ตอนที่ 2 คู่หวาน

1953 Words
2…คู่หวาน   สถาปัตย์มีบ้านเป็นของตัวเองที่ซื้อเอาไว้ตอนที่โตเป็นหนุ่มเพราะเกรงใจเพชรแท้เรื่องน้ำมนต์ แต่สองพี่น้องไม่ยอมให้เขาย้ายออกไปอยู่ที่นั่น             ‘อยู่บ้านเดียวกันนี่แหละ มึงกับน้ำมนต์จะได้อยู่ในสายตากู กูไม่เชื่อใจน้ำมนต์ไม่ใช่ไม่เชื่อใจมึง’           บ้านหลังนั้นจึงไม่มีคนอยู่แต่ชายหนุ่มก็เข้าไปดูแลอยู่บ่อยครั้งเพราะตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอในอนาคต             “น้ำมนต์” ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อจ๊ะเอ๋เข้ากับหญิงสาวที่โค้งบันได             “ชู่ว์ เฮียอย่าดังไป” นิ้วเรียวแตะริมฝีปากหนาของชายหนุ่ม หญิงสาวลากมือคนที่ยืนหน้ามึนขึ้นไปชั้นบนแต่อีกฝ่ายขืนตัวไว้เพราะได้รับคำสั่งให้หลบเธอ             “จะไปไหน”             “เร็วค่ะ ไปห้องน้ำมนต์สิคะ”             “เฮียมีงานค้างอยู่ ต้องเคลียร์กับเฮียเพชรให้เสร็จภายในคืนนี้นะครับน้ำมนต์”             “น้ำมนต์ถึงบอกว่าต้องเร็วไงคะ แป๊บเดียวค่ะ ตามน้ำมนต์มาเถอะ”             หญิงสาวกอดท่อนแขนแข็งแกร่งเอาไว้แล้วลากด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่มี สถาปัตย์ถอนหายใจยาว ก่อนจะโอนอ่อนตามแรงฉุดดึงของคนรัก เขามีเวลาพักแค่ยี่สิบนาทีจะพยายามให้ทันก็แล้วกัน             สถาปัตย์นอนทอดตัวอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ชายหนุ่มหลับตาพริ้มสวดมนต์อยู่ในใจเพราะบนร่างเขามีคนรักนอนคว่ำหน้าอยู่ทุกส่วนแนบชิดกัน ได้กลิ่นกายซึ่งกันและกัน เขาต้องทนหลับตานิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว             “เฮีย” หญิงสาวเขี่ยจมูกโด่งเบาๆ             “เฮีย” เขายังคงเงียบเธอจึงเปลี่ยนเป็นเกลี่ยริมฝีปากแดงระเรื่อราวกับผู้หญิงด้วยปลายนิ้ว             “เฮีย” ยังเงียบอีก คราวนี้เอาปากแนบปาก ลองดูทีรึว่าจะเงียบได้ หญิงสาวหัวเราะคิกเมื่อเขาสะดุ้งลืมตารีบขานรับรัวๆ             “ครับๆๆ ” สถาปัตย์ลืมตาเบี่ยงหน้าหนี ชายหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคงตระกองกอดหญิงสาวไว้หลวมๆ อย่างนี้ก็ทรมานแต่ปลอดภัยกว่า             “รักน้ำมนต์หรือเปล่า”             “รักสิครับ ถามอะไรอย่างนั้น เฮียรักน้ำมนต์ที่สุด รักคนเดียว” รักจนล้นอก รักหญิงสาวที่มีรูปร่างเล็กบอบบางเจ้าของใบหน้ารูปหัวใจผิวผ่องอมชมพู แต่แก่นกล้าก๋ากั๋นยิ่งกว่าผู้ชาย ใจร้อนและไม่เคยยอมใคร             คำรักที่เขาพร่ำบอกอย่างอ่อนหวานทำให้น้ำมนต์อิ่มเอมใจ เธอกอดรัดร่างใหญ่และฉอเลาะอย่างน่ารัก             “น้ำมนต์กลัวเฮียเปลี่ยนใจ ไปควักไหฉกหอยแหม่มกะปิ”             สถาปัตย์หัวเราะหน้าแดงพลางดึงจมูกแม่สาวช่างพูดอย่างมันเขี้ยว เธอช่างเปรียบเปรยนัก “พูดอะไรเหลวไหลอย่างนั้นครับ เราเห็นกันมาตั้งแต่เด็กยังไม่เชื่อใจกันอีกหรือครับ”       “เชื่อ แต่น้ำมนต์กลัว ทุกอย่างมันไม่แน่นอนนี่คะ คำว่าอนาคตมันเคยตรงหรือเปล่าล่ะ”             “โธ่ น้ำมนต์ ฟังเฮียนะครับ” สถาปัตย์หัวเราะจนแผงอกสะเทือนด้วยความขบขันแล้วกลั้นหัวเราะเพื่ออธิบายให้หญิงสาวเข้าใจและมั่นใจในตัวเขา ชายหนุ่มไม่เคยเบื่อที่จะพูดตอกย้ำซ้ำๆ ให้หญิงสาวเชื่อมั่นในตัวเขา ผู้ชายที่ชื่อสถาปัตย์ไม่มีวันคดงอ อนาคตจะเป็นอย่างไรเขาไม่รู้แต่เขามั่นใจว่าจะยังรักผู้หญิงที่ชื่อน้ำมนต์ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้เธอจะเป็นฝ่ายหมดรักเขาก่อนก็ตาม             “ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนเฮียก็รักน้ำมนต์คนเดียว ผู้หญิงที่เฮียอยากสร้างครอบครัวด้วยต้องชื่อน้ำมนต์เท่านั้น และเฮียอยากมีเด็กตัวเล็กๆ หน้าเหมือนน้ำมนต์หรืออาจจะเหมือนเราสองคนอย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่ขอที่ไม่ซนเหมือนน้ำมนต์นะครับ”             “เฮียพูดอะไร หาว่าน้ำมนต์ซนเหรอ” หญิงสาวทุบอกเขาแก้เขิน             ชายหนุ่มจับมือเล็กไปจูบแล้วจ้องตาหญิงสาวนิ่งก่อนจะพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า             “ไม่มีอะไรหรือใครทำให้เฮียรักน้ำมนต์น้อยลงได้ และจะรักตลอดไป”             “น้ำมนต์ก็รักเฮียค่ะ รักมากที่สุด” หญิงสาวซุกกายเข้าหาความอบอุ่นจากร่างใหญ่             สถาปัตย์ลูบศีรษะเล็กด้วยความรักสุดหัวใจ เขาไม่เคยคลางแคลงใจในความรักของหญิงสาวเช่นกัน             “ให้เฮียไปได้รึยังครับ” อยู่แบบนี้นานๆ เขาหวั่นไหว             หญิงสาวมองหน้าคนรักแล้วก็ถูกสะกดด้วยดวงตาคมเข้มสีนิลที่เปล่งประกายรักหวานเชื่อมทำให้เธอเผลอพูดออกไปอย่างที่ใจคิดด้วยความลืมตัว             “ไม่ได้ค่ะ น้ำมนต์ขอมัดจำเฮียไว้ก่อนนะคะ เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีเบี้ยวกันภายหลัง”             “เอ่อ...” สถาปัตย์สำลักน้ำลายตัวเองพูดไม่ออก เขาเงิบไปหลายนาทีในใจอึงอลแต่คำว่า มัดจำ มัดจำ จูบใช่มั้ยเธอไม่ได้หมายถึงอย่างอื่น และเขาก็ถามโง่ๆ ออกไปเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้เข้าใจผิด             “จูบมัดจำใช่ไหมครับ”      “ไม่ใช่ค่ะ เฮียต้องเป็นของน้ำมนต์ก่อน จะได้ไม่กล้าเบี้ยวในภายหลัง น้ำมนต์เชื่อใจเฮียแต่ก็อยากได้ความมั่นใจด้วย” ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขอมีอะไรกับผู้ชายก่อน เธอเก่งที่กล้าขอเรียกง่ายๆ ว่าหน้าด้านก็ได้ ถึงแม้ใบหน้าจะร้อนผ่าวราวกับโดนแสงแดดยามเที่ยงวันก็ตาม             “อย่างนี้ก็ได้ด้วยหรือครับ” ชายหนุ่มตกใจหัวใจเต้นระทึก ความรู้สึกสับสนอลหม่าน             “ได้สิคะ ถ้าเฮียตกลง” “เฮียไม่ตกลงครับ มันยังไม่ถึงเวลา” ชายหนุ่มหายตกใจก็ปฏิเสธเสียงแข็ง น้ำมนต์หนอน้ำมนต์เป็นเรื่องแล้วไหมล่ะ             “น้ำมนต์รู้ ถึงได้ขอมัดจำก่อนยังไงละคะ ครั้งเดียวเองเฮียไม่สึกหรอหรอก” หญิงสาวคิดอะไรง่ายๆ ไร้การไตร่ตรอง นึกอยากได้อะไรก็ต้องได้ น้ำมนต์แก่นกล้าแสบซ่าสุดเฮี้ยวในสายตาใครๆ แต่เรื่องบนเตียงยังอ่อนหัดราวกับลูกนกเพิ่งจะออกจากไข่ ขนยังไม่งอกบินยังไม่เป็น แต่กล้าที่จะขอมีอะไรกับผู้ชายเพราะคำว่ารักเพียงคำเดียว เธอคิดว่าความสัมพันธ์ทางกายสามารถผูกมัดสถาปัตย์ไว้กับเธอได้ตลอดไป             “พูดอะไรอย่างนั้น ห้ามพูดนะถ้าพูดอีกจะโดนตีก้น” เธอพูดราวกับว่าช่ำชองมีประสบการณ์เรื่องรักมาอย่างโชกโชน ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงเชื่ออย่างนั้น แต่กับน้ำมนต์ไม่ใช่ เขารู้ดีเพราะใกล้ชิดกับเธอมาตั้งแต่เด็กเหมือนๆ กับเพชรแท้             “น้ำมนต์กำลังพูดกับเฮียนะคะ ไม่ได้พูดกับคนอื่นสักหน่อย”             “กับเฮียก็ไม่ได้ เราเป็นผู้หญิงนะ”             “ค่ะๆ ไม่พูดก็ไม่พูด สรุปว่าตกลงนะคะ”             “เฮ้ย...ไม่เอา ไม่ตกลง เฮียกล้าสาบานเลยว่าจะไม่นอกใจไม่เปลี่ยนใจ น้ำมนต์ไม่ต้องห่วง”             “ไม่เอาคำสาบาน จะเอาเฮีย”             โอ๊ย...แย่แล้วไอ้ปัตย์             “แต่ว่า...”             ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูเปรียบเหมือนสัญญาณระฆังหมดยกที่หนึ่ง สถาปัตย์แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก             “คุณหนูขา นายใหญ่เรียกคุณรองไปพบค่ะ” เด็กรับใช้ในบ้านเรียกเพชรแท้ว่านายใหญ่ เรียกสถาปัตย์ว่าคุณรอง ส่วนคนติดตามสองหนุ่มนั้นแล้วแต่จะเรียก เสี่ยบ้างนายหัวบ้างตามแต่ถนัด             “น้ำมนต์จะทำให้เฮียโดนเฮียเพชรกระทืบนะครับ” เฮียเพชรสั่งไว้แล้วแท้ๆ ให้เขาหลบเธอให้ดีๆ ราวกับจะรู้ว่าเขาโดนแน่             “ก็ได้ค่ะ” เหลือเวลาอีกสองวัน เฮียต้องเสียความบริสุทธิ์ให้น้ำมนต์ หญิงสาวหมายมั่นปั้นมือในใจ ขณะพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างใหญ่โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว             “เฮียรีบนะครับ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายดังเอื๊อกใจเต้นระรัว เขาไม่ได้กลัวเธอแต่กลัวใจตัวเอง             “จุ๊บก่อนค่ะ ครั้งเดียว” หญิงสาวก้มหน้าลงไปใกล้จนพวงผมรุ่ยร่ายระใบหน้าเหมือนม่านไหม             “จุ๊บครับ” ชายหนุ่มกดริมศีรษะเล็กให้ก้มต่ำจุ๊บที่ริมฝีปากหนักๆ ด้วยแววตาปรารถนาที่ร้อนรุ่มอย่างเปิดเผย แต่ความหวานหอมไม่อาจหยุดได้แค่จุ๊บเดียวอย่างที่เธอขอและหญิงสาวเองก็แลบลิ้นเล็กออกมายั่วจนน่าตี ริมฝีปากหนาบดเบียดเรียวปากนุ่มสอดลิ้นเข้าไปด้านใน สถาปัตย์หมดความยับยั้งช่างใจ เมื่อหญิงสาวขยับลิ้นตอบโต้อย่างไร้เดียงสาไม่เป็นงาน จูบที่เริ่มต้นอย่างอ่อนหวานแปรเปลี่ยนไปเป็นร้อนแรง น้ำมนต์จิกมือกับท่อนแขนแกร่งเอาไว้แน่น ขณะแลบลิ้นเล็กออกไปสัมผัสลิ้นสากระคายด้วยความวาบหวามที่เสียดแทงหัวใจ จนแทบทนไม่ไหว เธอต้องรีบหยุดชายคนรักก่อนที่จะหยุดไม่ได้ หญิงสาวกระชากตัวออกมาจากร่างใหญ่ ล้มตัวลงนอนใกล้ๆ เขาอย่างอ่อนเปลี้ยพร้อมกับเตือนด้วยน้ำเสียงหวานแหบเครือไร้เรี่ยวแรง             “เฮียเพชรรออยู่นะคะ”             “ครับๆ” สถาปัตย์ดีดตัวลุกขึ้นกระโจนออกจากห้องแทบไม่ทัน             “คนบ้า อยากได้แต่แกล้งทำเก๊กต้องให้เขาเริ่มก่อน” น้ำมนต์หยิบหมอนปิดหน้าด้วยความเขินจัด ขณะเกลือกกลิ้งบนที่นอนแล้วรอยยิ้มก็จางหายไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกไม่กี่วันก็ต้องจากกัน ‘เฮียปัตย์ขากว่าจะครบกำหนดสองปีน้ำมนต์จะขาดใจตายเสียก่อนหรือเปล่า’ หญิงสาวใจรอนๆ เมื่อคิดถึงวันจากไกลที่ใกล้เข้ามาทุกที อีกสองวันแล้วสินะ น้ำมนต์เอาหมอนปิดหน้าแล้วร้องกรี๊ดๆ ระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจทีไม่อาจเอาชนะพี่ชายได้ เพราะพี่ชายสถาปัตย์จึงต้องไปเรียนไกลถึงต่างแดน ‘จบโทจากนอกมันจะสักแค่ไหนเชียว เก่งๆ อย่างเฮียปัตย์เรียนที่เมืองไทยก็พอแล้วเฮียเพชรบ้าๆ บ้าที่สุดฮือๆๆๆ’ น้ำมนต์ฝืนลุกขึ้นลงไปด้านล่างเพราะไม่อยากอยู่ตามลำพังกับอารมณ์รักฟุ้งซ่านที่แทบจะคลุ้มคลั่งเข้าไปทุกที             “พี่ข้าว” “ขา มีอะไรคะ เป็นอะไรหรือเปล่า” เจ้านายน้อยแก้มแดงปลั่งแต่มีท่าทีอ่อนระโหยผิดวิสัยทำให้สุดปรารถนารู้สึกเป็นห่วง “เกลียดเฮียเพ้ง” สุดปรารถนาชะงักมือที่กำลังทำงานง่วนอยู่ หญิงสาวรู้ว่าน้ำมนต์ไม่อยากจากคนรักนานถึงสองปีแต่ขัดพี่ชายไม่ได้ เธอไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นก็ได้แต่ฟังอีกฝ่ายระบายความในใจเพียงอย่างเดียว “ขอให้เฮียขึ้นคาน พี่ข้าวอย่ารักเฮียนะ” สุดปรารถนาสะดุ้งราวกับโดนจี้ด้วยของร้อน ผู้ชายอย่างนั้นน่ะนะ นิสัยเต็มกลืน รักไม่ลงหรอก ถึงน้ำมนต์ไม่บอกเธอก็ไม่คิดจะรัก “ใครจะไปรักลง” สุดปรารถนาตอบเสียงเบาหวิว “ใช่ ถูกต้องแล้วพี่ข้าว เผด็จการอย่างนั้นใครจะไปรักลง” น้ำมนต์ใบหน้างอง้ำด้วยความโกรธขึ้งในตัวพี่ชาย ยิ่งใกล้วันเลี้ยงส่งเธอก็ร้อนรุ่มราวกับมีไฟสุมทรวง ไม่อยากให้คนรักจากไปไกลถึงเมืองนอก เธอคงคิดถึงเขามากจะตามไปเฝ้าเขาที่โน่นก็ไม่ได้เพราะติดเรียน “พี่ไม่รักเขาหรอก น้ำมนต์ไม่ต้องห่วง” “น้ำมนต์ไม่ได้ห่วงพี่เพชรหรอก แต่ห่วงพี่ข้าว กลัวชีช้ำ” “ค่ะ” “ระวังตัวด้วยนะคะ ดึกดื่นค่ำคืนอย่าเที่ยวออกมาเดินเพ่นพ่านนอกห้อง เดี๋ยวโดนโจรบ้ากามดักฉุดไปขืนใจ” “ค่ะ พี่ขอตัวก่อนนะคะ” “อ้าว พี่ข้าว...เดี๋ยวสิ” น้ำมนต์เกาหัว มองแม่บ้านคนสวยเดินจากไปงงๆ เพราะเธออยากคุยต่อ แต่อีกฝ่ายตัดบทขอตัวเสียเฉยๆ เรียกก็ไม่หันกลับมามอง  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD