั้น "ถวายบังคมฝ่าบาท" เขาเอ่ยขึ้นประกบแขนพร้อมก้มหน้ามองลงพื้น สายตาเหลือบไปเห็นเท้าคู่หนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้าเขา มือหนาเอื้อมลงมาจับคางให้เงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย 'OMG!! เมื่อคืนว่าหล่อแล้ว ยิ่งสว่างยิ่งหล่อขึ้นอีกแหะ' ก่อนที่น้ำลายจะไหลออกมา อีกฝ่ายก็พูดเรียกให้เขาให้ได้สติขึ้น เขาถึงได้รู้ตัวว่าคนเมื่อคืนที่เจอคือฮ่องเต้ในแคว้นนี้นั่นเอง "เจ้าชื่ออะไร" เทียนเป่าจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาที่คล้ายกับโจรเมื่อคืน "แค่ชื่อของสนมลำดับสุดท้ายพระองค์ยังจำไม่ได้ แล้วจะจดจำสิ่งอื่นได้หรือพ่ะย่ะค่ะ" น้ำเสียงยียวนกวนประสาทของอิงฮวาตอบกลับ ทำให้คนถามนิ่งชะงักไป เหล่าทหารกับข้าราชบริพารพากันตัวแข็งทื่อตาม 'ที่ผ่านมาไม่เห็นจะเคยสนใจกันเลย แต่พอของหายดันมาพุ่งเป้าที่เขาเสียได้' เขาบ่นอุบอิบในใจแต่ก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ "หึ" เทียนเป่าทำเพียงกระตุกยิ้มขำออกมาเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินกลับไปโดยไม่พูดอะไร ทิ้งให้ตัวต้นเหตุอย่างเขายืนมองด้วยความมึนงง "จับตาดูสนมอิงฮวาไว้" เทียนเป่าเอ่ยสั่งทหารในเงา แล้วเดินกลับไปยังตำหนักใหญ่ทันที 'เป็นคนน่าสนใจจริงๆ' เพียงแค่นึกถึงดวงตาแข็งกร้าวที่จ้องมองมา มันทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ อิงฮวาเห็นว่าทุกคนแยกย้ายไปหมดแล้ว ก็เดินกลับไปจัดการอาบน้ำต่อ เนื่องจากเมื่อเช้าเหล่าทหารเข้ามา ทำให้เขายังไม่ได้ขัดผิวบำรุงใบหน้า มือขาวปลดเปลื้องเสื้อผ้าออก เผยให้เห็นเรือนร่างขาวเนียนเต็มไปด้วยบาดแผล ขาเรียวค่อย ๆ หย่อนลงไปในอ่างน้ำ ก่อนจะเอนตัวพิงลงขอบอ่างอย่างผ่อนคลาย ภาพทุกอย่างปรากฏให้เห็นตรงหน้าของ 'ไป๋ซีชวน' เด็กหนุ่มอายุ18ปีที่เพิ่งเข้ามาเป็นหนึ่งในทหารเงาได้ไม่นาน ด้วยความใสซื่อใบหน้าเข้มเริ่มแดงฉาน ถึงคนในอ่างใบหน้าจะไม่น่าดูชมแต่ผิวกายและเรือนร่างกลับงดงาม คราแรกซีชวนก็ตกใจกับภายในตำหนักฮวา ที่โล่งและไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไหร่นัก รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ที่มีเพียงไม่กี่ชิ้น และเหตุการณ์ ณ ปัจจุบัน ดวงตาสีดำมองภาพคนในอ่างอย่างตกตะลึง ทั้งผิวที่ขาวเนียนงดงาม แต่แผลเป็นส่วนหลังและตามไหล่กับดูคล้ายกับคนที่ผ่านการฝึกมาอย่างหนัก อิงฮวานอนแช่น้ำผ่อนคลายไม่นาน จมูกของเขาก็เริ่มได้กลิ่นคาวเลือด มันคล้ายกับกลิ่นตัวของเหล่าเงาเมื่อคืนที่ไปบุกตำหนักฮ่องเต้ 'ส่งคนมาจับตาดูหรือไง' เขายกมือเกาหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด เจ้าฮ่องเต้นั่นคงเริ่มสงสัยในตัวเขาแล้ว แต่กลิ่นคาวเลือดคน ๆ นี้ไม่ค่อยรุนแรง อาจจะไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่หรอกมั้ง อิงฮวาลุกขึ้นจากอ่างน้ำสวมเสื้อผ้า เดินเข้าไปในครัวต้มยาบำรุงดื่ม เมื่อทำทุกอย่างเสร็จก็เดินออกจากตำหนักไป ฝ่ายซีชวนตามติดทุกการกระทำอีกฝ่ายเงียบ ๆ อิงฮวาเดินมาถึงกำแพงวังกำลังจะกระโดดก็ต้องเปลี่ยนใจ ใช้มือจับอิฐปีนข้ามเพื่อแสดงละครว่าเขาไม่ได้เก่งในเรื่องปีนป่าย ตอนกระโดดลงแสร้งทำเป็นเจ็บขา แล้วเดินกระเผลกไปยังตลาด แต่ยังตั้งสมาธิสัมผัสกลิ่นเลือดอีกคนตลอดเวลา เผลอเมื่อไหร่ก็ไหลไปกับฝูงชนหายไปทันที ทำให้ซีชวนต้องรีบตามหาตัว อิงฮวารีบวิ่งมาที่กระท่อมฐานลับของเขา จัดการงัดพื้นขึ้นหยิบเงินกับเครื่องประดับ อ้อมอีกด้านไปที่ร้านซื้อขายเครื่องประดับ ในใจยังตั้งสมาธิหาว่าอีกฝ่ายเจอเขาหรือยัง วิ่งมาถึงร้านไม่ลืมซื้อผ้าคลุมพร้อมหมวกของสตรีมา "ทั้งหมดเท่าไหร่เจ้าคะ" อิงฮวาที่อยู่ในชุดของสตรี สวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า เขาหอบหายใจเหนื่อยวางถุงเครื่องประดับบนโต๊ะใหญ่ เสียงหวานเอ่ยถามชายชราเถ้าแก่เจ้าของร้าน อีกฝ่ายเปิดห่อผ้าออกดูเมื่อเห็นว่ามีกำไลไข่มุกอยู่ หน้าที่มีแต่ริ้วรอยซีดเผือดแทบจะเป็นลม ใครจะไม่รู้บ้างว่าตอนนี้ฮ่องเต้ประกาศตามหากำไลเส้นนี้ไปทั่ว มือใหญ่เตรียมผลักห่อผ้าออก กลับโดนมีดสั้นปาดเฉียดลำคอหนาจนเลือดซิบความรู้สึกปวดแล่นเข้าสู่ร่างกาย มองมนุษย์ในร่างปีศาจสาวตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว "ได้โปรดรับซื้อสร้อยของข้าด้วยเถิดนะเจ้าคะ" น้ำเสียงยียวนดวงตาสีเทาเจ้าเล่ห์ ทำให้ชายแก่ตัวสั่นรีบหยิบสองก้อนทองส่งให้ทันที "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ" สิ้นเสียงอิงฮวาก็หายออกไปจากร้านทันที เขาวิ่งไปที่ตรอกแคบดึงหมวกกับผ้าคลุมออกโยนทิ้งไป แล้วทำเนียนออกมาซื้อขนมในตลาดแทน เดินซื้อไปได้พักเดียวก็รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดเช่นเดิม แต่ไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้เขาสนใจแต่ก้อนทองในกระเป๋ามากกว่า 'รวยแล้วโว้ยย เสี่ยงตายหน่อยแต่ที่ได้มาคุ้มเลย' เขาเดินซื้อของอย่างอารมณ์ดี ริมฝีปากบางยกยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น หากเปิดผ้าปิดหน้าออกคงคิดว่าเป็นคนสติฟั่นเฟือน ตกเย็นเขาก็เดินกลับวังด้วยมือที่เต็มไปด้วยของกินเช่นเดิม ยังไม่ลืมแกล้งแสดงละครปีนกำแพงอย่างทุลักทุเลอีกรอบ มาถึงตำหนักก็จัดการวางของกินแล้วนั่งลงจัดการทันที สักพักกลิ่นคาวเลือดก็จางหายไป 'ตอนนอนคงไม่มาเฝ้าหรอกมั้ง' คิดไปมือก็ยัดของกินเคี้ยวต่อ ------ หลังจากที่ซีชวนละสายตาจากอีกฝ่าย พริบตาก็หายลับไปแล้วทำให้เขาต้องรีบวิ่งตามหาไปทั่ว ไม่นานก็เหลือบไปเห็นคนที่ตามหากำลังเลือกซื้อขนมอย่างอารมณ์ดี เขาถอนหายใจยกใหญ่ กลับมาถึงวังก็รับปลีกตัวมารายงานเทียนเป่าทุกเรื่อง แต่ไม่ได้แจ้งว่าอีกฮวาเดินหายจากเขาไปพักนึง "ไปได้ รอบหน้ามีเรื่องอะไรค่อยมารายงานข้าเสียทีเดียวเลย" เสียงของเทียนเป่าเอ่ยขึ้น ร่างของทหารเงาก็หายลับไปทันที ใบหน้าคมขมวดคิ้วแน่น เขาจำได้ว่าสนมนามว่าอิงฮวาเข้ามาในวังหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินข่าวอะไรที่เกี่ยวกับเด็กคนนี้เลย ทำไมถึงเพิ่งมามีเรื่องวุ่นวายกัน "ทั้งตำหนักโล่งอย่างนั้นหรือ..." เทียนเป่าพูดทบทวนสิ่งที่ได้รับฟังมา มือเปิดอ่านรายงานคลังเครื่องเรือนที่ส่งให้ตำหนักฮวาเท่ากับตำหนักอื่น ทำไมซีชวนถึงได้บอกว่าไม่มีข้าวของเครื่องใช้กัน ฝ่ายอิงฮวาหลังจากกินข้าวเสร็จก็เดินมาจัดการตัวเองต่อ วันนี้เขาซื้อน้ำผึ้งกับใยบัวติดมือมาด้วย คิดว่าจะขัดผิวเสียหน่อยจึงจัดการเทน้ำใส่อ่างไม้เล็ก เด็ดดอกไม้ลงไปใช้มือคนให้เข้ากันสักพัก ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะทอดกายลงไปแช่น้ำอย่างผ่อนคลาย มือขาวเปิดฝาน้ำผึ้งออก เทน้ำสีเหลืองใสลงที่ใยบัวลูบไล้ขัดไปทั่วตัว พร้อมกับที่มีเงามาหยุดตรงคานไม้ด้านบน เขายังคงลากใยบัวขัดผิวอย่างไม่รู้สึกอะไร อาจเพราะกลิ่นของน้ำผึ้งตลบทั่วห้องกลบกลิ่นคาวเลือดของซีชวน ขัดตัวไปได้สักพักใยบัวเริ่มลากผ่านไปโดนตุ่มไตชมพูตรงหน้าอก ทำให้เขาเริ่มเกิดความเสียวซ่านขึ้นมา หลายวันมานี้มัวแต่นั่งเครียดเรื่องเงินไม่ได้ระบายอารมณ์เลย ยกมืออีกข้างขึ้นมาสะกิดตุ่มไตพร้อมกัน ครู่เดียวท่อนลำสีชมพูก็ตื่นขึ้น ขาเรียวขยับเปลี่ยนท่าให้สะดวก คุกเข่ายกตัวขึ้นมาทิ้งตัวไปข้างหน้า ใช้คางเรียวเกยอ่างไม้ไว้มือข้างหนึ่งกอบกุมท่อนลำรูดสาวอย่างรวดเร็ว คิ้วเรียวขมวดแน่นด้วยความเสียวซ่าน มืออีกข้างเอื้อมไปจุ่มในขวดน้ำผึ้งนำมาป้ายช่องทางด้านหลังที่ปิดสนิท นิ้วเรียวแทรกเข้าไปในช่องทางทีเดียวสองนิ้ว ทำให้เอวคอดต้องถอยหนีจากนิ้วตัวเอง "อ่ะะ...อื้มม..." เสียงครางหวานดังขึ้นเมื่อทุกอย่างเข้าที่เริ่ม สองมือทำหน้าที่อย่างดี นิ้วเรียวกดลงที่จุดไวต่อความสัมผัสด้านใน ขนอ่อนลุกเกรียวอย่างควบคุมไม่ได้ นานหลายนาทีร่างกายขาวกระตุกถี่ ท่อนลำเล็กปล่อยน้ำรักออกมามากมาย พักเหนื่อยได้ไม่นานเขาลุกเดินเข้าห้องนอนไป ซีชวนตกใจกับภาพที่เห็น เขามาถึงก็เห็นว่าอิงฮวากำลังทำกิจกรรมผ่อนคลายอยู่ แต่ใบหน้าเขากลับไม่หันหนีภาพนั้น ก้มมองท่อนลำของดันตื่นนูนขึ้นจากเนื้อผ้าอย่างตื่นตกใจ ------ ผ่านไปได้หนึ่งเดือนหลังจากก่อเรื่องใหญ่มา อิงฮวาได้เงินไปเปิดลมปราณมาแล้ว แต่ตาเฒ่านั่นไม่ยอมบอกสายพลังของเขาแถมยังมาเรียกเงินเพิ่มอีก แต่คนประหยัดอย่างเขาไม่ยอมเสียหรอกนะ เรื่องแบบนี้คนอย่างเขาตามหาเองได้อยู่แล้ว ข้อดีในตอนนี้คือสัมผัสทุกด้านของเขาดีขึ้นมาก เสียงและกลิ่นต่าง ๆ ชัดเจนแบบไม่ต้องพึ่งสมาธิเลย ส่วนทหารเงาก็เฝ้าติดตามเขาแทบตลอดเวลา ดีที่เว้นช่วงเช้าไว้ให้เขาผ่อนคลายบ้าง ร่างกายอิงฮวาเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้น เช้ามานี้เขาอาบน้ำทำกิจวัตรประจำวันเช่นเดิม เขาเดินมาหยุดที่หน้ากระจกหยิบของบำรุงผิว ปลดผ้าปิดหน้าออกสายตาเหลือบเห็นใบหน้าของตนก็ต้องตกใจ ใบหน้าที่เรียวรูปไข่ คิ้วโก่งงอนสวยจมูกโด่งรับกับรูปหน้า ดวงตาเรียวสีเทา ริมฝีปากกระจับสีชมพูที่ไม่เหลือรอยแตกแล้ว พวงแก้มมีสีแดงฝาดรอยแผลเป็นตุ่มหนองต่าง ๆ จางหายจนหมด 'สวยจัง' มือเอื้อมขึ้นมาลูบหน้าตัวเองอย่างหลงใหล ใครจะคิดว่าพอไม่มีแผลเป็นและพวกตุ่มหนองสิวแล้ว ใบหน้าของอิงฮวาจะงดงามเช่นนี้ ไม่นานก็ต้องเอาผ้าคลุมมาปิดเหมือนเดิม ที่ผ่านมาเขาปิดหน้าอยู่บ้านเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ตอนนอนจนกลายเป็นความเคยชิน ยิ่งเขามีใบหน้าเช่นตอนนี้แล้ว ยิ่งไม่อยากเปิดเผยเข้าไปใหญ่ เขาไม่ชอบเวลาพวกคนที่ไม่เคยสนใจ กลับจะมาสนใจในตอนที่มีใบหน้าที่งดงาม มันเป็นเพียงความชอบในรูปลักษณ์เท่านั้น เชยชมตัวเองเสร็จก็เดินออกมายืนที่หน้าตำหนัก สำรวจพื้นที่ด้านขวามีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นอยู่ ส่วนพื้นที่ที่เหลือโล่งไปหมด มันกว้างจนรู้สึกเหงาเกินไป คิดได้ก็จัดการหยิบพลั่วมาขุดดินพื้นที่ด้านซ้าย เพื่อปรับหน้าดินก่อนที่จะไปขโมย..เอ๊ย ไปหาอะไรมาปลูกตรงนี้ เขาทำงานอย่างขะมักเขม้น เวลาล่วงเลยไปนานจนพระอาทิตย์จะตกดิน คนสวนจำเป็นจึงได้ลุกขึ้นมาปาดเหงื่อก่อนจะเดินเข้าตำหนักไป จัดการชำระร่างกายล้างดินและเหงื่อที่ตัวออก แต่ต้องชะงักเมื่อมือสัมผัสกับกระดาษหอโคมแดงที่ได้มาจากบ้านคนเปิดมิติปราณ มันเป็นกระดาษจองห้องพักห้องหนึ่ง ตาเฒ่านั้นให้เหตุผลว่านี่เป็นค่าส่วนต่างที่ไม่ได้บอกถึงพลังของเขา 'น่าสนใจแฮะ' เขายิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วเดินออกไปยังจุดมุ่งหมาย ฝ่ายซีชวนกำลังจะกลับไปที่พัก แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นอีกคนสวมชุดสีขาวเต็มยศ คล้ายจะออกไปข้างนอก ไม่ผิดจากที่คิดไว้อิงฮวาแต่งตัวปีนกำแพงหนีออกวังไป เด็กหนุ่มเห็นก็รีบวิ่งตามไปทันที บรรยากาศในเมืองยามค่ำคืนเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินเลือกซื้อของเต็มไปหมด ขาเรียวพาตัวเองเดินไปที่จุดหมายที่ปักหมุดไว้ 'ย่านหอโคมแดง' ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มขึ้นภายใต้ผ้าปิดหน้า แล้วเดินตรงเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่ประดับโคมกับผ้าแพรสีแดงแห่งหนึ่งทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD