EP01 ll หมอพี หมอผี

2223 Words
♥선생님 Injured Girl du du du - Black pink ♥선생님 Injured Girl ll หมอคะ ถ้าไม่คบ เป็นศพแน่ EP01.1 ll หมอพี หมอผี [1] อ้าว อีเหี้ยพี่หมอ... ฉันสบถแล้วถลึงตาในวินาทีแรกที่ได้ยินหมอหน้าหล่อปฏิเสธจนทำฉันหน้าแหก ฉันพยายามข่มอารมณ์ด้วยการเลื่อนสายตาไปมองที่นาฬิกาข้อมือเรือนหรู และเลื่อนสายตากลับมาที่หมอ เปลี่ยนจากเบ้าหน้าหล่อๆ ของเขาให้กลายเป็นรูปธนบัตร ฉันก็ใจเย็นมากขึ้น “หูย พี่หมอ หนูสวยนะ พี่ปฏิเสธงี้ระวังเสียใจนะเว้ย” ฉันขู่แล้วแกล้งหัวเราะไม่ให้ตัวเองรู้สึกเสียหน้ามากนัก พลางหันหน้าไปทางอื่นเพื่อคว่ำปากหมั่นไส้ความหล่อของนางหนึ่งที หมอไม่ตอบแต่ได้ยินเสียงทอดถอนใจยาวๆ “พี่หมอเนี่ย บ้านรวยแน่ๆ เลยใช่ปะ นาฬิกาเรือนนี้ราคาหลายหมื่นเลย ไหนจะรองเท้า... รวยขนาดนี้ไม่ต้องทำงานก็มีกินไปตลอดละม้างงง เอาตังค์มาแบ่งหนูบ้างสิ” ฉันแกล้งหยอดและแกล้งแซวเขาเล่นๆ มือข้างที่ว่างก็เอื้อมไปแตะนาฬิกาเรือนสวยนั่นอย่างอดไม่ได้แต่ต้องชะงักไปเมื่อนัยน์ตาคุณหมอนั่นเลื่อนมาที่ฉัน “เงินผมครับ...” หมอเว้นจังหวะไปเล็กน้อย “ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้คนไม่รู้จัก” “ชื่อเกรทค่ะ รู้จักแล้วนิ เอาเลขบัญชีไปโอนเลยเปล่า” หมอทำหน้าเซ็งจัด แล้วแกล้งจิ้มใส่แผลจนฉันเด้งตัวเพราะตกใจและเจ็บ “โอ๊ย พี่” “โทษที เวลาได้ยินเสียงบ่นอุบอิบข้างหู ผมก็ไม่มีสมาธิเท่าไหร่น่ะครับ” “สวยอ่ะดิ๊ ใจพี่เลยสั่น” “สวยกว่านี้เยอะแยะครับ” หมอตอบฉันนิ่งๆ แล้วหันไปโฟกัสที่แผลต่อ คำตอบของคุณหมอทำให้ฉันสตั๊นไปพักใหญ่ คนบ้าอะไรวะ นอกจากเมินความสวยของฉันแล้วยังค่อนขอดได้เจ็บแสบชะมัด! “สวยกว่าน้องก็นางฟ้าแล้วพี่หมอ” ฉันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ส่งสายตาแพรวพราว กัดริมฝีปากบางเล็กน้อยเพื่ออ่อย ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือหางตาแห่งความเย็นชาเท่านั้น เออ ฉันผิดเองแหละที่มั่นหน้า “ว่าแต่ค่ารักษาที่นี่แพงปะ หนูไม่ค่อยมีตังค์เลย... รักษาฟรีได้มั้ยอ่ะ” “อายุเท่าไหร่ครับ” “18” “พ่อแม่เป็นข้าราชการรึเปล่าครับ?” “ฮะ ถามทำไม จะมาสู่ขอกับพ่อแม่หนูเหรอออออ” ฉันยังหยอดไม่เลิก พี่หมอทำหน้านิ่ง ไม่ได้สนใจไยดีนัก ฉันเลยหุบยิ้ม เออ ไม่เล่นก็ได้ แหม! “ลูกของข้าราชการมีสิทธิ์เบิกค่ารักษาครับ แต่อาจจะไม่ฟรีทั้งหมด ลองถามพ่อคุณดูครับ” หมออธิบายเสียงเรียบไม่ได้สนใจฉันที่พยายามอ่อยสักนิด ไม่ว่าจะส่งสายตาไปแค่ไหนก็เหมือนโดนดีดกลับมา ชิส์ “แล้วถ้าไม่เป็นข้าราชการอ่ะ แต่เป็นพ่อตาแม่ยายของพี่นี่ จะได้รักษาฟรีมั้ย” “ผมไม่มีเมียครับ” ชิส์! “อ่ะๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ถ้ารักษาไม่ฟรีแล้วลดราคาค่ารักษาได้มะ” ฉันยังคงหาทางรักษาเงินที่เพิ่งได้มาให้เหลืออยู่กับตัวเยอะที่สุด ก็รู้แหละว่าโรงพยาบาลลดไม่ได้หรอก แต่ฉันถามเผื่อพี่หมอจะเอ็นดูและหลงหนังหน้าฉันจนช่วยออก ทว่าเขาก็ยังคงทำหน้านิ่งๆ “งั้นผมงดยาชาได้มั้ยครับ?” “ฮะ พี่จะบ้าเหรอ ไม่มียาชาหนูก็เจ็บดิ” “งั้นก็ไม่ลดครับ” อีพี่หมอ มึงนี่มัน... ฉันสบถอีกรอบอย่างหงุดหงิด ทำไมหมอโรงพยาบาลนี้มันกวนตีนจังวะเนี่ย! ณ หน้าโรงพยาบาล หลังจากฉันจ่ายเงินเสร็จพร้อมความรู้สึกเบาโหวง กระเป๋าสตางค์บู๋บี๋ที่รักแห้งเหี่ยวและกลับมาฟูบฟีบไร้เรี่ยวแรงเหมือนเดิม บัตรเอทีเอ็มหนึ่งใบที่กดเงินออกมาไม่ได้เพราะขาดไป 0.20 สตางค์ มีเงินแค่ 99.80 บาท ช่างเป็นโมเม้นต์ที่บัดซบ อีมินต์กับอีเดย์ยืนมองฉันที่แขนข้างนึงมีผ้าปิดแผลน่าอนาถ “หมอเค้าน่าจะพันผ้าให้มึงถึงคอเลยนะเกรท มึงจะได้โคฟเวอร์เป็นมัมมี่” เดย์หัวเราะกับสภาพเพื่อนรักอย่างฉัน ในขณะที่อีมินต์ถอนหายใจ “อยู่ดีไม่ว่าดี เอาตัวไปรับกรรไกร” อีมินต์เอ่ย เอ้า อีพวกนี้ ฉันไม่ได้อยากจะโดนกรรไกรแหกแขนตัวเองมั้ยเล่า! “เพราะกิ๊กแฟนมึงนั่นแหละอีมินต์ มึงออกค่ารักษาให้กูเลยเนี่ย” ฉันจิ๊จ๊ะแล้วทำหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บ “แขนสวยๆ ของกูต้องมีรอยแผลเพราะออกตัวช่วยเพื่อน” “มึงพอเลย ไอ้เงินที่มึงเอาจากอีเด็กนั่นไปน่ะ กูจำได้นะ” “โอ๊ะ วันนี้รู้สึกไม่สบาย กูกลับบ้านก่อนดีกว่า” ฉันแกล้งยกมือปิดปากแล้วทำหน้าเหรอหราเพื่อเปลี่ยนเรื่องเมื่ออีมินต์เอ่ยถึงเงินที่ฉันจิ๊กมาจากกิ๊กแฟนมัน “ไม่สบายเป็นอะไรเกรท เป็นคนตอแหล ถูก ไม่ถูก?” เดย์กอดอกมองฉันด้วยสายตารู้ทัน ฉันยิ้มพลางไหวไหล่แล้วล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเพื่อหาเบอร์คนขับรถส่วนตัวพลางเม้าส์ไปด้วย “เออ หมอโรงพยาบาลนี้โคตรหล่อเลยว่ะแต่กวนตีนฉิบหาย” ฉันว่าพลางนึกไปถึงหน้านิ่งๆ ของพี่หมอที่ทำตัวเหมือนคนไร้ความรู้สึก ไม่ทุกข์ร้อน ไม่ตื่นเต้น ไม่หลงเสน่ห์ เหมือนบุคคลที่ตัดขาดจากสิ่งที่เรียกว่าอารมณ์ยังไงยังงั้น “ยากอะไร ดักฉุดแม่งเลย” อีเดย์เสนอ “เออ ยัดเยียดความเป็นเมียของมึงให้เขา” อีมินต์เสริม “กูอ่อยจนเกือบจะแก้ผ้าละเนี่ย แม่งยังไม่สนใจกูเลย นมกูก็ใหญ่ออก” ฉันจิ๊จ๊ะแล้วหนีบหน้าอกเข้าหากันเพื่อโชว์ว่าหน้าอกคัพซีที่มีคุณภาพมันเป็นยังไง อีมินต์กลอกตาหมั่นไส้ ส่วนเดย์เบะปาก “เขาชอบคนที่มันสมองรึเปล่า ไม่ใช่ไซส์หน้าอก” เดย์แขวะและทำให้ฉันชะงัก แหม อีนี่ มันฉลาดตาย! “จริงๆ กูฉลาดนะ กูแค่ดูโง่เพราะคบพวกมึงเนี่ย” “อ้าว กวนตีนละ เกรท” อีมินต์จิ๊จ๊ะ “ละไหนมึงบอกจะกลับ มายืนจ้ออยู่นั่นแหละ” “เออ ก็เลื่อนหาเบอร์พี่แมวอยู่เนี่ย” ฉันบอกมันก่อนจะหยุดมือเมื่อเห็นเบอร์ของคนที่กำลังค้นหาพอดี อีมินต์เลื่อนสายตามาสบฉันแล้วเอียงคอสงสัยว่าอีพี่แมวนี่คือใคร ฉันเลยตอบมันให้หายอยากรู้ “พี่แมวเป็นพี่แถวบ้านกูนี่แหละ ตอนกูกำลังเดินออกมาหาของกินหน้าเซเว่น นางแว๊นมอเตอร์ไซค์ผ่านเลยอาสาไปส่ง” “อ๋อ มาจีบ... ฮอตนะคะ” มินต์เบ้ปากหมั่นไส้ “ใช่ นางบอกอยากให้พี่ไปรับที่ไหน โทรบอกได้ทุกเมื่อ กูเลยจะโทรให้นางมารับ” “มึงคบนางเป็นแฟนเหรอวะ” “หึ เปล่า ไม่ได้คบ” “คุยๆ กันอยู่?” อีมินต์ย่นคิ้วและเอียงคอ ฉันเผลอหัวเราะออกมาตอนที่มันถาม แหม เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน มันยังไม่ชินกับนิสัยฉันอีกเหรอ ฉันยกมือขึ้นมาโบกปฏิเสธ “โนจ้ะ ไม่ใช่ผัว ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่คนคุย อย่างพี่แมวเรียกวินมอเตอร์ไซค์ส่วนตัว” ฉันยกมือป้องปากแล้วค่อยๆ เลื่อนกลับมาที่เดิม พอฉันพูดจบเพื่อนทั้งสองคนก็พร้อมใจกันเบ้หน้าอย่างไม่ได้นัดหมาย “อีคนเลว 2019 ถ้ามึงเป็นเมียกูนะ จะฟาดไม่ยั้ง” อีเดย์ส่ายหัว “ร่าน” อีมินต์ “เฮ้ยๆ เขาเรียกรู้จักกันด้วยผลประโยชน์ กูก็ไม่ได้หลอกอะไรพี่แมวสักหน่อย เค้าทำให้ด้วยความเต็มใจเองนิ” ฉันไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่มันด่า ฉันแค่รับข้อเสนอที่ผู้ชายอยากจะมอบให้ แต่ไม่ได้ไปนอน ไปเป็นเมียพวกนางสักหน่อย “พวกไม่สวยก็ลำบากหน่อยนะ อิอิ” “มึงก็หลอกได้แค่พวกโง่ๆ อย่างอีพี่แมวนี่แหละ คนฉลาดๆ อย่างคุณหมอไม่เห็นเค้าจะสนใจมึง” อีมินต์ขยี้ฉันเหมือนเอาเท้ามาเหยียบหน้า ฉันเบ้ปาก “หมอแม่งก็เล่นตัวไปงั้นแหละ จริงๆ เค้าอาจจะชอบกู” “เลือดออกเยอะแล้วเพ้อเจ้อนะมึง” อีเดย์สวน “มองตาก็รู้แล้ว ว่าเค้าอ่ะสนใจกู” ฉันตีอกแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มในขณะที่เพื่อนทั้งสองกลอกตามองบน “มึงไปเลยไป เรียกอีพี่แมวไรของมึงมารับมึงกลับสักทีเหอะ” อีมินต์โบกมือไล่ ทำหน้ารำคาญ ฉันหัวเราะก่อนจะกดโทรคุยกับพี่แมวแล้วเห็นตรงปลายหางตาว่าร่างสูงเสื้อกราวน์ขาวเดินออกมาจากโรงพยาบาล ทรงผม บุคลิกก็คุ้นๆ [ฮัลโหล น้องเกรทของพี่แมว ว่าไงคะ] เสียงอีพี่แมวลอดเข้ามาในสาย แต่ฉันยังไม่ได้ตอบ เพราะฉันกำลังหันไปโฟกัสที่ร่างสูง เขาเดินถืออะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่เสื้อกราวน์ขาวเหมือนกัน เธอสูงราวร้อยหกสิบสาม ผอม แห้ง เหมือนไม่มีแรง ผมถูกมัดรวบ โครงหน้าเรียวรี คมเข้ม เธอหันมามองฉันแวบนึง... เราสบตากันแล้วเธอก็หันไป “นั่นพี่เกล้า พี่สาวมึงปะวะ” อีมินต์เอ่ยทักขึ้นมาเหมือนจี้จุดฉัน ฉันเงียบ รู้สึกหน้าชาที่พี่สาวแท้ๆ คนเดียวแกล้งมองไม่เห็นและเดินผ่านเหมือนฉันเป็นอากาศ แต่ฉันก็ไม่ได้แคร์เธอนักหรอก เพราะเธอมีคนทั้งบ้านคอยแคร์อยู่แล้ว ฉันกับพี่เกล้ามักถูกเปรียบเทียบกันเป็นประจำ เราอายุห่างกันประมาณ 5 ปี พี่สาวฉันเรียนหมอ ในมหาวิทยาลัยแพทย์อันดับหนึ่งของประเทศ แล้วดูฉันสิ... เออ นางคงอายอ่ะแหละที่มีน้องแบบฉันเนี่ย! “เออ พี่กูเอง” ฉันแค่นหัวเราะ หงุดหงิดเข้าไปใหญ่ “คนที่มึงไม่เคยชนะ” อีเดย์ตอกย้ำปมด้อยของฉันให้รู้สึกแย่หนักกว่าเดิม ฉันหันไปมองตาขวางก่อนที่จะอารมณ์เสียเมื่อเสียงจากปลายสายดังขึ้นอีก [น้องเกรทททท ไปไหนละคะ วันนี้จะไปพี่ไปรับที่ไหนเอ่ย] “โทษทีพี่ เกรทกดผิด” ฉันตอบส่งๆ ตอนแรกก็มีอารมณ์จะกลับบ้านพอเจอช็อตเหตุการณ์เมื่อกี้ ฉันรู้สึกว่าฉันต้องการฟื้นฟูกำลังใจกับเพื่อนสักพัก ทว่าถึงฉันจะตอบไปอย่างนั้น อีพี่แมวก็ยังไม่เลิกวอแวและทำท่าจะมาให้ได้ [เอ้า คิดถึงพี่ล่ะสิเนี่ย มือลั่นเบย อุอิครุคริมุมิ] อีพี่แมวเสียงสองแล้วทำเป็นออดอ้อน แต่ฉันไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะให้ใครมาอ้อนเท่าไหร่ เลยจิ๊จ๊ะ “เท่านี้ก่อนนะ” [อ้าวววว จะวางละหยอ อยู่คุยกับพี่ก่อนจิ] อีพี่แมวที่ความจริงแล้วอายุอานามก็น่าจะ 25+ แต่ดันมาทำเสียงสองบ้องแบ๊วไม่เข้ากับเบ้าหน้าใส่ฉันตอนที่อารมณ์ไม่จอย “เออ จะวางละพี่ พอดีจะผัวมา เดี๋ยวมันด่า” ฉันรำคาญเลยโม้ว่ามีผัวแล้วซะเลย แม้ความจริงจะแอบเสียดายอยู่หน่อย แต่การที่มางุ้งงิ้ง มาออดอ้อนฉันมากเกินไป ฉันเริ่มจะไม่ชอบ อีกอย่างตอนนี้ฉันหงุดหงิดอยู่ด้วย พี่แมวเคยขอฉันคบและต้องการสถานะที่ชัดเจน ซึ่งฉันก็ให้ความชัดเจนกับเขาแล้ว... สถานะของเขาคือวินมอ’ไซค์ส่วนตัวฉันไง [เฮ้ย เกรท ละพี่อ่ะ พี่เป็นอะไร] ปลายสายชะงักแล้วเริ่มเปลี่ยนเสียงหวานกลับมาเป็นน้ำเสียงดุ “พี่ก็เป็นคนแถวบ้านหนูไง” [ที่ผ่านมามันไม่มีความหมายสำหรับเกรทเลยเหรอ] “โอ๊ย พี่ จะวางละนะ บอกว่าผัวมาไง!” ฉันเริ่มเกรี้ยวกราด อีเดย์กับอีมิ้นต์หัวเราะคิกคักกับความไบโพล่าร์ขึ้นๆ ลงๆ ของฉัน [ไม่จริง หนูโกหกพี่ ผัวหนูคือใคร ทำไมพี่ไม่รู้จัก พี่มั่นใจว่าพี่สู้มันได้] “โอ๊ย พี่สู้ไม่ได้หรอก ผัวหนูหล่อ รวย โปรไฟล์ดี มีหน้าที่การงานเป็นหมอ!” ฉันสมอ้างเพื่อจะตัดบทสนทนาให้จบๆ ไป จบงานนี้คงต้องดีลวินมอเตอร์ไซค์คนใหม่ ปลายสายชะงักไปพักใหญ่ น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้นมาเหมือนโกรธ [ใคร ไอ้หมอนั่นมันคือใคร!] จะอะไรนักหนาวะ! ฉันพ่นลมหายใจแล้วเลื่อนสายตาไปสบกับคนกวนประสาทที่เคยทำแผลให้ฉันและพี่สาวตัวเองเดินออกมาจากเซเว่นข้างโรงพยาบาลด้วยกัน มือข้างนึงเขาถือขนมปัง ฉันจ้องไปที่กระเป๋าเสื้อฝั่งซ้ายเห็นด้ายสีเขียวๆ แต่ไกล ฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เออ ตอนที่กำลังทำแผลอยู่ ฉันแอบดูชื่อเขาที่ปักตรงกระเป๋าเสื้อ... มันเขียนว่าอะไรนะ มันเขียนว่า... “หมอพีระวิชญ์ โรง’บาล DRJ นี่ไง ผัวหนู!!” [2]
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD