ฉันคือน้ำหวาน ลูกสาวคนสวยของพ่อพายุแม่น้ำค้าง ใช้ชีวิตครองตัวเป็นโสดมาตั้งนมนาน ด้วยความที่ไม่อยากมีแฟน ไม่อยากมีสามี จะเรียกง่าย ๆ ว่าไม่อยากมีผัวนั่นแหละ
อยากเป็นโสด อยากใช้ชีวิตอยากกินอยากเที่ยว อยากทำอะไรตามใจของตัวเอง ไม่ต้องมามีเรื่องผัวเมียให้ปวดหัว
ฉันเห็นพี่น้ำฝนร้องไห้แทบเป็นแทบตาย ตอนที่รู้ว่าสามีนอกใจ ฉันก็ไม่อยากมีผัวแล้วค่ะ พี่ฝนมูฟออนทำใจเสียใจอยู่ไม่นาน ก็มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยดามใจ สุดท้ายก็ได้คบหาและแต่งงานกัน
พี่สาวของฉันโชคดีที่ความรักครั้งใหม่ ชีวิตคู่เป็นไปในทางที่ดี มีสามีที่น่ารัก มีลูกที่เลี้ยงง่าย ครอบครัวดูจะมีความสุขมาก พี่คิมหันต์เป็นผู้นำครอบครัวที่ดีมาก ส่วนน้องชายของเขาที่ชื่อเหมันต์ ก็มาขายขนมจีบฉันนะแต่ว่าฉันไม่สน ก็คนมันสวยไม่ชอบก็คือไม่ชอบ
แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ ฉันไม่อยากมีผัว เอาง่าย ๆ ว่าไม่อยากมีนั่นแหละ ถึงแม้ว่าจะมีผู้ชายมาขายขนมจีบฉันมากมายก็ช่าง แต่ฉันก็ไม่ชายตาแลเลยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นคนไทยคนจีนคนแขกฝรั่งมังค่า ต่างชาติอะไรก็ไม่สน
ความโสดมันช่างหวานหอม ไม่ต้องมีใครมางอนไม่ต้องง้อใคร หรือไม่ต้องงอนใครด้วย ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมันโคตรจะมีความสุข
ฉันอายุ 28 ทำงานอยู่ที่บริษัทของพ่อ ใช้ชีวิตมีความสุขด้วยมาจนกระทั่ง....จนกระทั่ง...จนกระทั่ง...(เออ แล้วกรูจะพูด2-3รอบทำไม?)
วันเฮงซวยก็มาถึง...วันที่เหมือนโดนกระชากผมแล้วเหวี่ยงจากความสุขความโสดลงมากองกับพื้น ความสุขที่วาดฝันไว้พังทลายลงทันที เมื่อผู้เป็นบิดาของฉันเอื้อนเอ่ยคำพูดที่แสนจะไม่ลื่นหูนั้นออกมา
"หวาน พ่อจะให้หวานแต่งงานกับลูกผู้ใหญ่ถึกนะ พอดีพ่อแม่กับผู้ใหญ่ถึก เราเคยสัญญากันไว้ว่าถ้าใครมีลูกจะให้ลูกได้แต่งงานกัน แม่น้ำค้างเองก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกับคุณจินดาแล้ว"
พร่วด! ฉันที่กำลังดูดชานมไข่มุกที่สั่งสาวใช้ซื้อมาให้ ถึงกับสำลักจนไข่มุกสีดำพุ่งออกมาจากรูจมูก ฉันรีบหันขวับไปจ้องมองท่าน ในหัวของฉันมีแต่คำว่า อิหยังนิ่ เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มหัว...????
"พะ...พ่อว่าไงนะ" ฉันเอ่ยเสียงดังเกือบจะเป็นตะคอกด้วยซ้ำด้วยความตกใจ ไปสัญญากับเพื่อนไว้ตั้งแต่ตอนไหน ทำไมฉันจะต้องทำตามคำสัญญานั้นด้วย
"พ่อบอกว่า พ่อจะให้น้ำหวานแต่งงานกับลูกผู้ใหญ่ถึก เพื่อนของพ่อที่พ่อเคยพาน้ำฝนกับน้ำหวานไปเที่ยวหาตอนวัยเด็ก น้ำหวานกับน้ำฝนน่าจะจำได้นะ ตอนนั้นพี่เหมราชก็น่าจะป.6 ส่วนน้ำหวานน่าจะป.2 พอดีพ่อกับผู้ใหญ่ถึกได้เจอกันโดยบังเอิญ ผู้ใหญ่ถึกก็เลยทวงสัญญาครั้งเก่าก่อน"
ห้ะ! เหมราช ไอ้เด็กตัวอ้วนที่ชอบปั้นข้าวเหนียวแล้วจิ้มปลาร้าเป็นตัวๆ เเล้วก็กินแมงป่องทอดเป็นอาหาร ฉันจำได้มันเคี้ยวตุ้ยตุ้ย ฉันเห็นแล้วรู้สึกขยะแขยง หนำซ้ำมันยังฉีกปลาร้าเป็นตัวเข้าปากตามด้วยแมงป่องสีดำทอด
อี๋ ไอ้อ้วนดำ ไอ้ขี้เหร่ จะให้แต่งงานด้วย ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันยอมแต่งงานกับมันเด็ดขาด คนอะไรนอกจากจะขี้เหร่ แล้วยังซกมกสกปรกอีก ฉันไม่ยอม ไม่มีทางที่คนสวยอย่างฉันจะยอม
"ไม่นะคะ! หัวเด็ดตีนขาด น้ำหวานก็จะไม่มีวันแต่งกับไอ้เหมราชเด็ดขาด" ฉันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย กำลังท้าทายอำนาจของพ่อกับแม่ตอนนี้ "พ่อก็รู้ว่าหนูเกลียดมันพ่อจะให้หนูแต่งงานกับมันทำไม?"
เรื่องราวในอดีตผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว พ่อกลับมารื้อฟื้นให้ฉันจำมันได้ ฉันอยากจะบ้าตาย อุตส่าห์ต่างคนต่างอยู่และหายจากชีวิตของกันและกันไปตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนเวลาที่พ่อกับแม่ไปเที่ยวหา ฉันก็ต้องติดสอยห้อยตามไปทุกครั้งแต่พอฉันโตขึ้นฉันก็เลือกที่จะปฏิเสธและไม่ไปกับพวกท่าน
เหตุผลน่ะเหรอ...ฉันไม่อยากเจอหน้าไอ้อ้วนดำไอ้ขี้เหร่ ไอ้คนซกมกสกปรกที่ชอบกินแมลงประหลาด ไม่ว่าฉันจะไปอยู่ที่ไหนมันจะตามไปแกล้งฉันทุกที
"พ่อก็คิดไว้อยู่แล้วแหละว่าลูกจะต้องไม่ยอม" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ตามแบบฉบับของท่าน สีหน้าไม่ได้ทุกข์ร้อนไม่ได้เป็นกังวลอะไรทั้งสิ้น แต่คนที่ดิ้นกลับเป็นฉันเอง
ฉันอยู่ไม่สุขเลยตอนนี้ ถ้าได้แต่งงานกับไอ้บ้านั่นคงเหมือนตกนรก 990 ชั้นเป็นแน่ ลองคิดดูสิคนสวย ๆ อย่างฉัน ต้องไปแต่งงานกับไอ้หม้อนึ่งข้าว ไม่อยากจะคิดเลย ว่ามันจะน่าอับอายแค่ไหน
"ถ้าจะให้พี่ฝนไปแต่งงานแทนก็ทำไม่ได้นะ พี่คิมหันต์เอาตาย เพราะฉะนั้น น้ำหวานจะต้องเป็นคนที่ได้แต่งงานกับลูกผู้ใหญ่ถึก" แม่เอ่ยเสริม ฉันอยากจะกรี๊ด ที่มันวันโลกาวินาศ อะไรของฉันเนี่ยเป็นวันที่โคตรจะเฮงสวยที่สุด
แม่ง! พี่ฝนก็ชิงแต่งงานมีผัวไปก่อน คนที่ซวยเป็นฉันเลย ทำไมไม่ทวงสัญญากันตั้งแต่พี่ฝนยังไม่มีผัว ฉันจะได้รอดพ้นชะตากรรมนี้ ได้แต่โอดครวญในใจ
เหอะ ๆ ได้ยังไงกัน จะให้คนสวยระดับฉันไปแต่งงานกับไอ้หน้าปลวกนั่นไม่มีทางหรอก ฉันยังจำได้ไอ้อ้วนไอ้ขี้เหร่นั่นมันเคยแกล้งฉันด้วย ครั้งนั้นฉันจมน้ำเกือบตายก็เพราะฝีมือมัน
มันปั่นจักรยานให้ฉันนั่งซ้อนท้าย ขาของฉันก็เข้าไปในล้อรถจักรยานเฮงซวย ทำให้ขาฉันเป็นแผล เป็นรอยแผลเป็นจนถึงตอนนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
แต่มีครั้งหนึ่งที่ฉันเอาคืนมัน โดยการเอาเศษแก้วใส่รองเท้ามัน สุดท้ายฉันก็ได้ทำแผลให้ ทั้งทำทั้งเกลียดนั่นแหละ แต่มันก็ไม่หยุดแกล้งฉันนะ พอมันหายมันก็ทำอีกฉันโคตรเซ็ง ตามติดชีวิตเหมือนเป็นหอสระอี
"ไม่ ถ้าพ่อกับแม่บังคับน้ำหวาน น้ำหวานจะหนีไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวไปเลย"
"แค่ขับรถไปบริษัททุกวันแกยังหลงเลยน้ำหวาน แล้วจะไปที่ไหนรอด" แม่ฉันกอดอกจ้องมองฉัน อันนี้มันก็เรื่องจริงอีกเรื่องถึงแม้จะไปทุกวัน แต่ก็ไม่รู้ว่าฉันเหม่ออะไรขับรถหลงทางบางวันก็มี บ้าบอคอแตกจริงๆ
"แม่ก็รู้ว่าน้ำหวานมีเพื่อน น้ำหวานจะให้เพื่อนน้ำหวานพาไปก็ได้"
"เอาสิ แม่จะยึดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบัตรเงินสดหรือของใช้ต่าง ๆ แม้กระทั่งรถแม่ก็จะไม่ให้น้ำหวานใช้ น้ำหวานต้องรักษาสัญญาของพ่อแม่ ที่ให้ไว้กับผู้ใหญ่ถึกด้วย"
"หนูไม่แต่งหนูขอปฏิเสธ ถ้าแม่จะยึดแม่ก็ยึดเลยค่ะน้ำหวานไม่สน"
"ได้จ้ะเดี๋ยวแม่ให้ลูกน้องจัดการทุกอย่างเลย กระเป๋าราคาแพงที่โชว์ในตู้ของลูก แม่จะเอาไปบริจาคให้หมด" คำพูดของแม่ทำเอาฉันหูผึ่ง กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงหูดับที่ฉันสะสมเอาไว้ 10 ตู้จะเอาของฉันไปบริจาค ไม่ได้ฉันไม่ยอมเรื่องอะไรจะให้สมบัติล้ำค่าของตัวเองถูกบริจาคล่ะ
"ไม่นะคะ"
"เพราะฉะนั้นลูกต้องทำตามข้อตกลงระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แม่เชื่อว่าการที่พ่อกับแม่ทำแบบนี้มันดีกับน้ำหวานที่สุดแล้ว เหมราชเป็นผู้ชายที่นิสัยดี แม่กับพ่อคิดว่าดูคนไม่ผิดหรอก" อวยอะไรกับไอ้หมีควายนั่น
"หนูปฏิเสธไม่ได้เลยใช่ไหมคะ ทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม" ฉันทำสีหน้าเศร้าสลดเหมือนกำลังขอร้องความเห็นใจนั่นแหละ เรื่องตอแหลเรื่องกะล่อนฉันได้แม่อยู่แล้ว
"ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นแม่รู้ทัน ต่อให้น้ำหวานจะปฏิเสธพ่อกับแม่ก็มีวิธีที่จะทำให้ลูกแต่งงานกับผู้ชายที่พ่อกับแม่เลือกให้ เหมราชเป็นคนดี รับรองว่าดูแลลูกได้ดีแน่นอน"
"นี่แม่เกลียดน้ำหวานจนอยากผลักไล่ไสส่งให้เอาผัวแล้วไปอยู่ที่อื่นเหรอคะ?"
"เปล่าสักหน่อย ปีนี้ 28 ปีหน้า 29 อายุประมาณนี้ควรมีผัวได้แล้ว อายุเยอะกว่าจะต้องท้องกว่าลูกจะโตก็แก่กันพอดี เห็นแม่ไหมลูกโตขนาดนี้แม่ก็ยังสาวยังสวยอยู่เลย ส่วนพ่อ...." แม่เว้นวรรคเล็กน้อยแล้วอมยิ้มหันไปจ้องมองพ่อ "ถึงจะอายุเยอะแล้วก็ยังหล่อดูดีอยู่ดี" อวยกันเข้าไป เฮ้อ ปวดจิต อยากได้ยาพาราซัก 10 กระปุกมากรอกปากตัวเองให้หายปวดหัว
แต่....เชี่ยอะไรวะเนี่ย ฉันคิดอย่างหงุดหงิด สมองอันปราดเปรื่องก็ดันคิดบางอย่างออก สัญญาก็คือสัญญานั่นแหละ แต่ถ้าเกิดว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้รักไม่ได้ชอบกัน มันก็ยกเลิกสัญญาได้นี่นา...
"แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นปฏิเสธและไม่อยากแต่งงานกับน้ำหวาน งานแต่งก็มีสิทธิ์ยกเลิกใช่ไหมคะ"
"ไม่รู้สิ แม่เองก็ยังไม่ได้คุยกับเหมราชเลย เหมราชเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับพ่อแม่ด้วยมั้งเท่าที่แม่เดานะ เพราะผู้ใหญ่ถึกเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องเหมราชให้ฟัง แต่เขาทวงสัญญาและอยากให้เด็กทั้งสองฝ่ายแต่งงานกัน"
เออ สัญญาอะไรไม่ปรึกษาลูกเต้าเลย คนที่ลำบากก็เป็นลูกนี่แหละที่จะต้องทำตาม ถ้าไม่ติดว่าพ่อแม่อยู่ด้วยนะ ฉันจะกรี๊ดให้มันคอแตกเลย หมดกันความฝันความโสดของฉัน จะต้องไปทนอยู่กับไอ้หน้าปลวกหุ่นโอ่งแดง ฉันอยากจะกรี๊ด
แต่ไอ้เหมราชมันเกลียดฉันจะตาย เหมือนที่ฉันเกลียดนั่นแหละ ถ้ามันรู้ความจริงว่าฉันกำลังต้องแต่งงานกันมันต้องปฏิเสธแน่นอน ความหวังที่จะครองตัวเป็นโสดกลับมาอีกครั้ง หึหึ
อุตส่าห์ครองตัวเป็นโสดมาตั้งนมนาน ผู้ชายหล่อ ๆ ตั้งมากมายมาตามจีบแต่ก็ไม่เคยสนใจ แต่สุดท้ายก็ต้องมาหงุดหงิดเพราะสัญญางี่เง่าของพ่อกับแม่กับผู้ใหญ่บ้านนอกคนนั้น
ถ้ามันปฏิเสธก็ดีไป แต่ถ้าไม่ล่ะ กรรมเวรเลยนะ
รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ถ้าเพื่อนของฉันรู้ว่าฉันต้องมีผัวที่หน้าตาน่าเกลียดแบบนั้นคงหัวเราะเยาะฉันจะฟันร่วงแน่ ๆ โอ๊ย!อยากจะบ้าตาย
แต่ถ้าไอ้เหมราชมันไม่อยากแต่งงาน ทุกอย่างก็จะเข้าแผนฉันหมด ฉันคิดแล้วยิ้มออกมา ฉันมันตอแหลอยู่แล้ว เปอร์เซ็นที่จะสำเร็จน่าจะค่อนข้างสูงอยู่ เฮ้อ คิดปลอบใจตัวเองนะ
"เฮ้อ แล้วกำหนดที่น้ำหวานต้องแต่งงานกับไอ้โอ่งแดง เอ้ย! เหมราชวันไหนคะ"
"อีก1เดือนกว่า ๆ จ้ะ วันนั้นมันเป็นวันดี เราก็เลยตั้งใจให้ลูกกับเหมราชแต่งกันวันนั้น ส่วนเรื่องสถานที่จัดงานเลี้ยงชุดเรื่องอะไรลูกไม่ต้องซีเรียสเลยนะ แม่น้ำค้างจะจัดการให้ลูกหมดทุกอย่างเลย"
"ค่ะ" ตอบอย่างจำใจ
"แต่ระหว่างนี้แม่จะยึดเงินในบัญชียึดรถแล้วก็ยึดกระเป๋าในตู้โชว์ของลูก บัตรอีกหลาย ๆ อย่างเอาไว้เป็นตัวประกัน อย่าคิดหนีล่ะ เพราะลูกไปไหนไม่รอดแน่"
"เฮ้อ เกลียดจริงคนรู้ทัน แม่น้ำค้างจอมบงการ!" ฉันบ่นแล้วเดินกระแทกส้นขึ้นข้างบน ไอ้อ้วนตือโป๊ยกายป่านนี้คงจะ200 กิโลกรัมแล้วมั้ง ก็ชอบกินซะขนาดนั้น ถ้าได้แต่งงานแล้วนอนร่วมเตียงกันจริง ๆ เตียงคงหักเป็นแน่ เฮ้อ กรรมของคนสวย
แต่มันจะไม่มีงานแต่งเกิดขึ้นแน่นอน ฉันจะยุติทุกอย่างไม่ให้มันเกิดขึ้นเอง